ตอนที่ 112 ความก้าวหน้า : ระดับวิสามัญ อันดับ 5
หากมีใครสังเกตจากท้องฟ้า พวกเขาจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และสิ่งปลูกสร้างแปลกประหลาดมากมายที่ถูกเพิ่มเข้ามาในป้อมปราการบนภูเขามังกรคู่
“ร้อนมาก!”
ประตูและหน้าต่างห้องของจีเย่ถูกปิดอย่างแน่นหนา อุณหภูมิรอบห้องนั้นสูงกว่าสภาพแวดล้อมมาก
“ท่านหัวหน้ากําลังออกกําลังกาย อย่าให้ใครมารบกวนท่าน!”
ทหารเก่าสองคนที่สวมเกราะหมาป่าเทาและมีระดับวิสามัญอันดับ 8 ต่างก็มีเหงื่อออกมาอย่างหนัก แแต่พวกเขาก็ยังคงยืนตามตําแหน่งของพวกเขา
ในห้อง จีเย่นั่งไขว่ห้างอยู่บนพื้น และเขาก็ไม่สวมชุดเนื่องจากอากาศที่ร้อนอบอ้าวทั่วรูขุมขนของเขา
อากาศร้อนได้รวมตัวกันเป็นก้อนเหนือหัวของเขา
โชคดีที่ชุดชั้นในที่ทําจากหมาป่าน้ําเงินได้ปกปิดของสงวนของเขาภายใต้สถานการณ์เช่นนนี้ เนื่องจากวัสดุพิเศษของมัน
ทันใดนั้นอากาศก็กระจายตัว และจีเย่ก็ลืมตาขึ้นมา
จากนั้นคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่ไม่ว่าใครก็สัมผัสได้แผ่ออกมาทําให้หน้าต่างและประตูสั่นสะเทือน แม้แต่ใบไม้ที่ร่วงนอกห้องก็ปลิวไปเช่นกัน อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นกว่าสิบองศา!
“ในที่สุดฉันก็มาถึงระดับวิสามัญอันดับ 5!”
จีเย่สูดถอนหายใจออกมาซึ่งทําให้อากาศในห้องร้อนขึ้น
ระดับวิสามัญอันดับ 5 นั้นมีความสําคัญมากกว่าอันดับก่อน
ยกตัวอย่างเช่น “ศิลปะเก้าหยางศักดิ์สิทธิ์ ตั้งแต่ได้รับ (0) เชี่ยวชาญขั้นพื้นฐาน (1) เชี่ยวชาญขั้นต่ํา (2) ไปจนถึงเชี่ยวชาญขั้นสูง (3 และ 4) สี่อันดับก่อนล้วนเกี่ยวกับการสะสมพลังภายใน
แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงเชิงปริมาณในระดับวิสามัญอันดับ 5 เพราะเมื่อ “ศิลปะเก้าหยางศักดิ์สิทธิ์” มาถึงระดับ “แปรผัน” พลังภายจะสามารถเปลี่ยนเป็นปราณแท้ได้
ในทางทฤษฎี มันเป็นไปได้ที่เขาจะปลดปล่อยพลังภายในของเขาออกมา!
ฉ่าา!
จีเย่ยื่นมือไปตบพื้นซึ่งมีขนหมีวางอยู่ เมื่อเขายกมือขึ้นมาก็มีรอยกําปั้นสีดําที่ชัดเจนถูกทิ้งเอาไว้
“เมื่อฉันตบศัตรูและใส่ปราณแท้เข้าไปในร่างกายของพวกมันในการต่อสู้ อวัยวะภายในของพวกเขาอาจจะไหม้ มันเพียงพอที่จะฆ่ามอนเตอร์ลวงตาม แม้ว่าพวกมันจะถูกป้องกันด้วยเปลือกหอยของมันก็ตาม พวกภูติผีก็พบว่ายากที่จะต้านทานปราณแท้ของฉัน!”
จีเย่ประเมินพลังของปราณแท้ของ “ศิลปะเก้าหยางศักดิ์สิทธิ์” ของเขา เขาเชื่อว่ามันดีกว่าเวอร์ชั่นเดิม
นอกจากนี้เนื่องจากเขาสามารถปลดปล่อยความร้อนมหาศาลเช่นนี้ เขาจึงทนต่อความร้อนได้ ตามธรรมชาติเช่นกัน ในทางทฤษฎีเขายังสามารถถือปืนใหญ่และยิงมันได้เหมือนกับที่หลิงเฉินทํา ยิ่งไปกว่านั้นเนื่องจากร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาก็จะสามารถยืนอย่างมั่นคงได้ภายใต้แรงดีดของปืนใหญ่
เป็นเวลาแปดวันแล้วนับตั้งแต่การต่อสู้เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
หลังจากกลืนกินแกนกลางถิ่นฐานของมอนเตอร์โคลน ป้อมปราการภูเขามังกรคู่ก็เพิ่มระดับไปเป็นระดับวิสามัญอันดับ 3 เมื่อห้าวันก่อน
คราวนี้ไม่ได้รับวิญญาณแห่งอารยธรรมเหมือนกับในช่วงการพัฒนาครั้งแรก แต่หลังจากการพัฒนา ผลสีชาด นมศิลา และแม้กระทั่งหยกวิญญาณในอาณาเขตของเผ่าวิญญาณก็เติบโตและกลั่นตัวกลายเป็นหยดน้ําด้วยความเร็วที่สูงมากกว่าเดิม
เห็นได้ชัดว่าถิ่นฐานก็มีข้อดีมากขึ้นและมากขึ้นหลังจากการพัฒนาแต่ละครั้ง สามารถกล่าวได้
สายพันธุ์อื่นนั้นสูญเสียคุณสมบัติในการแข่งขันกับมนุษย์แล้ว!
“ท่านหัวหน้าออกมาแล้ว!”
เมื่อเห็นจีเย่เดินออกมาจากห้อง ทหารเก่าอันดับ 8 ทั้งสองคนก็แสดงความเคารพด้วยความชื่นชมและยืนดีในทันที
“ผู้นําอยู่ที่ไหน?” จีเย่เอ่ยถามพวกเขา
เพื่อที่จะไปถึงระดับวิสามัญอันดับ 5 เขาจึงได้ฝึกฝนอย่างสันโดษเป็นเวลาสองวันและเขาก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ผู้นําอู่อยู่นอกอาณาเขตของมนุษย์โลหะกับคนบางส่วน และผู้นําหลู่กับผู้นําหลิงกําลังต่อสู้กับมอนเตอร์พงไพร!” ผู้คุ้มกันคนหนึ่งตอบกลับด้วยความเคารพ
เมื่อเขายืนอยู่นอกห้องในตอนนี้ เขาก็สัมผัสได้ถึงความร้อนที่น่าอัศจรรย์จากข้างใน
หลังจากที่ท่านหัวหน้าเดินออกจากห้อง เขาก็รู้สึกว่าท่านหัวหน้านั้นน่ากลัวยิ่งกว่ากิเลนหยกหลู่จุ้นอี้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่เก่งที่สุดในบึงเหลียงซานในความทรงจําของเขา
“อืมม. ได้เวลาไปจัดการมอนเตอร์พงไพรแล้ว”
“พวกนายควรมากับฉัน บางทีฉันอาจจะลองมันในสนามรบ!”
จีเย่นึกถึงบางสิ่งบางอย่างหลังจากที่ได้ยินเรื่องนั้น เขาพยักหน้าและหยิบไอเทมไม่กี่ชิ้นจากห้องของเขาแล้วเดินลงไปบนภูเขา!
…
ทางทิศตะวันออกของภูเขามังกรคู่เป็นป่าพิเศษที่ต้นไม้มีผิวเรียบและสูงเกือบร้อยเมตร พวกมันมีลําต้นที่หนามาก
บนต้นไม้นั้นมีเถาวัลย์ที่แผ่ออกไปทุกหนแห่ง!
บนพื้นดิน มันคล้ายกับสภาพแวดล้อมในป่าฝนที่มีโคลนและหนองน้ําอยู่ทุกหนทุกแห่ง
“วูลาา!”
“วูลาา!”
ในขณะนั้นเองก็มีสิ่งมีชีวิตบางตัวห้อยลงมาจากเถาวัลย์เหล่านั้น
พวกมันเป็นมนุษย์ต่างดาวที่ดูเหมือนกับกอริลล่า ยกเว้นว่าพวกมันไม่มีขนบนผิวหนังซึ่งมีสีเขียวและเหนียวเหมือนกบ พวกมันมีแขนหนาสี่ข้างบนไหล่ของพวกมัน และพวกมันทุกตัวก็โหนไปมาท่ามกลางเถาวัลย์และคํารามเหมือนกับทาร์ซาน
“ท่านหัวหน้า!”
เมื่อจีเย่มามาถึงพร้อมกับผู้คุ้มกันสองคน หลู่จือเซินนั้นยืนอยู่ข้างหลิงเจิ้น ด้านหลังพวกเขามีทหารติดอาวุธเต็มรูปแบบของภูเขามังกรคู่เกือบหนึ่งร้อนคน
ปืนใหญ่สายฟ้าสะเทือนฟ้าสองกระบอกถูกติดตั้งและเล็งไปที่อาณาเขตของมอนเตอร์พงไพร
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายไม่ได้เริ่มต่อสู้กันเพราะ “การดวล” กําลังจะเริ่มขึ้นที่ชายแดนของถิ่นฐานทั้งสองฝ่าย
“วูลาาา!”
มอนเตอร์พงไพรผิวสีเขียวร้องคํารามและพุ่งเข้าใส่มนุษย์ด้วยอาวุธที่มีลักษณะคล้ายกับแท่งไม้หนาในแขนแต่ละข้างของมัน
“เข้ามา!”
ฝั่งตรงข้ามของมอนเตอร์คือมนุษย์
ระดับสามัญอันดับ 7 ขั้นชั้นยอดของภูเขามังกรคู่ที่สวมเกราะ ถือโล่และกระบี่มือเดียวได้ต่อสู้กับมอนเตอร์พงไพรสี่แขน
ตามแผนของภูเขามังกรคู่ พวกเขาพร้อมที่จะโจมตีมอนเตอร์พงไพรและมนุษย์โลหะหลังจากที่ถิ่นฐานถึงอันดับ 3
อย่างไรก็ตามหน่วยลาดตระเวนที่ถูกส่งไปเพื่อรวบรวมข้อมูลนั้นถูกล้อมรอบไปด้วย “ราชามอนเตอร์พงไพร” ที่สูงและแข็งแกร่งเป็นพิเศษพร้อมกับกลุ่มมอนเตอร์พงไพรตัวอื่นที่โหนเถาวัลย์
แทนที่จะสังหารหน่วยลาดตระเวน มอนเตอร์พงไพรส่งพวกเขากลับไปและส่งเสียงคําราม “วูลาา วูลา” ใส่มนุษย์ที่ชายขอบป่า
เป็นที่เข้าใจกันได้ว่ามนุษย์ไม่ได้ตระหนักถึงเจตนาของมอนเตอร์พงไพรจนกว่าพวกเขาจะเชิญผู้อาวุโสเพิ่งซึ่งมี “เครื่องแปลภาษาสากล” มาอยู่แนวหน้า
และผลปรากฏว่ามอนเตอร์พงไพรเรียกร้องให้มีการดวลกับมนุษย์สิบครั้ง ผู้ชนะสามารถต่อสู้ต่อไป และผู้แพ้สามารถยอมรับความพ่ายแพ้และจากไปได้
หากมนุษย์กลายเป็นผู้ชนะในตอนท้าย พวกมันจะยอมทิ้งถิ่นฐานโดยสมัครใจ
ไม่อย่างนั้นมนุษย์จะสูญเสียมากขึ้นหากพวกเขาทําสงครามเพราะมอนเตอร์พงไพรในป่าจะทําลายทรัพยากรทั้งหมดก่อนที่พวกมันจะพ่ายแพ้
มันเป็นเรื่องยากสําหรับมนุษย์ต่างดาวที่จะพูดคุยกับมนุษย์เกี่ยวกับวิธีการทําสงคราม
ท้ายที่สุดแล้ว มนุษย์อินทรี เผ่าวิญญาณ และแม้แต่มอนเตอร์โคลนกับมอนเตอร์ลวงตาต่างก็โจมตีมนุษย์ทันทีที่พวกมันพบ อย่างไรก็ตามเหล่ามอนเตอร์พงไพรที่ดูบ้าคลั่งและเลือดร้อนกลับเลือกที่จะสื่อสารและแม้กระทั่งต่อรองกับมนุษย์ก่อน
โดยธรรมชาติแล้ว เบื้องบนของภูเขามังกรคู่นั้นเข้าใจเจตนาของมอนเตอร์พงไพรได้อย่างง่ายดาย
สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นฉลาดกว่าพวกเขาคิด พวกมันรู้ว่าไม่มีโอกาสต่อสู้กับมนุษย์ที่ถิ่นฐานได้พัฒนาเป็นอันดับ 3 อย่างไรก็ตามพวกมันอาจมีโอกาสหากสามารถซื้อเวลาให้ตัวเองได้มากขึ้น
หลังจากการพูดคุยกันแล้ว มนุษย์ก็เลือกที่จะยอมรับข้อเสนอการดวล
เป็นหน่วยลาดตระเวนนี่เอง ที่พบว่าถิ่นฐานของมอนเตอร์พงไพรตั้งอยู่ในสถานที่ที่ป้องกันได้ง่ายกว่าของมอนเตอร์ลวงตา
เป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะขึ้นต้นไม้ที่สูงกว่าร้อยเมตรและมีผิวเรียบได้
เมื่อศัตรูซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะโจมตีพวกมันโดยช้ปืนใหญ่มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกําจัดพวกมัน
เหตุผลที่สองก็คือมันเป็นโอกาสสําหรับมนุษย์ที่จะฝึกฝนกองทัพของพวกเขา
ท้ายที่สุดแล้ว ในขณะที่ทหารของภูเขามังกรคู่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีและมีความทรงจําในการต่อสู้จากบึงเหลียงซาน แต่พวกเขาก็ไม่เคยเผชิญหนากับมนุษย์ต่างดาวที่มีสติปัญญา พวกเขาเคยรับมือกับมนุษย์หรือมอนเตอร์เท่านั้น พวกเขาจะได้รับประสบการณ์มากขึ้นหลังจากการต่อสู้กับมนุษย์ต่างดาวที่มีสติปัญญาเหล่านั้น!
หากพวกเขาสามารถเรียนรู้วิธีการต่อสู้ของมอนเตอร์พงไพร พวกเขาจะเตรียมพร้อมสําหรับการโจมตีทั่วไปในภายหลัง
ถูกต้อง มนุษย์มุ่งมั่นที่จะทําลายถิ่นฐานของมอนเตอร์พงไพร ไม่ว่าพวกเขาจะแพ้หรือชนะในการดวล!
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ไม่ทั้งชนะหรือแพ้ในการดวล
พวกเขาเสมอกันในการดวลเป็นเวลาสี่วันติดต่อกันแล้ว
นั่นเป็นเพราะเมื่อใดก็จามที่มนุษย์ชนะห้ารอบ ราชามอนเตอร์พงไพรจะเข้าร่วมการต่อสู้เป็นการส่วนตัว
จากนั้นมนุษย์ก็จะไม่ชนะอีกต่อไป
แม้แต่หลู่จือเซินก็พ่ายแพ้ในการต่อสู้กับราชามอนเตอร์พงไพร
ตามที่เครื่องตรวจจับความสามารถในการต่อสู้ของหลี่ชิงบอก ราชามอนเตอร์พงไพรคือระดับวิสามัญอันดับ 5 ซึ่งเป็นช่วงของการแปรผันทางคุณภาพ
นั่นเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ
ท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่มอนเตอร์ลวงตาที่มีทรัพยากรมากมายก็มีเพียงผู้บัญชาการระดับวิสามัญอันดับ 4 อย่างไรก็ตามเหตุผลนั้นค่อนข้างชัดเจนเมื่อพิจารณาว่าไม่มีมอนเตอร์พงไพรในป่า ตัวอื่นที่อยู่ระดับวิสามัญ
เห็นได้ชัดว่าทรัพยากรระดับวิสามัญทั้งหมดถูกครอบครองโดยราชามอนเตอร์พงไพร เป็นผลให้ไม่แค่มีอันดับ 5 แต่มันยังมีชุดอุปกรณ์ที่หรูหราอีกด้วย
อุปกรณ์ป้องกันที่มันสวมอยู่และอาวุธในมือทั้งสี่ข้างของมันล้วนเป็นอาวุธระดับวิสามัญ
พวกมันไม่มีไอเทมระดับวิสามัญขั้นทั่วไปเลย!
หลู่จือเซินมีเพียงสองมือและไม้เท้าสมาธิเหล็กเหมันต์ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสําหรับเขาที่จะเอาชนะมอนเตอร์ตัวนั้น
“วูลาาา วูลาาา…”
ในขณะนั้นเอง ทันใดนั้นมอนเตอร์พงไพรก็ส่งเสียงดังกึกก้องจากเถาวัลย์
นั่นเป็นเพราะทหารชั้นยอดอันดับ 7 ถูกสังหาร แขนของเขาบิดเบี้ยวและโล่ของเขาก็หลุดออกจากมือ
ในขณะเดียวกันมอนเตอร์พงไพรที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของเขาซึ่งถูกแทงเข้าที่หน้าท้องของมันก็ไม่สนใจบาดแผลของมันโดยสมบูรณ์และเดินไปหาทหาร
ก่อนที่มันจะแทงไม้ในมืออย่างรุนแรง