เมฆรวมกันตัวบนท้องฟ้า
หลังจากวันที่มีแดดจัดติดต่อกันหลายวัน ดูเหมือนว่าพายุจะมาในวันนี้
อย่างไรก็ตามแม้แต่สภาพอากาศอันเลวร้ายก็ไม่สามารถดับความกระตือรือร้นของคนในวัดแห่งโชคชะตาที่เฝ้ารอและดูพิธีกรรมต้อนรับจากวัดแห่งโชคชะตา
หลังจากการต่อสู้กับมอนเตอร์พงไพร ถิ่นฐานมนุษย์ก็ได้รับเครื่องบูชายัญและวิญญาณแห่งอารยธรรมมากมาย
อย่างไรก็ตามวิญญาณแห่งอารยธรรมและเครื่องบูชายัญระดับสามัญเหล่านั้นยังไม่ได้ถูกใช้เพราะพิธีกรรมต้อนรับอาจทําให้เสียพลังแห่งโชคชะตาของถิ่นฐานจํานวนมาก!
ในขณะที่พลังแห่งโชคชะตาค่อยๆ ฟื้นฟูความสามารถในการป้องกันของถิ่นฐานจะลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อมีพิธีกรรมต้อนรับหลายครั้ง
นอกจากนี้หลังจากที่ถิ่นฐานภูเขามังกรคู่ได้รับการพัฒนาเป็นอันดับ 3 และพบว่าพลังแห่งโชคชะตาที่เพียงพอสามารถเร่งการสร้างทรัพยากรในอาณาเขตของมันได้ จีเย่ก็ตัดสินใจแยกพิธีกรรมต้อนรับที่ใช้พลังแห่งโชคชะตามากเกินไปมารวมกันในครั้งเดียว!
ดังนั้นจึงมีเครื่องบูชายัญเพียงสามชิ้นในวัดแห่งโชคชะตาในขณะนี้
ชิ้นแรกก็คือคริสตัลพลังจิตซึ่งเป็นเครื่องบูชายัญขั้นขัดเกลาที่ดร็อปมาจากมอนเตอณ์ลวงตากึ่งผู้บัญชาการระดับวิสามัญอันดับ 2
ชิ้นที่สองก็คือฟันมังกรลวงตาขั้นสมบูรณ์ระดับวิสามัญอันดับ 4 ที่จีเย่เพิ่งผสานไป!
ชิ้นที่สามก็คือชุดเกราะภูเขาทมิฬขั้นเหนือชั้นระดับวิสามัญอันดับ 5 ที่แม่ทัพภูเขาทมิฬดร็อปบนสนามรบแห่งโชคชะตา
ในพิธีกรรมต้อนรับครั้งที่ผ่านมา จีเย่ไม่กล้าใช้มันเพราะระดับวิญญาณแห่งอารยธรรมต่ำเกินไป แต่ครั้งนี้วิญญาณแห่งอารยธรรมของราชามอนเตอร์พงไพรคือระดับวิสามัญอันดับ 5 ดังนั้นเขาจึงมั่นใจมาก
“พิธีกรรมกําลังจะเริ่มแล้ว!”
“ฉันสงสัยว่าครั้งนี้ใครจะถูกอัญเชิญมาที่นี่”
“ทั้งอู่ซงและหลู่จือเซินต่างก็อยู่ที่นี่ ดังนั้นหยางจื้อและหลินชงน่าจะมาในครั้งต่อไป พวกเขาทุกคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน!”
“ฉันเป็นคนหนึ่งที่ชอบฮยาหยงและเอี้ยนชิง”
“ฉันก็ชอบเอี้ยนชิงเหมือนกัน! แต่ฉันไม่คิดว่ามันจะง่ายที่จะอัญเชิญพวกเขามาที่นี่ ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นดาวฟ้า”
“แม้แต่อู่ซงและหลู่จือเซิน วีรบุรุษขั้นสมบูรณ์ทั้งสองก็ยังถูกอัญเชิญมาที่นี่ เอี้ยนชิงที่เป็นอันดับสุดท้ายของ 36 ดาวฟ้า นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย!”
ในช่วงเวลานี้ ผู้เล่นจํานวนมากขึ้นจากโลกมาที่ภูเขามังกรคู่
เมื่อภารกิจการแข่งขันสิบสายพันธุ์ดําเนินต่อไป ถิ่นฐานของมนุษย์จํานวนมากก็ล้มสลายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นจึงมีผู้มาใหม่ในวัดแห่งโชคชะตาเกือบทุกวัน
“ฮ่าๆ อู่ซงและหลู่จือเซินอยู่หลังสิบอันดับแรก พวกเขาไม่ได้อยู่ในสิบอันดับแรก ใครบอกว่า พวกเขาเป็นวีรบุรุษขั้นสมบูรณ์กัน?”
“นอกจากนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าหลู่จือเซินและอู่ซงถูกอัญเชิญมาที่นี่เพราะโชคช่วยหรือไม่ เป็นไปได้ว่าสหายดินจะถูกอัญเชิญมาที่นี่ในวันนี้”
อย่างไรก็ตามชั้นยอดและคนระดับสามัญนั้นอยู่อย่างละครึ่งในบรรดากลุ่มที่สอง
เมื่อภูเขามังกรคู่พัฒนาขึ้น ชั้นยอดและผู้ที่เต็มใจทํางานหนักก็ทําให้ตัวเองโดดเด่นและได้รับทรัพยากรมากขึ้น และผู้มาใหม่ในระดับปานกลางก็ได้รับทรัพยากรน้อยลงเรื่อยๆ และถึงกับถูกกีดกัน แน่นอนว่าบางคนรู้สึกโกรธมาก
อย่างไรก็ตาจีเยู่ไม่จําเป็นต้องลงโทษพวกเขา ไม่มีกลุ่มแรกในผู้มาใหม่ต้องทําแต่อย่างใด
คุณชายบักที่เรียนรู้จากลุงเก้าและมาถึงระดับวิสามัญนั้นก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้แสดงรอยสักบนแขนของเขาและสอนบทเรียนให้กับพวกเขา!
“วันนี้ท่านหัวหน้าจะอัญเชิญใครมา? ฉันสงสัยมาก”
อันที่จริงผู้เล่นเก่านั้นค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับพิธีกรรมต้อนรับในวันนี้เช่นกัน
นั่นเป็นเพราะทั้งวิญญาณแห่งอารยธรรมและเครื่องบูชายัญต่างก็เป็นสิ่งที่จีเย่ได้รับมาเพียงลําพัง
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ระดับแลพคุณภาพของเครื่องบูชายัญ!
มังกรทั้งสองโผล่มาที่วัดแห่งโชคชะตา หลังจากถิ่นฐานพัฒนาเป็นอันดับ 3 พวกมันจึงมีความยาวประมาณ 3 ฟุต
หลังจากพวกมันปรากฏตัว พวกมันก็เริ่มพ่นพลังแห่งโชคชะตาไปที่วิญญาณแห่งอารยธรรมและเครื่องบูชายัญ
อย่างไรก็ตามอาจเป็นเพราะการมาถึงของวีรบุรุษนั้นยิ่งใหญ่กินไป มังกรแห่งโชคชะตาจึงไม่ได้เปิดใช้งานเครื่องบูชสัญในคราวเดียว
แต่เครื่องบูชายัญกลับถูกเปิดใช้งานที่ละชิ้นแทน แสงสีทองพุ่งไปที่ “คริสตัลพลังจิต” ขั้นขัดเกลาเป็นชิ้นแรก
คริสตัลโปร่งแสงลอยอยู่กลางอากาศหลังจากที่ส่องสว่างด้วยแสงสีทอง และภาพลวงตาของมอนเตอร์ลวงตาก็ปรากฏขึ้นภายในคริสตัล
จากนั้นคลื่นจิตที่มองไม่เห็นก็แผ่กระจายออกไป แต่ก็ถูกจํากัดภายในวัดด้วยพลังแห่งโชคชะตาของมนุษย์
หวูดดด!
ในทางกลับกัน วิญญาณแห่งอารยธรรมจากผู้กึ่งบัญชาการระดับวิสามัญอันดับ 2 ก็เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยภายใต้การระเบิดของคลื่นจิต
ในใจกลางของแสงนั้น มันก็กลายเป็นร่างที่พร่ามัวที่เดินไปที่คริสตัลพลังจิตที่ลอยอยู่ทีละก้าว
แม้ว่าใบหน้าจะไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน แต่ผู้ที่ถูกเลือกให้มาควรจะเป็นผู้หญิงซึ่งตัดสินใจรูปร่างของเธอ!
“วีรสตรี! น่าประหลาดใจมาก!”
“แม้ว่าฉันจะไม่เห็นหน้าเธอ แต่ฉันรู้สึกกว่าเธอต้องสวยราวกับนางฟ้า!”
“ถูกต้อง ฉันรู้สึกว่าวีรสตรีคนนี้ต้องสวยมากแน่ๆ เธอมีเสน่ห์แม้ว่าร่างกายของเธอจะพร่ามัวก็ตาม”
เมื่อเห็นคนแปลกหน้า แม้แต่ผู้เล่นเก่าที่คุ้นเคยกับพิธีกรรมก็รู้สึกประทับใจ
“มีแม่ทัพหญิงสามคนในบึงเหลียงซาน ได้แก่ หู้ซานเหนียง ซุนเอ้อร์เหนียง และกูต้าเส่า พวกเธอทุกคนต่างก็ดูดีมากในนิยายต้นฉบับ…. ท่านหัวหน้าจะอัญเชิญหนึ่งในพวกเธอมาที่นี่งั้นเหรอ?”
ในทางกลับกัน ผู้อาวุโสเมิ่งก็ลูบเคราของเขาด้วยความประหลาดใจ
“แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ถูกต้องนัก ในทางทฤษฎี แม้ว่าผู้บัญชาการวีรบุรุษไม่จําเป็นต้องมาพร้อมกับการประกาศบทกวี แต่การมาถึงของพวกเขาควรจะยิ่งใหญ่กว่านี้ เธอไม่น่าจะเป็นแม่ทัพหญิงจากบึงเหลียงซาน!”
สิ่งที่ถูกกระตุ้นโดยพลังแห่งโชคชะตาก็คือวิญญาณแห่งอารยธรรมกึ่งผู้บัญชาการ ดังนั้นบุคคลที่ถูกอัญเชิญมาต้องไม่ใช่วีรบุรุษที่แท้จริง
ด้วยเหตุผลเดียวกัน ไม่มีคําใบ้เกี่ยวกับเธอมากเกินไป จึงเป็นไปไมาได้ที่จะระบุตัวตนของเธอจนกว่าเธอจะมาถึงภูเขามังกรคู่อย่างเป็นทางการ
แต่แน่นอนว่าหากเธอมาถึงจริงๆ เธอต้องผ่านการทดสอบของเครื่องบูชายัญก่อน
มอนเตอร์ลวงตาถึงผู้บัญชาการปรากฏตัวออกมาและหายไปในคริสตัลพลังจิต มอนเตอร์ลวงตาเก่งกาจในการสร้างภาพลวงตาและการโจมตีทางจิต แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันก็มุ่งความสนใจไปที่หญิงสาวที่พร่ามัวที่กําลังมาถึง
หากร่างที่พร่ามัวของหญิงสาวไม่สามารถต้านทานได้ การอัญเชิญก็จะล้มเหลว
จะเห็นได้ว่าวีรสตรีเดินช้าลงภายใต้การระเบิดพลังเช่นนี้ และร่างกายที่พร่ามัวของเธอก็สั่นสะท้าน
แต่เธอสามารถเดินไปที่คริสตัลพลังจิตและชี้นิ้วไปที่มัน
แคร่กก!
มอนเตอร์ลวงตาภายในคริสตัลพลังจิตทรุดตัวลงทันที
จากนั้นคริสตัลทั้งก้อนก็ระเบิดและกลายเป็นลําแสงภายใต้ผลกระทบของพลังแห่งโชคชะตา ก่อนที่มันจะละลายเข้าไปใน “กึ่งวีรสตรี!”
ในเวลาเดียวกัน วีรสตรีก็เปิดเผยใบหน้าของเธอในที่สุด
“อ้ะ… เป็นเธอนั้นเอง!”
หลังจากได้หันผู้ที่มาถึงวัดแห่งโชคชะตาอย่างชัดเจน จีเย่ก็สูญเสียความเยือกเย็นของเขา
“ปรมจารย์หนุ่ม!”
เสียงที่ไพเราะกว่าเสียงดนตรีและทําให้เขานึกถึงทิวทัศน์ริมทะเลสาบมาจากคนที่เพิ่งมาถึง
เธอมีความสุขและตื่นเต้นบนใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเธอ ผมสีดําที่ยาวถึงเอวของเธอบนชุดสีขาวที่ให้ความรู้สึกราวกับแสงจันทร์ เธอดูเหมือนกับเทพภูติผี และมนุษย์
“เธอช่างงดงาม! เธอเป็นแม่ทัพหญิงในซ้องกั๋งงั้นเหรอ?”
“เดี๋ยวก่อน เธอไม่ได้แต่งตัวเหมือนกับหนึ่งในตัวละครจากซ้องกั๋ง และทําไมเธอถึงดูคุ้นเคยกัน?”
“ถูกต้อง ฉันรู้สึกว่าฉันเคยเห็นเธอจากที่ไหนสักแห่งมาก่อน!”
หลังจากเห็นเธอ ผู้เล่นใหม่ทุกคนก็กระซิบและพูดคุยกัน
“ห้ะ? ฉันตาฝาดหรือเปล่า? นี่คือเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนใช่มั้ย? เธอดูเหมือนกับในหนังเลย!”
ในขณะนั้นเองดวงตาของคุณชายบักก็เบิกโพร่งและเขาก็ร้องตะโกนออกมา
“บรูววว!”
ด้านนอกวัด ฮัสกี้ซึ่งมีขนาดใหญ่และมาถึงระดับสามัญอันดับ 8 แม้ว่าจะมีขนลายด่างเหมือนเดิม แต่ก็เห่าหอนด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน
มันรีบเข้าไปในวัดแห่งโชคชะตาตรงไปทางเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน!
“เจ้าฮัสกี้ แกอยู่ที่นี่ด้วยเหรอ? ฉันคิดว่าฉันจะไม่เจอแกอีกแล้ว!”
เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนดีใจมากที่ได้เห็นเจ้าฮัสกี้ เธอลูบมันด้วยมือที่อุ่นของเธอ
“ทําไมถึงเป็นเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน? อีกทั้งวิธีที่เธอปฏิบัติต่อเจ้าฮัสกี้ เธอจําความทรงจําจากสนามรบแห่งโชคชะตาได้งั้นเหรอ?”
จีเย่ค่อนข้างงุนงง
แม้ว่าเขาจะมีของที่ระลึกของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยน และเธอก็สามารถถูกอัญเชิญมาได้ในทางทฤษฎี แต่ความเป็นไปได้ในการอัญเชิญเธอมาได้นั้นค่อนข้างต่ำ
ท้ายที่สุดเธอก็ไม่ได้เกี่ยวกับภูเขามังกรคู่ และไม่น่าเป็นไปได้ที่เธอจะเลือกมาที่นี่ เธอไม่ควรมีความทรงจําจากสนามรบแห่งโชคชะตาเช่นกัน!
“อืมมม เว้นแต่…”
ทันใดนั้นจีเย่ก็นึกถึงความเป็นไปได้
เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนอยู่ในระดับวิสามัญ ดังนั้นเธออาจจะมาได้ก่อนหน้านี้แล้ว
แต่หลังจากนั้น ถิ่นฐานของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนอาจล้มเหลวในการแข่งขันสิบสายพันธุ์และถูกทําลายเหมือนกับหมู่บ้านเห็น
เธอถูกสังหารในระหว่างนั้นและถูกลงโทษเหมือนกับลุงเก้า ความทรงจําเกี่ยวกับตัวตนของเธอจึงหายไป
อย่างไรก็ตามเนื่องจากจีเย่มีของที่ระลึกของเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนที่เธอมอบให่เขาในสนามรบแห่งโชคชะตา เนี่ยเสี่ยวเชี่ยนจึงได้รับความทรงจําใหม่หลังจากที่เธอมาถึงซึ่งความทรงจําเหล่านั้นมาจากสนามรบแห่งโชคชะตา!
ดังนั้นเนี่ยเสี่ยวเชียที่อยู่ที่นี่เป็นคนเดียวกับเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนที่สัญญาว่าจะรับใช้เขาในชีวิตหน้า เพื่อตอบแทนการช่วยชีวิตเธอ
เธอดูเหมือนว่าจะทําตามสัญญาจริงๆ
เป็นเพราะเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนถูกเปลี่ยนจากวิญญาณแห่งอารยธรรม เธอจึงไม่ใช่ผีอีกต่อไป แต่เป็นคนที่มีชีวิต เธอได้รับชีวิตที่สอง!
“นี่คือข้อดีของความหล่องั้นเหรอ?”
ความคิดผุดขึ้นมาในหัวของจีเยู่ในขณะที่เขาดูเนี่ยเสี่ยวเชี่ยนเดินมาหาเขาอย่างเขินอายและสง่างาม
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน