เมื่อตระหนักถึงปราณแท้ของศิลปะเก้าหยางศักดิ์สิทธิ์ระดับวิสามัญอันดับ 5 เราก็สามารถจินตนาการได้ว่าจะรู้สึกยังไงเมื่อถูกมันแผดเผา
ยิ่งกว่านั้นราชามอนเตอร์พงไพรก็ยังทําพลาด
เห็นได้ชัดว่าหากมันไม่ได้สวมเกราะโลหะเพื่อแสดงสถานที่เหนือกว่าซึ่งทําให้มันโดดเด่นกว่ามอนเตอร์พงไพรทั้งหมด บางทีมันอาจจะสามารถต้านทานปราณแท้ของเก้าหยางได้ด้วยร่างกายที่แข็งแกร่งและพลังระดับวิสามัญของมัน!
แต่ตอนนี้มันรู้สึกราวกับเบคอนชิ้นหนึ่งที่อยู่บนกระทะร้อนๆ อย่างไม่ต้องสงสัย!
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ แม้แต่จีเย่ที่จะเพิ่งก้าวสู่ระดับวิสามัญอันดับ 5 แต่เขาก็ใช้ปราณแท้ของเก้าหยางตอนอยู่บ้านเสมอ ไม่ใช่เพียงเพราะเขาเข้าใจแก่นแท้ของเทคนิคในระหว่างการผสาน
นอกจากนี้ยังมีขอบเขตขนาดใหญ่เพราะศิลปะเก้าหยางศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับมานั้นไม่เพียงแค่จํากัดอยู่แค่เทคนิคของมัน แต่ยังรวมถึงความคิดของโจวจี้เยียก วีรบุรุษของนิกายง้อไบ๊
การโจมตีก่อนหน้านี้อาจดูเรียบง่าย แต่เขาก็ใช้ปราณแท้ในเสี้ยววินาทีเพื่อทําให้อุณหภูมิสูงขึ้น
“กรรร!”
ราชามอนเตอร์พงไพรที่กลัวอุณหภูมิสูงก็เริ่มถูกไฟไหม้จนควันสีขาวออกมาจากปากและรูจมูกของมันเมื่อได้รับผลกระทบจากการโจมตี
เนื่องจากมันไม่สามารถดึงแท่งไม้สีม่วงสองอันที่ยาวขึ้นกลับมาได้ มันจึงทําได้เพียงแค่คํารามและทุบลงไปที่หัวของจีเยด้วยโลไม้ของมัน
แต่มันก็โจมตีได้เพียงแค่อากาศที่ว่างเปล่า
เพราะหลังจากที่เย่ต่อยมันด้วยหมัดของเขา เขาก็ก้าวไปด้านข้างอย่างรวดเร็ว เคลื่อนที่จากด้านหน้าของมอนเตอร์ไปด้านหลังของมัน
ในการดวลก่อนหน้านี้ มนุษย์ได้ค้นพบว่าแม้ว่ามอนเตอร์พงไพรจะตอบสนองได้อย่างรวดเร็วต่อการโจมตีที่อยู่ด้านหน้าพวกมัน แต่พื้นที่ด้านหลังพวกมันเป็นจุดบอดสําหรับพวกมัน หากใครเร็วพอ พยกเขาก็สามารถโจมตีจุดบอดของมอนเตอร์ได้ แม้ว่าพวกมันจะมีสี่มือและอาวุธสี่ชิ้นก็ตาม
ปัก!
เมื่อจีเย่อยู่ด้านหลังราชามอนเตอร์พงไพร เขาต่อยเกราะของมันอีกครั้ง เกราะนั้นเรื่องแสงสีแดงอยู่แล้ว ครั้งนี้จจุดที่เขาต่อยก็ดูเหมือนจะเริ่มละลาย!
“กรรรร!”
ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากหูของราชามอนเตอร์พงไพร สุดท้ายก็ทนความเจ็บปวดไม่ไหว มันเหวี่ยงค้อนสีเหลืองไปด้านหลังและทุบไปที่จีเย่โดยไม่หันหลังกลับ!
ฉัวะ!
อย่างไรก็ตามก่อนที่มันจะโจมตีจีเย่ มือที่ถือค้อนสีเหลืองก็ถูกตัดขาดออกจากแขน เลือดสีเขียวทะลักออกมาจากแขนที่ถูกตัดขาด
ใบมีดโปร่งแสงครึ่งหนึ่งซึ่งแทบจะมองไม่เห็นซึ่งติดอยู่ทที่แขนของจีเย่ โครงร่างของมันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนเนื่องจากมีเลือดสีเขียวของราชามอนเตอร์พงไพร
ใบมีดคู่หยกม่วง!
ใบมีดคู่นี้ดร็อปออกมาหลังจากที่จีเย่สังหารตักแตนตําข้าวหยกม่วงชั้นยอด เนื่องจากเขาใช้หน้าไม้ในการโจมตีจากระยะไกลหรือสังหารศัตรูด้วยดาบงูดํา เขาจึงแทบจะไม่เคยใช้ใบมีดเหล่านี้มาก่อน
ครั้งนี้ในที่สุดเขาก็สามารถใชเความสามารถของพวกมันในการต่อสู้ระยะประชิดที่หาได้ยากนี้
ราชามอนเตอร์พงไพรมีความสามารถในการต่อสู้ระยะประชิดที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามมันมีสี่มือและเอาชนะแม้กระทั่งหลู่จือเซิน แต่จีเยก็ปราบปรามมันได้อย่างสมบูรณ์
เนื่องจากในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกเหนือจากการฝึกฝนศิลปะเก้าหยางศักดิ์สิทธิ์จนเขาไปถึงระดับเชี่ยวชาญขั้นสูงแล้ว จีเย่ยังฝึกย่างก้าวหยกแหวน ท่าเท้าดวงใจจนถึงระดับเชี่ยวชาญ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ได้วางแผนล่วงหน้าว่าจะทําลายขาของราชามอนเตอร์พงไพรด้วยดาบบินหยกขาว
หากเขาไม่สามารถได้เปรียบในการต่อสู้ได้หลังจากทําแบบนั้น มันคงเหลือเชื่อมากทีเดียว!
“กรรรร!”
ความเจ็บปวดอย่างมากจากการถูกตัดมือในที่สุดก็ทําให้ราขามอนเตอร์พงไพรไม่สนใจความเจ็บปวดจากชุดเกราะที่ถูกแผดเผา มันพยายามอย่างเต็มที่ที่จะหันหัวและปลดปล่อยเสียงคํารามที่เหมือนกับเสียงฟ้าร้อง คลื่นเสียงที่มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกสีขาวก็ออกมาจากปากของมันราวกับระเบิดซึ่งบังคับให้จีเย่ถอยกลับไป
ฟูววว!
อย่างไรก็ตามในขณะที่จีเย่กําลังหลบ “ปืนใหญ่คลื่นเสียง” เขาก็ทิ้งหินลวงตาสีขาวกึ่งโปร่งแสงไว้ตรงนั้น
ทันใดนั้นหินลวงตาก็ระเบิดใต้เท้าของราชามอนเตอร์พงไพร ทําให้เกิดไอน้ำขนาดใหญ่ที่บดบังการมองเห็นของมัน มันไม่สามารถโฟมตีจีเย่ด้วยปืนใหญ่คลื่นเสียงได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามไอน้ำสีขาวก็กระจายตัวเร็วมาก และราชามอนเตอร์พงไพรก็ถูกบดบังการมองเห็นอย่างสมบูรณ์
หวูดดด! หวูดดด!
ราชามอนเตอร์พงไพรกลายเป็นสีดําเขียว แท่งสีม่วงที่แขรของมันก็ใหญ่ขึ้นเหล่าเท่า ด้วยเสียงโห่ร้องอันน่าสยอดสยอง มันก็ฟันไปที่จีเย่ผู้ซึ่งกลับมาเผชิญหน้าและพยายามซุ่มโจมตีมัน
จีเย่ดูเหมือนจะถูกจับได้แล้ว แท่งไม้สีม่วงขนาดใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งถูกกระตุ้นด้วยพลังระดับวิสามัญได้ฟันลงไปที่เขา วินาทีต่อมาเขาก็กลายเป็นไอน้ำสีขาวขุ่น!
มันคือหินลวงตา สินสงครามจากมอนเตอร์ลวงตา
เมื่อหินถูกทุบ มันจะสามารถสร้างควันสีขาวในพื้นที่ขนาดเล็กและสร้างภาพลวงตาของผู้ใช้
เห็นได้ชัดว่าราชามอนเตอร์พงไพรได้ถูกหลอกและโจมตีใส่ภาพลวงตา
อาการบาดเจ็บที่รุนแรงทําให้ราชามอนเตอร์พงไพรเดือดดาล และมันก็ออกแรงทั้งหมดในการโจมตีครั้งนั้น เมื่อมันโจมตีกับอากาศที่ว่างเปล่า มันก็อดไม่ได้ที่จะขยับตัวเล็กน้อยในการเคลื่อนไหวของมัน
“มันจบแล้ว!”
มีเสียงดังมาจากข้างหลังของมัน!
แครกกก!
จีเย่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าและเตะไปที่ราชามอนเตอร์พงไพร ทําให้เกิดเสียงแตกหักที่สั่นสะเทือนในอากาศ ไม่ไม่ใช่สกิลไหนเลยนอกจากย่างก้าวหยกแหวน ท่าเท้าดวงใจที่อู่ซงสอนเขามา
ไม่เพียงแค่การเตะจะมีพลังงานอันร้อนแรงของศิลปะเก้าหยางศักดิ์สิทธิ์ที่คล้ายกับการโจมตีครั้งก่อนของเขา แต่เขากยังได้เผาผลาญเลือดมังกรน้ำอีกสองสามหยดเมื่อเขาเตะออกไป!
แครกกก!
การระเบิดพลังอย่างกระทันหันที่มีปัจจัยเพิ่มเติมสามข้อ ดังนั้นแม้ว่าราชามอนเตอร์พงไพรจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดของมันในการหมุนตัวและวางโล่ไม้สีแดงไว้ข้างหน้า แต่มันก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้ จีเย่เตะทะเลเกราะและกระทืบมัน!
บูม!
กระดูกของราชามอนเตอร์พงไพรส่งเสียงดังออกมา และเกราะโลหะซึ่งหนาก็ยุบตัวหลังจากนั้นมันก็กระเด็นถอยหลังไป และหัวของมันก็กระแทกเข้ากับเปลือกไม้สีเขียวของต้นไม้ขนาดใหญ่ มันแทบจะหายใจไม่ออก
“ยอมแพ้หรือทําสงคราม?”
ในสนามประลอง จีเย่มองขึ้นไปที่เถาวัลย์และมอนเตอร์พงไพรระดับสามัญที่ก่อนหน้านี้โห่ร้อง แต่ตอนนี้ก็เงียบไปในทันทีราวกับว่าพวกมันกําลังสําลัก
“กรรร!”
หลังจากหยุดสักพักหนึ่ง มอนเตอร์พงไพรสีเขียวก็ร้องคํารามออกมา มันกระโดดลงมาจากเถาวัลย์และฟาดจีเย่ด้วยแท่งไม้ทั้งสี่ในมือของมัน
บูม!
อย่างไรก็ตามปืนใหญ่สีดําก็ถูกยิงขึ้นไปในอากาศจากฝั่งมนุษย์เมื่อมันยังคงอยู่กลางอากาศและกระสุนปืนใหญ่ก็ยิงใส่หัวของมอนเตอร์พงไพรจนแหลกเป็นชิ้นๆ!
อย่างไรก็ตามก็มีมอนเตอร์พงไพรมากขึ้นที่เริ่มเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน พวกมันร้องคํารามออกมาและกระโดดออกจากเถาวัลย์พร้อมกับพุ่งเข้าใส่จีเย่ในขณะที่กวัดแกว่งอาวุธ
“มันคือความจริง ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะฝึกเผ่ามนุษย์ต่างดาวให้เชื่อง”
จีเย่ไม่แปลกใจกับสถานการณ์นี้มากนัก
ในภารกิจ การแข่งขันสิบสายพันธุ์ มีการกล่าวว่าเราสามารถเลือกทางเลือกที่จะทําลายล้างเผ่ามนุษย์ต่างดาวหรือทําให้พวกมันยอมจํานนได้
อย่างไรก็ตามมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทําให้มนุษย์ต่างดาวยอมจํานน ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีเผ่าที่มีสติปัญญาเผ่าไหนจะยอมอยู่ภายใต้การปกครองของเผ่าอื่นอย่างจริงใจ
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้เล่นจากเผ่าอื่น และพวกเขาก็ไม่ต้องกังวลกับความตายที่แท้จริง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะพยายามต่อสู้มากกว่าที่จะยอมจํานนต่อเผ่ามนุษย์!
อย่างไรก็ตามภูเขามังกรคู่ก็คาดไว้แล้วเช่นกัน
ดังนั้นจีเย่จึงไม่นิ่งนอนใจเมื่อเห็นการโจมตีอย่างกะทันหันของมอนเตอร์พงไพร เขาหยิบไข่มุกที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกออกมา
“วูลาา?”
วินาทีต่อมา มอนเตอร์พงไพรทุกตัวที่กระโดดจากเถาวัลย์และพุ่งเข้าใส่เขาก็ดูมีสีหน้างุนงง
เพราะในสายตาของพวกมัน สภาพแวดล้อมนั้นเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นกําแพงสีดําที่สูงถึงสิบเมตรก็ปรากฏขึ้นมา
ในจุดที่จีเย่อยู่ ยักษ์สีเขียวที่มีลักษณะคล้ายกับพวกมันได้ปรากฏตัวออกมาหลังจากที่หมอกสีขาวกระจายตัว
แม้ว่ายักษ์สีเขียวจะไม่มีสี่แขน แต่มันมีขนาดใหญ่กว่าพวกมันหลายเท่า
เมื่อมอนเตอร์พงไพรกระโดดไปที่ยักษ์สีเขียวพร้อมกับโบกแท่งไม้ ยักษ์สีเขียวก็เหวี่ยงหมัดใส่มันอย่างง่ายดายและมันก็ระเบิดออกกลายเป็นหมอกเลือดสีเขียว!
“วูลาาา!”
เมื่อเทียบกับราชามอนเตอร์พงไพร มอนเตอร์พงไพรระดับสามัญนั้น “มีสติปัญญาน้อยกว่า” อย่างเห็นได้ชัด ในทันที่บางตัวก็ดูเหมือนจะหวาดกลัวและชะลอความเร็วเล็กน้อย
“โจมตี!”
แต่กลับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากด้านหลังยักษ์สีเขียว
หวูดดด! หวูดดด! หวูดดด!
คนของภูเขามังกรคู่สวมเกราะและกําลังพุ่งเข้าใส่พวกมันพร้อมกับถืออาวุธ ลูกศรและกระสุนปืนใหญ่จํานวนหนึ่งก็พุ่งไปที่มอนเตอร์พงไพรที่กําลังลงมาถึงพื้นดิน
“นั่นเหมือนฮัลค์ตัวจริงมาก ฉันคิดว่าแม้ว่าท่านหัวหน้าจะไม่ทํางานในดินแดนแห่งมรดก แต่เขาก็สามารถกลายเป็นศิลปินทําเอฟเฟกต์ที่มีค่าตัวหลายล้านเหรียญได้บนโลก”
“คําแนะนําของฉันก่อนหน้านี้ดีใช่มั้ย? เราจงใจทําลายมอนเตอร์พงไพรตัวปลอมซึ่งทําให้ตัวอื่นหวาดกลัว พวกมันไม่กล้าที่จะก้าวไปข้างหน้าแล้ว!”
“หยุดพูดและต่อสู้ จํานวนของเผ่ามนุษย์ต่างดาวเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ เราจะไม่มีโอกาสที่จะได้รับแต้มเกียรติยศและค่าประสบการณ์ที่มหาศาลเช่นนี้ในอนาคต”
ในบรรดาผู้คนที่วิ่งเข้าไป ใครก็สามารถได้ยินเสียงการสนทนาระหว่างผู้เล่นจากโลกได้
“ฆ่าพวกมัน นักธนูใช้ธนูไฟ ให้คนที่ถือหอกอยู่แถวหน้า อย่าไปต่อสู้ระยะประชิดกับพวกมัน!”
ชนพื้นเมืองนั้นไม่ได้ตื่นตระหนกในสถานการณ์เช่นนี้เช่นกัน ตามคําสั่งของหลู่จือเซิน พวกเขาได้จัดรูปขบวนต่อสู้และพุ่งเข้าใส่มอนเตอร์พงไพรที่สับสน
เนื่องจากพวกเขาเคยซ้อมสถานการณ์ดังกล่าวในถิ่นฐานมาก่อน พวกเขาทั้งหมดจึงตระหนักว่าท่านหัวหน้าของพวกเขาได้ใช้สกิลของเขาในการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมทั้งหมดรวมทั้งเรียกแม่ทัพยักษ์เขียวที่น่าเกรงขามออกมาเข้าร่วมต่อสู้
“วูล่าา!”
เมื่อเห็นมนุษย์พุ่งเข้าหาพวกมัน มอนเตอร์พงไพรก็เริ่มตื่นตระหนก
เนื่องจากไม่เพียงแค่กําแพงสีดําจะขวางทางด้านหลังของพวกมันเท่านั้น แต่ยังปิดกั้นท้องฟ้าด้วยซึ่งทําให้พวกมันไม่มีทางหนี พวกมันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวั่นไหว
เราต้องยอมรับว่านั้นเป็นข้อเสียของเผ่าที่มีสติปัญญา หากเป็นเผ่าวิญญาณที่อยู่ที่นี่ พวกมันคงไม่นึกถึงปัญหา พวกมันก็แค่ต่อสู้ ในทางกลับกัน มอนเตอร์พงไพรต้องเผชิญหน้ากับสภาะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในขณะที่พวกมันสูญเสียความสงบไป มนุษย์ก็ลงมืออย่างเด็ดขาด การโจมตีของพวกเขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อพวกเขาเคลื่อนที่เข้าสู้ระยะโจมตี
ปัก ปัก ปัก!
ลูกศรของฉินเยวหยูนั้นแม่นยํามากจนดูเหมือนจรวดนําวิถี ในแต่ละลูกศร มอนเตอร์พงไพรจะถูกยิงบริเวณท้อง ส่งผลให้มีอาการชักก่อนที่มันจะล้มลงกับพื้น
เผ่ามนุษย์ได้รู้จุดอ่อนของมอนเตอร์พงไพรในการดวลก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงสังหารพวกมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัง ปัง ปัง…
เมื่อกล่าวถึงประสิทธิภาพ ไม่มีใครเทียบได้กับหลี่ชิงผู้ที่ถือปืนงูดํา
ด้วยความช่วยเหลทอของเครื่องตรวจจับความสามารถในการต่อสู้ หลี่ซึ่งสามารถล็อคเป้ามอนเตอร์พงไพรในภาพลวงตาได้ เขาสามารถยิงเป้าหมายทะลุกําแพงลวงตาได้!
นอกจากนี้ยังมีแผ่นกลมของอู่เฉียว การบรรเลงผีผ้าของนูหยินซึ่งช่วยเพิ่มจิตวิญญาณต่อสู้ของมนุษย์ทุกคนอย่างมาก คุณชายบักที่ในที่สุดก็มาถึงระดับวิสามัญก็ได้มารวมกลุ่มกับคนที่ใช้หอกพน้อมกับยันต์ที่ติดอยู่บนร่างกายของเขา
ต้องขอบคุณไข่มุกมังกรลวงตา เผ่ามนุษย์จึงมีข้อได้เปรียบมากมาย
เนื่องจากภาพลวงตาที่สมบัติชิ้นนี้สร้างขึ้นมาไม่เพียงแค่สร้างความสับสนให้กับศัตรูเท่านั้น แต่ก็ยังสามารถปกปิดร่องรอยเผ่ามนุษย์ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเมื่อการต่อสู้สิ้นสุดลง จํานวนผู้บาดเจ็บของมนุษย์จึงน้อยกว่าหนึ่งในห้าของมอนเตอร์พงไพร
“วูลาาา!”
เมื่อมอนเตอร์พงไพรเหลืออยู่ไม่ถึง 30 ตัว ในที่สุดพวกมันก็รู้ว่ากําแพงสีดําที่ขวางทางพวกมันนั้นเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา พวกมันจึงตะกายขึ้นไปบนต้นไม้และหนีกลับเข้าไปในป่าผ่านเถาวัลย์
“หยุด!”
เมื่อกองทัพบางส่วนที่บ้าคลั่งจาดการสิ่งการทุกคนพยายามที่จะวิ่งเข้าไปในป่าเพื่อไล่ล่าพวกมัน จีเย่ก็สั่งให้พวกเขาหยุด
“อย่าเข้าไปในป่า” มันเป็นคําเตือนทั่วไป
เนื่องจากลักษณะทางกายภาพของพวกมัน มอนเตอร์พงไพรเหล่านี้จึงสามารถปีนขึ้นไปบนต้นไม้สีเขียวที่มีความสูงมากกว่าร้อยเมตรและลําต้นที่เรียบ ในทางกลับกันอาวุธระยะไกลของมนุษย์ก็ไม่สามารถยิงถึงความสูงระดับนั้นได้ นอกเหนือจากปืนใหญ่เหล็กเหมันต์ที่ถูกยิงโดยหลิงเจิ้น
แม้แต่อาวุธที่เฉียบแหลมอย่าง “หน้าไม้ทะลายดินสีทองแดง” ซึ่งอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับวัตถุที่อยู่ห่างออกไป 200 เมตรบนพื้นดินก็ยังไม่สามารยิงได้ถึงระดับความสูง 50 เมตร
แม้ว่ามันจะยิ่งได้สูงถึงระดับนั้น แต่ก็ไม่มีผลอะไรมากนัก มอนเตอร์พงไพรอาจจะป้องกันมันได้อย่างง่ายดาย
“มันสายแล้ว เราจะเข้าไปพรุ่งนี้!”
นอกเหนือจากนั้น ยังเป็นเพราะเริ่มมืดแล้ว และการมองเห็นของพวกเขาก็ถูกจํากัดในเวลากลางคืนหากพวกเขาเข้าไป แม้แต่หลิงเฉิน คนเดียวที่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้แบบนี้ก็ไม่สามารถใช้พลังของปืนใหญ่เหล็กเหมันต์ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเหมาะสมกว่าที่จะรอจนถึงพรุ่งนี้เพื่อจัดการกับมอนเตอร์พงไพรที่เหลืออยู่
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สําคัญที่สุดก็เป็นเหมือนกับที่จีเย่กล่าวก่อนหน้านี้ ราชามอนเตอร์พงไพรก็หยุดรอ เขาก็ทําแบบนั้นเช่นกัน
เนื่องจากเขาผสานกับสายเลือดมังกรน้ำขั้นตํานานครั้งที่ผ่านมา คูลดาวน์สําหรับพรสวรรค์การผสานจึงค่อนข้างนานในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามหลังจากทะลวงไปถึงระดับวิสามัญอันดับ 5 และลดระยะเวลาคูลดาวย์ลงอีกครั้ง เขาก็จะต้องรอจนถึงเช้าวันพรุ่งนี้เพื่อผสานฟันมังกรลวงตาทั้งสองให้เป็นเครื่องบูชายัญ!
ในทางทฤษฎี ภูเขามังกรคู่จะมีวีรบุรุษคนที่ห้า
ไม่สิยังมี “หินแห่งอารยธรรม” ผู้บัญชาการระดับวิสามัญอันดับ 5 ที่เป็นของราชามอนเตอร์พงไพรซึ่งกําลังก่อตัวอย่างช้าๆ
มันจะเป็นคนที่ห้าและคนที่หก!
“แจ้งผู้นําอู่ บอกให้เขาจับตาดูพวกมนุษย์โลหะ ในกรณีที่พวกมันพยายามฉวยโอกาสจากเราในคืนนี้”
“และส่งคนไปที่ฝั่งมนุษย์อินทรีให้มากขึ้นด้วย ในกรณีที่พวกมันต้องการฉวยโอกาสเช่นกัน”