เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1009

ตอนที่ 1009

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1009 มือยักษ์

แปลโดย iPAT

“มันจบแล้ว” เจ้าวังสวรรค์มองไปที่สนามรบ

ในมุมมองสายตาของเขา เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว โป้ชิง เทพเจ็ดดารา และคนอื่นๆนอนเป็นซากศพอยู่บนพื้น อีกด้านหนึ่ง สนามรบแห่งความโกลาหลได้รับความเสียหายอย่างหนัก ศพของคนที่อยู่ภายในถูกแยกออกเป็นชิ้นๆ

เมฆสีดำบนท้องฟ้าเบาบางลงขณะที่แสงสีทองพุ่งลงมาจากท้องฟ้า

“นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้ท้าทายสวรรค์ ฮ่าฮ่าฮ่า” เจ้าวังหัวเราะเสียงดัง

แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ เขากลับขมวดคิ้วและรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ “โอ้ เดี๋ยว ไม่ใช่ว่าหอคอยดวงตาสวรรค์ได้รับความเสียหายและไม่สามารถใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดของวิญญาณชะตากรรมงั้นหรือ?”

“ยัง…ข้ายังไม่สามารถหัวเราะ มีบางอย่างผิดปกติ เกิดสิ่งใดขึ้น?”

ในจังหวะนี้เจ้าวังจึงได้ยินเสียงอันแผ่วเบาลอยลงมาจากท้องฟ้า

“ท่านเจ้าวัง ท่านต้องตื่นขึ้นมา…”

“ตื่นเร็ว!”

“ตื่น? ไม่ใช่ว่าตอนนี้ข้าก็ตื่นอยู่งั้นหรือ?” เจ้าวังรู้สึกประหลาดใจและสงสัยมาก

ทันใดนั้นร่างของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้นเมื่อตระหนักถึงความจริง

ศัตรูเสียชีวิตง่ายเกินไปโดยเฉพาะสมาชิกนิกายเงา หลังจากทั้งหมดพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากบุคคลผู้นั้น!

นอกจากนี้ผู้อมตะวังสวรรค์ยังหายตัวไปและเหลือเขาเพียงผู้เดียวที่อยู่ในหอคอยดวงตาสวรรค์

“ข้าอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน! แต่ข้าจะออกไปได้อย่างไร?” เจ้าวังเริ่มกังวล แม้เขาจะรู้ว่าตนเองติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน แต่เขาไม่มีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันเช่นฟางหยวน เขาไม่สามารถหลบหนีออกจากอาณาจักรแห่งความฝัน

โลกแห่งความจริง เจ้าวังกำลังหลับสนิท

เขานอนกรนเสียงดังอยู่บนพื้นโดยมีผู้อมตะวังสวรรค์ยืนอยู่รอบๆ

เจ้าวังไม่เพียงแก่ชราแต่เขายังเหนื่อยมาก

ก่อนหน้านี้เพื่อซ่อมแซมวิญญาณชะตากรรม เขาหลอมรวมวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ต่อมาเขายังต้องฟื้นฟูหอคอยดวงตาสวรรค์ ปกป้องนิกายบัวสวรรค์ และต่อสู้อย่างดุเดือดกับกลุ่มของโป้ชิง หลังจากนั้นเขาค้นพบผู้อยู่เบื้องหลังนิกายเงาและระดมผู้อมตะของวังสวรรค์เพื่อใช้หอคอยดวงตาสวรรค์เดินทางมายังภูเขาอี้เทียนทันที

เมื่อเขามาถึง เขาต้องควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์และเข้าสู่การต่อสู้ครั้งใหญ่

ดังนั้นในช่วงเวลาที่เขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน ร่างกายของเขาจึงได้รับการพักผ่อน เขาหลับสนิทและกระทั่งกรนเสียงดัง

ผู้อมตะวังสวรรค์พยายามปลุกเขา บางคนเทน้ำใส่หน้าเขา บางคนลองใช้ไฟเผา บางคนตะโกนจนคอเจ็บ พวกเขาพยายามทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถปลุกเจ้าวังให้ตื่นขึ้น

นี่คือพลังอำนาจของเส้นทางแห่งความฝัน

มันเกินกว่าความเข้าใจของคนยุคนี้ไปแล้ว

กระทั่งผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

ดังนั้นฉากที่น่าขันจึงเกิดขึ้น

ภายนอกหอคอยดวงตาสวรรค์ ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายายังแข็งแกร่ง เมฆสีดำยังปกคลุมท้องฟ้าเอาไว้ทั้งหมด ขณะที่ภัยพิบัติใหญ่ยังไม่หยุด

หอคอยดวงตาสวรรค์ลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่ขยับเขยื้อน

ภายในหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะวังสวรรค์กำลังวิตกกังวลและพยายามปลุกเจ้าวังให้ตื่นขึ้น

ด้านนิกายเงา บรรยากาศของพวกเขาไม่มืดมนอีกต่อไป ตอนนี้พวกเขารู้สึกผ่อนคลายมาก

“อิงอู๋เซี่ย เก่งมาก!”

“นี่คือพลังอำนาจของเส้นทางแห่งความฝันงั้นหรือ? น่าทึ่ง!”

“อา…ในที่สุดเจ้าก็บรรลุระดับแปด”

สมาชิกนิกายเงายืนล้อมวงรอบอิงอู๋เซี่ย บางคนรู้สึกผ่อนคลายจากสถานการณ์ก่อนหน้า บางคนรู้สึกหวาดกลัวต่อพลังอำนาจของเส้นทางแห่งความฝัน บางคนตบไหล่อิงอู๋เซี่ยและชื่นชมอย่างไม่หยุดหย่อน

หลังจากต่อสู้มาเป็นเวลานาน กายาแห่งความฝันของอิงอู๋เซี่ยก็บรรลุระดับแปด

ด้วยเหตุนี้เขาจึงสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันระดับแปด

หลังจากล้มเหลวสองครั้ง เขาประสบความสำเร็จในครั้งที่สามและสามารถนำดวงวิญญาณของเจ้าวังสวรรค์เข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝัน

ผลลัพธ์เกิดขึ้นทันที หอคอยดวงตาสวรรค์หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ นี่ทำให้แรงกดดันของนิกายเงาลดลงอย่างมาก

ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราถาม “เจ้าวังสวรรค์จะถูกขังไว้นานเท่าใด?”

อิงอู๋เซี่ยตอบ “เขาเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีประสบการณ์สูง อาณาจักรแห่งความฝันสามารถกักขังเขาไว้ได้หลายนาที แต่กระทั่งเขาจะสามารถหลบหนีออกมา ข้าก็จะนำวิญญาณของเขาเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้งและอีกครั้ง”

“ดี ม่านเยี่ยนซื่อไม่ได้สร้างเจ้าขึ้นมาอย่างไร้ประโยชน์!” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราถอนหายใจ

ในเวลานี้หอคอยดวงตาสวรรค์เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” สมาชิกนิกายเงาตกใจ

บางคนมองไปที่อิงอู๋เซี่ยและถาม “เจ้าวังสวรรค์ออกมาจากอาณาจักรแห่งความฝันแล้วงั้นหรือ?”

ก่อนหน้านี้การโจมตีของอิงอู๋เซี่ยไร้ประโยชน์กับฟางหยวน นั่นทำให้ความมั่นใจของสมาชิกนิกายเงาลดลง

แต่ครั้งนี้อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะด้วยความมั่นใจ “เจ้าวังสวรรค์ยังอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน ดูเหมือนคนอื่นจะบังคับหอคอยดวงตาสวรรค์แทนเขา”

ถูกต้อง เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่สามารถปลุกเจ้าวังให้ตื่นขึ้น ผู้อมตะวังสวรรค์คนอื่นๆจึงเข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์

หอคอยดวงตาสวรรค์ไม่ได้เป็นของเจ้าวังเพียงผู้เดียว หลังจากเทพอมตะกลุ่มดาวเสียชีวิต หอคอยดวงตาสวรรค์กลายเป็นสมบัติสาธารณะของวังสวรรค์

ตอนนี้เจ้าวังติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน ผู้อมตะวังสวรรค์คนอื่นๆมีสิทธิ์เข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์ด้วยความชอบธรรม

แต่หลังจากไม่นานหอคอยดวงตาสวรรค์ก็หยุดเคลื่อนไหวอีกครั้ง

กลุ่มของฟางหยวนเห็นสถานการณ์นี้เช่นกัน

ไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานแสดงออกด้วยความสงสัย “วังสวรรค์พยายามทำสิ่งใด?”

ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นมืดครึ้ม “ดูเหมือนนิกายเงาจะใช้วิธีบนเส้นทางแห่งความฝันจัดการผู้อมตะวังสวรรค์เช่นเดียวกับที่พวกเขาพยายามทำกับข้า แต่…เหตุใดพวกเขาไม่เล็งเป้าไปที่วังสวรรค์ตั้งแต่แรก?”

“นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องกังวลในเวลานี้! พวกเราสูญเสียสนามรบแห่งความโกลาหลไปแล้ว นิกายเงาก็สูญเสียเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ เหลือเพียงวังสวรรค์ที่มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะหอคอยดวงตาสวรรค์ แต่พวกเขาถูกขัดขวางโดยนิกายเงา พวกเรากำลังตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ฟางหยวน เจ้าสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะหรือไม่?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล

“ข้าไม่สามารถทำได้” ฟางหยวนส่ายศีรษะและถอนหายใจ

“ตอนนี้พวกเรากลายเป็นเนื้อสดที่วางอยู่บนเขียง” ไห่ลั่วหลันเผยรอยยิ้มขมขื่นก่อนที่ดวงตาของนางจะส่องประกายขึ้นพร้อมกับกำหมัดแน่น “น่าเสียดายที่ไห่เจิ้งยังไม่ตาย ข้าไม่สามารถแก้แค้นให้ท่านแม่ก่อนตาย!”

ฟางหยวนมองไห่ลั่วหลันแต่เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใด

หลังจากภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สาม เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์และสนามรบแห่งความโกลาหลพังทลายลง ตอนนี้เหลือเพียงหอคอยดวงตาสวรรค์เท่านั้น

หอคอยดวงตาสวรรค์เป็นความหวังของฟางหยวน แต่ความหวังของเขากลับสูญสลายไปในอากาศ

โดยยังไม่ต้องพิจารณาถึงภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่ซึ่งฟางหยวนและคนอื่นๆไม่มีโอกาสอยู่รอด

‘จะเป็นเช่นนี้จริงๆงั้นหรือ?’ ฟางหยวนตรวจสอบวิญญาณกาลเวลาแต่มันยังไม่ฟื้นตัวและไม่สามารถใช้งาน

ทันใดนั้นเสียงพิณพลันดังลงมาจากท้องฟ้า

ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแต่ท้องฟ้ากลับเต็มไปด้วยแสงดาวจำนวนนับไม่ถ้วน

“โอ้ ไม่ ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาไม่สามารถปิดกั้นการโจมตีบนเส้นทางแห่งเสียงได้ทั้งหมด ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่คือภัยพิบัติพิณทะลวงใจ!”

“นอกจากนั้นยังมีดวงดาวบนท้องฟ้าในเวลากลางวัน นี่คือภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่ห้า ภัยพิบัติสายธารแห่งดวงดาว!”

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่และห้ามาพร้อมกัน!”

เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ผู้อมตะนิกายเงาอุทานด้วยความตกใจ มันทำให้พวกเขาลืมเรื่องของวังสวรรค์กับฟางหยวนไปชั่วขณะ

ในหอคอยดวงตาสวรรค์ ผู้อมตะวังสวรรค์สูดหายใจลึก

ภัยพิบัติครั้งนี้รุนแรงเกินไป

ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่สี่รุนแรงกว่าภัยพิบัติใหญ่สามครั้งก่อนหน้ารวมกัน แต่ภัยพิบัติใหญ่ครั้งที่ห้ายิ่งรุนแรงมากกว่า สิ่งสำคัญที่สุดพวกมันยังเกิดขึ้นพร้อมกัน!

“นิกายเงาพยายามหลอมรวมสิ่งใด? เหตุใดสวรรค์จึงโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้?” ผู้อมตะวังสวรรค์และฟางหยวนเต็มไปด้วยคำถาม

ภัยพิบัติใหญ่ทั้งสองยังไม่ได้โจมตีแต่กำลังสะสมพลังงาน

การแสดงออกของสมาชิกนิกายเงากลายเป็นเคร่งเครียด พวกเขาแทบไม่สามารถต่อต้านภัยพิบัติใหญ่สามครั้งแรก แล้วพวกเขาจะทำเช่นไรกับภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง

“ดูเหมือนพวกเรากำลังจะตาย” ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ

ฟางหยวนชำเลืองมองไห่ลั่วหลันแต่เขามีความคิดที่แตกต่าง

ไม่ว่านิกายเงาพยายามหลอมรวมสิ่งใด แต่พวกเขาก็ได้สร้างค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาและบูชายัญกองกำลังพันธมิตรผีดิบรวมถึงผู้อมตะภาคใต้ทั้งหมด

นอกจากนี้พวกเขายังเสียสละคฤหาสน์วิญญาณอมตะทั้งเจ็ดหลัง

ราคาที่พวกเขาจ่ายเป็นสิ่งที่เหนือกว่าจินตนาการของผู้ใด หากฟางหยวนไม่เห็นมันด้วยตาของตนเอง เขาจะไม่เชื่อหากบางคนกล่าวถึงเรื่องนี้

เนื่องจากนิกายเงายินดีจ่ายด้วยราคามหาศาล พวกเขาย่อมไม่ยอมแพ้

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงพิณทะลวงผ่านค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาและพุ่งเข้าสู่จิตใจของกลุ่มผู้อมตะ

การแสดงออกของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไป พวกเขารู้สึกวิงเวียนและแทบไม่สามารถประคองร่างยืนอยู่ บางคนล้มลงทันที

ภัยพิบัติพิณทะลวงใจเริ่มขึ้นแล้ว

บนท้องฟ้า แสงดาวพุ่งลงมาราวกับคลื่นยักษ์

ภัยพิบัติสายธารแห่งดวงดาว!

สมาชิกนิกายเงาเตรียมพร้อมสำหรับความตายและทะยานร่างเข้าเผชิญหน้า

เหลือเพียงอิงอู๋เซี่ยที่ถูกทิ้งไว้ให้จัดการวังสวรรค์

“โดยปราศจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเราจะรอดชีวิตจากภัยพิบัตินี้ได้อย่างไร? ฮ่าฮ่าฮ่า ตายในภัยพิบัติสวรรค์พิภพยังดีกว่านอนตายอยู่บนเตียงด้วยความแก่ชรา” เทพธิดาหลี่ซานเริ่มรู้สึกมึนงง เลือดไหลออกมาจากทวารเจ็ดของนาง

นางยอมรับความพ่ายแพ้เรียบร้อยแล้ว

ส่วนคนอื่นๆ พวกเขายังพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง

อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้กลิ่นอายที่ทรงพลังกลับพุ่งขึ้นมาจากซากปรักหักพังของภูเขาอี้เทียน

มันคือแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงา!

ประตูทางเข้าถูกเปิดออก

สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายบางอย่าง ใบหน้าของผู้อมตะระดับแปดวังสวรรค์ยังกลายเป็นซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว

สมาชิกนิกายเงารู้สึกมีความสุข

“ร่างหลักของเราปรากฏแล้ว!”

“บึม!”

มือภูตผีขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากประตูทางเข้าออกของแดนศักดิ์สิทธิ์

กลิ่นอายระดับเก้าปะทุขึ้น

คลื่นกระแทกระเบิดออกไปทั่วสนามรบ

หินระเบิดตกและกลายเป็นฝุ่นผงลอยขึ้นสู่อากาศ

“นี่…นี่คือ…” ไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงตกตะลึง

“เทพปีศาจจิตวิญญาณ!” ในหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังที่พึ่งตื่นขึ้นรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่พุ่งเข้าสู่จิตใจขณะที่เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของมือภูตผีออกมาทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท