เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1026

ตอนที่ 1026

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1026 มอบให้ฟงจินฮวง

แปลโดย iPAT

“นายท่าน โปรดกล่าวรหัสลับ” เสียงที่อ่อนน้อมดังขึ้นอีกครั้ง

อิงอู๋เซี่ยกล่าว “สวรรค์มีเก้าชั้น”

เสียงสายเดิมตอบ “ปฐพีมีห้าภูมิภาค”

อิงอู๋เซี่ยกล่าวต่อ “ข้ามผ่านวันเวลา”

เสียงลึกลับตอบรับ “ปกครองทุกสรรพสิ่ง”

เจ้าของเสียงคุกเข่าลง “ซื่อหนิวคารวะนายท่าน”

“ลุกขึ้น” อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินโขกศีรษะลงบนพื้นสามครั้งก่อนจะลุกขึ้น

อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับอิงอู๋เซี่ย เขายังก้มศีรษะลง ดวงตาของเขามองไปที่ปลายเท้าของอิงอู๋เซี่ยและไม่กล้ามองหน้าฝ่ายตรงข้ามโดยตรง

กลิ่นอายของเขาชัดเจนว่าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด

อิงอู๋เซี่ยใช้วิญญาณท่องแดนอมตะแต่จุดมุ่งหมายของเขาไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูหรือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว ตรงข้ามเขาเดินทางมายังฐานทัพลับของนิกายเงาในภาคกลาง

อิงอู๋เซี่ยเป็นดวงวิญญาณแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

ก่อนหน้านี้เขายังไร้เดียงสาราวกับเด็กแรกเกิดเนื่องจากกายาแห่งความฝันลบความทรงจำทั้งหมดของเขาออกไป

แต่หลังจากผ่านการต่อสู้อันดุเดือดและได้รับความทรงจำบางส่วนจากเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา อิงอู๋เซี่ยจึงเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในระดับหนึ่งอย่างรวดเร็วและสามารถจัดการเรื่องต่างๆได้ดีขึ้น

เขากำเนิดใหม่และรู้แผนการของฟางหยวน

แต่อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถใช้วิญญาณที่อยู่ในร่างผีดิบอมตะขณะที่เจตจำนงปลอมของฟางหยวนยังแฝงตัวอยู่ในใจและส่งผลกระทบต่อความคิดของเขา

ในสถานการณ์นี้มีเพียงวิญญาณท่องแดนอมตะเท่านั้นที่อิงอู๋เซี่ยสามารถใช้งาน

หากเขาเดินทางไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูโดยปราศจากการเตรียมตัว เขาอาจถูกค้นพบโดยจิตวิญญาณแผ่นดิน นั่นจะทำให้เขาพบปัญหา

ดังนั้นอิงอู๋เซี่ยจึงใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อเตรียมการเป็นอันดับแรก

“ก่อนอื่นพาข้าไปยังห้องโถงหลักใต้พิภพ” อิงอู๋เซี่ยออกคำสั่ง

“ทราบแล้ว” ผู้อมตะซื่อหนิวเร่งตอบรับ

หลังจากชั่วครู่ทั้งสองก็ไปถึงห้องโถงขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้พิภพ

รอบห้องเต็มไปด้วยค่ายกลวิญญาณที่ช่วยปกปิดและป้องกัน

อิงอู๋เซี่ยมองไปยังดวงจิตวิญญาณที่อยู่ลอยกลางห้อง

เขาสังเกตมันและถอนหายใจ

นี่คือดวงวิญญาณที่เหลืออยู่ของโป้ชิง!

ย้อนกลับไปโป้ชิงล้มเหลวในภัยพิบัติและถูกช่วยไว้อย่างฉิวเฉียดโดยสีเหลือง หลายพันปีผ่านไปแต่ดวงวิญญาณของโป้ชิงยังไม่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บ นอกจากนั้นขนาดของดวงวิญญาณของเขายังหดเล็กลงเรื่อยๆอีกด้วย

ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งวารีจากภัยพิบัติครั้งนั้นยังวนเวียนอยู่รอบๆดวงวิญญาณของโป้ชิง แม้เขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปฐพีคอยช่วยเหลือ แต่มันก็เป็นอาการบาดเจ็บที่ไม่สามารถรักษา

อย่างไรก็ตามนิกายเงาไม่เคยยอมแพ้

พวกเขาสร้างสถานที่แห่งนี้และเลี้ยงเผ่ามนุษย์หินเอาไว้ที่นี่ หลังจากผ่านวันเวลาผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินจึงถือกำเนิดขึ้น

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์หินผู้นี้ก็คือซื่อหนิว

แม้ซื่อหนิวจะเป็นเพียงผู้อมตะระดับเจ็ดแต่พลังการต่อสู้ของเขาก็ไม่ธรรมดา

น่าเสียดายในช่วงเวลาที่นิกายเงาต้องการความช่วยเหลือจากเขา วานรยักษ์ตาเดียวกลับปรากฏตัวขึ้นที่นี่ นั่นทำให้เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องต่อสู้และขับไล่มันไป

ด้วยเหตุนี้ซื่อหนิวจึงรอดชีวิตจากเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน

แท้จริงแล้วมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมากมายเกิดขึ้นกับนิกายเงา

นอกเหนือจากซื่อหนิว ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือฉินไป่เฉิงที่วิ่งเข้าไปหาฟงจิวเก้อ

เทพปีศาจจิตวิญญาณวางแผนหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะและท้าทายสวรรค์ เป็นเรื่องธรรมดาที่สวรรค์จะต้องการหยุดเขา หากเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นปีศาจต่างโลก สถานการณ์ของเขาอาจดีกว่านี้ น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่ ดังนั้นเขาจึงถูกยับยั้งโดยเจตจำนงสวรรค์

นิกายเงาขยายอิทธิพลไปทั่วโลก พวกเขามีความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดา แต่เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์คอยขัดขวางพวกเขา นิกายเงาจึงไม่สามารถใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด

หลังจากเทพปีศาจจิตวิญญาณพ่ายแพ้ สมาชิกนิกายเงาที่รอดชีวิตต่างแยกย้ายกันไปโดยเฉพาะกองกำลังพันธมิตรผีดิบที่ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามนิกายเงายังทิ้งบางสิ่งเอาไว้เบื้องหลัง

ตัวอย่างเช่นผู้อมตะซื่อหนิวผู้นี้

หลังจากครึ่งชั่วโมง

“ที่นี่คือที่ใด?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงออกมาจากมิติช่องว่างของอิงอู๋เซี่ย

“ไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันตามออกมาหลังจากนั้น

ทั้งสองมองไปรอบๆด้วยความสงสัย

ห้องใต้ดินแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างหยาบๆ แต่เมื่อทั้งสองใช้วิญญาณสายตรวจสอบ พวกเขากลับพบว่าที่นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆของเขาวงกตใต้พิภพเท่านั้น

“ที่นี่คือถ้ำของมนุษย์หินงั้นหรือ?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงถาม

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “ถูกต้อง เรากลับมาภาคกลางเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราอยู่ที่นรกใต้พิภพ เผ่ามนุษย์หินถูกย้ายออกไปแล้ว มันกลายเป็นฐานทัพลับของท่านอาจารย์”

“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าวางแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวไว้ในนรกใต้พิภพ ดังนั้นมันก็เป็นสถานที่ที่ท่านอาจารย์จัดเตรียมไว้ให้” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเผยรอยยิ้มบาง

‘แดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาวของฟางหยวนก็อยู่ที่นี่งั้นหรือ?’ อิงอู๋เซี่ยลอบคิด

“ราชันภูเขาม่วง?” หัวใจของไห่ลั่วหลันสั่นสะท้านขึ้นเมื่อคิดถึงราชันภูเขาม่วง นางเปิดปากถาม “เหตุใดเจ้าไม่กลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูโดยตรง?”

อิงอู๋เซี่ยเตรียมคำตอบไว้แล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถตอบกลับอย่างใจเย็น “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการกลับ แต่ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยแล้ว ผู้อมตะวังสวรรค์รู้เรื่องเกี่ยวกับข้า แม้ความเร็วของพวกเขาจะไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่พวกเขามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูล พวกเขาสามารถออกคำสั่งให้นิกายโบราณทั้งสิบยึดครองแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูได้ทันที สุดท้ายพวกเขาจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน”

“หากเรากลับไปที่นั่นโดยตรง มันอาจไม่ต่างจากการส่งตนเองเข้าสู่กับดัก ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเป็นอันดับแรก”

“แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร?” ไห่ลั่วหลันถามต่อ

อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจ “เป็นดังคาด ตัวตนของข้าถูกเปิดเผย นิกายโบราณทั้งสิบรู้แล้วว่าข้าอยู่เบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ตอนนี้พวกเขากำลังบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู”

ไท่เป่ยหยุนเฉิงตกใจมาก “ภูเขาตงฮันอยู่ที่นั่น พวกเราควรทำเช่นไร?”

ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้ว่าฟางหยวนมีวิธีลบสถานะผีดิบแล้ว ดังนั้นภูเขาตงฮันจึงถูกลดคุณค่าลง อย่างไรก็ตามแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูยังเต็มไปด้วยสมบัติและเป็นแหล่งรายได้สำคัญของฟางหยวน

อิงอู๋เซี่ยหัวเราะเย้ยหยัน “ปล่อยให้นิกายโบราณทั้งสิบนำแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูไป ไม่ช้าก็เร็วข้าจะนำมันกลับมา เรื่องเร่งด่วนในเวลานี้คือการเตรียมตัวและฟื้นฟู…อา…”

อิงอู๋เซี่ยหยุดพูดอย่างกะทันหันและเผยใบหน้าตกใจ

“เกิดสิ่งใดขึ้น?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเร่งถาม

ความโกรธพุ่งผ่านดวงตาของอิงอู๋เซี่ยก่อนที่เขาจะปั้นรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าและนำเศษชิ้นส่วนของวิญญาณท่องแดนอมตะที่ถูกทำลายออกมา “ข้าถูกโจมตีโดยการจัดเตรียมของนิกายเงา ตอนนี้วิญญาณท่องแดนอมตะถูกทำลายแล้ว!”

“นี่!” ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันตกใจและเสียใจมาก

วิญญาณท่องแดนอมตะมีประโยชน์อย่างแท้จริง เมื่อมันถูกทำลาย ช่วยไม่ได้ที่คนทั้งสามจะรู้สึกถึงความสูญเสียครั้งใหญ่

อิงอู๋เซี่ยคิดด้วยความโกรธ ‘วิญญาณท่องแดนอมตะจะระเบิดตัวเองอย่างกะทันหันได้อย่างไร? ดูเหมือนฟางหยวนจะทิ้งบางอย่างเอาไว้ บัดซบ! เขาวางแผนทั้งหมด! เมื่อวิญญาณท่องแดนอมตะสามารถระเบิดตัวเอง วิญญาณดวงอื่นของเขาก็คงไม่ต่างกัน’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถนิ่งเฉยอีกต่อไป

เขาต้องคิดวิธีกำหราบวิญญาณของฟางหยวน

หลังจากทั้งหมดแผนการของฟางหยวนเป็นสิ่งที่อิงอู๋เซี่ยไม่เคยคิดและเตรียมตัวมาก่อน

‘เจตจำนงพิเศษ! มันต้องเป็นเจตจำนงพิเศษ! ดูเหมือนข้าต้องแข่งกับเวลา ข้าต้องยืมวิญญาณอมตะมาเพื่อกำหราบพวกมัน ข้าไม่สามารถปล่อยให้พวกมันระเบิดตัวเองอีก!’ อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องอยู่ภายใน

ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกผิดปกติและถามด้วยความกังวล “ฟางหยวน เกิดสิ่งใดขึ้นงั้นหรือ?”

ใบหน้าของอิงอู๋เซี่ยมืดมนมาก “มีปัญหาใหญ่ที่ต้องรีบแก้ไข มิฉะนั้นวิญญาณดวงอื่นๆของข้าจะมีจุดจบเดียวกับวิญญาณท่องแดนอมตะ!”

“กระไรนะ!? มีสิ่งใดที่ข้าสามารถช่วยได้หรือไม่?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงเต็มไปด้วยความกังวล

“พวกเจ้าสามารถพักผ่อน มนุษย์หินจะพาพวกเจ้าไปยังห้องพัก ข้าสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ ไม่ว่าอย่างไรท่านอาจารย์ก็ไม่ทอดทิ้งพวกเรา หลังจากทั้งหมดพวกเรายังมีพันธมิตร” อิงอู๋เซี่ยกล่าวและเร่งเดินจากไป

ในเวลาเดียวกันที่ภูเขาเทียนตี้ของภาคกลาง

“เราทะลวงเข้าไปได้แล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูสุดท้ายก็ตกเป็นของพวกเรา!”

“ให้ข้าดูว่าเด็กผู้นี้ได้รับผลประโยชน์ใดบ้าง!”

“ใจเย็น อย่าลืมว่าภูเขาตงฮันจะถูกแบ่งปันให้กับทั้งสิบนิกายโบราณ”

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางบินเข้าไปในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูด้วยความตื่นเต้น

แต่หลังจากนั้นร่างกายของพวกเขากลับเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

“มันว่างเปล่าได้อย่างไร?”

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ภูเขาตงฮันอยู่ที่ใด?”

กลุ่มผู้อมตะภาคกลางกรีดร้อง

“ท่านคือฟงจิวเก้อใช่หรือไม่?” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฟงจิวเก้อและมองเขาด้วยความโศกเศร้า

ฟงจิวเก้อพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง เป็นข้า”

“เจ้านายของข้าสั่งให้ข้าบอกท่านว่าเขาได้นำทุกสิ่งที่จำเป็นออกไปจากที่นี่แล้ว สำหรับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู มันจะถูกมอบให้เป็นกรรมสิทธิของฟงจินฮวงบุตรสาวของท่าน” จิตวิญญาณแผ่นดินเสี่ยวหูกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“กระไรนะ!? ฟางหยวนเร็วกว่าพวกเรางั้นหรือ?”

“จากการอนุมานของพวกเรา ไม่ใช่ว่าเขายังอยู่ที่ภาคใต้เช่นนั้นหรือ?”

“เหตุใดเขาจึงมอบแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูให้กับฟงจินฮวง เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขาทั้งสอง…”

“กล่าวถึงเรื่องนี้ ตั้งแต่การประลองบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม พวกเขาดูสนิทสนมกันมาก ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้”

กลุ่มผู้อมตะกระซิบกระซาบ

แต่เพียงเมื่อสายตาของฟงจิวเก้อกวาดผ่านพวกเขา เสียงกระซิบก็หยุดลงทันที

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท