เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1032

ตอนที่ 1032

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1032 ขนส่งวิญญาณผ่านสวรรค์สีเหลือง

แปลโดย iPAT

“โอ้ เจ้าตัดสินใจแล้วงั้นหรือ? เจ้าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอกของนิกายหลางหยา เจ้าสามารถใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยนกับวิธีเหล่านี้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยรอยยิ้ม

ที่ภาคกลางไห่ลั่วหลันถูกบังคับโดยอิงอู๋เซี่ยและไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนน ฟางหยวนไม่รู้เรื่องนี้และกำลังติดต่อกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีต้นกำเนิดมาจากบรรพชนผมยาว ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะมีวิธีต่อต้านวิญญาณกาลเวลา

ระหว่างการสนทนา ฟางหยวนรู้สึกตกใจมากเมื่อพบว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีมากกว่าสิบวิธีที่สามารถจัดการวิญญาณกาลเวลา

เมื่อมีหลายวิธีให้เลือก ฟางหยวนรู้สึกลังเลเล็กน้อย

เขาถามเมื่อคิดถึงบางสิ่ง “ข้ามีคำถาม ตอนนี้ข้ามีแต้มผลงานอยู่เท่าใด?”

“สามร้อยแต้ม!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาลังเลก่อนตอบ

“สามร้อย…” ฟางหยวนขมวดคิ้ว เขาไม่เคยทำภารกิจให้กับนิกายหลางหยามาก่อน แต้มผลงานทั้งหมดมาจากการให้ยืมภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาเท่านั้น

อย่างไรก็ตามภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญามีคุณค่าเพียงสามร้อยแต้มงั้นหรือ?

ฟางหยวนมีข้อสงสัยแต่เขาไม่ได้ถามโดยตรง “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ข้าไม่แน่ใจว่าท่านใช้วิธีใดคำนวณแต้มผลงานของข้า?”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสุขมากเมื่อได้ยินฟางหยวนเรียกตนเองว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง

เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา “นี่เป็นเรื่องง่ายมาก ภูเขาตงฮันหนึ่งร้อยแต้ม หุบเขาเหล่าโปหนึ่งร้อยแต้ม และวิญญาณสติปัญญาอีกหนึ่งร้อยแต้ม”

เสียงของฟางหยวนต่ำลง “วิญญาณสติปัญญาเป็นวิญญาณระดับเก้า เหตุใดมันจึงมีมูลค่าเท่ากับภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโป?”

“ไม่จำเป็นต้องสงสัย” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบอย่างรวดเร็ว “เจ้าให้นิกายยืมสมบัติทั้งสาม แต่นิกายต้องแบกรับค่าใช้จ่ายไม่ว่าจะเป็นปราณพิภพหรืออาหารของวิญญาณสติปัญญา แต้มผลงานของเจ้าเหมาะสมแล้ว ข้ารู้ว่าความยุติธรรมเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนิกาย อย่ากังวล เราจะแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม แต่เราก็จะไม่ให้เจ้าทำกำไรจากนิกายเช่นกัน”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหยุดก่อนกล่าวต่อ “แน่นอนว่าหากเจ้าบริจาคพวกมันให้กับนิกาย เจ้าจะได้รับแต้มผลงานจำนวนมหาศาลล! เป็นไปได้เช่นกันที่เจ้าจะกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายหลางหยา!”

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายหลางหยา? แม้ฟางหยวนจะไม่ใช่เจ้าของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา แต่เขาก็สามารถระดมกำลังผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนใช่หรือไม่?

อย่างไรก็ตามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังกล่าวต่อ “แต่เพื่อให้เจ้ากลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของนิกายหลางหยา เจ้าต้องกำจัดสถานะมนุษย์และเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนอย่างสมบูรณ์ มีเพียงมนุษย์ขนเท่านั้นที่สามารถปกครองมนุษย์ขน!”

น้ำเสียงของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของตนเอง

ฟางหยวนปัดเป่าความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไปทันที เขาไม่สงสัยเลยว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีวิธีเปลี่ยนมนุษย์ให้เป็นมนุษย์ขน แต่การเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนเป็นราคาที่ฟางหยวนไม่สามารถยอมรับ

โดยพื้นฐานแล้วโลกใบนี้ถูกปกครองโดยเผ่าพันธุ์มนุษย์ แม้มนุษย์กลายพันธุ์จะสามารถบรรลุขอบเขตอมตะ แต่พวกเขาก็ยังถูกมองข้าม

นอกจากนี้ข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์กลายพันธุ์ก็คือพวกเขาไม่สามารถบรรลุถึงระดับเก้า!

ฟางหยวนปรารถนาชีวิตนิรันดร์ การบ่มเพาะเป็นเพียงเครื่องมือ แต่เห็นได้ชัดว่ายิ่งระดับการบ่มเพาะสูงเท่าใด เขาก็ยิ่งเข้าใกล้เป้าหมายมากเท่านั้น

ตรรกะนี้ง่ายมาก หากเปรียบเทียบ ระหว่างมดกับต้นไม้ สิ่งใดอยู่ใกล้กับชีวิตนิรันดร์มากกว่า?

ตอนนี้ฟางหยวนมีแต้มผลงานเพียงสามร้อยแต้ม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคำนวณไว้อย่างแม่นยำโดยไม่เปิดโอกาสให้ฟางหยวนต่อรอง

อย่างไรก็ตามฟางหยวนรู้สึกว่าแต้มผลงานเหล่านี้มีคุณค่ามาก หากใช้อย่างชาญฉลาด มันจะช่วยเขาได้มาก

หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ฟางหยวนไม่รีบใช้แต้มผลงานเหล่านี้เพื่อแลกกับวิธีรับมือวิญญาณกาลเวลา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว “แต้มผลงานมีไว้ใช้ อย่าตระหนี่เกินไป พวกเรามีภารกิจอีกมากมาย ตราบเท่าที่เจ้าทำสำเร็จ เจ้าจะได้รับแต้มผลงานเพิ่มขึ้น”

“โอ้ ภารกิจใด?” ฟางหยวนถามเบาๆ

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องการใช้ความแข็งแกร่งของฟางหยวน ดังนั้นเขาจึงเร่งตอบคำถาม

ฟางหยวนส่ายศีรษะหลังจากได้ยินคำอธิบาย

ภารกิจของนิกายหลางหยาแบ่งออกเป็นสองประเภท หนึ่งคือรวบรวมทรัพยากร สองคือฝึกฝนการต่อสู้ให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาบุคลิกที่สองต้องการปกครองโลกใบนี้ เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องฝึกการต่อสู้ให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน

ก่อนหน้านี้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนรู้เพียงวิธีหลอมรวมวิญญาณ พวกเขาไม่เคยฝึกการต่อสู้มาก่อน ดังนั้นพลังการต่อสู้ของพวกเขาจึงต่ำมาก

แต่ปัจจุบันฟางหยวนไม่มีเวลาฝึกการต่อสู้ให้กับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหรือออกรวบรวมทรัพยากร

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ตอนนี้ข้ากำลังขาดแคลนวิญญาณ เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านจะช่วยซื้อวิญญาณจากสวรรค์สีเหลืองและตรวจสอบพวกมันก่อนจะส่งมาให้ข้า” ฟางหยวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้

ชุดวิญญาณถูกส่งผ่านสวรรค์สีเหลืองไปยังมิติช่องว่างของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

วิญญาณชุดแรกประกอบด้วยวิญญาณบุปผาเก็บสุรา วิญญาณหญ้าถุงข้าว วิญญาณน้ำพุ วิญญาณกินลมดื่มน้ำค้าง และอื่นๆ

ตอนนี้แตกต่างออกไป ก่อนหน้าฟางหยวนเป็นผีดิบอมตะ เขาไม่จำเป็นต้องกินหรือดื่ม

แต่ร่างกายที่มีชีวิตยังต้องการสารอาหาร กระทั่งผู้อมตะก็อาจตกตายหากขาดอาหารเป็นเวลานาน เว้นเพียงพวกเขาจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางอาหาร

นอกจากวิญญาณระดับมนุษย์เกี่ยวกับอาหารและน้ำดื่มยังมีวิญญาณเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกเล็กน้อย

ฟางหยวนยังไม่พอใจวิญญาณอาภรณ์เพลิงเพราะมันดึงดูดความสนใจมากเกินไป

หลังจากได้รับวิญญาณเปลี่ยนเสื้อผ้า เขารีบเปลี่ยนชุดทันที

นอกเหนือจากนั้นยังมีวิญญาณเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ตัวอย่างเช่นวิญญาณถ้ำสามดารา

วิญญาณชุดที่สองมีวิญญาณถ้วยชมทิวทัศน์และวิญญาณประตูแห่งดวงดาว

มันไม่ปลอดภัยที่จะส่งสิ่งของต่างๆผ่านสวรรค์สีเหลือง

สวรรค์สีเหลืองเป็นตลาดเปิด มันไม่ใช่ช่องทางลับ

วิญญาณถ้วยชมทิวทัศน์เป็นประตูมิติที่ไม่คำนึงถึงภูมิภาค

ไม่ว่าจะเป็นวิญญาณถ้วยชมทิวทัศน์หรือวิญญาณประตูแห่งดวงดาว จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้รับพวกมันมาจากฟางหยวนทั้งสิ้น

ด้วยบุลลิกแรกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา เป็นธรรมดาที่เขาจะหลอมรวมพวกมันเก็บไว้เป็นจำนวนมาก

ดังนั้นวิญญาณทั้งสองดวงจึงถูกส่งจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาโดยตรง พวกมันทำให้วิญญาณแสงสมบัติในสวรรค์สีเหลืองส่องประกายสว่างไสวและดึงดูดความสนใจจากผู้อมตะมากมาย

หลังจากทั้งหมดพวกมันเป็นเพียงวิญญาณระดับมนุษย์แต่กลับล้ำค่ามาก

ผู้อมตะหลายคนพยายามสอบถามแต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาปฏิเสธที่จะตอบ

วิญญาณชุดที่สามยังเป็นวิญญาณระดับมนุษย์ พวกมันถูกส่งมาจากคลังสมบัติของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาโดยตรง ฟางหยวนต้องการใช้วิญญาณเหล่านี้ทดสอบมิติช่องว่างจักรพรรดิ

การทดสอบก่อนหน้าเป็นเพียงการสังเกตอย่างผิวเผินเท่านั้น

เพื่อเรียนรู้มิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาต้องใช้วิญญาณเป็นเครื่องมือ

วิญญาณชุดที่สี่เป็นวิญญาณหลัก

มันคือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง!

ฟางหยวนขโมยวิญญาณมากมายมาจากโป้ชิง เขาใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อหลอกลวงวิญญาณเหล่านี้และค่อยๆปรับแต่งพวกมันอย่างช้าๆ

ก่อนเข้าร่วมการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาสามารถปรับแต่งวิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณเท่านั้น แต่ในช่วงเวลาสำคัญ มันยังช่วยเขาพลิกสถานการณ์

ตอนนี้วิญญาณอมตะเปลี่ยนวิญญาณยังอยู่กับฟางหยวน

สำหรับวิญญาณอมตะดวงอื่นๆ มันเต็มไปด้วยเจตจำนงของโป้ชิงและเป็นเรื่องยากที่จะปรับแต่งพวกมัน ดังนั้นวิญญาณเหล่านี้จึงถูกทิ้งไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

อย่างไรก็ตามแม้จะไม่สามารถปรับแต่งแต่ไม่ได้หมายความว่าไม่สามารถ ค่ายกลวิญญาณที่ฟางหยวนสร้างขึ้นยังปรับแต่งพวกมันตลอดเวลา

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเป็นความโชคดีของฟางหยวนที่ไม่ได้นำวิญญาณอมตะเหล่านี้ติดตัวไปยังภูเขาอี้เทียน มิฉะนั้นตอนนี้พวกมันจะตกอยู่ในกำมือของอิงอู๋เซี่ย

วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบเหล่านี้ประกอบไปด้วยวิญญาณดาบแห่งปัญญาระดับแปด วิญญาณดาบทะลวงมิติระดับเจ็ด วิญญาณคิ้วดาบระดับเจ็ด วิญญาณคลื่นดาบระดับเจ็ด และวิญญาณดาบบินระดับเจ็ด

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่งเพียงวิญญาณดาบทะลวงมิติและวิญญาณดาบบินให้กับฟางหยวนเท่านั้น

ธุรกรรมเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็วแต่มันกลับสร้างความโกลาหลขึ้นในสวรรค์สีเหลือง

“แสงสมบัติสูงหลายร้อยเมตร เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“ธุรกรรมวิญญาณอมตะงั้นหรือ!?”

“เป็นไปได้อย่างไร?”

“ข้าเห็นมัน! บางคนขายวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวง พวกเขาเคลื่อนไหวเร็วมาก!”

“ซื้อขายวิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวง โอ้ สวรรค์! ข้าไม่มีวิญญาณอมตะระดับหกแม้แต่ดวงเดียว ผู้ใดช่างร่ำรวยนัก!?”

ธุรกรรมวิญญาณระดับมนุษย์จากก่อนหน้าดึงดูดความสนใจจากผู้คนไปบ้างแล้ว ตอนนี้เมื่อเกิดการซื้อขายวิญญาณอมตะ มันจึงช่วยไม่ได้ที่จะเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในสวรรค์สีเหลือง

โดยปกติธุรกรรมวิญญาณอมตะมักจะเป็นการแลกเปลี่ยนวิญญาณ มันหาได้ยากที่จะพบเห็นการซื้อขายวิญญาณอมตะด้วยหินวิญญาณอมตะ

ดังนั้นการทำธุรกรรมของฟางหยวนกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงไม่ต่างจากการโยนหินลงไปในทะเลสาบและสร้างระลอกคลื่นให้เกิดขึ้น

“วิญญาณอมตะสองดวง…แต่ละดวงทำให้แสงสมบัติสูงหลายร้อยเมตร แต่อีกฝ่ายกลับจ่ายด้วยหินวิญญาณอมตะ!”

ข้อมูลนี้ทำให้บทสนทนาร้อนแรงมากขึ้นไปอีก

“เจ้าล้อข้าเล่นหรือไม่?”

“นี่ไม่ใช่ธุรกรรมปกติ พวกเขาใช้สวรรค์สีเหลืองในการขนส่งวิญญาณ!”

“แม้พวกเขาจะต้องการขนส่งวิญญาณอมตะแต่มันก็หาได้ยากเพราะสวรรค์สีเหลืองจะเก็บค่าธรรมเนียมตามความสว่างไสวของแสงสมบัติ!”

ในครั้งเดียว ฟางหยวนกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำให้สวรรค์สีเหลืองตกอยู่ในความสันสบวุ่นวาย

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท