เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1030

ตอนที่ 1030

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1030 ไห่ลั่วหลันรู้ความจริง

แปลโดย iPAT

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยได้ยินเกี่ยวกับวิญญาณโชคอึสุนัข

ในสถานการณ์ปัจจุบันการเปิดเผยวิญญาณกาลเวลาไม่ใช่เรื่องใหญ่

ผู้อมตะวังสวรรค์รู้เรื่องนี้ นั่นหมายความว่านิกายโบราณทั้งสิบก็ต้องรู้และโลกของผู้อมตะก็ต้องรู้เช่นเดียวกัน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต่อ “น่าเสียดายที่วิญญาณกาลเวลาดวงนี้เป็นวิญญาณระดับหก หากเป็นวิญญาณกาลเวลาระดับเก้า เจ้าจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้วิญญาณกาลเวลาอยู่ในมือของอิงอู๋เซี่ย เราไม่สามารถให้เขาใช้งานมันได้! ข้ามีวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเพียงเล็กน้อย แต่มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะต่อต้านวิญญาณกาลเวลาระดับหก”

“ต่อต้านวิญญาณกาลเวลา?” ฟางหยวนรู้สึกสนใจมาก ในความเป็นจริงเขากังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากที่สุด

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต่อ “วิญญาณกาลเวลาเป็นเพียงวิญญาณระดับหก มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการโดยเฉพาะเมื่อเรารู้ว่าผู้ใดครอบครองมันอยู่ มันอาจเป็นวิญญาณหลักของเทพปีศาจบัวแดง แต่แล้วอย่างไร? มีเพียงผู้ใช้วิญญาณที่ไม่อาจเอาชนะ แต่ไม่มีวิญญาณที่ไม่สามารถเอาชนะ บนโลกใบนี้เส้นทางแห่งกาลเวลาไม่ได้ยิ่งใหญ่ที่สุด ทุกเส้นทางล้วนมีความแข็งแกร่งของตนเอง แต่หากเราใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา มันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการต่อต้านวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลา”

ฟางหยวนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

วิญญาณกาลเวลามีความสามารถที่น่าอัศจรรย์ แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีต่อต้าน มนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด วิญญาณคือแก่นแท้แห่งสวรรค์พิภพ ธรรมชาติจะรักษาสมดุลของมันเสมอ มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากจะมีวิธีการบางอย่างสามารถต่อต้านวิญญาณกาลเวลา

‘ตั้งแต่กำเนิดใหม่ ข้าคิดว่าวิญญาณกาลเวลาเป็นไพ่ตายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้ามาตลอด ผู้ใดจะคิดว่าวันหนึ่งข้าจะต้องจัดการมัน’ ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

ขณะที่เขากำลังติดต่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ในเวลาเดียวกันที่ภาคกลาง

หุบเขาหมิงเติ้ง

นี่เป็นหุบเขาที่มีชื่อเสียงของภาคกลาง

มันอยู่ภายใต้การปกครองของนิกายเมฆาวายุและนิกายบัวสวรรค์ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ให้กำเนิดวิญญาณบนเส้นทางแห่งแสง

ลึกเข้าไปในหุบเขา มีปีศาจอมตะซ่อนตัวอยู่

เขาคือขุนเขาที่ไม่สามารถเคลื่อนย้าย กงซุนเหลียง

ทันใดนั้นเขาพลันเปิดเปลือกตาขึ้น

“มีบางคนติดต่อข้างั้นหรือ?” เขาพึมพำเบาๆ ความสงสัยบนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดจริงจังหลังจากนั้น

เขาเพ่งจิตเข้าไปในมิติช่องว่างของตนและใช้วิธีการสื่อสารบางอย่าง

“นายท่าน ท่านต้องการยืมวิญญาณอมตะของข้างั้นหรือ?”

อีกด้านหนึ่ง ในส่วนลึกของถ้ำนรกใต้พิภพ อิงอู๋เซี่ยตอบกลับ “ถูกต้อง”

กงซุนเหลียงเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความลังเล

เขาเป็นปีศาจอมตะที่ถูกไล่ล่าโดยเฉพาะจากนิกายโบราณทั้งสิบ

เขาใช้ชีวิตเหมือนคนจรจัด ครั้งหนึ่งเมื่อเขาตกลงสู่หลุมพรางของศัตรูและเกือบเสียชีวิต เขาถูกช่วยไว้โดยชายลึกลับผู้หนึ่ง

กงซุนเหลียงไม่เพียงสามารถรักษาชีวิต เขายังสามารถเข้าร่วมกับองค์กรลึกลับ

มันมีชื่อว่า ท้าทายสวรรค์

สมาชิกขององค์กรถูกเรียกด้วยตัวเลข

ปราศจากความช่วยเหลือจากองค์กรนี้ กงซุนเหลียงจะไม่มีชีวิตที่สงบสุขเช่นวันนี้

เมื่อเวลาผ่านไปเขาเริ่มเห็นความสำคัญขององค์กรนี้มากขึ้นและสามารถคาดเดาแรงจูงใจของพวกเขาได้บ้าง

‘ตัวเลขระบุตัวตนของสมาชิกหมายถึงลำดับก่อนหลังในการเข้าร่วมและสถานะของพวกเขา นายท่านอยู่บนจุดสูงสุด เขาเป็นผู้สร้างนิกายท้าทายสวรรค์ แต่ตอนนี้เขากลับขอยืมวิญญาณอมตะจากข้า…’

หลังจากลังเลอยู่นาน กงซุนเหลียงทำได้เพียงกัดฟันและพยักหน้า

ภาคกลาง นิกายดาบสวรรค์

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งดาบสองคน เหมาจุน และ เหมาอวี๋ กำลังปรึกษากันเกี่ยวกับปัญหาของนิกาย

ทันใดนั้นร่างกายของเหมาจุนพลันสั่นสะท้านขึ้นเมื่อได้รับข้อความจากอิงอู๋เซี่ย

เหมาจุนกล่าวกับเหมาอวี๋ด้วยความลังเล “นายท่านติดต่อมา ท่านต้องการยืมวิญญาณอมตะของพวกเรา”

เหมาอวี๋ขมวดคิ้ว “คนผู้นี้ลึกลับเกินไป เราพึ่งเข้าร่วมนิกายท้าทายสวรรค์ได้เพียงไม่นาน เราไม่เคยได้ยินข้อมูลเกี่ยวกับเขา แต่ตอนนี้เขากลับติดต่อมาเพื่อขอยืมวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

เหมาจุนพยักหน้า “เราเข้าร่วมนิกายท้าทายสวรรค์เพราะต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา แต่ก่อนหน้านี้เมื่อพวกเราพยายามแยกตัวออกจากนิกายกระเรียนอมตะ พวกเขากลับไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ ตอนนี้เขากลับต้องการยืมวิญญาณอมตะของพวกเรา ช่างไร้ยางอายนัก!”

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา สมาชิกบางคนของนิกายดาบสวรรค์ก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นกองกำลังที่มีผู้อมตะสามคน

นิกายดาบสวรรค์เป็นกองกำลังย่อยของนิกายกระเรียนอมตะ แต่เมื่อพวกเขามีผู้อมตะสามคน พวกเขาจึงต้องการแยกตัวออกไป

น่าเสียดายที่แผนการของพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จขณะที่ผู้อมตะคนที่สามของนิกายดาบสวรรค์ถูกดึงเข้าสู่นิกายกระเรียนอมตะ

หลังจากนั้นเป็นต้นมาชีวิตของเหมาจุนและเหมาอวี๋ก็กลายเป็นยากลำบาก

ทั้งสองต้องการหยิบยืมความแข็งแกร่งจากนิกายท้าทายสวรรค์ แต่ความปรารถนาของพวกเขาไม่ได้รับการตอบสนอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีความสุขนัก

นี่ทำให้อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถยืมวิญญาณอมตะจากพวกเขา

“ปัง!”

ในห้องลับ อิงอู๋เซี่ยทุบโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าอย่างแรง

“ฮืม เหมาจุน เหมาอวี๋…” อิงอู๋เซี่ยกัดฟันแน่นด้วยความโกรธ

แน่นอนว่านิกายท้าทายสวรรค์ถูกสร้างขึ้นโดยนิกายเงา

ภาคกลางแตกต่างจากอีกสี่ภูมิภาค วังสวรรค์คือจุดสูงสุด พวกเขาใช้นิกายโบราณทั้งสิบเพื่อควบคุมทรัพยากรทั้งหมด

ขณะเดียวกันนิกายขนาดเล็กและขนาดกลางมากมายต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด

ผู้ใดบ้างที่จะไม่ต้องการยกระดับ ผู้ใดไม่ต้องการขยายอาณาเขตของตน และผู้ใดจะไม่ต้องการทรัพยากรที่มากขึ้น?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อมตะ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเป็นครั้งคราว ดังนั้นพวกเขาจึงถูกบังคับให้บ่มเพาะและยกระดับ มิฉะนั้นพวกเขาจะตายในภัยพิบัติ

การเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่มีผู้ใดสามารถทำอาหารโดยปราศจากวัตถุดิบ

แต่นิกายโบราณทั้งสิบมีความแข็งแกร่งที่ไม่น่าเชื่อ พวกเขาสามารถยึดครองทรัพยากรส่วนใหญ่ ขณะที่กองกำลังอื่นไม่สามารถรวบรวมความแข็งแกร่งเพื่อต่อต้านพวกเขา

ผู้คนที่มีความทะเยอทะยานสังเกตเห็นสิ่งนี้และพยายามรวมกลุ่มทุกประเภท

แต่พันธมิตรเหล่านี้ไม่แข็งแรง เนื่องจากนิกายโบราณทั้งสิบพยายามสร้างปัญหาทุกประเภทให้กับพวกเขา

แน่นอนว่าปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะท้าทายนิกายโบราณทั้งสิบของภาคกลาง

ดังนั้นนิกายเงาจึงสร้างนิกายท้าทายสวรรค์ขึ้นอย่างลับๆและพยายามรวบรวมสมาชิกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง

แต่นี่เป็นเพียงแผนการเล็กๆของพวกเขา นิกายเงาไม่ได้คาดหวังกับมันมากนัก

ยิ่งมีสมาชิกมากเท่าใด มันก็ยิ่งจัดการได้ยากเท่านั้น

นอกจากนี้สมาชิกขององค์กรไม่ใช่ปีศาจต่างโลก พวกเขาไม่สามารถหลบหนีจากชะตากรรมและต่อต้านเจตจำนงสวรรค์

นี่เป็นเหตุให้ผู้คนเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในแผนการหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

แต่หลังจากนิกายเงาล้มเหลว อิงอู๋เซี่ยยังสามารถใช้ประโยชน์จากนิกายท้าทายสวรรค์

อย่างไรก็ตามเขาไม่ประสบความสำเร็จมากนักในการยืมวิญญาณอมตะ

มีเพียงตัวตนเช่นกงซุนเหลียงที่ไร้ผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังเท่านั้นจึงจะให้อิงอู๋เซี่ยยืมวิญญาณอมตะเพราะไม่มีทางเลือก

อิงอู๋เซี่ยใช้เวลาค่อนข้างนานในการหยิบยืมวิญญาณอมตะขณะที่วิญญาณของฟางหยวนค่อยๆระเบิดตัวเองไปทีละดวง

แต่สุดท้ายอิงอู๋เซี่ยก็สามารถควบคุมสถานการณ์และป้องกันไม่ให้วิญญาณเหล่านั้นทำลายตัวเอง

“ฟางหยวน ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก! เจ้าช่างเด็ดเดี่ยวนัก!” ท่ามกลางความมืด อิงอู๋เซี่ยแสดงออกอย่างเคร่งขรึม “แต่มีเพียงคนที่มีความสามารถเช่นเจ้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติฉกชิงทารกอมตะ!”

หลังจากปรับแต่งวิญญาณทั้งหมดของฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยยังใช้วิญญาณอมตะที่ยืมมากำจัดเจตจำนงปลอมที่อยู่ในใจของเขาออกไป

แต่ระหว่างนี้เขาตระหนักถึงการเคลื่อนไหวของไห่ลั่วหลัน

ไห่ลั่วหลันนั่งอยู่บนเตียงหินและเปิดเปลือกตาขึ้น

นางขมวดคิ้วและเผยให้เห็นถึงความกังวลในดวงตา

ท่ามกลางความมืด นางได้ยินเสียงของอิงอู๋เซี่ย “ไห่ลั่วหลัน หยุดพยายามได้แล้ว เจ้าไม่สามารถเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองในสถานที่แห่งนี้”

ไห่ลั่วหลันกำลังจะกล่าวแต่กลับถูกขัดจังหวะโดยอิงอู๋เซี่ย “เจ้าไม่จำเป็นต้องแสร้งแสดงละคร ข้ารู้ว่าเจ้าสงสัยในตัวข้า เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้า ข้าไม่ใช่ฟางหยวน ชื่อของข้าคืออิงอู๋เซี่ย”

การแสดงออกของไห่ลั่วหลันเปลี่ยนแปลงไปทันที

หลังจากทั้งหมดนางไม่ใช่ไท่เป่ยหยุนเฉิงที่สามารถหลอกลวงได้โดยง่าย

ตั้งแต่ฟางหยวนตื่นขึ้นจากอาณาจักรแห่งความฝัน เขาทำตัวแปลกประหลาดมาโดยตลอด ไห่ลั่วหลันไม่สามารถระงับความสงสัยที่อยู่ในใจ แต่เวลานั้นนางต้องพึ่งพาวิญญาณท่องแดนอมตะเพื่อหลบหนีออกจากภาคใต้เป็นอันดับแรก

มีค่ายกลวิญญาณมากมายอยู่ในสถานที่แห่งนี้ มันทำให้ไห่ลั่วหลันไม่สามารถเชื่อมต่อกับสวรรค์สีเหลือง

นี่ทำให้ไห่ลั่วหลันสงสัยตัวตนของอิงอู๋เซี่ยมากขึ้นไปอีก

แต่ตอนนี้เมื่ออิงอู๋เซี่ยบอกความจริงกับนางโดยตรง นางจึงไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไร

อิงอู๋เซี่ยยังกล่าวต่อ “ข้าเป็นหนึ่งในร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่เข้ายึดร่างของฟางหยวน ตอนนี้เจ้ามีทางเลือกสองทาง หนึ่งคือตาย สองคือทิ้งฟางหยวนและเข้าร่วมกับข้า”

ในมุมมองของอิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลันครอบครองสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงและสามารถหลบหนีจากชะตากรรม นางถือเป็นตัวหมากชั้นยอด

แต่หากไห่ลั่วหลันไม่รู้ว่าสิ่งใดดีต่อตัวนาง อิงอู๋เซี่ยก็พร้อมที่จะสังหารนางและใช้ศพของนางเพื่อลบสถานะผีดิบอมตะ

ด้วยค่ายกลวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ อิงอู๋เซี่ยมั่นใจมากว่าตนเองสามารถเอาชนะไห่ลั่วหลัน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท