เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 1025
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1025 ค่ำคืนที่มืดมิด สายลมที่เหน็บหนาว
แปลโดย iPAT
“ฮูม…”
ฟางหยวนบินข้ามท้องฟ้าด้วยร่างกายที่ลุกเป็นไฟ
สถานการณ์ก่อนหน้าค่อนข้างอันตราย
เผชิญหน้ากับเฮากงตง แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะสามดวงรวมถึงวิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งความฝันและจิตวิญญาณ พวกมันก็มีประโยชน์ไม่มากในการต่อสู้
กระทั่งฟางหยวนจะต้องการเปลี่ยนวิญญาณกับเฮากงตง เขาก็ไม่สามารถทำได้
ก่อนหน้านี้ในการเปลี่ยนวิญญาณกับอิงอู๋เซี่ย เขาต้องจ่ายด้วยวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมาก
วิญญาณระดับมนุษย์ทั้งหมดที่เขามีอยู่ในเวลานี้ไม่เพียงพอให้เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะ
แต่ด้วยการใช้ทักษะการแสดงที่สุดยอดของเขา มันจึงช่วยบรรเทาสถานการณ์และทำให้เขาสามารถปล้นชิงวิญญาณระดับห้าจำนวนสี่ดวงมาจากเฮากงตง
‘ในการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ข้าได้เห็นความขัดแย้งระหว่างผู้อมตะภาคใต้และได้รับข้อมูลมากมาย ด้วยเหตุนี้ข้าจึงได้เรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่เก้าของตระกูลช่ายกับตงฟางเซียงจี้’
‘แต่สิ่งสำคัญที่ทำให้ข้าสามารถหลอกเฮากงตงเป็นเพราะความช่วยเหลือจากวิญญาณทัศนคติ’
แม้ฟางหยวนจะมีท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย แต่นอกจากวิญญาณทัศนคติ เขาก็ไม่มีวิญญาณดวงอื่นที่ใช้ปลดปล่อยท่าไม้ตายนี้
เขาสามารถใช้เพียงวิญญาณทัศนคติเท่านั้น
‘ความสามารถของวิญญาณทัศนคติคือการปกปิดอารมณ์ที่แท้จริงและแสดงทัศนคติปลอมเพื่อทำให้ฝ่ายตรงข้ามหลงเชื่อ’
เมื่อคิดย้อนกลับไป ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกว่าวิญญาณทัศนคติมีประโยชน์จริงๆ
ด้วยการใช้วิญญาณทัศนคติอย่างลับๆ การแสดงของฟางหยวนจึงยิ่งไร้ที่ติและทำให้เฮากงตงไม่กล้ายั่วยุเขา
มีข้อดีอีกประการ นั่นคือวิญญาณทัศนคติไม่พึ่งพาพลังงานอมตะ มันต้องการเพียงพลังจิตเท่านั้น
ฟางหยวนพึ่งเปลี่ยนร่าง เขายังต้องใช้เวลาสะสมพลังงานอมตะ
‘น่าเสียดายที่วิญญาณทัศนคติไม่ใช่ของข้า ข้าต้องคืนให้กับไห่ลั่วหลันในที่สุด’ ฟางหยวนรู้สึกเสียดาย
ฟางหยวนกับไห่ลั่วหลันมีข้อตกลงพันธมิตร ข้อตกลงนี้เข้มงวดมาก มันจำกัดทั้งในแง่ของร่างกายและดวงวิญญาณ
แม้ฟางหยวนจะอยู่ในร่างใหม่ เขาก็ยังไม่สามารถฝ่าฝืนข้อตกลง
‘แต่ผลกระทบจากข้อตกลงพันธมิตรจะถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน หนึ่ง ร่างกาย สอง ดวงวิญญาณ ดังนั้นข้าถือว่าเป็นพันธมิตรเพียงครึ่งเดียว’
‘เห้อ…ถึงเป็นเช่นนั้นมันก็ยังอันตรายมาก กระทั่งมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของข้า แต่ดวงวิญญาณของข้าจะไม่สามารถอดทน’
‘หือ…ร่างนี้มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญาค่อนข้างมากทีเดียว!’
ขณะที่ฟางหยวนกำลังครุ่นคิด เขากระหนักถึงบางสิ่งอย่างกะทันหัน
ก่อนหน้าเขาอยู่ในร่างผีดิบอมตะ ความคิดของเขาไม่ต่างจากคนชราและต้องใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาช่วยในการคิด
แต่ร่างใหม่ของเขาสามารถสร้างกลุ่มความคิดและมอบแรงบันดาลใจมากมายให้เขาราวกับน้ำพุธรรมชาติที่ปะทุขึ้นสู่อากาศ
‘ในที่สุดข้าก็สามารถหยุดใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อเติมเต็มความคิด’ ฟางหยวนรู้สึกดีใจจนแทบจะกลั่นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ในอดีตเขาเสียค่าใช้จ่ายมากมายกับเรื่องนี้
แต่ด้วยร่างที่มีชีวิต เขาสามารถผลิตกลุ่มความคิดได้ด้วยตนเอง
‘ตราบเท่าที่เป็นมนุษย์มีชีวิต พวกเราสามารถใช้ความคิดทุกประเภท แต่ร่างนี้สามารถผลิตกลุ่มความคิดได้รวดเร็วกว่าปกติเป็นอย่างมาก ข้ารู้สึกราวกับอยู่ภายใต้แสงแห่งปัญญาตลอดเวลา’
ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงคาดเดาว่าร่างใหม่ของเขาเต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา
สำหรับตัวเลขที่แน่ชัด เขายังไม่สามารถประเมิน
‘นอกจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งปัญญา ข้ายังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟจำนวนมาก!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นเมื่อมองเปลวเพลิงที่ลุกไหม้อยู่บนร่างกาย
เปลวเพลิงนี้เกิดจากวิญญาณอาภรณ์เพลิงระดับห้า
เฮากงตงใช้วิญญาณดวงนี้เช่นกัน แต่เขาสามารถปลดปล่อยเปลวเพลิงได้เพียงเล็กน้อย
แต่อาภรณ์เพลิงของฟางหยวนยาวมาก
นอกจากวิญญาณอาภรณ์เพลิง ฟางหยวนยังยืมวิญญาณเขม่าควันระดับห้ามาด้วย
ตอนนี้ฟางหยวนกำลังบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณดวงนี้
วิญญาณเขม่าควันจะปลดปล่อยควันสีดำออกมาและทำให้ผู้ใช้วิญญาณสามารถพุ่งทะยานขึ้นสู่อากาศ
สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความเร็วของเขาเหนือกว่าความสามารถของวิญญาณดวงนี้ไปไกลมาก
มันสามารถเปรียบเทียบกับท่าไม้ตายระดับมนุษย์!
ฟางหยวนคิด ‘ดูเหมือนไม่เพียงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งไฟแต่ข้ายังมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เหมาะสมกับการบินอีกด้วย’
ด้วยวิธีนี้ ความสำเร็จด้านการบินของเขาจึงบรรลุสู่ระดับกึ่งปรมาจารย์เอก
ความสามารถในการบินหมายถึงความสามารถในการเคลื่อนไหวระหว่างการต่อสู้ มนุษย์เดินดินสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าข้างหลังด้านซ้ายและด้านขวา แต่มนุษย์ที่บินได้ไม่มีข้อจำกัดด้านทิศทาง นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพอย่างแท้จริง
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของเขาเพิ่มสูงขึ้นด้วยวิญญาณเพียงดวงเดียว!
แน่นอนว่าพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของฟางหยวนยังถือว่าต่ำมาก หากเขาพบผู้อมตะภาคใต้ เขาต้องใช้วิญญาณทัศนคติหลอกฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
‘ข้าควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้และตามหาอิงอู๋เซี่ย ข้าต้องเปิดเผยตัวตนของเขาและรวมกลุ่มกับไห่ลั่วหลันและไท่เป่ยหยุนเฉิง’
เมื่อภูเขาอี้เทียนถูกปกคลุมไปด้วยอาณาจักรแห่งความฝัน อิงอู๋เซี่ยย่อมไม่กลับไปที่นั่น เจตจำนงพิเศษของฟางหยวนจะไม่ทำงานหากอิงอู๋เซี่ยไม่นำวิญญาณของเขากลับไปยังภูเขาอี้เทียน
นอกจากนั้นหากเกินเวลาที่กำหนด พวกมันจะระเบิดตัวเอง
แต่ตราบเท่าที่ฟางหยวนพบอิงอู๋เซี่ย เขายังสามารถเปลี่ยนสถานการณ์
วิธีการก็คือให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันช่วยรวบรวมวิญญาณเพื่อให้ฟางหยวนสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนวิญญาณอีกครั้งและควบคุมวิญญาณของเขา
แต่เวลามีจำกัด ฟางหยวนต้องรีบ
ความสามารถในการบินของเขาช่วยขยายมุมมองสายตา
มันดีกว่าการเดินเท้ามาก!
ระหว่างทางเขาพบร่องรอยการต่อสู้มากมาย
ผู้อมตะมักต่อสู้กันบนท้องฟ้า นี่คือสิ่งที่แตกต่างจากผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์
ดังนั้นร่องรอยของการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะมักไม่ปรากฏบนพื้นดิน
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปฟางหยวนยังไม่พบเป้าหมาย
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืด หัวใจของฟางหยวนก็จมดิ่งลง
“เห้อ…” เขาถอนหายใจและยอมแพ้ที่จะตามหาอิงอู๋เซี่ย
เพื่อตามหาเป้าหมาย ฟางหยวนเสี่ยงมาก
สถานที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัย
ผู้อมตะภาคใต้มากมายตกตายลงที่ภูเขาอี้เทียน ตอนนี้กองกำลังทั้งหมดของภาคใต้กำลังส่งคนออกมาตรวจสอบพื้นที่
กลุ่มของไห่ลั่วหลันพบผู้อมตะเหล่านั้นระหว่างทาง
ฟางหยวนก็เช่นกัน เขาพบเฮากงตง
ความแตกต่างระหว่างสองสถานการณ์ก็คือกลุ่มของไห่ลั่วหลันเป็นผู้อมตะจากภาคเหนือ พวกเขาเป็นปฏิปักษ์โดยธรรมชาติของผู้อมตะภาคใต้ ขณะที่ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นของผู้อมตะภาคใต้ออกมา ดังนั้นเขาจึงไม่ดึงดูดความสงสัยมากเกินไป
แต่หากเขายังอยู่ต่อ กระทั่งวิญญาณทัศนคติก็ไม่ทำให้เขาปลอดภัย
‘ข้าทิ้งเจตจำนงปลอมไว้ในใจของอิงอู๋เซี่ยแต่เขากลับไม่ตามหาข้า มันเป็นเพราะการขัดขวางของผู้อมตะภาคใต้งั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่ามีรายละเอียดที่ข้าไม่รู้ซ่อนอยู่?’ ฟางหยวนคาดเดา
‘เทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงาวางแผนมานานหลายหมื่นปี พวกเขาย่อมทิ้งบางสิ่งเอาไว้ เพียงกองกำลังพันธมิตรผีดิบในห้าภูมิภาคก็มีสมบัติเก็บไว้มากมาย อิงอู๋เซี่ยจะไปสถานที่เหล่านั้นหรือไม่?’
‘ในกรณีเลวร้ายที่สุด เขาจะใช้ตัวตนของข้าปล้นชิงทรัพย์สินของข้า แล้วข้าควรทำเช่นไร?’
‘ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเคยเป็นของเทพปีศาจจิตวิญญาณมาก่อน แม้อิงอู๋เซี่ยจะไม่รู้จักภูมิประเทศของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูและแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดวงดาว แต่เขาสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะเดินทางไปยังภูเขาตงฮันกับหุบเขาเหล่าโปได้โดยตรงใช่หรือไม่?’
‘แม้ดวงวิญญาณจะเปลี่ยนไป แต่มีหลายวิธีสามารถหลอกจิตวิญญาณแผ่นดิน สิ่งสำคัญก็คือศัตรูเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ!’
ฟางหยวนหยุดบินและลอยอยู่กลางอากาศ
สายลมที่เหน็บหนาวทำให้จิตใจของเขายิ่งเย็นชา
ค่ำคืนที่มืดมิดทำให้ใบหน้าของเขายิ่งดูเศร้าหมอง
อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง พวกเขาอยู่ที่ใด?
วิญญาณท่องแดนอมตะ!
แสงสีเขียวส่องประกายขึ้นและนำอิงอู๋เซี่ยออกจากภาคใต้
“นายท่าน?” เสียงที่อ่อนน้อมดังขึ้น
“ถูกต้อง เป็นข้า” อิงอู๋เซี่ยตอบเสียงเย็น
เขามองไปรอบๆด้วยริมฝีปากที่ยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้ม