เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1006

ตอนที่ 1006

เทพปีศาจหวนคืน – ตอนที่ 1006
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1006 เข้าและออก

แปลโดย iPAT

“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”

สายฟ้าฟาดลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยประกายสายฟ้าแลบลั่นท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆสีดำ

ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเปลี่ยนเป็นกลุ่มก้อนเมฆสีดำไปแล้ว ผีดิบอมตะสุดยอดกายาทั้งสิบหายตัวไปในกลุ่มเมฆ นี่ทำให้แผนการโจมตีของฟางหยวนล้มเหลว

ท่ามกลางกลุ่มก้อนเมฆสีดำ คฤหาสน์วิญญาณอมตะสามหลังราวกับดวงดาวที่โคจรรอบกันและกัน

ทุกฝ่ายกำลังเฝ้ารอโอกาส แต่กลยุทธ์ของฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ

เมื่อภัยพิบัติเริ่มรุนแรงมากขึ้น ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายากลายเป็นอ่อนแอลง อย่างไรก็ตามมันยังไม่อ่อนแอถึงระดับที่เจ้าวังสวรรค์คาดหวัง

เนื่องจากทั้งสามฝ่ายต่างเฝ้าระวังซึ่งกันและกัน ดังนั้นโอกาสของฟางหยวนจึงไม่เคยมาถึง

“โอ้ ตอนนี้การบ่มเพาะของข้าถึงระดับเจ็ดแล้ว” ในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ อิงอู๋เซี่ยกล่าวอย่างร่าเริง

“ดี เราจะจัดการฟางหยวนก่อนและยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารากล่าว

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า

นิกายเงาจัดเตรียมท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันและชุดวิญญาณที่เหมาะสมให้เขาในทุกระดับการบ่มเพาะ

เหตุใดนิกายเงาจึงเลือกจัดการฟางหยวนก่อนวังสวรรค์?

ประการแรก ฟางหยวนมีการบ่มเพาะระดับหกเท่านั้น เขาจัดการได้ง่ายกว่า นอกจากนี้หลังจากจัดการฟางหยวน นิกายเงายังสามารถครอบครองสนามรบแห่งความโกลาหลและใช้มันต่อสู้กับวังสวรรค์

ประการที่สอง วังสวรรค์ยังไม่ได้กดดันนิกายเงามากนัก สมาชิกนิกายเงาตระหนักถึงเรื่องนี้และกำลังใช้ประโยชน์จากมัน

ประการที่สาม อิงอู๋เซี่ยอยู่ในระดับเจ็ดเท่านั้น ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันยังไม่มีประโยชน์มากนักกับผู้อมตะระดับแปดจำนวนมากของวังสวรรค์ หากใช้มันมากเกินไป ฝ่ายตรงข้ามจะมีเวลาอนุมานและหาวิธีป้องกัน

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนเป็นจริงจังขณะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตาย

“อย่าประมาท ช้าๆ”

“เจ้าทำได้ โชคดี!”

สมาชิกนิกายเงารู้สึกประหม่ายิ่งกว่าตัวของอิงอู๋เซี่ยเอง

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันระดับเจ็ด นำวิญญาณสู่ความฝัน!

ภายใต้การจ้องมองของทุกคน อิงอู๋เซี่ยไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง เขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายได้สำเร็จ

พลังอำนาจลึกลับพุ่งตรงไปยังคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหล

ฟางหยวนไม่ได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า ดังนั้นเขาจึงถูกนำเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันทันที

ในศาลาบนเกาะกลางทะเลสาบ เทพอมตะกลุ่มดาวกำลังดีดพิณของนาง

“บทเพลงที่ล้มเหลวและวีรบุรุษที่สิ้นหวัง ความยากลำบากในการต่อต้านโชคชะตา”

“ดาบที่จมอยู่ใต้พื้นทรายทะยานขึ้นจากห้วงอดีตสร้างเสียงครวญครางไปทั่วน้ำตกสวรรค์”

“อนิจจา…”

“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?”

“ร่างกายและจิตใจอาจเปลี่ยนผัน แต่เจตจำนงสวรรค์ยังยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต”

เหมือนสองครั้งก่อนหน้า ข้อมูลจำนวนมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวน

“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ? ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว…นำวิญญาณสู่ความฝัน…ดังนั้นความจริงเบื้องหลังนิกายเงาก็คือสิ่งนี้!” ฟางหยวนตกตะลึง

“แปลก” ในเวลาเดียวกัน อิงอู๋เซี่ยเกาศีรษะของตนอยู่ในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์

“เกิดสิ่งใดขึ้น? เจ้าทำไม่สำเร็จงั้นหรือ?” คนอื่นๆถาม

พวกเขากังวลมากกับการแสดงออกที่แปลกประหลาดของอิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยส่ายศีรษะ “เขาหลับและเข้าสู่ความฝัน แต่ผลลัพธ์กลับแตกต่างออกไป”

ผู้อมตะนิกายเงารู้สึกผ่อนคลายลง

“อิงอู๋เซี่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าใช้ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด เป็นเรื่องปกติที่มันจะแตกต่างจากสิ่งที่เจ้าคาดหวัง”

“เมื่อเราทำสำเร็จ เราจะฉวยโอกาสนี้ยึดครองสนามรบแห่งความโกลาหล”

เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์กลับลำและพุ่งตรงไปยังสนามรบแห่งความโกลาหลทันที

อย่างไรก็ตามในจังหวะที่เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้สนามรบแห่งความโกลาหล อิงอู๋เซี่ยกลับเบิกตากว้าง “โอ้ ไม่ เขาสามารถหลบหนีจากมัน!”

ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันส่งผลกระทบต่อผู้อมตะคนอื่นๆ

แต่ฟางหยวนกลับได้รับผลกระทบจากมันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เพราะเหตุใด?

นับรวมผู้อมตะทั้งหมดที่นี่ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งความฝันของฟางหยวนเป็นรองเพียงอิงอู๋เซี่ยคนเดียวเท่านั้น

นอกจากนั้นเขายังมีท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝัน

อย่างไรก็ตามท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับหก ตามหลักการ มันไม่ควรจะสามารถนำฟางหยวนหลบหนีจากท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันระดับเจ็ด

แต่อาณาจักรแห่งความฝันที่ฟางหยวนเข้าไปแปลกมาก

ดูเหมือนมันจะเป็นอาณาจักรแห่งความฝันของเทพอมตะกลุ่มดาวขณะที่ความยากของมันต่ำมาก

หากท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันครั้งเดียวยังไม่เพียงพอ ฟางหยวนจะใช้มันซ้ำๆ

เขามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันมากมาย เขาสามารถกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันได้หลายครั้ง

การรวบรวมผลไม้แห่งความฝันทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์อย่างมากในเวลานี้

แต่มันยังสายเกินไปเมื่อฟางหยวนตื่นขึ้น

“บึม!”

สนามรบแห่งความโกลาหลถูกส่งลอยกลับหลัง

ฟางหยวนไม่สามารถทรงตัวยืนอยู่ได้และล้มเหลวบนพื้น

แต่นั่นก็ทำให้สติของเขากลับคืนมาอย่างรวดเร็ว เขาบังคับสนามรบแห่งความโกลาหลบินหนีไปและทำให้แผนการของนิกายเงาล้มเหลว

“เกิดสิ่งใดขึ้น?”

“เขาหลบหนีจากท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝันได้อย่างไร?”

สมาชิกนิกายเงาแสดงออกด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

สถานการณ์นี้เกินกว่าความคาดหมายของพวกเขา

อิงอู๋เซี่ยเกาศีรษะ “ข้าจะลองอีกครั้ง”

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งความฝันระดับเจ็ด นำวิญญาณสู่ความฝัน!

ฟางหยวนถูกโจมตีอีกครั้ง

ในศาลาบนเกาะกลางทะเลสาบ เทพอมตะกลุ่มดาวมองมาที่ฟางหยวนด้วยดวงตาอันลึกลับ

นางถือพิณเอาไว้ในมือ

แต่ครั้งนี้นางไม่ได้ร้องเพลง

เสียงพิณก้องกังวาลและไพเราะ แต่ฟางหยวนไม่มีเวลารื่นรมย์กับมัน เขารู้ว่าตนเองอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน แล้วเขาจะอยู่ที่นี่เพื่อสิ่งใด?

หลังจากใช้ท่าไม้ตายอมตะคลี่คลายความฝันหลายครั้ง ฟางหยวนจึงสามารถหลบหนีออกจากอาณาจักรแห่งความฝันได้ในที่สุด

“เกิดสิ่งใดขี้น!?” อิงอู๋เซี่ยกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

ขณะที่เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้สนามรบแห่งความโกลาหล ฟางหยวนก็ตื่นขึ้นอีกครั้งและสามารถหลบหนี

เมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ได้รับความเสียหายมากกว่าสนามรบแห่งความโกลาหล ดังนั้นความเร็วของมันจึงล่าช้าลงไปมาก

“ลองอีกครั้ง!” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราตะโกน เขายังไม่ยอมแพ้

“อืม!” อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะอีกหน

“บัดซบ! ช่างจัดการได้ยากนัก! ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งความฝันของฝ่ายตรงข้ามเกินกว่ายุคนี้ไปไกลมาก! นำวิญญาณสู่ความฝัน…แม้ข้าจะอยู่ในคฤหาสน์วิญญาณอมตะ มันก็ยังไม่สามารถปกป้องข้า!” การแสดงออกของฟางหยวนก็ไม่ได้ดีไปกว่าผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารา

ในชีวิตก่อนหน้าของฟางหยวน เส้นทางแห่งความฝันเจริญรุ่งเรืองมาก มีคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลายหลังที่เพิ่มเติมวิญญาณบนเส้นทางแห่งความฝันเข้าไปเพื่อป้องกันการโจมตีบนเส้นทางแห่งความฝัน

แต่สนามรบแห่งความโกลาหลเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ถูกส่งผ่านมาจากอดีตอันไกลโพ้น เป็นธรรมดาที่มันจะไม่สามารถต่อต้านการโจมตีบนเส้นทางแห่งความฝัน

“ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน!” ในเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์ อิงอู๋เซี่ยตะโกนอีกครั้ง

“เป็นอย่างไรบ้าง?” สมาชิกนิกายเงามองอิงอู๋เซี่ยด้วยความคาดหวัง

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “เขาอยู่ในความฝัน”

“โจมตี!” โป้ชิงตะโกนและบังคับเมืองขนนกศักดิ์สิทธิ์พุ่งตรงไปยังสนามรบแห่งความโกลาหล

แต่สนามรบแห่งความโกลาหลยังสามารถหลบได้เช่นเดิม

“เกิดสิ่งใดขึ้น? เขาไม่ได้อยู่ในความฝันงั้นหรือ? เหตุใดเขาจึงตอบสนองได้เร็วนัก!?” ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดาราขมวดคิ้ว

“เขาเข้าไป…อา…ไม่…เขาออกมา” อิงอู๋เซี่ยพูดตะกุกตะกัก

สมาชิกนิกายเงากลายเป็นพูดไม่ออก

ภายในสนามรบแห่งความโกลาหล

“โอ้ ตาแก่เป่ย ในช่วงเวลาสำคัญ ข้าต้องพึ่งพาท่านแล้ว สหายของข้า!” เขาตบไหล่ไท่เป่ยหยุนเฉิง

ฟางหยวนรู้ว่านิกายเงาไม่ยอมปล่อยเขาไป ดังนั้นก่อนที่เขาจะถูกส่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันอีกครั้ง เขาจึงเรียกไท่เป่ยหยุนเฉิงมาเป็นกำลังเสริม

ก่อนหน้านี้สนามรบแห่งความโกลาหลสามารถหลบการโจมตีของศัตรูก็เป็นเพราะการควบคุมของไท่เป่ยหยุนเฉิง

ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาไม่อนุญาตให้ฟางหยวนใช้วิญญาณท่องแดนอมตะ

แต่ก่อนออกเดินทางมาที่นี่ ฟางหยวนซ่อนไท่เป่ยหยุนเฉิงไว้ในมิติช่องว่างของเขานานแล้ว

ในขณะเดียวกันไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานก็ซ่อนอยู่ในมิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิง

“ฟางหยวน เจ้าเสี่ยงมากเกินไป!” ไท่เป่ยหยุนเฉิงกล่าวด้วยความตกใจ แม้ไท่เป่ยหยุนเฉิงจะรู้รายละเอียดเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะสนามรบแห่งความโกลาหลมาแล้ว แต่ชายชราไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวข้องกับนิกายเงาและวังสวรรค์

ฟางหยวนหัวเราะ “ศัตรูใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งความฝัน บางทีท่านอาจตกเป็นเป้าหมาย ดังนั้นถึงเวลาเรียกไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานออกมาแล้ว”

ไม่นานหลังจากนั้นไห่ลั่วหลันกับเทพธิดาหลี่ซานจึงปรากฏตัวขึ้น

พวกนางแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อนแต่ส่วนใหญ่เป็นความตกใจ

หลังจากกวาดตามองไปรอบๆ ไห่ลั่วหลันจึงเปิดปากกล่าว “ฟางหยวน เจ้าเก่งเรื่องนำตนเองเข้าสู่สถานการณ์อันตรายจริงๆ”

เทพธิดาหลี่ซานกล่าวต่อ “ฟางหยวน เจ้ากำลังนำพวกเราเข้าสู่กองไฟ!”

ฟางหยวนโบกมือและเผยรอยยิ้ม “ต้องกลัวสิ่งใด? เมื่อพยัคฆ์สองตัวต่อสู้กันย่อมมีฝ่ายได้รับบาดเจ็บ หากพวกท่านช่วยข้า ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถทำสิ่งใด ด้วยการปกป้องจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะ พวกเราจะมีโอกาสคว้าชัยชนะและได้รับรางวัลใหญ่”

ไห่ลั่วหลันพยักหน้าและไม่กล่าวสิ่งใดอีก ดวงตาของนางกำลังส่องประกายขณะประเมินพลังอำนาจของสนามรบแห่งความโกลาหล

เทพธิดาหลี่ซานลอบกังวลอยู่ภายใน เพราะข้อตกลงพันธมิตร นางจึงต้องมา ก่อนหน้านี้ฟางหยวนใช้เหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียนและสนามรบแห่งความโกลาหลล่อลวงพวกนางให้เข้าไปซ่อนตัวในมิติช่องว่างของไท่เป่ยหยุนเฉิง แต่พวกนางไม่คิดว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปไกลเกินกว่าจินตนาการเช่นนี้

มองออกไปด้านนอก เทพธิดาหลี่ซานสามารถมองเห็นผู้อมตะที่มีชื่อเสียงมากมาย

เช่นคำกล่าวของไท่เป่ยหยุนเฉิงก่อนหน้านี้ ฟางหยวนเสี่ยงมากเกินไป!

เช่นนี้แล้วจะไม่ให้เทพธิดาหลี่ซานกังวลได้อย่างไร?

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท