เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1047

ตอนที่ 1047

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1047 ต่อสู้และหลบหนี (2)

แปลโดย iPAT

ไล่ล่าหรือไม่?

กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกมองหน้ากัน

คนแรกที่ตอบสนองคือผู้อมตะระดับเจ็ดถังซ่ง

“อย่าคิดว่าสามารถจากไป!” เขาคำรามและไล่ล่าฟางหยวนไปด้วยความเร็วสูง

ฟางหยวนตะโกน “อย่าคิดว่าข้ากลัวเจ้า! หากไม่ใช่เพราะภารกิจของข้า ข้าจะฆ่าเจ้าที่นี่!”

ถังซ่งโกรธมาก “ไร้สาระ!”

ท่าไม้ตายอมตะของเขาเกือบพร้อมใช้งานแล้ว เขาต้องการกอบกู้ใบหน้าของตนและไม่สามารถปล่อยฟางหยวนไป

การกระทำของเขาทำให้กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกตกตะลึงและติดตามไปเช่นกัน

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง เขาตะโกน “ผู้ใดไม่กลัวตายก็เข้ามา ฮ่าฮ่าฮ่า”

ถังซ่งตะโกนตอบ “คนกลัวตายก็คือคนขี้ขลาด! ไล่ตามเขา พวกเราไม่สามารถปล่อยให้แผนที่ตกอยู่ในมือของคนนอก! โดยการจับคนผู้นี้ พวกเราจะได้รับมรดกของผู้เชี่ยวชาญระดับสูง!”

ด้วยการล่อลวงโดยผลประโยชน์ กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกจึงเร่งความเร็วขึ้น

ฟางหยวนพึมพำ “ช่างโง่เขลานัก”

เขาส่งดาบบินออกไป ถังซ่งตกใจและพยายามหลบ นี่ทำให้ท่าไม้ตายอมตะของเขาถูกขัดจังหวะและต้องเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่แรก

ถังซ่งกระทืบเท้าด้วยความโกรธ

ผู้อมตะระดับเจ็ดหลิวชิงหยูบินผ่านเขาไปและไล่ตามฟางหยวน

ฟางหยวนมองและพยายามหว่านความไม่ลงรอย “หลิวชิงหยู แผนที่อยู่กับเจ้าแต่เจ้ากลับไล่ล่าข้า ช่างเป็นการแสดงที่น่าทึ่งนัก!”

หลิวชิงหยูโกรธมาก “อย่าหนีหากมีความกล้า!”

“หากไม่ใช่เพราะภารกิจของตระกูล เหตุใดข้าต้องวิ่ง?” ฟางหยวนตะโกน “ตามข้าต่อไป หากพวกเจ้ามีความกล้า เรามาดูกันว่าสุดท้ายผู้ใดจะโชคร้ายที่สุด ฮ่าฮ่าฮ่า”

ฟางหยวนแสดงออกด้วยความเย่อหยิ่งและปราศจากความหวาดกลัวแม้เขาจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะจำนวนมาก

ในทางตรงข้ามกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกเริ่มลังเลมากขึ้น

ประเด็นสำคัญก็คือแผนที่อยู่กับผู้ใดกันแน่ สิ่งที่ฟางหยวนกล่าวก่อนหน้านี้มีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน

นอกจากนี้ดูเหมือนฟางหยวนจะมีกำลังเสริม เพื่อกำหราบสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงใหญ่ พวกเขาต้องติดตั้งท่าไม้ตายเขตแดนอมตะหรืออาจนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะออกมา เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก

“หากเราเข้าสู่ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ มันจะกลายเป็นเรื่องยาก…” กลุ่มผู้อมตะเริ่มกังวลมากขึ้น

ถังซ่งเป็นสมาชิกของกองกำลังใหญ่ เขาอาจไม่กลัว แต่ท่ามกลางผู้อมตะกลุ่มนี้มีผู้บ่มเพาะสันโดษร่วมอยู่ด้วย

ผู้บ่มเพาะสันโดษเหล่านี้ไม่มีความสามารถมากนักมิฉะนั้นพวกเขาจะไม่เข้าไปในทะเลไหลเชี่ยวเพื่อแสวงหาโอกาส ท้ายที่สุดเวลาก็เป็นสิ่งมีค่าสำหรับผู้อมตะ

ผู้อมตะที่ติดตามอยู่ด้านหลังเริ่มแยกตัวออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากทั้งหมดผู้อมตะล้วนไม่ใช่คนโง่ พวกเขาเป็นคนฉลาด

บางคนไม่เต็มใจปล่อยฟางหยวนไปแต่พวกเขาเกรงว่าตนเองจะวิ่งเข้าสู่ท่าไม้ตายเขตแดนอมตะและไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจให้คนที่อยู่ด้านหน้าเป็นผู้นำและเฝ้ามองอยู่นอกสนามรบ

“เจ้าพวกนี้ช่างไร้ประโยชน์นัก!” หลิวชิงหยูที่อยู่ด้านหลังฟางหยวนสบถสาปแช่งแต่เขาก็ลังเลเช่นกัน

เขาเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษที่ได้รับโชคลาภโดยบังเอิญและกลายเป็นตัวตนที่โดดเด่น แต่เผชิญหน้ากับท่าไม้ตายเขตแดนอมตะ เขาก็ยังไม่สามารถทำสิ่งใด

กระทั่งถังซ่งยังรู้สึกลังเลแต่เขาก็ไม่กล้าจากไปและทำได้เพียงสะสมความแข็งแกร่งเพื่อรับมือกับกำลังเสริมของศัตรูเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้การไล่ล่าจึงกลายเป็นการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด

ฟางหยวนบินไปข้างหน้าและตะโกนสาปแช่ง เขามีการบ่มเพาะต่ำกว่าแต่การแสดงออกของเขากลับเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส

ด้านหลังคือกลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกที่แข็งแกร่งแต่พวกเขากลับถูกกดดันและแสดงออกราวกับผู้ถูกกระทำ

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายด้านการบินขณะที่กลุ่มผู้อมตะด้านหลังก็ใช้ท่าไม้ตายด้านการบินเช่นกัน

ในความเป็นจริงฟางหยวนมีความมั่นใจน้อยมากกับการกระทำของเขา ‘ช่างยากลำบากนัก! ข้าต้องไปยังกำแพงภูมิภาคและใช้ข้อได้เปรียบด้านสภาพแวดล้อมเพื่อหลบหนีจากพวกเขา’

‘หลิวชิงหยู…’ ฟางหยวนจดจำชื่อนี้เอาไว้

เขาไม่ได้รับแผนที่ใดๆ หรือบางทีเขาอาจทำลายมันไปแล้ว แต่ก็มีความเป็นไปได้เช่นกันที่แผนที่จะอยู่ในมือของหลิวชิงหยู

หากเป็นเช่นนั้นอาจกล่าวได้ว่าทักษะการแสดงของหลิวชิงหยูใกล้เคียงกับฟางหยวนมาก

ฟางหยวนเป็นผู้นำกลุ่มบินข้ามผ่านท้องฟ้า

ถังซ่งเตรียมท่าไม้ตายอมตะของตนอย่างลับๆและสามารถใช้งานได้แล้ว

เขาเคลื่อนที่ผ่านหลิวชิงหยูและเข้าใกล้ฟางหยวนด้วยความตื่นเต้น

การกระทำของเขาทำให้ฟางหยวนระวังตัวมากขึ้นและใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติสร้างระยะห่างออกไปทันที

“บัดซบ!” ถังซ่งสาปแช่ง ท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ดของเขาจะส่งผลกระทบมากขึ้นในระยะประชิด ด้วยระยะห่างในปัจจุบัน เขาไม่มีโอกาสจับตัวฟางหยวน

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดทั้งสองดวงยังใช้งานได้ดี ฟางหยวนสามารถสังหารผู้อมตะระดับหกหรือใช้มันเพื่อสร้างระยะห่าง

ผู้อมตะระดับหกที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นฟางหยวนกำลังบินจากไป ผู้อมตะระดับเจ็ดโจวหลี่เริ่มกระวนกระวาย “ข้ามีวิธี ข้าสามารถพาพวกท่านทั้งคู่ไปกับข้าด้วยความเร็วสูง แต่ข้าต้องการสมาธิและไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจ ข้าหวังว่าพวกท่านจะสามารถหยุดเขา”

หลิวชิงหยูและถังซ่งมองหันกันก่อนจะตกลงรับข้อเสนอ

หลังจากทั้งหมดคนเหล่านี้มีข้อตกลงกันอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงมีพื้นฐานของความไว้วางใจ

โจวหลี่ปลดปล่อยปราณภูตผีออกจากร่างกายและเพิ่มความเร็วให้กับตนเอง

ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหว!

หลิวชิงหยูและถังซ่งกระโดดขึ้นไปบนปราณภูตผีและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างมีความสุข

สถานการณ์ของฟางหยวนกลายเป็นเลวร้าย

ก่อนหน้านี้ด้วยการใช้วิญญาณอมตะดาบบินคอยรบกวน เขาจึงสามารถหลบหนีจากกลุ่มผู้อมตะ แต่ตอนนี้ผู้อมตะสองคนมีเวลาเตรียมตัวสำหรับการโจมตีของพวกเขา นี่ถือเป็นภัยคุกคามครั้งใหญ่สำหรับฟางหยวน

ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มได้รับบาดเจ็บ

“ทำได้ดีมาก คนผู้นี้มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดเพียงสองดวงเท่านั้น เขาไม่มีวิธีการอื่น” โจวหลี่กล่าว

“เขาได้รับบาดเจ็บมาก่อนหน้า มันควรเป็นอาการบาดเจ็บที่เกิดจากสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนั้น” หลิวชิงหยูกล่าว

“แม้เขาจะมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดแต่เขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เขาต้องใช้องุ่นเขียวอมตะจำนวนมาก!” ถังซ่งเผยรอยยิ้มเย็นชา

พวกเขามันใจในชัยชนะ

ดังนั้นพวกเขาจึงอดทนและไม่ได้ระเบิดพลังทั้งหมดออกมาในครั้งเดียว

สถานการณ์ของฟางหยวนค่อนข้างอันตราย

หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาอาจตายจริงๆ

ผู้อมตะเป็นคนฉลาดและสามารถสร้างกลุ่มความคิดที่ซับซ้อน พวกเขาจัดการได้ยากกว่าสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล

หากพวกเขาต่อสู้กันอย่างจริงจัง พลังการต่อสู้ของผู้อมตะกลุ่มนี้ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล แต่ภัยคุกคามจากพวกเขากลับสูงกว่ามาก

‘นี่หมายความว่าข้าสามารถพึ่งพากำแพงภูมิภาคเท่านั้น’ ฟางหยวนบินไปยังกำแพงภูมิภาคที่อยู่ใกล้ที่สุด

กลุ่มผู้อมตะของทะเลตะวันออกยังไล่ล่าเขามาจากด้านหลังพร้อมกับฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล

ในไม่ช้ากำแพงภูมิภาคก็ปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของฟางหยวน

กำแพงภูมิภาคเหมือนจุดสิ้นสุดดินแดน แต่ฟางหยวนกลับบินเข้าไปหามันโดยตรง

“โอ้ ไม่ เขากำลังจะเข้าสู่กำแพงภูมิภาค!” หลิวชิงหยูอุทานเมื่อตระหนักถึงความตั้งใจของฟางหยวน

“เป็นแผนการที่ดี พวกเราเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด หลังจากเขาไปในกำแพงภูมิภาค พวกเขาจะเผชิญกับแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่” โจวหลี่กล่าว

“เร็ว! จู่โจมเขา อย่าให้เขาประสบความสำเร็จ!” ถังซ่งรู้สึกกังวล

การโจมตีของผู้อมตะทั้งสองเปลี่ยนไป

พวกเขาโจมตีอย่างดุเดือด ฟางหยวนไม่สามารถต่อต้านทำให้เขาได้รับบาดเจ็บมากขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า” แต่เขายังหัวเราะ “คนตระกูลถังช่างกล้าหาญนัก! หากข้าตายและทำให้ภารกิจของตระกูลล้มเหลว เราจะไม่ปล่อยเจ้าไป!”

หัวใจของถังซ่งสั่นสะท้านขึ้น “เจ้ากล่าวถึงตระกูลตลอดเวลา เจ้ามาจากตระกูลใดกันแน่? ข้ารู้จักกองกำลังฝ่ายธรรมะทั้งหมดของทะเลตะวันออก เหตุใดข้าจะไม่เคยได้ยินชื่อของเจ้า!”

ฟางหยวนหัวเราะอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแห่งความเกลียดชัง “ถังซ่ง ข้าจะไม่ตกหลุมพรางของเจ้า ภารกิจของเราถูกเก็บเป็นความลับ ข้าถูกส่งตัวมาเพราะเราไม่ต้องการเผชิญหน้ากับการแทรกแซงจากภายนอก แม้เจ้าจะฆ่าข้า ข้าก็จะไม่บอกภูมิหลังของตนเอง ข้าสามารถระเบิดวิญญาณอมตะทั้งหมดของข้า แม้พวกเจ้าจะจับหรือสังหารข้า พวกเจ้าก็จะไม่ได้รับสิ่งใดเลย!”

คำกล่าวของฟางหยวนทำให้หัวใจของพวกเขาจมดิ่งลง

ศัตรูเช่นไรน่ากลัวที่สุด?

ทุกคนมีคำตอบที่แตกต่างกันสำหรับคำถามนี้ แต่ผู้คนจำนวนมากเห็นพ้องต้องกันว่ามันคือศัตรูที่ไม่รู้จัก

เผชิญหน้ากับศัตรูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด พวกเขาไม่สามารถวางแผนการต่อต้าน

นี่คือความกังวลของผู้อมตะทั้งสาม

ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าทั้งหมดเป็นคำโกหกของฟางหยวน

อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลหายากเกินไป แล้วเหตุใดพวกมันจึงไล่ล่าเขา? เรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลัง

หากบางคนกล้ายั่วยุพวกมัน พวกเขาย่อมมั่นใจว่าสามารถกำหราบสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้

และในทะเลตะวันออก กองกำลังชนิดใดที่สามารถต่อต้านพวกมัน?

ชัดเจนว่ามีเพียงกองกำลังใหญ่เช่นตระกูลถังเท่านั้น

คำกล่าวของฟางหยวนทำให้การโจมตีจากผู้อมตะทั้งสามชะลอตัวลง

กำแพงภูมิภาคอยู่ตรงหน้า ฟางหยวนเกือบประสบความสำเร็จในการหลบหนี แต่ในจังหวะนี้โจวลี่กลับโจมตีอย่างกะทันหัน!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท