เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1010

ตอนที่ 1010

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1010 ไม่สามารถต้านทาน

แปลโดย iPAT

มือภูตผียื่นออกมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งชีวิตและความตายมีขนาดใหญ่โตเท่ากับภูเขา

แขนของมันยื่นออกมาได้ไม่เต็มที่และติดอยู่ที่ประตูทางเข้าออก

กลิ่นอายระดับเก้าปะทุออกไปทุกทิศทุกทาง

กลุ่มของฟางหยวนเร่งล่าถอยออกไป

ภายใต้พลังอำนาจระดับเก้า พวกเขารู้สึกราวกับหายใจไม่ออก

เมื่อมองไปที่มือยักษ์อีกครั้ง มันเหมือนเหวลึกอันมืดมิด

“นี่คืออสูรวิญญาณชนิดใด? กลิ่นอายของมันช่างน่ากลัวนัก อสูรวิญญาณทั่วไปไม่สามารถเปรียบเทียบกับสิ่งนี้! เป็นไปได้หรือไม่ว่าโลกนี้จะมีอสูรวิญญาณระดับเก้า!?” ไห่ลั่วหลันอุทานออกมาด้วยความตกใจ

นางยังไม่ตระหนักถึงตัวตนที่แท้จริงของมือภูตผี

“เป็นไปไม่ได้!” ใบหน้าของเทพธิดาหลี่ซานยิ่งซีดขาวกว่าก่อนหน้า นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกใบนี้มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่สามารถบรรลุระดับเก้า นั่นเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่ามนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด”

เมื่อดวงวิญญาณออกจากร่าง พวกมันจะอยู่ในสภาพที่อ่อนแอมาก

แต่มือของเทพปีศาจจิตวิญญาณกลับแข็งแกร่งราวกับหินผา

เทพปีศาจจิตวิญญาณบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ รากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาลึกซึ้งเกินกว่าจิตนาการของผู้คน

‘เทพปีศาจ…เทพปีศาจจิตวิญญาณ…’ มองไปที่มือยักษ์ ฟางหยวนรู้สึกปากแห้ง

เขารู้ที่มาของมือข้างนี้

นี่เป็นเพราะเขาได้รับข้อมูลลึกลับจากบทเพลงของเทพอมตะกลุ่มดาวเมื่อถูกส่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันก่อนหน้านี้

“บทเพลงที่ล้มเหลวและวีรบุรุษที่สิ้นหวัง ความยากลำบากในการต่อต้านโชคชะตา”

“ดาบที่จมอยู่ใต้พื้นทรายทะยานขึ้นจากห้วงอดีตสร้างเสียงครวญครางไปทั่วน้ำตกสวรรค์”

“อนิจจา…”

“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?”

“ร่างกายและจิตใจอาจเปลี่ยนผัน แต่เจตจำนงสวรรค์ยังยิ่งใหญ่และไร้ขอบเขต”

ข้อมูลลึกลับถูกส่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนด้วยบทเพลงลึกลับดังกล่าว

“ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวนำวิญญาณสู่ความฝัน แล้วผู้ใดจะสามารถพักผ่อนอย่างสงบ?” ประโยคนี้กล่าวถึงตัวตนที่แท้จริงของมือภูตผีและทำให้ฟางหยวนได้รู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณอยู่เบื้องหลังนิกายเงา

เมื่อฟางหยวนรู้เรื่องนี้ เขาตกใจมาก ด้วยการเตรียมใจมาก่อนหน้า ฟางหยวนจึงสามารถสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว

ทุกชีวิตต้องตาย

นี่คือกฏของโลกที่ทุกคนเข้าใจดี กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ไม่สามารถหลบหนีจากชะตากรรมนี้

แล้วดวงวิญญาณของผู้อมตะระดับเก้าเหล่านี้จะเป็นอย่างไรหลังจากความตาย?

มีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ในตำนานมนุษย์คนแรก

หลังจากหยางเมิ้งตาย ดวงวิญญาณของเขาเดินทางเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตายและได้พบกับวิญญาณอมตะความเที่ยงธรรมที่นั่น

บนถนนแห่งชีวิตและความตายเต็มไปด้วยวิญญาณทุกข์ทรมานและสามอุปสรรคสำคัญคือภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และแม่น้ำหวนคืน

ฟางหยวนไม่รู้ที่ตั้งของแม่น้ำหวนคืน แต่ภูเขาตงฮันกับหุบเขาเหล่าโปอยู่ในมือของเขา

นั่นทำให้เขาอนุมานว่าแม่น้ำหวนคืนไม่ได้อยู่บนถนนแห่งชีวิตและความตายเช่นกัน

เมื่อปราศจากอุปสรรคทั้งสาม มันไม่ใช่เรื่องยากที่ดวงวิญญาณจะหวนกลับมายังโลกของสิ่งมีชีวิต

นี่หมายความว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้หากดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณจะหวนกลับมา

แต่ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นด้านหลังประตูแห่งชีวิตและความตาย ความจริงก็คือดวงวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณได้ปรากฏขึ้นแล้ว

‘ทั้งหมดนี้เป็นแผนการของเทพปีศาจจิตวิญญาณจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดนิกายเงาจึงทรงพลังถึงเพียงนี้ สมาชิกนิกายเงาไม่เกรงกลัวต่อความตายเพราะพวกเขารู้วิธีกู้คืนชีวิตเช่นนั้นหรือ? แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องการสิ่งใด? เขาทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาโดยไม่สนใจความสูญเสีย เขากำลังหลอมรวมสิ่งใดกันแน่?’

ความสงสัยในใจของฟางหยวนทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกราวกับมีชั้นเมฆหมอกหนาทึบปกคลุมอยู่รอบตัวเขา

“เทพปีศาจจิตวิญญาณ…ในที่สุดเจ้าก็ไม่สามารถทนได้!” ในหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังสูดหายใจลึก

ด้วยความช่วยเหลือจากหอคอยดวงตาสวรรค์ เจ้าวังอนุมานถึงตัวตนของเทพปีศาจจิตวิญญาณเอาไว้แล้ว

ดวงตาคู่ที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหารบนหอคอยดวงตาสวรรค์เมื่อครั้งนั้นก็คือเทพปีศาจจิตวิญญาณ!

เมื่อรู้ว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณพยายามต่อต้านสวรรค์ด้วยการฟื้นคืนสู่ชีวิตและหลบหนีจากโชคชะตา เจ้าวังตกใจมากและเร่งระดมผู้อมตะของวังสวรรค์เพื่อหยุดยั้งแผนการของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

ทุกสิ่งต้องผ่านชีวิตและความตาย นี่คือกฎที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

เมื่อเทพปีศาจจิตวิญญาณวางแผนฟื้นคืนสู่ชีวิต ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือการละเมิดชะตากรรมและเจตจำนงแห่งสวรรค์

นี่อาจเป็นสาเหตุที่วิญญาณโชคชะตาไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์จนถึงตอนนี้

หากเทพปีศาจจิตวิญญาณที่โหดเหี้ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ฟื้นคืน โลกจะกลับสู่ยุคมืดและเต็มไปด้วยการเข่นฆ่า เมื่อเวลานั้นมาถึง วังสวรรค์อาจจะไม่สามารถแม้แต่ปกป้องตนเอง

นั่นเป็นเหตุผลที่วังสวรรค์เข้าสู่การต่อสู้ครั้งนี้โดยไม่สนค่าใช้จ่าย พวกเขากระทั่งนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าหอคอยดวงตาสวรรค์เข้าสู่สนามรบพร้อมกับกองทัพผู้อมตะของวังสวรรค์

“เทพปีศาจจิตวิญญาณ…ระดับเก้า…”

“ต้องกลัวงั้นหรือ? เขาตายไปแล้ว เขาต้องซ่อนตัวอยู่หลังประตูแห่งชีวิตและความตาย เขาไม่ใช่ผู้อมตะระดับเก้าอีกต่อไป!”

“ถูกต้อง ทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของเขา หากเขามีความแข็งแกร่งเช่นในอดีต เหตุใดเขาต้องก่อตั้งนิกายเงาและสร้างร่างแยกมากมายเช่นนี้? เหตุใดเขาต้องวางแผนเหล่านี้?”

“ในความคิดเห็นของข้า เขาเป็นเพียงดวงวิญญาณดวงหนึ่งเท่านั้น นี่ไม่ใช่เทพปีศาจจิตวิญญาณ!”

สมาชิกวังสวรรค์ปลุกขวัญกำลังใจของกันและกันเพื่อขับไล่ความหวาดกลัวออกไปจากหัวใจของพวกเขา

เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับเก้า กระทั่งผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ยังรู้สึกกังวล

“ค่ายกลวิญญาณสุดยอดกายาเป็นจุดอ่อนของเขา เราต้องหยุดมือภูตผีก่อนจะรวบรวมความแข็งแกร่งทำลายค่ายกลวิญญาณ!” ไป่เฉินเทียนตะโกน

“พูดได้ดี!” ผู้อมตะวังสวรรค์พยักหน้า จากนั้นสมาชิกบางส่วนก็เริ่มบินออกจากหอคอยดวงตาสวรรค์

หอคอยดวงตาสวรรค์เริ่มปลดปล่อยแสงสีขาวออกมา

ท่าไม้ตายอมตะนำวิญญาณสู่ความฝัน!

แต่อิงอู๋เซี่ยยังใช้ท่าไม้ตายอมตะของเขาอีกครั้ง

หนึ่งทักษะปกครองโลก!

“บัดซบ!” เจ้าวังสวรรค์โกรธมาก เขาถูกนำเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันเป็นครั้งที่สองและไม่สามารถปลดปล่อยตนเองได้โดยง่าย

ความพยายามของนิกายเงาตลอดระยะเวลาที่ยาวนานในการสร้างอิงอู๋เซี่ย ตอนนี้ผลงานของพวกเขาแสดงผลลัพธ์ที่โดดเด่นออกมาแล้ว กระทั่งคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับเก้าก็ยังถูกหยุดโดยอิงอู๋เซี่ย

แม้บางคนจะเข้าควบคุมหอคอยดวงตาสวรรค์แทนเจ้าวัง แต่พวกเขาก็จะถูกส่งเข้าสู่อาณาจักรแห่งความฝันเช่นกัน

“ฮืม พวกเจ้าคิดว่าวังสวรรค์มีเพียงหอคอยดวงตาสวรรค์เช่นนั้นหรือ?”

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะที่บินออกมาจากหอคอยดวงตาสวรรค์นำคฤหาสน์วิญญาณอมตะหลังที่สองออกมา

คฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด วังร้อยไหม!

มันเป็นวังหยกขนาดเล็กที่วิจิตรงดงาม อย่างไรก็ตามคนผู้หนึ่งสามารถมองเห็นรอยแตกร้าวของมันได้อย่างชัดเจน

แม้มันจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด แต่มันก็เป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

“วังสวรรค์มีเพียงของโบราณเช่นนี้งั้นหรือ? เป็นเรื่องน่าอายที่พวกเจ้ายังเก็บสิ่งของที่ถูกทำลายโดยเทพปีศาจคลั่งเอาไว้และยังนำมันออกมาในเวลานี้เพื่อทำให้พวกเจ้าดูโง่เขลามากขึ้น!” โป้ชิงเย้ยหยันขณะยกมือขึ้นเหนือศีรษะ

เขาเตรียมใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบห้าดัชนี

วังร้อยไหมสั่นสะท้านขึ้นขณะรวบรวมพลัง จากนั้นเข็มแสงเจ็ดเล่มจึงถูกยิงออกไป

เข็มแสงพุ่งเข้าโจมตีมือภูตผี พวกมันแทงทะลุมือภูตผีและปักลงบนพื้น

มือภูตผีพยายามเคลื่อนไหวแต่ไม่สามารถขยับเขยื้อน

เข็มแสงทั้งเจ็ดราวกับร้อยเส้นด้ายที่มองไม่เห็นเอาไว้และตรึงมือภูตผีให้อยู่กับที่

“วังร้อยไหมอาจเป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณอมตะระดับแปด แต่หลังจากศิษย์ของเทพอมตะแรกกำเนิด เทพอมตะกลุ่มดาวกำลังจะหมั้นหมาย เขาจึงได้จัดเตรียมสิ่งนี้ไว้เพื่อเป็นสินสอด ในอดีตเมื่อเทพปีศาจคลั่งโจมตีวังสวรรค์ เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากการโจมตีนี้และต้องหลั่งเลือดเพื่อปลดปล่อยตนเองจากมัน” ภายในวังร้อยไหม ผู้อมตะวังสวรรค์หัวเราะ

มือภูตผีถูกผนึกไว้ด้วยด้ายเย็บผ้าที่เกิดจากพลังงานแห่งเต๋า

หากเทพปีศาจจิตวิญญาณต้องการยกมือของเขาขึ้น เขาอาจต้องยกพื้นดินทั้งหมดของภาคใต้!

บางทีอาจมีเพียงเทพปีศาจคลั่งที่มีความสามารถชนิดนี้

แต่เทพปีศาจจิตวิญญาณในตอนนี้ไม่สามารถบรรลุมาตรฐานดังกล่าว

หลังจากทั้งหมดรากฐานของวังสวรรค์ไม่สามารถดูแคลน

แม้ต้องเผชิญหน้ากับเทพปีศาจจิตวิญญาณ พวกเขาก็มีวิธีที่สามารถรับมือ

เมื่อเห็นมือภูตผีถูกตรึงไว้กับพื้น ช่วยไม่ได้ที่ไห่ลั่วหลัน ไท่เป่ยหยุนเฉิง และคนอื่นๆจะจ้องมองด้วยความตกตะลึง

ด้านนิกายเงา พวกเขาแสดงออกด้วยความกังวล

อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมามือภูตผีกลับละลายกลายเป็นแอ่งน้ำ

ของเหลวสีดำไหลออกมาจากประตูแห่งชีวิตและความตาย นี่ทำให้ภูเขารอบๆจมลงไปใต้ทะเลสาบสีดำอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนและคนอื่นๆบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

วินาทีต่อมาทะเลสาบสีดำพลันแผ่พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและควบรวมเป็นสัตว์ประหลาดสูงหลายพันเมตร!

“เทพปีศาจจิตวิญญาณ!” สมาชิกวังสวรรค์รู้สึกหวาดกลัวขณะที่กำปั้นสีดำทุบลงบนคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังร้อยไหมอย่างแรง

ในเวลาเดียวกันมืออีกข้างของเขาก็คว้าหอคอยดวงตาสวรรค์เอาไว้ ด้วยความแข็งแกร่งของมือภูตผี หอคอยดวงตาสวรรค์ค่อยๆพังทลาย

ภัยพิบัติใหญ่พิณทะลวงใจและสายธารแห่งดวงดาวพุ่งลงมา

เทพปีศาจจิตวิญญาณคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อหยุดเสียงพิณ

เขายกมืออีกสองข้างขึ้นและฉีกห้วงมิติออกอย่างดุเดือด

ห้วงมิติที่ว่างเปล่าดูดกลืนสายธารแห่งดวงดาวเข้าไปอย่างตะกละตะกลาม

ภัยพิบัติใหญ่ทั้งสองถูกกำหราบลงอย่างง่ายดายโดยเทพปีศาจจิตวิญญาณ!

ฟางหยวนและคนอื่นๆที่เป็นพยานในฉากเหตุการณ์นี้เบิกตาโตและกลายเป็นพูดไม่ออก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท