เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1049

ตอนที่ 1049

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1049 ทาสมนุษย์

แปลโดย iPAT

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปผมดำ

เมืองไหมเหล็กเป็นเมืองขนาดใหญ่ในทวีปผมดำ

ในเมืองมีมนุษย์ขนอาศัยอยู่หลายแสนคน นี่ยังไม่รวมเมืองรอบนอกและหมู่บ้านเล็กๆอีกนับไม่ถ้วน

กล่าวได้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเป็นสวรรค์ของเผ่ามนุษย์ขนและมีมนุษย์ขนอาศัยอยู่มากที่สุดบนโลกใบนี้

ที่นี่ประกอบด้วยสี่ทวีป สามทวีปอยู่บนทะเล ทวีปที่สี่อยู่บนท้องฟ้า มันถูกเรียกว่าทวีปเมฆาและเป็นสถานที่ที่มนุษย์ขนทุกคนปรารถนาที่จะขึ้นไป

ตลาดของเมืองไหมเหล็กเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้อง มันเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของทวีปผมดำ

วันนี้ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของตลาด มนุษย์ขนชายร่างอ้วนก้าวขึ้นบนเวที

รอบๆเต็มไปด้วยมนุษย์ขนที่มีเส้นขนสีดำหรือน้ำตาลเข้ม นี่คือสีขนตามธรรมชาติของมนุษย์ขนในทวีปผมดำ

ชายร่างอ้วนเริ่มตะโกนเรียกผู้คน

บางคนตะโกนถาม “กังปา ครั้งนี้เจ้านำสินค้าใดมาขาย?”

มนุษย์ขนร่างอ้วนชื่อกังปาเป็นพ่อค้าทาสที่มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง

กังปาหัวเราะและมองไปรอบๆ “ทุกท่านอย่ากังวล ครั้งนี้ข้ามีทาสผมเหลืองจำนวนมาก พวกเขาเป็นกึ่งปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการหลอมรวม พวกท่านต้องพึ่งพอใจอย่างแน่นอน”

ดวงตาของมนุษย์ขนที่อยู่รอบๆส่องประกายขึ้นและพูดคุยด้วยความกระตือรือร้น

“ตั้งแต่นายท่านผู้อมตะประกาศจากทวีปเมฆาว่าจะคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ที่ดีทุกๆสิบปีเพื่อเรียนรู้วิถีแห่งผู้อมตะ ทั้งสามทวีปจึงเข้าสู่การแข่งขันครั้งใหญ่”

“สำหรับการคัดเลือก มันขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดสามารถดึงดูดความสนใจของนายท่านผู้อมตะในการต่อสู้ของสามทวีป”

“ตอนนี้ทวีปผมดำของเราร่วมมือกับทวีปผมขาวเพื่อจัดการทวีปผมเหลือง ข้าได้ยินมาว่าเราชนะการต่อสู้หลายครั้งและสามารถจับคนผมเหลืองได้จำนวนหนึ่ง”

“ข้าแก่แล้วไม่กล้าคิดถึงขอบเขตอมตะ แต่ข้าต้องการทาสผมเหลืองเหล่านี้มาเป็นแรงงานในโรงงานของข้า”

“ทาสพวกนี้ดีกว่าการจ้างผู้ใช้วิญญาณราคาถูก นอกจากนั้นเรายังสามารถควบคุมชีวิตและความตายของพวกเขา กระทั่งลูกหลานของพวกเขายังต้องเป็นทาสของพวกเรา”

“ทุกท่าน” กังปายกมือขึ้นทำให้เสียงพูดคุยเงียบลง “ข้าไม่ต้องการทำให้ทุกท่านเสียเวลาอันมีค่า ตอนนี้ข้าจะนำทาสคนแรกออกมา ทุกท่านเชิญชม นำเขาเข้ามา!”

“ไป เร็ว!” ด้านหลังเวที มนุษย์ขนหนุ่มผมดำกล้ามโตดึงโซ่ในมือของเขา

โซ่ผูกอยู่กับทาสที่ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล เขาก็คือฟางเจิ้ง!

ฟางหยวนแทบล้มลงบนพื้นเมื่อถูกลากดึง เขาพยายามลุกขึ้นและมองมนุษย์ขนผมดำด้วยแววตาดุร้ายและดื้อรั้น

มนุษย์ขนยกแส้ขึ้นฟาดใบหน้าของฟางเจิ้งทำให้เขากลายเป็นมึนงงก่อนที่คลื่นความเจ็บปวดจะพุ่งเข้าโจมตีเขา แต่เขายังกัดฟันแน่นและกลืนเสียงกรีดร้องกลับลงไปในลำคอ

“อยากถูกเฆี่ยนอีกงั้นหรือ?” มนุษย์ขนหัวเราะและยกแขนที่หนากว่าขาของฟางเจิ้งคว้าลำคอของฟางเจิ้งและยกขึ้น

จากนั้นมนุษย์ขนผู้นี้ก็เดินขึ้นไปบนเวทีก่อนจะโยนฟางเจิ้งลงบนพื้น

ฟางเจิ้งยกมือกุมลำคอของตนและรู้สึกราวกับหายใจไม่ออก

เขานอนมึนงงอยู่บนพื้นและไม่สามารถลุกขึ้น

“เจ้าโง่ ระวังหน่อย” กังปาดุเสียงเย็น

มนุษย์ขนที่นำฟางเจิ้งเข้ามาเร่งขอโทษ

“ไป!” กังปาคำราม

มนุษย์ขนคนเดิมรีบวิ่งลงจากเวที

การแสดงออกของกังปาเปลี่ยนจากโกรธเป็นยิ้มแย้มขณะชี้นิ้วไปที่ฟางเจิ้งและเริ่มอธิบาย “ทาสผู้นี้เป็นสายพันธุ์หายาก ข้า กังปา ได้รับเขามาด้วยความยากลำบาก”

คำกล่าวนี้ดึงดูดความสนใจของผู้ชมทันที

“ทาสผู้นี้ไม่อ่อนแอ เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้า!” บางคนตระหนักถึงกลิ่นอายของฟางเจิ้ง

“เขาคือเจ้าเมืองจากทวีปผมเหลืองงั้นหรือ? เขาถูกจับตัวและโกนขนเกือบทั้งหมด ช่างโหดร้ายนัก” บางคนสงสัย

ในทวีปผมดำและทวีปผมเหลือง โดยปกติแล้วขุนนางหรือเจ้าเมืองจะมีการบ่มเพาะระดับห้า

ตามวัฒนธรรมของเผ่ามนุษย์ขน ขนบนร่างกายคือความภาคภูมิใจของพวกเขา การโกนขนถือเป็นความอัปยศและการลงโทษที่โหดร้ายที่สุด มันเลวร้ายยิ่งกว่าความตาย

หากเปรียบเทียบ มันเหมือนนักโทษชายที่ถูกตัดอวัยวะเพศ

กังปาหัวเราะ “พวกท่านเดาผิด ทาสผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์ขนแต่เขาเป็นเผ่ามนุษย์สายเลือดบริสุทธิ์!”

“อันใด?”

“มนุษย์!?”

“เขาเป็นมนุษย์!”

ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ประชากรส่วนใหญ่คือเผ่ามนุษย์ขน พวกเขาแทบไม่เคยเห็นเผ่าพันธุ์อื่น ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกของหลายคนที่ได้พบเห็นมนุษย์ที่อยู่ในข่าวลือ

เมื่อฟางเจิ้งหายมึนงง เขาเริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะถูกเฝ้ามองโดยมนุษย์ขนจำนวนมาก

“ลุกขึ้น” กังปาขยับนิ้ว

ฟางเจิ้งสูญเสียการควบคุมร่างกายของตนเมื่อพลังงานไร้รูปลักษณ์บังคับให้เขายืนขึ้นบนเวที

มนุษย์ขนที่อยู่รอบๆซุบซิบเกี่ยวกับความแปลกประหลาดของฟางเจิ้ง

กังปาหัวเราะอย่างมีความสุข

เขาใช้เงินจำนวนมากซื้อฟางเจิ้งมาเพื่อสร้างความปั่นป่วนเช่นนี้

ตอนนี้ดูเหมือนเป้าหมายของเขาจะประสบความสำเร็จแล้ว

เสียงพูดคุยดังขึ้นเรื่อยๆ

“ไปดูเร็ว! มีทาสมนุษย์ขายอยู่ที่นั่น!”

“จริงเหรือ? ข้าอยากเห็นมัน!”

“ไปดู นี่เป็นสิ่งหายาก!”

มนุษย์ขนจากทุกทิศทางมารวมตัวกันมากขึ้นเรื่อยๆ

ฟางเจิ้งมองคลื่นมนุษย์ขนด้วยดวงตาเบิกกว้าง

มีมนุษย์ขนมากเกินไป นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางเจิ้งเคยเห็นสิ่งนี้

เขาเคยเห็นมนุษย์ขนที่อยู่ในนิกายกระเรียนอมตะมาก่อน พวกเขาเป็นทาสที่ถูกใช้หลอมรวมวิญญาณ ในห้าภูมิภาค มนุษย์คือผู้ปกครองขณะที่มนุษย์กลายพันธุ์ถูกปราบปรามอย่างหนักและแทบไม่สามารถรักษาชีวิต แต่ตอนนี้ดูเหมือนสถานการณ์ของที่นี่จะสลับกัน

‘ที่นี่คือที่ใด?’ ฟางเจิ้งรู้สึกสับสนมากขึ้น

เขาจำได้ว่าเขาถูกสอบสวนและทรมาน ผู้คุมบอกเขาว่าพี่ชายของเขาตายไปแล้วขณะที่แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูถูกยึดครอง

เดิมทีเขาไม่เชื่อแต่หลังจากถูกสอบสวนและทรมานอย่างหนัก เขาเริ่มเชื่อครึ่งและสงสัยอีกครึ่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ความสงสัยของเขายิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก

“กังปา เจ้าขายทาสผู้นี้ราคาเท่าใด?” บางคนตะโกนถาม

“ฮ่าฮ่าฮ่า เท่านี้” กังปายกมือทั้งสองข้างขึ้นและกางนิ้วทั้งสิบออก

ฝูงชมตกสู่ความโกลาหลวุ่นวาย “แพงมาก!”

“กังปา เจ้ากำลังปล้นพวกเรา!”

“เจ้าต้องบ้าไปแล้วที่ขายราคานี้!”

“ทุกท่าน” กังปากล่าวเสียงดัง “นี่คือผู้ใช้วิญญาณระดับห้า หลังจากเขากลายเป็นทาสของพวกท่าน นั่นย่อมหมายความว่าพวกท่านจะได้ครอบครองพลังการต่อสู้ระดับห้า! นี่คือโอกาสที่พวกท่านจะไม่พบเจออีกเป็นครั้งที่สอง!”

แต่บางคนยังฉลาด

“ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสะกดข่มผู้ใช้วิญญาณระดับห้า”

“ถูกต้อง การกดขี่ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้ อย่างน้อยพวกเราต้องเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่!”

“ดูเหมือนทาสผู้นี้จะถูกทรมานมาอย่างหนัก บางทีเขาอาจได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ไม่สามารถรักษา!”

“หากเขาตายหลังจากที่พวกเราซื้อไปจะทำเช่นไร?”

กังปาแสร้งโกรธ “พวกท่านคิดว่าข้าคือผู้ใด? ข้าทำธุรกิจบนพื้นฐานแห่งความจริงใจและซื่อสัตย์ ดูเขาให้ดี!”

หลังกล่าวจบคำ กังปาเดินเข้าไปหาฟางเจิ้งและกดนิ้วลงบนคางและริมฝีปากของฟางเจิ้ง

ฟางเจิ้งต้องเปิดปากและเผยให้เห็นฟันของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ดูฟันของเขา ดูผิวของเขา!” กังปาฉีกเสื้อผ้าของฟางเจิ้งออก

ฟางเจิ้งตัวสั่นเมื่อร่างเปลือยเปล่าของเขาถูกเปิดเผยต่อหน้าฝูงชน

“แม้เขาจะมีอาการบาดเจ็บตามร่างกายแต่พวกมันล้วนเป็นบาดแผนตื้นๆที่สามารถรักษา ข้ามั่นใจว่าพวกมันจะไม่ทำให้เกิดปัญหา!”

ฟางเจิ้งกัดฟันแน่น ดวงตาของเขาแทบพ่นไฟออกมาด้วยความโกรธและความอัปยศอดสู เขาต้องการสังหารมนุษย์ขนทั้งหมดที่นี่ทันที

กังปาหัวเราะเบาๆและใช้กิ่งไม้เขี่ยสิ่งของที่อยู่ตรงขาหนีบของฟางเจิ้ง “ทุกท่าน ดูสิ่งนี้ มันยังใช้งานได้ในอนาคต เขาสามารถผลิตลูกหลานเผ่ามนุษย์ให้กับพวกท่านอย่างไม่จำกัด!”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

กลุ่มมนุษย์ขนหัวเราะเสียงดัง

ใบหน้าของฟางเจิ้งกลายเป็นสีแดง เขารู้สึกอับอายมาก หากไม่ใช่เพราะกังปาผนึกเขาเอาไว้ เขาจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายทันที

“ข้าจะซื้อทาสผู้นี้!” เสียงสายหนึ่งดังมาจากระยะไกล

ทุกคนมองไปที่ต้นเสียงและเห็นมนุษย์ขนเพศหญิงที่มีเส้นขนสีดำทั้งร่างมองไปที่ฟางเจิ้งด้วยสายตาหื่นกระหาย

“ทักทายท่านเจ้าเมือง” มนุษย์ขนทั้งหมดคุกเข่าลงรวมถึงกังปา

“ฮ่าฮ่าฮ่า” นายหญิงของเมืองที่มีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ขนทั่วไปเท่าตัวออกคำสั่ง “กังปา รักษาพยาบาลทาสผู้นี้และทำความสะอาดก่อนจะส่งเขาไปที่บ้านของข้าในเวลากลางคืน ข้าจะรอพบเขาที่นั่น”

“ตามคำบัญชาท่านเจ้าเมืองผู้งดงามและแข็งแกร่ง” กังปารู้สึกดีใจมากและเร่งตอบรับ

ฟางเจิ้งปิดเปลือกตาลงอย่างสูญสิ้นความหวัง

ทันใดนั้นเสียงสั่นสะเทือนพลันดังลงมาจากทวีปเมฆา

ต่อมาแสงสีรุ้งก็ส่องประกายลงมาปกคลุมพื้นที่ของทั้งสามทวีปเอาไว้ทั้งหมด

“เกิดสิ่งใดขึ้นบนทวีปเมฆา?”

“โอ้ สวรรค์ นี่คือแสงจากผู้อมตะ นี่คือพรอันยิ่งใหญ่!”

เหตุการณ์นี้ดึงดูดความสนใจของมนุษย์ขนทั้งหมด ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น ชื่นชม และอิจฉา สำหรับฟางเจิ้ง เขาถูกลืมไปอย่างสมบูรณ์

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท