เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1043

ตอนที่ 1043

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1043 การค้นพบที่น่าตกใจ

แปลโดย iPAT

เทือกเขาห้าภูมิภาคประกอบไปด้วยแสงห้าสีสัน

มันแบ่งออกเป็นห้าเขตแดนตามภูมิภาคทั้งห้า

แสงสีม่วงเลียนแบบกำแพงพลังงานของภาคใต้ แสงสีเขียวเลียนแบบกำแพงพลังงานของภาคเหนือ แสงสีแดงเลียนแบบกำแพงพลังงานของภาคตะวันตก แสงสีฟ้าเลียนแบบกำแพงพลังงานของภาคตะวันออก และแสงสีทองเลียนแบบกำแพงพลังงานของภาคกลาง

ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งพลังปราณ ฉีช่าย ตายอยู่ในพื้นที่สีทอง

ฟางหยวนดึงดาบออกจากหน้าผากของฉีช่าย

เดิมทีวิญญาณดาบบินจะส่องแสงสีเงินออกมาแต่ตอนนี้มันกลับเป็นสีดำสนิท

นี่เกิดจากท่าไม้ตายอมตะดาบทมิฬ

ท่าไม้ตายนี้เป็นท่าไม้ตายสำหรับการลอบสังหาร มันสามารถปกปิดกลิ่นอาย แม้มันจะเป็นท่าไม้ตายอมตะระดับเจ็ด แต่ฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของมัน

เมื่อมันถูกใช้งาน ศัตรูจะไม่มีเวลาตอบสนอง

จุดอ่อนเดียวของมันคือระยะการโจมตีที่สั้นมาก ผู้ใช้งานต้องอยู่ห่างจากเป้าหมายไม่เกินหนึ่งร้อยก้าว

โดยปกติท่าไม้ตายอมตะทั่วไปมักมีระยะการโจมตีค่อนข้างไกล

ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องเสี่ยงใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเพื่อเข้าประชิดตัวฉีช่ายก่อนจะหาโอกาสสังหารเป้าหมาย

นี่เป็นเหตุผลที่ฟางหยวนแสร้งได้รับบาดเจ็บสาหัสในการต่อสู้ก่อนหน้าเพื่อลดความสงสัย

ความตายของฉีช่ายไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่มันคือแผนการที่ฟางหยวนคำนวณมาเป็นอย่างดีโดยพึ่งพาท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย

แม้มันจะไม่ใช่ท่าไม้ตายฉบับดั่งเดิม แต่มันยังใช้วิญญาณทัศนคติเป็นแกนกลาง วิญญาณอมตะดวงนี้ส่งอิทธิพลต่อจิตใจของฝ่ายตรงข้ามทำให้พวกเขาลดความระแวงสงสัยในตัวผู้ใช้งาน

กระทั่งฉีช่ายจะระวังตัวเป็นอย่างมาก เขาก็ยังไม่สามารถค้นพบช่องโหว่ของฟางหยวน ในทางตรงข้าม เป็นฟางหยวนที่ค้นพบจุดอ่อนของฉีช่าย

นั่นก็คือผู้อมตะระดับหกฉีอี้

ผู้อมตะระดับหกสามารถสังหารผู้อมตะระดับเจ็ด หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้คนจะยกย่องสรรเสริญฟางหยวน

แต่ฟางหยวนไม่ต้องการชื่อเสียงใดๆโดยเฉพาะในช่วงเวลานี้

หลังจากเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนได้เห็นเทพปีศาจจิตวิญญาณต่อสู้กับภัยพิบัติที่น่าสะพรึงกลัวมากมาย ดังนั้นการสังหารผู้อมตะระดับเจ็ดเพียงคนเดียว มันจึงกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาของเขา

‘หากเจ้าไม่ไล่ล่าข้าถึงเพียงนี้ ข้าจะไม่สังหารเจ้า เอาล่ะ ให้ข้าดูว่าเพราเหตุใดเจ้าจึงยืนกรานที่จะไล่ล่าข้า’

ฟางหยวนดึงดวงวิญญาณของฉีช่ายออกมาจากศพ

ฉีช่ายบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งพลังปราณ ในแง่ของจิตวิญญาณ เขาไม่มีความโดดเด่น ดังนั้นหลังจากตกตาย ดวงวิญญาณของเขาจึงไม่สามารถต่อต้านฟางหยวน

ฟางหยวนตรวจสอบดวงวิญญาณของฉีช่ายเป็นอันดับแรก เมื่อไม่พบปัญหา เขาจึงเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ จากนั้นวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งก็พุ่งเข้าจู่โจมดวงวิญญาณของฉีช่าย

ค้นวิญญาณ!

ขณะที่ฟางหยวนกำลังค้นวิญญาณ เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นฉีช่าย

เขาไม่ลืมว่าผู้อมตะระดับหกฉีอี้ยังอยู่ด้านนอก

การฆ่านางเป็นเรื่องง่ายแต่เพื่อให้ให้ง่ายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ฟางหยวนจึงตัดสินใจใช้วิธีนี้

หลังจากเปลี่ยนร่าง เขาเก็บศพของฉีช่ายและบินออกจากเทือกเขาห้าภูมิภาค

อย่างไรก็ตามเมื่อฟางหยวนมาถึง ฉีอี้ก็ตายไปแล้ว

ฆาตกรที่สังหารนางไม่ใช่ผู้ใดนอกจากราชสีห์ปราณที่นางนั่งอยู่

ราชสีห์ปราณตัวนี้ถูกกดขี่โดยฉีช่าย เมื่อฉีช่ายตาย มันจึงได้รับอิสรภาพกลับคืน

ราชสีห์ปราณถูกบังคับให้เดินทางมานานแล้ว ตอนนี้มันกำลังหิว

หากฉีอี้บ่มเพาะบนเส้นทางสายอื่นที่ไม่ใช่เส้นทางแห่งพลังปราณ นางอาจรอดชีวิต แต่บนร่างของนางมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของราชสีห์ปราณ ดังนั้นนางจึงถูกกิน

ฟางหยวนไล่ล่าราชสีห์ปราณและใช้ดาบแทงทะลุศีรษะของมัน

ราชสีห์ปราณร่วงลงจากท้องฟ้าและส่งเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดก่อนจะตกตายไปในที่สุด

ฟางหยวนดีใจเมื่อเห็นผลลัพธ์นี้

นี่คือพลังอำนาจที่แท้จริงของวิญญาณอมตะดาบบินระดับเจ็ด

หากเปรียบเทียบ วิญญาณอมตะดาบบินส่งผลกระทบต่อผู้อมตะหรือราชสีห์ปราณมากกว่าอสูรโคลนเดียวดายที่ไม่มีจุดอ่อนและสร้างปัญหาให้ฟางหยวน

อย่างไรก็ตามฟางหยวนยังรู้สึกเสียใจกับการสูญเสียความมั่งคั่ง

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดใช้พลังงานอมตะมากเกินไป เพื่อสังหารราชสีห์ปราณ ฟางหยวนต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายครั้งใหญ่อีกครั้ง

หลังจากนั้นฟางหยวนก็ผ่าท้องของราชสีห์ปราณและนำซากศพของฉีอี้ออกมา

ศพของฉีอี้เหลือเพียงไม่มาก แต่ฟางหยวนยังเก็บมันไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

หลังจากสังหารผู้อมตะ มีสองวิธีที่จะได้รับประโยชน์จากมัน หนึ่งคือวางมิติช่องว่างของพวกเขาลงบนพื้นและให้มันก่อตัวเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะบุกโจตีและขโมยทรัพยากรที่อยู่ภายใน สองคือวางมิติช่องว่างของพวกเขาในมิติช่องว่างของตนและกลืนกินร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของมันเข้าไป

ครั้งนี้ฟางหยวนเลือกวิธีที่สอง

‘หลังการต่อสู้ครั้งนี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณของข้าเพิ่มสูงขึ้น น่าเสียดายที่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งพลังปราณของข้าอยู่ในระดับทั่วไปเท่านั้น แต่มิติช่องว่างของข้าได้รับประโยชน์และกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างช้าๆ มันจะสร้างทรัพยากรบนเส้นทางแห่งพลังปราณให้ข้า’

ฟางหยวนปกปิดร่องรอยขณะบินผ่านกลุ่มเมฆและคิดถึงผลประโยชน์ที่ได้รับ

โดยไม่ต้องกล่าวถึงวิญญาณอมตะ

ดวงวิญญาณของฉีช่ายคือคลังสมบัติขนาดใหญ่ที่รอการขุดค้น

สำหรับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งพลังปราณ ไม่ว่าฟางหยวนจะได้รับมันมากเท่าใด มันก็ยังไม่สามารถเปรียบเทียบกับผลประโยชน์อื่น

ฟางหยวนพึ่งค้นพบคุณสมบัติใหม่ของร่างกายนี้ มันเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของเขา นอกจากความประหลาดใจ เขายังเต็มไปด้วยความสงสัยและคาดหวัง

เมื่อเขาเข้าสู่เทือกเขาห้าภูมิภาค เขาค้นพบบางสิ่งที่น่าตกใจ

นั่นคือร่างใหม่ของเขาไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันของกำแพงภูมิภาค!

ฟางหยวนเป็นผู้อมตะภาคใต้ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายของภาคใต้ หากเขาเข้าไปในกำแพงพลังงานของภูมิภาคอื่น เขาจะได้รับผลกระทบจากมัน

แต่ฟางหยวนกลับสามารถเคลื่อนที่ผ่านกำแพงพลังงานเหล่านี้ได้อย่างอิสระโดยไม่มีสิ่งใดกีดขวาง

หลังจากตระหนักถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนกลายเป็นงุนงง แต่ในไม่ช้ามันก็เปลี่ยนเป็นความสุข เขาคาดเดา ‘เทือกเขาห้าภูมิภาคถูกสร้างขึ้นโดยเลียนแบบกำแพงภูมิภาค หากข้าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระที่นี่ นั่นหมายความว่าข้าสามารถเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคได้อย่างอิสระใช่หรือไม่?’

ขณะที่เขาถูกไล่ล่าอยู่ในเทือกเขาห้าภูมิภาค เขาแสร้งเดินทางด้วยความยากลำบากราวกับถูกกดดันอย่างหนัก

แต่หลังจากกำจัดศัตรู เขาจึงมีเวลาคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องนี้

‘ร่างใหม่ของข้าไม่ใช่ร่างกายทั่วไป มันไม่มีพ่อแม่ ไม่มีต้นกำเนิด มันเกิดจากวิญญาณทารกอมตะระดับเก้า หากมันถือเป็นวิญญาณอมตะดวงหนึ่ง นั่นจะอธิบายได้ว่าเหตุใดข้าจึงสามารถเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคได้อย่างอิสระ’

กำแพงภูมิภาคจะส่งผลกระทบต่อผู้อมตะไม่ใช่วิญญาณอมตะ

ในอดีตเมื่อฟงจิวเก้อเดินทางข้ามกำแพงภูมิภาคไปยังภาคเหนือ เขาส่งวิญญาณอมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งข้อมูลกลับไปหาครอบครัวโดยไม่ถูกกีดขวางโดยกำแพงภูมิภาค

‘หากข้าเดาถูก แล้วเหตุใดข้าต้องรีบร้อนหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ?’ ฟางหยวนคิดขณะบินตรงไปยังกำแพงภูมิภาค

เขาต้องการตรวจสอบการคาดเดานี้อย่างรวดเร็วที่สุด

เขาถามหนี่เซียงรุ่นปัจจุบันและสามารถคาดเดว่าวิญญาณท่องแดนอมตะระเบิดตัวเองไปแล้ว

นอกจากนี้เหตุผลที่เขาต้องการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะเพราะเขาต้องการเดินท่างผ่านกำแพงภูมิภาคและกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

เพราะเหตุใด?

ประการแรก แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาปลอดภัยที่สุดในช่วงเวลานี้

ประการที่สอง ทรัพยากรมากมายของเขาอยู่ที่นั่น การขนส่งสมบัติผ่านสวรรค์สีเหลืองมีค่าใช้จ่ายสูงเกินไป

ประการสุดท้าย แสงแรกกำเนิดเป็นส่วนประกอบสำคัญในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ แม้ฟางหยวนจะมีเบาะแสบางอย่าง แต่มันก็มีความหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

สิ่งสำคัญที่สุดที่เขากังวลก็คือภัยพิบัติพิภพที่ใกล้เข้ามา ด้วยร่างกายที่น่าอัศจรรย์นี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าภัยพิบัติที่เขาต้องเผชิญย่อมไม่ธรรมดา

‘หากข้าเดาถูก ข้าควรยอมแพ้เรื่องการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ ข้าต้องรีบกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพื่อเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติ ต้องข้าเหลือเวลาอีกไม่ถึงสองเดือน!’

เขาไม่ใช่ผีดิบอมตะอีกต่อไป ภัยพิบัติไม่ต่างจากดาบที่วางอยู่บนลำคอของเขา

ฟางหยวนมองไปยังก้อนเมฆสีขาวที่อยู่ด้านหน้าและรู้สึกถึงความเร่งด่วน

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท