เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1045

ตอนที่ 1045

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1045 บังเอิญเกินไปหรือไม่

แปลโดย iPAT

โดยปกติแล้วมันเป็นเรื่องยากที่สัตว์อสูรเดียวดายจะเดินทางข้ามกำแพงภูมิภาค

ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย สัตว์อสูรบรรพกาล หรือสัตว์อสูรแรกกำเนิด พวกมันมีแก่นพลังงานของแต่ละภูมิภาคอยู่ในร่างกายไม่ต่างจากผู้อมตะ ดังนั้นพวกมันจึงจะอาศัยอยู่ในอาณาเขตของตนเท่านั้น

หากเปรียบเทียบ สัตว์อสูรทั่วไปเช่นราชันร้อยอสูร ราชันพันอสูร หรือราชันหมื่นอสูร พวกมันสามารถเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคได้ง่ายกว่า

อย่างไรก็ตามสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้มีต้นกำเนิดมาจากสวรรค์สีขาว กำแพงภูมิภาคไม่มีความสัมพันธ์กับพวกมันและไม่ปฏิเสธพวกมัน

บางทีอาจเป็นเพราะสวรรค์ทั้งเก้าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคใด

เรื่องนี้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ทุกคนรู้ดี

ก่อนหน้านี้วังสวรรค์สามารถเดินทางไปยังภาคใต้ได้อย่างรวดเร็วเพราะพวกเขาใช้หอคอยดวงตาสวรรค์เดินทางผ่านสรรค์สีขาว

เช่นเดียวกับประตูแห่งดวงดาวของฟางหยวนที่ใช้สวรรค์สีดำเป็นสะพานเชื่อมต่อระว่างภูมิภาคทั้งห้า

ทั้งสองกรณีมีความคล้ายคลึงกับสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้ที่ใช้คุณสมบัติพิเศษของสวรรค์เพื่อก้าวข้ามกำแพงภูมิภาค

ฟางหยวนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วผ่านกำแพงภูมิภาคแต่ฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลยังไล่ล่าเขามาอย่างกระชั้นชิด

พวกมันจ้องมองฟางหยวนด้วยสายตาดื้อรั้นและไม่ต้องการพักผ่อนจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

ในช่วงเวลาเช่นนี้ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะนึกถึงวิญญาณท่องแดนอมตะอีกครั้ง

หากเขาได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะ เขาจะสามารถจัดการปัญหานี้

แม้สัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลจะไล่ล่าเขา แต่เขาก็ยังสามารถใช้วิญญาณท่องแดนอมตะสร้างระยะห่างออกไป

สำหรับวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ แม้เขาจะสามารถสร้างระยะห่าง แต่เขายังต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือฟางหยวนไม่รู้ว่าสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้จะไล่ล่าเขาไปถึงเมื่อใด บางทีแม้ฟางหยวนจะใช้ความมั่งคั่งทั้งหมด มันก็อาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

‘จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาอาจไม่สามารถโกหกแต่เขาไม่ได้โง่ เขาวางแผนต่อต้านข้ามาตลอด’

‘ก่อนหน้านี้เขาวางแผนต่อต้านข้าโดยการให้ข้ายืมวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเพื่อกำจัดฉีช่าย’

‘หากข้าหมดความอดทนและพยายามกำจัดสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้โดยไม่คิดให้รอบคอบ ข้าอาจถูกกรรโชกทรัพย์อีกครั้ง หลังจากทั้งหมดภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาดึงดูดใจมากเกินไป’

ด้านหน้าฟางหยวนกำแพงภูมิภาคเปลี่ยนเป็นสีฟ้า

นี่หมายความว่าฟางหยวนกำลังจะเข้าสู่กำแพงพลังงานของทะเลตะวันออก

ฟางหยวนบินเข้าไปในกำแพงพลังงานสีฟ้าโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง

หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนพบว่าสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลยังไล่ตามเขามา

นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงความยากลำบาก

ตอนนี้เขาใช้แต้มผลงานของนิกายหลางหยาไปหมดแล้ว ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มติดหนี้หินวิญญาณอมตะของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

‘หากไม่ใช่เพราะสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้ ข้าจะมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร? หือ เกิดสิ่งใดขึ้น?’

ดวงตาของฟางหยวนเบิกกว้างขึ้นอย่างกะทันหัน

เขาค้นพบการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

กลิ่นอายของผู้อมตะภาคใต้จากร่างของเขาค่อยๆหายไปและถูกแทนที่ด้วยกลิ่นอายของผู้อมตะภาคตะวันออก

หากฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย เขาจะไม่รู้สึกแปลกใจ

ประเด็นก็คือเขาไม่ได้ใช้งานท่าไม้ตายนี้

‘เป็นไปได้หรือไม่ว่าร่างใหม่ของข้าไม่เพียงสามารถเดินทางผ่านกำแพงภูมิภาคแต่มันยังสามารถเปลี่ยนกลิ่นอายของข้าให้เข้ากับภูมิภาคนั้นๆอีกด้วย’

ฟางหยวนคาดเดา

เพียงเมื่อเขาบินออกจากกำแพงภูมิภาค กลิ่นอายของผู้อมตะภาคใต้ก็สลายไปขณะที่เขากลายเป็นผู้อมตะของทะเลตะวันออกไปอย่างสมบูรณ์

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขกับความจริงข้อนี้

‘วิญญาณทารกอมตะช่างยิ่งใหญ่และลึกลับนัก ข้าไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยแต่ร่างกายของข้ากลับสามารถปรับตัวเข้ากับภูมิภาคใหม่ได้ด้วยตัวมันเอง นี่หมายความว่าข้าจะไม่ดึงดูดความเกลียดชังจากผู้อมตะของภูมิภาคนี้’

‘แต่มันจะดีกว่าหากข้าจะใช้ใบหน้าที่คุ้นเคย’

ฟางหยวนมองฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลที่ตามมาด้านหลังและถอนหายใจก่อนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยและเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนให้แตกต่างออกไป

เดิมทีเขาต้องการเดินทางผ่านทะเลตะวันออกอย่างเงียบๆและกลับไปยังภาคเหนือ

แต่ด้วยการไล่ล่าของฝูงสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาล เขาต้องปัดเป่าความคิดนี้ทิ้งไปโดยธรรมชาติ

ความวุ่นวายดังกล่าวไม่ใช่สิ่งที่ฟางหยวนต้องการแต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใด

‘สถานที่แห่งนี้ไม่ไกลจากทะเลไหลเชี่ยว บางทีข้าอาจไปที่นั่นและใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อมเพื่อแยกตัวออกจากสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลฝูงนี้?’ ฟางหยวนคิด

ประสบการณ์ห้าร้อยปีของเขาทำให้เขาเข้าใจสภาพแวดล้อมต่างๆของทั้งห้าภูมิภาคเป็นอย่างดี

หลังจากไตร่ตรองสักพัก ฟางหยวนตัดสินใจยกเลิกความคิดนี้

ทะเลไหลเชี่ยวเหมือนเขาวงกต หากประมาท เขาอาจติดอยู่ภายใน

จากข่าวลือ ทะเลไหลเชี่ยวเกิดจากการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะที่ทรงพลัง มันเป็นสนามรบนองเลือดของผู้อมตะหลายคน

ผู้อมตะจากทุกภูมิภาคมักเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้เพื่อแสวงหาโชคลาภและมรดกที่ถูกทิ้งไว้

น่าเสียดายที่ฟางหยวนไม่เคยได้ยินว่ามีผู้ใดพบโชคลาภครั้งใหญ่โดยบังเอิญจากสถานที่แห่งนี้ ในทางตรงข้ามเขามักได้ยินว่ามีผู้อมตะหลายคนหายตัวไปในทะเลไหลเชี่ยว ผู้อมตะบางคนหายสาปสูญไปเป็นเวลาหลายเดือนหรือหลายปีก่อนที่พวกเขาจะสามารถปลดปล่อยตนเองและปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

กล่าวได้ว่าทะเลไหลเชี่ยวเป็นสถานที่อันตราย สภาพแวดล้อมพิเศษของมันมักทำให้ผู้อมตะติดอยู่ที่นั่นและไม่สามารถปลดปล่อยตนเอง

ดังนั้นฟางหยวนจึงเลือกเคลื่อนไหวเป็นเส้นตรงข้ามผ่านอากาศ

เขาไม่ได้เดินทางไปยังทะเลไหลเชี่ยวแต่บินไปยังกำแพงพลังงานของภาคเหนือโดยตรง

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติถูกกระตุ้นใช้งานเป็นครั้งคราวทำให้ระยะทางระหว่างเขากับฝูงสัตว์อสูรค่อยๆห่างกันออกไป

เขาสอบถามจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเกี่ยวกับสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลแต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่มีข้อมูลของพวกมันมากนัก

ฟางหวนยังเชื่อมต่อสวรรค์สีเหลืองเพื่อหาซื้อข้อมูลเกี่ยวกับพวกมันแต่เขายังไม่ได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์

ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติหลบหนีอย่างไม่หยุดยั้ง

เมื่อเขาสามารถทิ้งสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลเอาไว้ข้างหลัง เขาจึงหยุดใช้วิญญาณดาบทะลวงมิติและเปลี่ยนเป็นท่าไม้ตายเพื่อบินต่อไป

ความเร็วของเขาลดลงโดยธรรมชาติ

‘ข้าจ่ายด้วยราคามหาศาล มันคงดีหากข้าสามารถปลดปล่อยตนเองจากพวกมัน’ ฟางหยวนรู้สึกกังวลอยู่ภายใน

สัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลไม่ได้อยู่ในวิสัยทัศน์ไม่ได้หมายความว่าพวกมันไปแล้ว

ขณะที่ฟางหยวนมองไปข้างหลังด้วยความกังวล แสงสีแดงเลือดสายหนึ่งกลับพุ่งมาจากทิศตะวันออกฉียงใต้อย่างกะทันหัน

แสงสีแดงที่ทะยานข้ามขอบฟ้าลดความเร็วลงทัทีเมื่อตระหนักถึงการคงอยู่ของฟางหยวน

‘ผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งเลือด ดูเหมือนจะเกิดการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้น!’ ฟางหยวนขมวดคิ้วเมื่อสัมผัสถึงกลิ่นอายที่ใกล้เข้ามา

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเจตนาใด ฟางหยวนก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาเพิ่ม

เขามีปัญหามากพออยู่แล้ว

เขายังไม่รู้ว่าสัตว์อสูรเมฆาบรรพกาลตามมาหรือไม่และยังมีภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงในอีกสองเดือนข้างหน้า

ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนทิศและออกจากเส้นทางของแสงสีเลือดที่ใกล้เข้ามาทันที

ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดตระหนักถึงเจตนาของฟางหยวน เขาเร่งตะโกน “เดี๋ยว! ข้าพบโชคลาภครั้งใหญ่โดยบังเอิญที่ทะเลไหลเชี่ยว ตราบเท่าที่ท่านสามารถช่วยข้าจัดการปัญหานี้ ข้ายินดีใช้วิญญาณอมตะคำสาบานเลือดสร้างข้อตกลงเพื่อแบ่งปันโชคลาภในครั้งนี้!”

‘ทะเลไหลเชี่ยว? พบโชคลาภครั้งใหญ่โดยบังเอิญ? นี่เรื่องจริงงั้นหรือ?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจมาก

เป็นเพียงเวลานี้ที่กลุ่มผู้อมตะจำนวนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่เส้นขอบฟ้า ชัดเจนว่าพวกเขากำลังไล่ล่าปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดผู้นี้

ดูเหมือนพวกเขาจะได้ยินสิ่งที่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดตะโกนบอกฟางหยวน

ดังนั้นคำสบถต่างๆจึงปะทุออกมา

“ปีศาจโลหิตที่สร้างหายนะให้แก่ทุกคนบนโลกใบนี้ต้องถูกประหาร!”

“ผู้ใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับปีศาจตนนี้จะถูกสังหารอย่างไร้ปรานีเช่นกัน!”

“หยุดปีศาจตนนี้แล้วตระกูลถังของข้าจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน!”

“นั่นไม่จำเป็น ข้าหลิวชิงหยูได้โจมตีปีศาจตนนี้ด้วยท่าไม้ตายอมตะของข้าไปแล้ว เขาไม่สามารถหลบหนีจากพวกเรา คนที่อยู่ข้างหน้า หากรู้ว่าสิ่งใดดีต่อตนเองก็หลบออกไป!”

ฟางหยวนก่นเสียงเย็น

เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดแต่ตอนนี้เขาต้องรีบกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเพื่อหาวิธีรับมือภัยพิบัติ

ดังนั้นฟางหยวนจึงตัดสินใจบินหลบออกไป

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดรู้สึกกังวลมาก เขามาถึงขีดจำกัดของตนเองแล้ว ฟางหยวนเป็นความหวังเดียวของเขา

เมื่อเห็นฟางหยวนล่าถอย เขารีบเปลี่ยนทิศทางและบินตามฟางหยวนไปอย่างรวดเร็ว

“หากท่านสามารถช่วยข้า ข้ายินดีมอบโชคลาภครั้งนี้ให้ท่านทั้งหมด!” เขากรีดร้อง

ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นและล่าถอยออกโดยไม่ลังเล

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ หนึ่งในผู้อมตะของทะเลตะวันออกจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ถูกต้อง! เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าตัดสินใจถูกแล้ว!”

บางคนตะโกน “ให้พวกเรายืมมือแล้วพวกเราจะตอบแทนเจ้าหลังจากนี้”

คิ้วของฟางหยวนค่อยๆขมวดอย่างช้าๆ

เขาเพียงต้องการกลับไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาอย่างเงียบๆ เหตุใดจึงเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นทีละเรื่อง ตัวเขาเองไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องยุ่งยากเหล่านี แต่คนเหล่านี้กลับไม่ยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ นี่เป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหรือไม่?

“นี่คือข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับโชคลาภที่ข้าค้นพบ หากเจ้าได้รับมัน การบ่มเพาะของเจ้าจะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าจะกลายเป็นมังกรที่ผงาดขึ้นสู่ท้องฟ้า!” ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับฟางหยวนเพื่อล่อลวงเขา

ฟางหยวนคำราม “ไปซะ!”

ด้วยคลื่นจากฝ่ามือ วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลถูกทำลายกลางอากาศ

ในเวลาเดียวกันเขาก็ทะยานร่างขึ้นสู่ท้องฟ้า

ปีศาจอมตะบนเส้นทางแห่งเลือดไม่มีความคิดที่จะต่อสู้กับฟางหยวน เมื่อสถานการณ์กลายเป็นสิ้นหวัง เขาตัดสินใจยิงลำแสงสายหนึ่งไปที่ฟางหยวน

“ข้าส่งมอบข้อมูลสำคัญให้กับคนผู้นี้ไปแล้ว หากพวกเจ้าต้องการมัน แม้พวกเจ้าจะสังหารข้าก็ไม่มีประโยชน์!” ปีศาจอมตะตะโกนก่อนจะบินไปในทิศทางตรงข้าม

ลำแสงประหลาดเคลื่อนที่เข้าใกล้ฟางหยวนด้วยความเร็วสูง

ฟางหยวนไม่ต้องการสร้างปัญหา เขาตะโกนเสียงดัง “ข้ามีธุระสำคัญที่ต้องจัดการ อย่ายั่วยุข้า!”

หลังกล่าวจบคำ เขากระตุ้นใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดดาบทะลวงมิติและดาบบินพร้อมกัน

ดาบทะลวงมิติเพิ่มความเร็วขณะที่ดาบบินพุ่งเข้าทำลายลำแสงประหลาด

“อา…วิญญาณอมตะระดับเจ็ดสองดวง!”

“เขาคือผู้ใด?”

พลังอำนาจที่ปะทุขึ้นอย่างกะทันหันของฟางหยวนทำให้กลุ่มผู้อมตะตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท