เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1041

ตอนที่ 1041

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1041 หวาดกลัวไปเอง

แปลโดย iPAT

สถานการณ์ของฟางหยวนแปลกประหลาดมาก มันทำให้ฉีช่ายรู้สึกไม่สบายใจ

‘เขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าชนิดใด? เหตุใดเขาจึงสามารถใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางที่แตกต่างและไม่ต่อต้านกันเอง?’

ฉีช่ายดูเหมือนผ่อนคลายแต่ในใจกลับคิดหนักมาก

‘เท่าที่ข้ารู้ ในประวัติศาสตร์มีคนเพียงผู้เดียวที่สามารถทำสิ่งนี้ นั่นคือเทพปีศาจคลั่ง!’

เทพปีศาจคลั่งเป็นหนึ่งในผู้อมตะระดับเก้าที่โดดเด่น เขาบ่มเพาะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและการเปลี่ยนแปลง

ตามบันทึก เขาสามารถเปลี่ยนร่างเป็นสิ่งต่างๆมากมาย สิ่งสำคัญก็คือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนร่างของเขาก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

ตัวอย่างเช่นเมื่อเทพปีศาจคลั่งเปลี่ยนเป็นหมาป่าสายฟ้า เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งสายฟ้า เมื่อเขาเปลี่ยนเป็นปูบึง เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปฐพี ในกระบวนการเหล่านี้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เปลี่ยนแปลงไปจะไม่ต่อต้านซึ่งกันและกัน

โดยปกติแล้วผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมักจะเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวเท่านั้น ตัวอย่างเช่นในสงครามชิงตำแหน่งเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือ เจิ้งหลงสามารถเปลี่ยนเป็นมังกรขณะที่เจิ้งหูสามารถเปลี่ยนเป็นพยัคฆ์

สำหรับผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่นอี้หลางซื่อ เขาสามารถเปลี่ยนเป็นหมาป่าสามชนิดที่มีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าแตกต่างกัน แต่เขาต้องใช้เวลาและวิธีการพิเศษเพื่อกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าชนิดเดิมก่อนจะเปลี่ยนเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าชนิดใหม่

นี่เป็นปัญหาสำหรับผู้ใช้วิญญาณและผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมาตลอด

เว้นเพียงผู้เดียว

นั่นคือเทพปีศาจคลั่ง

เขาสามารถเปลี่ยนร่างได้ตามใจปรารถนาโดยไม่มีปัญหาเกี่ยวกับความแตกต่างของพลังงานแห่งเต๋า

น่าเสียดายหลังจากเทพปีศาจคลั่งเสียชีวิต เขาไม่ได้ทิ้งวิธีการของเขาเอาไว้เบื้องหลัง ผู้คนมากมายพยายามเรียนรู้ แต่ไม่มีผู้ใดประสบความสำเร็จ

‘อย่าบอกว่าคนผู้นี้ได้รับมรดกของเทพปีศาจคลั่ง?’ ฉีช่ายคิดถึงเรื่องนี้และยิ่งระวังตัวมากขึ้น

นอกเหนือจากคำอธิบายนี้ เขาไม่สามารถคิดถึงเรื่องอื่น

‘แน่นอนว่ามีวิธีการอีกมากมายบนโลกใบนี้ ไม่ใช่ทุกคนที่จะฝึกฝนด้วยภูมิปัญญาโบราณ’ ฉีช่ายคิด

แท้จริงแล้วการคาดเดาของเขาที่ว่าฟางหยวนได้รับมรดกจากเทพปีศาจคลั่งยังเป็นการประเมินที่ต่ำเกินไป

ฟางหยวนสามารถทำเรื่องนี้เพราะเขาครอบครองวิญญาณทารกอมตะระดับเก้าของเทพปีศาจจิตวิญญาณ

วิญญาณอมตะดวงนี้ไม่ธรรมดา!

ไม่เพียงมันจะเป็นความหวังในการฟื้นคืนสู่ชีวิตของเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่มันยังเป็นความหวังให้เขาก้าวข้ามผู้อมตะระดับเก้าทั้งหมดในประวัติศาสตร์!

เขาสร้างวิญญาณอมตะดวงนี้ขึ้นมาจากภูมิปัญญาทั้งหมดของเขารวมถึงมรดกที่เขาได้รับจากผู้อมตะคนอื่นๆตลอดจนผู้อมตะระดับเก้าอีกจำนวนหนึ่ง

นิกายเงาสามารถครอบครองมรดกที่แท้จริงบางส่วนของเทพปีศาจบัวแดงที่ลึกลับที่สุดในประวัติศาสตร์ นี่ก็เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากแล้วโดยยังไม่ต้องกล่าวถึงมรดกของผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆ

หลังจากหลายหมื่นปี เทพปีศาจจิตวิญญาณสามารถก่อตั้งนิกายเงาและกองกำลังพันธมิตรผีดิบก่อนจะสังเวยพวกเขาเพื่อวิญญาณทารกอมตะดวงนี้

อาจกล่าวได้ว่าวิญญาณทารกอมตะไม่ได้เกิดจากภูมิปัญญาของเทพปีศาจจิตวิญญาณเพียงผู้เดียวแต่ยังรวมไปถึงผู้อมตะระดับเก้าคนอื่นๆอีกด้วย

แม้เจตจำนงสวรรค์จะใช้ฟางหยวนเป็นเครื่องมือ แต่ในช่วงเวลาสำคัญ ฟางหยวนในฐานะปีศาจต่างโลกกลับหักหลังสวรรค์โดยการยึดครองวิญญาณทารกอมตะเอาไว้กับตนเอง

แม้ฟางหยวนจะปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับหกออกมา แต่ฉีช่ายก็ไม่กล้าประมาท

เขากำลังตรวจสอบฟางหยวน

ฉีช่ายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แม้เขาจะไม่มีวิญญาณอมตะระดับเจ็ด แต่เขายังมีวิญญาณอมตะระดับหก

ก่อนหน้านี้มนุษย์โคลนก็ถูกสร้างขึ้นมาจากท่าไม้ตายอมตะของเขา

อย่างไรก็ตามเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาใช้วิญญาณอมตะ

วิญญาณอมตะคือไพ่ตายของผู้อมตะ พวกเขาจะใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น

แน่นอนว่าพลังงานอมตะไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่สุดแต่พวกเขาจะใช้หลังจากตรวจสอบข้อมูลของศัตรูเรียบร้อยแล้ว

ความสามารถและวิญญาณอมตะเป็นความลับของผู้อมตะ หากข้อมูลของพวกเขารั่วไหล ศัตรูจะสามารถตอบโต้

ในการต่อสู้ พวกเขาจะตรวจสอบซึ่งกันและกันเป็นอันดับแรก

ขณะที่ฉีช่ายตรวจสอบฟางหยวน ฟางหยวนก็ตรวจสอบฉีช่าย

เช่นเดียวกับฉีช่าย แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณอมตะ แต่เขาก็ยังไม่ได้ใช้งานพวกมัน

วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบทรงพลัง แต่ฟางหยวนเป็นผู้อมตะระดับหก พลังงานอมตะของเขามีน้อยกว่าฉีช่าย

หากไม่ได้รับหินวิญญาณอมตะจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา ฟางหยวนจะแพ้การต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน

การต่อสู้ระหว่างผู้อมตะทำให้ฉีอี้ที่เฝ้ามองอยู่รู้สึกตกตะลึงและอ้าปากค้างอยู่ในใจ

โดยไม่สามารถหลีกเลี่ยง ฉีช่ายค่อยๆตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

แม้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์จะน่าอัศจรรย์เพียงใด พวกมันก็ไม่มีวิญญาณอมตะเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นพลังอำนาจของพวกมันจึงมีขีดจำกัด

ในประวัติศาสตร์มีท่าไม้ตายระดับมนุษย์เพียงท่าเดียวที่สามารถเปรียบเทียบกับท่าไม้ตายอมตะ

มันคือท่าไม้ตายรถม้ากระดูกขาวของเฉินเจียโอว

คนผู้นี้เป็นปีศาจอมตะระดับแปดที่โดดเด่น ในแง่มุมนี้ กระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็ยังไม่สามารถแข่งขันกับเขา

แม้ผู้อมตะระดับเก้าจะทรงพลังแต่พวกเขาก็ไม่ได้โดดเด่นในทุกแง่มุม

ในอดีตเทพอมตะตะวันเดือดและเทพปีศาจปล้นสวรรค์ยังต้องขอให้บรรพชนผมยาวช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะให้กับพวกเขา

ในทำนองเดียวกันแม้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของฟางหยวนจะไม่เท่าฉีช่าย แต่เขาก็มีวิธีการมากมายที่สามารถขยายขีดจำกัดของท่าไม้ตายระดับมนุษย์และสามารถรับมือศัตรูที่เหนือกว่า

ฉีช่ายตระหนักถึงสถานการณ์ของตน เขาเริ่มขมวดคิ้วและโต้กลับ

ท่าไม้ตายเขตแดน คุกพลังปราณ!

พื้นที่รอบๆถูกผนึกไว้ด้วยพลังปราณที่โปร่งแสง

ฟางหยวนเผยรอยยิ้ม เขาไม่ตกใจ

ท่าไม้ตายเขตแดนนี้เป็นท่าไม้ตายระดับมนุษย์ มันมีผลกระทบต่อผู้อมตะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

มีเพียงผู้อมตะระดับหกที่ไร้วิญญาณอมตะในการครอบครองจึงจะรู้สึกถึงภัยคุกคาม

นอกจากนั้นฟางหยวนก็มีท่าไม้ตายเขตแดนเช่นกัน

เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายเขตแดนหิมะของเซี่ยซ่งซื่อทันที

ท่าไม้ตายเขตแดนคุกพลังปราณถูกผลักดันออกไปโดยมวลอากาศเย็น

ฉีอี้กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

ด้านหน้านาง สองเขตแดนกำลังผลักดันซึ่งกันและกัน

ในมุมมองของฉีอี้ที่ยังไม่ต่างจากผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ ท่าไม้ตายเขตแดนถือเป็นไพ่ตายสำหรับพวกเขา ผู้ใช้วิญญาณจะไม่ใช้มันออกมาโดยง่าย มิฉะนั้นศัตรูอาจได้รับข้อมูลและสามารถต่อต้าน

ตอนนี้นางได้เห็นสองเขตแดนกำลังปะทะกัน นี่จึงทำให้นางรู้สึกได้เปิดหูเปิดตาอย่างแท้จริง

เมื่อเห็นว่าฟางหยวนยังไม่วิตก ฉีช่ายจึงหมดความอดทนและเป็นฝ่ายกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะเป็นคนแรก

แต่เขาเป็นคนรอบคอบเช่นกัน

เขาไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะแต่ใช้เพียงวิญญาณอมตะระดับหก

มันเป็นวิญญาณอมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งพลังปราณ

ฟางหยวนไม่รู้ว่ามันคือวิญญาณอมตะชนิดใด แน่นอนว่าฉีช่ายไม่โง่พอที่จะตะโกนชื่อของมันออกมา

เมื่อวิญญาณอมตะถูกกระตุ้นใช้งาน เขตแดนของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก

ท่าไม้ตายเขตแดนหิมะของฟางหยวนไม่สามารถต่อต้านได้อีกต่อไป

พลังปราณราวกับอสรพิษพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

นั่นทำให้ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติระดับเจ็ด

ทันใดนั้นร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นเงาดาบพุ่งผ่านอากาศ

“เร็วมาก!” ฉีอี้ตกใจมาก ในพริบตาฟางหยวนเกือบหายไปจากมุมมองสายตาของนางแล้ว

มันเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด ความเร็วของมันย่อมไม่ธรรมดา

ฉีช่ายตกใจเช่นกัน

เขาคาดเดาว่าฟางหยวนอาจบ่มเพาะอยู่บนเส้นทางแห่งหิมะ เส้นทางแห่งวายุ หรือเส้นทางแห่งความมืดเพราะฟางหยวนเคยใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์บนเส้นทางเหล่านี้มาก่อน

แต่โดยไม่คาดคิด ฟางหยวนกลับมีวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ

และมันยังเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด!

‘อันใด!? เขาไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งดาบงั้นหรือ?’ ฉีช่ายรู้สึกมึนงงเป็นอย่างมาก

หลังจากตรวจสอบเป็นเวลานาน เขาได้รับข้อมูลบางอย่างของฟางหยวน

แต่เมื่อฉีช่ายแสดงพลังอำนาจที่แท้จริงออกมา ฟางหยวนกลับใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ

นอกจากนั้นเขายังเคลื่อนไหวเร็วมาก!

‘หากเป็นก่อนหน้าข้าคงทำได้เพียงมองดูเขาจากไป เป็นโชคร้ายของเจ้าที่ท่าไม้ตายอมตะของข้าเสร็จสมบูรณ์เมื่อสามปีก่อน’

ฉีช่ายหัวเราะก่อนจะอ้าปากและปลดปล่อยพลังงานลึกลับเข้าไปในร่างของราชสีห์ปราณ

ราชสีห์ปราณคำรามด้วยความเจ็บปวด ดวงตาของมันเปลี่ยนเป็นสีแดงก่อนที่มันจะทะยานร่างไปข้างหน้า

ภายใต้การควบคุมของฉีช่าย ความเร็วของราชสีห์ปราณพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

ราชสีห์ปราณไล่ล่าฟางหยวนด้วยความเร็วสูง

เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะรู้สึกปวดหัว

ฉีช่ายใช้วิญญาณอมตะของเขาอีกครั้งและส่งอสรพิษปราณพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

‘เขาไม่ได้ใช้ท่าไม้ตายอมตะ นี่เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก มันเป็นเพราะท่าไม้ตายอมตะต้องควบคุมวิญญาณจำนวนมากและทำให้เขาต้องเพ่งความสนใจกับมันมากเกินไปงั้นหรือ?’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ในช่วงเวลาคับขัน ฟางหยวนยังสามารถรักษาความสงบและวิเคราห์การเคลื่อนไหวของศัตรู

เมื่อผู้อมตะใช้วิญญาณอมตะ กลิ่นอายของมันจะปะทุออกมา สำหรับท่าไม้ตายอมตะ กลิ่นอายของมันจะยิ่งซับซ้อนมากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ฉีช่ายจึงสัมผัสได้ว่าฟางหยวนใช้วิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบ

ในทำนองเดียวกันฟางหยวนก็ตระหนักว่าฉีช่ายมีวิญญาณอมตะระดับหกเพียงดวงเดียว

แน่นอนว่านี่เป็นกรณีทั่วไปเท่านั้น

มีหลายวิธีที่สามารถปกปิดกลิ่นอายของวิญญาณอมตะและทำให้คู่ต่อสู้เข้าใจผิด

วิญญาณอมตะดาบบิน!

ฟางหยวนชี้นิ้วและส่งดาบสีเงินพุ่งออกไป

อสรพิษปราณของฉีช่ายถูกตัดเป็นชิ้นๆอย่างง่ายดาย

หัวใจของฉีช่ายสั่นสะท้านขึ้น ‘เขายังมีวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบอีกดวงเช่นนั้นหรือ?’

‘เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งดาบจริงๆงั้นหรือ?’

‘แล้วเหตุใดเขาไม่ใช้ท่าไม้ตายอมตะ?’

‘เหตุใดพวกมันจึงเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด?’

‘อย่าบอกข้าว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่จงใจปกปิดกลิ่นอายของตนเพื่อล่อลวงศัตรู!’

ฉีช่ายไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ที่แท้จริงของฟางหยวน

เขาเป็นคนขี้ระแวงและมีแนวโน้มที่จะคิดไปในแง่ร้ายมากกว่าแง่ดี ดังนั้นยิ่งเขาคิดมากเท่าใด เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท