เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1052

ตอนที่ 1052

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1052 การไล่ล่าของวังสวรรค์

แปลโดย iPAT

ภาคกลาง แดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หู

เทพธิดาจื่อเว่ยค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางสวมชุดคลุมสีม่วงแต่มันแทบไม่สามารถปกปิดรูปร่างที่งดงามของนางได้ ดวงตาของนางเหมือนบ่อน้ำที่มืดสนิท ใบหน้าดูเศร้าโศกเล็กน้อย ผิวของนางขาวราวหิมะ เส้นผมทิ้งตัวลงมาจนถึงเอว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือนางปลดปล่อยกลิ่นอายของผู้อมตะระดับแปดออกมาอย่างชัดเจน

นางถอนหายใจและหยุดใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งปัญญา

“ทักทายบรรพชนจื่อเว่ย” ฟงจินฮวงเร่งลุกเข่าลงบนพื้นและทำความเคารพเทพธิดาจื่อเว่ยที่ลอยอยู่กลางอากาศ

มุมปากของเทพธิดาจื่อเว่ยยกขึ้นขณะที่ความโศกเศร้าบนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสดใสเบิกบาน

“ฮวงเอ๋อลุกขึ้น ไม่จำเป็นต้องมากพิธี แม่ของเจ้ากับข้ามีความสัมพันธ์ทางสายเลือด เราก็เหมือนคนในครอบครัว”

จากการแสดงออกของนาง ชัดเจนว่านางพึงพอใจฟงจินฮวง

ฟงจินฮวงยืนขึ้นด้วยความรู้สึกเคารพและชื่นชม

หลังจากทั้งหมดคนที่อยู่ตรงหน้านางคือผู้อมตะระดับแปด!

ในความคิดของฟงจินฮวง นางไม่กล้าคิดถึงการก้าวเข้าสู่ระดับแปดแต่มันก็เป็นความใฝ่ฝันระยะยาวของนาง เทพธิดาจื่อเว่ยเติบโตขึ้นในนิกายคฤหาสน์วิญญาณและเคยเป็นผู้อาวุโสสูงสุด นางมีชีวิตอยู่มาอย่างน้อยหนึ่งพันหกร้อยปีและได้เข้าร่วมกับวังสวรรค์ นางทั้งงดงามและมากความสามารถ มันจึงช่วยไม่ได้ที่ฟงจินฮวงจะยกนางเป็นแบบอย่าง

“บรรพชนจื่อเว่ย ท่านอนุมานอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูมาเป็นเวลาสามเดือน ไม่ทราบว่าท่านพบสิ่งใดบ้างหรือไม่?” ฟงจินฮวงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้าเล็กน้อย

เทพธิดาจื่อเว่ยลอยลงมาอยู่ด้านหน้าฟงจินฮวงแต่เท้าของนางยังลอยอยู่เหนือพื้นประมาณสามสิบเซนติเมตร

นี่เป็นบุคลิกของนาง นางรักความสะอาดมาก!

เทพธิดาจื่อเว่ยตอบ “หลังจากอนุมานมาหลายวัน ข้ามั่นใจว่าเจ้าของเดิมของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูเป็นสมาชิกของนิกายท้าทายสวรรค์”

“นิกายท้าทายสวรรค์?” รูม่านตาของฟงจินฮวงหดเล็กลงด้วยความประหลาดใจ

นางอาจเป็นมนุาย์แต่บิดามารดาของนางเป็นผู้อมตะ ดังนั้นนางจึงล่วงรู้ความลับมากมาย

นางเคยได้ยินชื่อนิกายท้าทายสวรรค์มาก่อน มันเป็นกองกำลังลึกลับที่มีอิทธิพลในภาคกลาง

สิบนิกายโบราณควบคุมทรัพยากรส่วนใหญ่ของภาคกลาง กองกำลังอื่นหรือผู้บ่มเพาะสันโดษมักถูกปราบปราม มีกองกำลังไม่มากที่กล้าต่อต้านนิกายโบราณทั้งสิบ

แต่กองกำลังเหล่านี้มักถูกยึดครองหรือทำลายโดยนิกายโบราณทั้งสิบในที่สุด

อย่างไรก็ตามนิกายท้าทายสวรรค์เป็นนิกายลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดและเป็นกองกำลังที่อยู่นานที่สุด

ไม่ใช่ว่านิกายโบราณทั้งสิบไม่ต้องการกำจัดนิกายท้าทายสวรรค์ แต่มันเป็นเพราะพวกเขาซ่อนตัวได้ดีเกินไป

กระทั่งสมาชิกของนิกายก็ยังไม่รู้จักกันและใช้รหัสตัวเลขเพื่อกล่าวถึงกันเท่านั้น

“ภายนอก ผู้อมตะไป่หูเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ นางได้รับภูเขาตงฮันมาโดยบังเอิญ แต่ดูเหมือนความบังเอิญนี้จะเกิดจากความช่วยเหลือของนิกายท้าทายสวรรค์” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวต่อ

ดวงตาของฟงจินฮวงส่องประกายขึ้นและเริ่มคาดเดา “นั่นหมายความว่าฟางหยวนเป็นสมาชิกนิกายท้าทายสวรรค์งั้นหรือ? ไม่แปลกใจเลยที่เขาปรากฏตัวขึ้นในเวลานั้นโดยไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน”

แต่เทพธิดาจื่อเว่ยกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้าพยายามอนุมานเรื่องนี้แต่ผลลัพธ์กลับไม่แน่ชัด อย่างไรก็ตามฟางหยวนต้องเกี่ยวข้องกับนิกายท้าทายสวรรค์ไม่มากก็น้อย เจ้าหลี่กเลี่ยงที่จะติดต่อกับจิตวิญญาณแผ่นดินไป่หูและยังไม่ได้รับสืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูอย่างเป็นทางการ เจ้าคิดที่จะคืนแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูให้กับฟางหยวนถูกต้องหรือไม่?”

“บรรพชนจื่อเว่ย…” เหงื่ออันเย็นเยียบไหลลงมาจากหน้าผากของฟงจินฮวง

เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มมั่นใจ “เราเป็นครอบครัว เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ข้ารู้ว่าฟางหยวนช่วยฟงจิวเก้อเอาไว้ พ่อของเจ้าเป็นอัจฉริยะที่น่าทึ่ง เขาเป็นคนที่จะทิ้งร่องรอยเอาไว้ในประวัติศาสตร์ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้จักตอบแทนความเมตตาและเกลียดชังอย่างเหมาะสม เขาซื่อสัตย์และเป็นธรรม ข้าเข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงขอสิ่งนี้กับเจ้า”

ฟงจินฮวงเร่งกล่าว “บรรพชนจื่อเว่ย ท่านช่างใจกว้างนัก…”

เทพธิดาจื่อเว่ยโบกมือ “แต่เจ้าต้องจำไว้ ฟางหยวนเป็นอาชญากรที่วังสวรรค์ต้องการตัว หากเจ้าต้องการตอบแทนความเมตตาของเขา ข้าจะไม่ห้ามเจ้าหากเจ้าส่งแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูคืนให้เขาในอนาคต แต่เรื่องของฟางหยวน ข้าเป็นผู้รับผิดชอบ ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ดื้อรั้นเกินไปและทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่”

ฟงจินฮวงก้มศีรษะลง “ข้าจะจดจำคำของบรรพชนเอาไว้ในใจเสมอ”

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะบินขึ้นสูท้องฟ้า

ประตูทางเข้าออกของแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูเปิดออกเพื่อให้นางบินจากไป

เทพธิดาจื่อเว่ยกลายเป็นลำแสงสีม่วงบินตรงไปยังวังสวรรค์

ลำแสงสีม่วงพุ่งเข้าไปในห้องโถงใหญ่

ภายในห้องโถงแห่งนี้ ร่างหลักของเทพธิดาจื่อเว่ยนั่งไขว้ขาอยู่บนเสื่อและกำลังพูดคุยกับผู้อมตะของวังสวรรค์อีกสองคน

แสงสีม่วงพุ่งเข้าสู่ฝ่ามือของนางก่อนจะกลายเป็นเจตจำนง วิญญาณอมตะหลายดวง และพลังงานอมตะอีกเล็กน้อย

เทพธิดาจื่อเว่ยที่เคยอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูแท้จริงแล้วก็คือเจตจำนงของนาง

นางเก็บสิ่งของเหล่านี้เข้าไปและปิดเปลือกตาลง

หลังจากชั่วครู่ นางจึงเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งและกล่าวเบาๆ “เราพบเบาะแสของฟางหยวนแล้ว”

ผู้อมตะที่นั่งอยู่ตรงข้ามนางรู้จักกันในนามของมังกรหมื่นสมุทรเผยรอยยิ้มบาง “เทพธิดาจื่อเว่ย ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาของท่านอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าวังรุ่นก่อนจริงๆ ท่านเพียงใช้เจตจำนงก็สามารถอนุมานสิ่งสำคัญได้แล้ว”

ยิ่งคิดมากเท่าใด ความคิดและเจตจำนงก็จะถูกใช้จ่ายไปมากเท่านั้น กระทั่งเจตจำนงของเทพอมตะตะวันเดือดที่อยู่ในวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงยังต้องจำศีลเพื่อป้องกันความสูญเสียจากความคิด

อย่างไรก็ตามวิธีของเทพธิดาจื่อเว่ยกลับลึกลับและทรงพลังมาก

นางใช้เพียงเจตจำนงในการอนุมาน นอกจากจะประสบความสำเร็จ เจตจำนงของนางยังถูกใช้ไปไม่แม้แต่จะถึงยี่สิบส่วน

ความสำเร็จดังกล่าวสมควรได้รับคำชมอย่างแท้จริง

ร่างหลักของเทพธิดาจื่อเว่ยไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำชมของมังกรหมื่นสมุทรแต่กล่าวต่อ “หากฟางหยวนไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูมานาน ข้าจะไม่สามารถอนุมานสิ่งใด ฟางหยวนมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนิกายท้าทายสวรรค์ แม้ข้าจะไม่สามารถหาตำแหน่งที่อยู่ที่แน่นอนของเขา แต่ข้ารู้ว่าตราบเท่าที่พวกเราติดตามเบาะแสนี้ไป เราจะพบเขาในที่สุด”

มังกรหมื่นสมุทรพยักหน้า “ฟางหยวนมีวิญญาณกาลเวลา เขาทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือและได้รับมรดกของเทพปีศาจบัวแดง มรดกของเทพปีศาจปล้นสวรรค์ และมรดกของเทพอมตะตะวันเดือด เขายังเป็นปีศาจต่างโลกและรอดชีวิตจากการต่อสู้ที่ภาคใต้ ตัวแปรที่อันตรายเช่นนี้ต้องถูกกำจัด! แต่หากเราต้องการกำจัดเขา เราต้องจัดการวิญญาณกาลเวลาเป็นอันดับแรก!”

ผู้อมตะคนที่สามที่อยู่ในห้องโถงกล่าว “ท่านสามารถมั่นใจในเรื่องนี้ ตั้งแต่ข้าตื่นขึ้น ข้าก็เตรียมการบางอย่างทันที ข้ากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายสำเร็จเมื่อหลายวันก่อนและได้ปิดผนึกวิญญาณกาลเวลาเรียบร้อยแล้ว มันจะไม่สามารถใช้งานได้ภายในสามเดือนนี้”

นางเป็นหญิงชราที่มีเสียงแหบแห้งและท่าทางเหนื่อยล้ามาก

อย่างไรก็ตามเทพธิดาจื่อเว่ยและมังกรหมื่นสมุทรดูเหมือนจะมั่นใจในตัวนาง

มังกรหมื่นสมุทรเผยรอยยิ้ม “เนื่องจากท่านเว่ยหลิงหยางได้จัดการวิญญาณกาลเวลาไปแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้อีก”

เทพธิดาซื่อเว่ยกล่าวต่อ “เช่นนั้นเราจะไปที่หุบเขาหมิงเติ้งเพื่อจับกงซุนเหลียง”

ในเวลาเดียวกัน แม่น้ำแห่งหนึ่งของภาคกลาง

อิงอู๋เซี่ยยืนอยู่ริมแม่น้ำ เขามองต้นหลิวและรู้สึกถึงสายลมอ่อนๆ อย่างไรก็ตามจิตใจของเขากลับไม่สามารถสงบนิ่ง

หลังจากเดินทางไปรอบๆถ้ำนรกใต้พิภพ อิงอู๋เซี่ย ไท่เป่ยหยุนเฉิง ไห่ลั่วหลัน และซื่อหนิวกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่เพื่อเดินทางมายังทิศตะวันออกของภาคกลาง

พื้นที่บริเวณนี้อยู่ในเขตปกครองของนิกายเมฆาวายุ อิงอู๋เซี่ยอยู่ในร่างของฟางหยวน เขาเป็นอาชญากรที่ถูกไล่ล่าโดยวังสวรรค์และนิกายโบราณทั้งสิบ แต่เขากลับเสี่ยงอยู่ที่นี่ถึงสามวัน

เขากำลังรอคนผู้หนึ่ง

แล้วผู้ใดที่ทำให้เขายินดีรับความเสี่ยงนี้?

เงาสีเขียวบินใกล้เข้ามา

อิงอู๋เซี่ยกระวนกระวานต้อนรับคนผู้นี้

เงาสีเขียวบินลงบนพื้น เขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นหุ่นเชิด

หุ่นเชิดตัวนี้มีรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์แต่ร่างกายราวกับถูกถักทอขึ้นจากหญ้าสีเขียว

หุ่นเชิดหญ้ามองวิญญาณที่อยู่ในมือของอิงอู๋เซี่ยก่อนจะตระหนักว่าเขาคือเป้าหมายและเริ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “เจ้านายของข้าได้รับเชิญให้เข้าร่วมในงานประเมินสมบัติของผู้อาวุโสกงกง ดังนั้นท่านจึงไม่สามารถมาที่นี่ หากเจ้าต้องการพบนายท่าน เจ้าต้องรออีกสามวัน”

“รออีกสามวัน?” การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“หากเจ้าไม่มีความอดทน เจ้าไม่จำเป็นต้องรอ ข้าจะรีบกลับไปรายงานนายท่าน” หุ่นเชิดหญ้ากล่าวอย่างไม่แยแส

“ข้าจะรอ!” อิงอู๋เซี่ยรีบเผยรอยยิ้ม “ข้ารอมาสามวันแล้ว มันไม่เป็นไรหากจะรออีกสามวัน เมื่อเวลานั้นมาถึงหากข้ายังไม่ได้พบเจ้านายของเจ้า ข้าคงทำได้เพียงยอมแพ้ต่อธุรกรรมนี้เท่านั้น”

หุ่นเชิดหญ้าก่นเสียงเย้ยหยันก่อนจะหมุนตัวจากไป

หลังจากมันจากไป การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยจมดิ่งลงทันที

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้อมตะสามคนปรากฏตัวออกมา

พวกเขาก็คือไท่เป่ยหยุนเฉิง ไห่ลั่วหลัน และซื่อหนิว

“หุ่นเชิดตัวนั้นคือร่างอวตารพฤกษาในข่าวลืองั้นหรือ?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ถูกต้อง” อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า “มันคือร่างอวตารพฤกษาที่เกิดจากวิญญาณหุ่นเชิดพฤกษาระดับหก มันมีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับหก เมื่อฟงฉานซื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ปู่ของเขา เฒ่าไป่ฟงได้มอบวิญญาณดวงนี้เป็นของขวัญให้เขา”

“ฟงฉานซื่อช่างเย่อหยิ่งนัก เรารอยู่นานแล้วแต่เขายังไม่ออกมาพบพวกเราและส่งเพียงร่างอวตารออกมาเท่านั้น” ไห่ลั่วหลันไม่พอใจ

ซื่อหนิวถอนหายใจ “ในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ เราต้องมีแสงแรกกำเนิด ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดลับการหลอมรวมใด พวกมันล้วนต้องใช้สิ่งนี้เป็นส่วนประกอบสำคัญ แต่มีแสงแรกกำเนิดอยู่ในคฤหาสน์เมฆาวายุ พวกเราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องอดทน”

อิงอู๋เซี่ยก่นเสียงเย็นแต่ไม่กล่าวสิ่งใด

เขาต้องการช่วยเทพปีศาจจิตวิญญาณ แต่การทำเช่นนั้นต้องเดินทางข้ามกำแพงภูมิภาค

ตอนนี้เขาทำได้เพียงต้องอดทนเท่านั้น

เขาคิด ‘วิญญาณกาลเวลาถูกปิดผนึกไปแล้ว ดูเหมือนวังสวรรค์เริ่มตรวจสอบข้าแล้ว ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นานนัก หลังจากหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ ข้าต้องรีบไปยังภาคเหนือและยืมโชคจากถ้ำสวรรค์นิรันดร! บางทีข้าอาจสามารถใช้พลังอำนาจของมันกำจัดฟางหยวน หือ? ไม่ พิจารณาเรื่องเวลา พรุ่งนี้ควรเป็นวันที่ฟางหยวนต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพ มันไม่สิ่งที่จะสามารถก้าวข้ามได้โดยง่าย เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถควบคุมฟางหยวนแต่มันสามารถจัดการสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงภัยพิบัติสวรรค์พิภพแต่มันยังรวมถึงภัยพิบัติที่เกิดจากฝีมือมนุษย์อีกด้วย’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท