เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1055

ตอนที่ 1055

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1055 เผชิญหน้าภัยพิบัติ (3)

แปลโดย iPAT

อินทรีย์มงกุฎเหล็กสามตัวพุ่งมาที่ฟางหยวน

ดาบประหารชีวิต!

แต่ฟางหยวนกลับพ่นเลือดคำโตออกมาจากปากเมื่อท่าไม้ตายล้มเหลว

หลังจากทั้งหมดเขาพึ่งได้รับท่าไม้ตายนี้มาไม่นานและยังไม่ชำนาญมากพอ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน มันมีโอกาสล้มเหลวสูงมาก

เสียงกรีดร้องอันแหลมสูงของนกอินทรีย์ดังขึ้นขณะที่มันใช้กรงเล็บโจมตีศัตรู

ปีกค้างคาวมายาสะบัดตัวส่งร่างของฟางหยวนล่าถอยออกไป

อย่างไรก็ตามโล่สายลมที่อยู่รอบตัวเขาถูกทำลายในการโจมตีนี้

ฟางหยวนตัดสินใจใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตอีกครั้งและครั้งนี้เขาประสบความสำเร็จ!

ดาบบินแทงทะลุแผ่นหลังของอินทรีย์มงกุฎเหล็ก

แต่ในจังหวะนี้ลมหนาวที่พัดมาจากด้านหลังทำให้หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เขาไม่มีเวลาคิดสิ่งใดและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติทันที

ฟางหยวนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกศรและสามารถหลบการโจมตีของอินทรีย์มงกุฎเหล็กได้อย่างฉิวเฉียด

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเร็วมาก เพียงเสี้ยวพริบตาฟางหยวนก็สามารถสร้างระยะห่างออกจากอินทรีย์มงกุฎเหล็กได้ถึงสิบลี้

เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

หลังจากสงบจิตใจ ฟางหยวนเรียกวิญญาณอมตะดาบบินกลับมา

ก่อนหน้านี้เขาส่งวิญญาณอมตะดาบบินออกไป หลังจากโจมตีอินทรีย์มงกุฎเหล็ก มันต้องใช้เวลามากกว่าสิบลมหายใจเพื่อบินย้อนกลับมาหาฟางหยวน

สำหรับอินทรีย์มงกุฎเหล็กที่ถูกแทง มันกรีดร้องอย่างน่าเวทนาก่อนจะร่วงลงสู่พื้นและกลายเป็นกองหิมะ

อินทรีย์มงกุฎเหล็กที่เหลืออีกสองตัวพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอีกครั้งจากด้านซ้ายและขวา

ฟางหยวนไม่เต็มใจที่จะเผชิญหน้ากับพวกมัน เขาใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติล่าถอยออกไป

เส้นทางแห่งดาบมีข้อดีด้านการโจมตีแต่ด้อยด้านการป้องกัน

ด้วยวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ ฟางหยวนสามารถสร้างระยะห่างออกมาจากอินทรีย์มงกุฎเหล็กอีกครั้ง

กระทั่งวิญญาณอมตะดาบบินก็ยังเร็วไม่เท่ากับการเคลื่อนไหวของฟางหยวน

ฟางหยวนบินเป็นวงกลมอยู่บนท้องฟ้าก่อนจะส่งวิญญาณอมตะดาบบินออกไปในจังหวะที่เหมาะสม มันบินผ่านอินทรีย์มงกุฎเหล็กตัวแรกและทะลวงร่างของอินทรีย์มงกุฎเหล็กทั้งสอง

ร่างของอินทรีย์มงกุฎเหล็กตัวที่สองแตกสลายกลายเป็นหิมะตกลงบนพื้น

อินทรีย์มงกุฎเหล็กตัวสุดท้ายบินเข้ามาหาฟางหยวนด้วยความโกรธแค้น

ฟางหยวนกำลังจะเรียกวิญญาณอมตะดาบบินกลับมาแต่ในจังหวะนี้หัวใจของเขากลับสั่นสะท้านขึ้น

คิ้วของเขายกตัวขึ้นขณะที่ใบหน้าไม่สามารถปกปิดความสุข

‘ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง! ดูเหมือนการคาดเดาของข้าจะถูกต้อง มันประสบความสำเร็จ!’

ฟางหยวนตั้งใจมาที่แดนน้ำแข็งเพราะความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

จากบันทึกในประวัติศาสตร์ เมื่อผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเผชิญหน้ากับภัยพิบัติเพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะที่นี่ พวกเขาจะได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

แต่ของขวัญชิ้นนี้มีไว้สำหรับผู้ใช้วิญญาณเท่านั้น

หลังจากพวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ แม้พวกเขาจะเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ณ สถานที่แห่งนี้ พวกเขาก็จะไม่ได้รับความหมายที่แท้จริงใดๆ

อย่างไรก็ตามหลังจากฟางหยวนได้รับท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติ เขาสงสัยว่ามันจะทำให้เขาได้รับความหมายที่แท้จริงหรือไม่

ก่อนหน้านี้เมื่อเขาสังหารอสูรหิมะ เขาไม่ได้รับความหมายที่แท้จริงใดๆ เขาคิดว่าการคาดเดาของเขาผิด แต่หลังจากสังหารอินทรีย์มงกุฎเหล็ก เขากลับได้รับความหมายที่แท้จริงโดยไม่คาดคิด

ความหมายที่แท้จริงทำให้เขาเกิดความเข้าใจบางสิ่ง

เขารู้สึกราวกับได้เห็นอินทรีย์มงกุฎเหล็กตั้งแต่แรกกำเนิด บินครั้งแรก ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เขายังรู้สึกถึงวิธีการกระพือปีกของพวกมัน เขากำหมัดแน่นราวกับกรงเล็บอินทรีย์ที่แข็งแกร่งขณะที่ดวงตาสามารถมองเห็นได้ในระยะไกล

ความสำเร็จบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาเพิ่มสูงขึ้น!

นอกจากนั้นความสำเร็จด้านการบินของเขายังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย

ความหมายที่แท้จริงไม่ต่างจากการได้รับคำสั่งสอนโดยตรงจากเทพปีศาจคลั่ง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเพิ่มขึ้นของระดับความสำเร็จเป็นประโยชน์ในหลายแง่มุม

หากเขาฝึกฝนด้วยตนเอง ความสำเร็จของเขาอาจเพิ่มขึ้นหลังจากผ่านไปหลายสิบหรือหลายร้อยปี นอกเหนือจากอาณาจักรแห่งความฝัน มีเพียงความหมายที่แท้จริงเท่านั้นที่จะทำให้ระดับความสำเร็จของคนผู้หนึ่งเพิ่มสูงขึ้นได้ในทันที

‘ในความเป็นจริงอาณาจักรแห่งความฝันเกิดจากอารมณ์ ความหลงใหล และความปรารถนา เมื่อคนผู้หนึ่งสามารถก้าวข้ามอุปสรรคในอาณาจักรแห่งความฝัน ระดับความสำเร็จของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น มันเหมือนการปลดปล่อยตนเองจากอารมณ์ต่างๆในอาณาจักรแห่งความฝันโดยไม่สูญเสียตัวตน ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถดึงความหมายที่แท้จริงออกมาจากความทรงจำที่กระจัดกระจายอยู่และเติบโตขึ้น’

‘แก่นแท้ของมันก็คือความหมายที่แท้จริง’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

ฟางหยวนหลบอินทรีย์มงกุฎเหล็กที่บินเข้ามา

เหลืออินทรีย์มงกุฎเหล็กอีกเพียงตัวเดียว ฟางหยวนสร้างระยะห่างออกไปก่อนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตกำจัดมันโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ

เขาสำรวจพลังงานอมตะและพบว่ายังเหลืออยู่

แม้เขาจะใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบและวิญญาณอมตะระดับเจ็ดหลายครั้ง แต่ฟางหยวนเตรียมตัวมาก่อนแล้ว

นอกจากนั้นเขายังไม่ได้ยืมหินวิญญาณอมตะจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลาง

ในความเป็นจริงพลังงานอมตะส่วนใหญ่ของเขาถูกใช้ไปในกระบวนการสร้างมิติภัยพิบัติ

เมื่อไม่มีศัตรูอยู่บนท้องฟ้า ฟางหยวนมองลงไปบนพื้นอีกครั้ง

อสูรหิมะที่ยืนอยู่บนพื้นยกศีรษะขึ้นและคำรามด้วยความดุร้าย

‘จำนวนเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้า’ ฟางหยวนขมวดคิ้ว

ในเวลาต่อมาดาบสายลมและพายุหมุนทมิฬก็ถูกปล่อยออกไป

“บึม บึม บึม…”

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลังจากผ่านไปหลายสิบรอบ ฟางหยวนจึงหยุดโจมตี

อสูรหิมะตัวเล็กตัวน้อยถูกทำลายไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงอสูรหิมะเดียวดายเท่านั้นที่ยังอยู่

ท่าไม้ตายระดับมนุษย์ไม่ใช่ภัยคุกคามของพวกมัน

แต่ในจังหวะนี้อสูรหิมะตัวเล็กตัวน้อยกลับปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

‘พวกมันยังอยู่!’ ฟางหยวนเริ่มรู้สึกปวดหัว

เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตกำจัดอสูรหิมะเดียวดาย ขณะเดียวกันก็ใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์เก็บกวาดอสูรหิมะตัวเล็กตัวน้อย

สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจก็คือไม่ว่าเขาจะสังหารอสูรหิมะไปมากเท่าใด เขาก็ไม่เคยได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

‘ภัยพิบัติพิภพครั้งนี้แปลกมาก มันไม่มีบันทึกอยู่ในประวัติศาสตร์ แต่ด้วยพลังอำนาจระดับนี้ มันก้าวข้ามภัยพิบัติของไห่ลั่วหลันไปแล้ว!’

ทันใดนั้นพายุหิมะพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง

นกกระเรียนหิมะหลายตัวบินออกมา

นอกจากนั้นพวกมันยังเป็นสัตว์อสูรเดียวดายกระเรียนเก้ามงกุฎ!

ฟางหยวนเลียริมฝีปากและพุ่งไปข้างหน้าด้วยความกระหายเลือด

หลังจากกำจัดกระเรียนเก้ามงกุฎ ฟางหยวนรู้สึกตื่นเต้นเมื่อได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

ฟางหยวนต่อสู้กับกระเรียนเก้ามงกุฎอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ

เขาเคลื่อนที่ไปรอบๆเพื่อหลบเลี่ยงและโจมตีด้วยความเร็วสูง

เดิมทีเขาถูกศัตรูจำนวนมากปิดล้อมและตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

แต่หลังจากสังหารกระเรียนเก้ามงกุฎไปหลายตัว มันจึงเกิดพื้นที่ให้เขาบุกและล่าถอย

เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็สามารถควบคุมสถานการณ์

กระเรียนเก้ามงกุฎมีจำนวนมากว่าอินทรีย์มงกุฎเหล็กถึงสามเท่า แต่พวกมันยังถูกสังหารโดยฟางหยวน

ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ

ฟางหยวนรู้สึกถึงความสำเร็จที่ยกระดับขึ้น

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นอสูรหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนที่รออยู่บนพื้น หัวใจของฟางหยวนก็จมดิ่งลงอีกครั้ง

ตอนนี้มีอสูรหิมะมากขึ้นถึงห้าหรือหกเท่า

อสูรหิมะตัวเล็กตัวน้อยปรากฏขึ้นเรื่อยๆขณะที่อสูรหิมะเดียวดายค่อยๆยกระดับเป็นอสูรหิมะบรรพกาล

นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดันที่เพิ่มสูงขึ้น

‘สถานการณ์นี้ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบท่าที่สามเท่านั้น’

ท่าไม้ตายอมตะ คลื่นดาบสามชั้น!

ฟางหยวนสูดหายใจลึกและเพ่งความสนใจมากกว่าหกสิบส่วนกับการใช้ท่าไม้ตายนี้

ความยากของท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นสูงกว่าท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิต ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถละเลย

ฟางหยวนกำลังจะโจมตีอสูรหิมะแต่ในจังหวะนีักลับมีเงาร่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นด้านบน

ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นไปและเห็นค้างคาวมรณะกำลังก่อตัวขึ้นกลางอากาศ

‘โอ้ ไม่!’ หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก

ค้างคาวมรณะตัวนี้มีขนาดร่างกายใหญ่โตมาก โดยไม่ต้องสงสัย มันคือสัตว์อสูรบรรพกาลที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับเจ็ด!

ค้างคาวมรณะบรรพกาลเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ พวกมันมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวมาก หากพวกมันอาละวาดอยู่ในมิติช่องว่าง พวกมันอาจเจาะทะลวงกำแพงมิติและทำให้เกิดรูช่องโหว่ขึ้น

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท