เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1056

ตอนที่ 1056

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1056 เผชิญหน้าภัยพิบัติ (4)

แปลโดย iPAT

‘มันเป็นภัยพิบัติพิภพครั้งแรกของข้า แต่มันมีทั้งอสูรหิมะ อินทรีย์มงกุฎเหล็ก กระเรียนเก้ามงกุฎ และกระทั่งค้างคาวมรณะบรรพกาล…’ ฟางหยวนรู้สึกขมขื่น

ค้างคาวมรณะบรรพกาลมีร่างกายใหญ่โตมาก เงาของมันปกคลุมพื้นที่ในวงกว้าง

แต่มันก็ทำให้พายุหิมะอ่อนกำลังลง

อสูรหิมะหยุดคำรามและมองไปยังสัตว์อสูรที่อยู่บนท้องฟ้า

‘ก่อนออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ข้าใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งโชคเพื่อเพิ่มโชคดีไปแล้ว ตั้งแต่ภัยพิบัติเกิดขึ้น ข้าก็ใช้วิญญาณอมตะโชคอึสุนัขอย่างต่อเนื่อง โชคของข้าช่วยลดพลังอำนาจของภัยพิบัติไปแล้ว มิฉะนั้มันจะน่ากลัวยิ่งกว่านี้’

ฟางหยวนกัดฟันแน่น

ค้างคาวมรณะบรรพกาลบินอยู่บนท้องฟ้าด้วยร่างกายราวกับภูเขา

กลิ่นอายของมันสร้างแรงกดดันที่รุนแรง

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ คลื่นดาบสามชั้น!

ฟางหยวนไม่มีทางเลือกนอกจากเผชิญหน้าโดยตรง

คลื่นแสงสีขาวพุ่งออกไปรอบๆก่อนจะโจมตีค้างคาวมรณะบรรพกาลด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว

ฟางหยวนผลักฝ่ามือเพื่อส่งคลื่นแสงที่ใหญ่กว่าออกไป

ไม่ว่าคลื่นแสงจะเคลื่อนที่ไปที่ใด ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกกำจัด กระทั่งห้วงมิติยังเกิดการปริแตก

เห็นได้ชัดว่ามันเป็นการโจมตีที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง

มันใช้วิญญาณอมตะคลื่นดาบระดับเจ็ดเป็นแกนกลางผสานกับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งวารีอีกหลายดวงที่ฟางหยวนยืมมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

คลื่นดาบครั้งที่สองปะทะค้างคาวมรณะบรรกาลทำให้มันหยุดเคลื่อนไหวและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ฟางหยวนสามารถมองเห็นรอยดาบฝังลึกอยู่บนร่างกายของมัน

โดยปกติค้างคาวมรณะบรรพกาลมักจะหลีกเลี่ยงอันตรายและล่าถอยเพื่อรักษาชีวิตตามสัญชาตญาณ แต่ค้างคาวมรณะบรรพกาลตัวนี้ไม่เหมือนค้างคาวมรณะบรรพกาลทั่วไป มันถูกสร้างขึ้นจากภัยพิบัติพิภพ หลังจากได้รับบาดเจ็บ มันไม่แม้แต่จะหยุดพักแต่พุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างไม่ลดละ

ค้างคาวมรณะบรรกาลเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ ดังนั้นการหลบหนีโดยใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติจึงไม่มีประโยชน์

พื้นที่รอบๆได้รับผลกระทบจากพลังอำนาจบนเส้นทางแห่งห้วงมิติของค้างคาวมรณะบรรพกาล มันค่อนข้างจำกัดความเร็วในการเคลื่อนที่ของฟางหยวน

วิธีเดียวที่สามารถต่อต้านคือกำจัดศัตรูโดยใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด

โชคดีที่ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นสามารถปลดปล่อยคลื่นดาบได้สามครั้งและจะทรงพลังขึ้นทุกครั้ง

คลื่นดาบครั้งที่สาม!

คลื่นดาบสูงสิบเมตรพุ่งเข้าโจมตีค้างค้าวมรณะบรรพกาลด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ กระทั่งฟางหยวนซึ่งเป็นผู้ใช้ยังรู้สึกว่าร่างกายของตนสั่นสะท้านขึ้น

“บึม!”

คลื่นดาบปะทะค้างคาวมรณะบรรพกาล

ค้างคาวมรณะบรรพกาลเงยศีรษะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

คลื่นดาบปะทะแผลเก่าบนหน้าท้องของมันก่อนจะทะลุออกไปด้านหลัง

ร่างกายของมันระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าราวกับว่าวที่ถูกตัด

เมื่อแรงกดดันลดลง ฟางหยวนจึงสามารถผ่อนคลาย พลังอำนาจบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่ผนึกพื้นที่เอาไว้ก่อนหน้านี้หายไปอย่างสมบูรณ์

‘ข้าฆ่ามันได้!’ ฟางหยวนรู้สึกมีความสุขแต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน

ความหมายที่แท้จริงปริมาณมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของเขาราวกับน้ำตกสวรรค์

มันมากกว่าครั้งก่อนหน้า!

ฟางหยวนรู้สึกเหมือนได้เห็นค้างคาวมรณะตั้งแต่กำเนิด เติบโต และตกตาย

หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนก็ฟื้นขึ้นจากอาการมึนงง ดวงตาของเขากลับมาส่องประกายคมชัดอีกครั้ง

‘ดูเหมือนความหมายที่แท้จริงครั้งนี้จะมากเกินไป ข้าเหมือนงูที่พยายามกลืนกินช้าง หากข้ากินอาหารคำโตเกินไป ท้องของข้าอาจระเบิด!’ เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ช่วยไม่ได้ที่เหงื่ออันเย็นเยียบจะไหลลงจากหน้าผากของเขา

ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุดในการยกระดับความสำเร็จ

แต่ทุกสิ่งล้วนมีขีดจำกัด หากมากเกินไป มันอาจเป็นอันตราย

ด้วยปริมาณที่มากเกินไป จิตใจของผู้อมตะอาจพังทลายลง โชคดีที่ฟางหยวนมีรากฐานบนเส้นทางแห่งปัญญาที่ดีและยังมีวิญญาณอมตะสายป้องกันที่ยืมมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

มิฉะนั้นฟางหยวนอาจสูญเสียตัวตนและตกตายอยู่ที่นี่

‘ข้ามีพลังงานอมตะเหลืออยู่เล็กน้อย โชคดีที่ค้างคาวมรณะบรรพกาลตายไปแล้ว…’

ฟางหยวนมองลงไปด้านล่าง

ซากศพของค้างคาวมรณะบรรพกาลกลายเป็นกองหิมะอยู่บนพื้น

แต่อสูรหิมะเดียวดายยังอยู่ที่นี่และยังมีอสูรหิมะตัวเล็กตัวน้อยอีกนับไม่ถ้วน นอกจากนั้นอสูรหิมะระดับสัตว์อสูรบรรพกาลก็ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

‘บัดซบ! มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น’ เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฟางหยวนรู้สึกแย่มาก

‘เพื่อกวาดล้างอสูรหิมะเหล่านี้ ข้าต้องยืมหินวิญญาณอมตะจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา’ ฟางหยวนไม่เต็มใจที่จะติดหนี้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาแต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก

พายุหิมะที่อ่อนกำลังลงเริ่มรุนแรงขึ้นอีกครั้ง

เกล็ดหิมะขนาดเท่าฝ่ามือบินลงมาจากท้องฟ้าพร้อมกับสายลมกรรโชกแรง

ค้างคาวมรณะบรรพกาลอีกสองเริ่มก่อนตัวขึ้น

ใบหน้าของฟางหยวนกลายเป็นซีดขาว เขาสาปแช่ง ‘ฮืม ข้าอาจตายอยู่ที่นี่ ภัยพิบัติพิภพชนิดใดกัน กระทั่งภัยพิบัติสวรรค์ยังไม่น่ากลัวถึงเพียงนี้!’

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการระบายอารมณ์ของฟางหยวนเท่านั้น เขากัดฟันแน่นก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีศัตรูทันที

ค้างคาวมรณะบรรพกาลตัวก่อนหน้าเกือบฆ่าเขาไปแล้ว หากค้างคาวมรณะบรรพกาลสองตัวปรากฏขึ้นและโจมตีฟางหยวนในเวลาเดียวกัน เขาอาจไม่สามารถเอาชนะ

แต่ดูเหมือนพลังอำนาจของภัยพิบัติพิภพเริ่มลดลงราวกับกำลังจะถึงจุดสิ้นสุด

การก่อตั้วขึ้นของค้างคาวมรณะบรรพกาลสองตัวค่อนข้างช้าหากเปรียบเทียบกับตัวก่อนหน้า

ฟางหยวนต้องการกำจัดค้างคาวมรณะบรรพกาลก่อนที่พวกมันจะก่อตัวขึ้นอย่างสมบูรณ์

แต่ในเวลานี้พายุหิมะกลับทวีความรุนแรงมากขึ้น

ก้อนหิมะขนาดใหญ่เท่ารถม้าหลายลูกตกลงมากจากท้องฟ้า หากความสำเร็จด้านการบินของฟางหยวนไม่บรรลุระดับกึ่งปรมาจารย์ เขาอาจไม่สามารถหลบเลี่ยง

เขามองไปทางต้นกำเนิดของก้อนหิมะเหล่านั้น ปรากฏว่ามันเป็นการโจมตีจากอสูรหิมะบรรพกาลที่อยู่บนพื้น

หลังจากไม่นานอสูรหิมะบรรพกาลเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนหน้านี้พวกมันมีเพียงไม่กี่ตัวแต่ตอนนี้พวกมันมีมากถึงยี่สิบแปดตัว

อสูรหิมะบรรพกาลสร้างก้อนหิมะขนาดใหญ่ขึ้นในมือก่อนจะโยนขึ้นสู่อากาศราวกับสะเก็ดดาวพุ่งไปที่ฟางหยวน

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง ค้างคาวมรณะบรรพกาลสองตัวเป็นเรื่องยากที่จะจัดการ ตอนนี้ยังมีก้อนหิมะเหล่านี้เป็นสิ่งกีดขวาง แผนการของเขาจึงล่าช้าลง หากค้างคาวมรณะบรรพกาลทั้งสองสามารถก่อตัว ฟางหยวนอาจล้มเหลวในภัยพิบัติครั้งนี้!

ขณะที่ฟางหยวนเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ยังมีคนอื่นที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในแดนน้ำแข็งเช่นกัน

มันคือการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะของผู้ใช้วิญญาณบางคน

“ท่านอาจารย์ช่วยข้าด้วย!” ผู้ใช้วิญญาณกรีดร้องเมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากสายฟ้าเยือกแข็ง เขาไม่สามารถต่อต้านและทำได้เพียงเฝ้ามองความตายที่ใกล้เข้ามาเท่านั้น

“บึม!” เสียงระเบิดดังสนั่น

ในช่วงเวลาสำคัญร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าผู้ใช้วิญญาณ

สายฟ้าเยือกแข็งที่ผู้ใช้วิญญาณไม่สามารถต่อต้านกลับเปราะบางเหมือนกระดาษต่อหน้าบุคคลผู้นี้

สายฟ้าเยือกแข็งปรากฏขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็ว

มันไม่แม้แต่จะสามารถสัมผัสเสื้อผ้าของคนๆนี้

“ระดับการบ่มเพาะของท่านอาจารย์สูงมาก!” ผู้ใช้วิญญาณถอนหายใจ ตั้งแต่ภัยพิบัติเริ่มขึ้น เขาถอนหายใจมาหลายครั้งแล้ว

“นี่เป็นเพียงภัยพิบัติสายฟ้าเยือกแข็ง พลังอำนาจของมันยังไม่มีถึงหนึ่งในสิบของภัยพิบัติใหญ่” ผู้อมตะชูตู๋มองสายฟ้าเยือกแข็งอย่างไร้อารมณ์

“ท่านอาจารย์ ท่านหมายความว่าท่านไม่พอใจกับพลังอำนาจของภัยพิบัตินี้งั้นหรือ?” ผู้ใช้วิญญาณถาม

ชูตู๋ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อผู้ใช้วิญญาณก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะดึงปราณสวรรค์และปราณพิภพออกมา ระหว่างขั้นตอนนี้ พวกเขาจะเชื่อมต่อกับสวรรค์พิภพและได้รับข้อมูลรวมถึงแรงบันดาลใจมากมาย”

“แต่ในแดนน้ำแข็งแห่งนี้ เมื่อผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางความแข็งแกร่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ พวกเขาจะกระตุ้นความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งให้ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาจะได้รับความหมายที่แท้จริงบนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเทพปีศาจคลั่งโดยตรง”

“ยิ่งภัยพิบัติทรงพลังมากเท่าใด พวกเขาก็จะได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งมากเท่านั้น ข้าเลี้ยงดูศิษย์ทุกคนเพราะข้าต้องการความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง ระหว่างที่พวกเจ้าก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ข้าจะได้รับความหมายที่แท้จริงเหล่านั้นและมันจะทำให้ความสำเร็จของเส้นทางความแข็งแกร่งของข้าเพิ่มสูงขึ้น!”

“เป็นเช่นนั้น” ผู้ใช้วิญญาณเข้าใจในที่สุด “นี่คือเหตุผลที่ท่านอาจารย์รับพวกเราเป็นศิษย์?”

ชูตู๋กำลังจะกล่าวแต่ในจังหวะนี้เขากลับได้ยินเสียงดังมาจากระยะไกล

“หือ” ชูตู๋มองไปยังสถานที่ที่ห่างออกไป มันมีรอยแตกร้าวอยู่กลางอากาศ นอกจากนั้นยังสามารถมองเห็นฟางหยวนที่กำลังต่อสู้กับค้างคาวมรณะบรรพกาลอยู่ในมิติช่องว่างของเขา

“นี่!?” ร่างของชูตู๋สั่นสะท้านขึ้นพร้อมกับดวงตาที่ส่องประกายสว่างไสว

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท