เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1057

ตอนที่ 1057

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1057 เผชิญหน้าภัยพิบัติ (5)

แปลโดย iPAT

ชูตู๋

รู้จักกันในนามของจักรพรรดิอมตะ บุคคลในตำนานของโลกผู้อมตะภาคเหนือ

เขาเกิดในครอบครัวที่ยากจน เขาไม่ได้มาจากตระกูลฮวงจิน จุดเริ่มต้นของเขาต่ำมาก กระทั่งทะเลวิญญาณของเขายังถูกปลุกให้ตื่นขึ้นโดยบังเอิญ เขาไม่มีอาจารย์และตระกูลให้ความช่วยเหลือ แต่นั่นไม่สามารถหยุดความยิ่งใหญ่ของเขา เขาเป็นผู้สร้างวิญญาณความแข็งแกร่งกิโลกรัมและอื่นๆอีกมากมาย

ด้วยการใช้วิญญาณเหล่านี้ เขาสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ

แต่นี่ไม่ใช่จุดสุดท้ายของตำนาน เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะ เขายังสร้างกิ่งก้านสาขาบนเส้นทางความแข็งแกร่งและทำให้เส้นทางความแข็งแกร่งที่กำลังจะตายกลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง

ไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของชูตู๋

ตอนนี้เก้าในสิบของผู้ใช้วิญญาณภาคเหนือฝึกฝนอยู่บนเส้นทางความแข็งแกร่งที่เขาสร้างขึ้น

โชคชะตาเป็นสิ่งลึกลับที่ไม่มีผู้ใดสามารถถอดรหัส

ไม่ว่าจะเป็นชูตู๋หรือฟางหยวน พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบกันในสถานการณ์เช่นนี้

ฟางหยวนกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติและเนื่องจากพลังอำนาจของค้างคาวมรณะบรรพกาล มันทำให้มิติช่องว่างจักรพรรดิเกิดรูช่องโหว่ขึ้นในที่สุด

อีกด้านหนึ่งชูตู๋กำลังช่วยศิษย์ของตนต่อต้านภัยพิบัติเพื่อก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะโดยมีจุดประสงค์ที่แท้จริงคือความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

แดนน้ำแข็งของภาคเหนือมีอาณาเขตกว้างใหญ่ แต่ทั้งสองกลับเลือกสถาที่เดียวกัน

คนทั้งสองสบตากันในระยะไกล!

ชูตู๋พึ่งกำจัดภัยพิติของศิษย์ มือข้างหนึ่งของเขาอยู่ด้านหลังขณะที่อีกข้างกำลังเล่นกับสายฟ้าเยือกแข็งอย่างสงบ

ฟางหยวนในชุดคลุมขาวกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด นั่นทำให้เขาดูราวกับดาบอันแหลมคมและทำให้ชูตู๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย

‘บางคนกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่นี่? ค้างคาวมรณะบรรพกาลทำให้เขาได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง! คนผู้นี้มีวิธีการที่น่าทึ่ง! เขาจำลองการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเพื่อรับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง!’ ชูตู๋ตกใจก่อนจะเปลี่ยนเป็นความสุข

‘จักรพรรดิชูตู๋!’ ฟางหยวนตกใจเช่นกัน ‘เขากำลังช่วยผู้ใช้วิญญาณอีกคนก้าวข้ามภัยพิบัติ เป้าหมายของเขาต้องเป็นความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง! โอ้ ไม่ เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ เขาต้องมาหาข้าอย่างแน่นอน!’

ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติที่ฟางหยวนได้รับมาจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาดึงดูดความสนใจของจักรพรรดิอมตะชูตู๋เป็นอย่างมาก

‘ตาบเท่าที่ข้ารู้วิธีการของเขา เหตุใดข้าต้องเลี้ยงศิษย์เพื่อให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ? ข้าสามารถรับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งได้โดยตรง นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด! ข้าต้องได้รับวิธีการนี้!’ ชูตู๋กรีดร้องอยู่ในใจและทะยานร่างเข้าไปหาฟางหยวนราวกับสายฟ้า

เขาเป็นที่รู้จักในนามจักรพรรดิอมตะ ในอดีตเมื่อเขายังเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษระดับหก ผู้อมตะหลายคนต้องการกลั่งแกล้งเขา แต่สุดท้ายผู้อมตะสามคนกลับถูกสังหารโดยชูตู๋

หนึ่งร้อยปีต่อมา ชูตู๋และผู้อมตะเผ่าหลิวผู้หนึ่งเกิดข้อพิพาท หลังจากการต่อสู้หลายสิบรอบ ผู้อมตะเผ่าหลิวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และร้องขอความเมตตา แต่ชูตู๋กลับฆ่าเขาโดยไม่ลังเล

จากนั้นเผ่าหลิวได้ส่งผู้อมตะหลายคนออกมาจัดการชูตู๋ ด้วยจำนวนคนที่มากกว่า ชูตู๋ไม่สามารถรับมือ เขาเข้าสู่การบ่มเพาะสันโดษเป็นเวลาหลายทศวรรษ เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง เขากลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและเดินทางไปรอบๆเพื่อทำลายแหล่งทรัพยากรของเผ่าหลิว ผู้อมตะเผ่าหลิวสามคนไล่ล่าเขาแต่เขาไม่ได้หลบหนี นอกจากนั้นเขายังบังคับให้คนทั้งสามล่าถอยกลับไป

ชูตู๋ปิดล้อมแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหลิวและไม่ยอมจากไป ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าหลิวต้องออกมาต่อสู้กับชูตู๋ด้วยความโกรธแต่กลับไม่สามารถทำสิ่งใด สุดท้ายจึงต้องปล่อยชูตู๋จากไปอย่างอิสระ

หลังการต่อสู้ครั้งนั้น ชื่อเสียงของชูตู๋จึงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

ไม่มีผู้อมตะคนใดกล้าดูถูกเขา ผู้คนที่ต้องการกลั่นแกล้งเขาต้องคิดให้รอบคอบก่อนลงมือ

อย่างไรก็ตามชูตู๋กลับเก็บตัวบ่มเพาะโดยไม่ติดต่อผู้ใด กระทั่งการประมูลครั้งใหญ่ของภาคเหนือ เขาจึงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

ในความเป็นจริงสิ่งที่ทำให้ชูตู๋เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและสามารถเอาชนะผู้อมตะเผ่าหลิวเป็นเพราะเขาได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

เขาเลี้ยงดูผู้ใช้วิญญาณหลายคนและช่วยให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะบนเส้นทางความแข็งแร่ง

หลายปีที่ผ่านมาเขาอาศัยอยู่ในแดนน้ำแข็งมาตลอดและพยายามขุดสมบัติที่เรียกว่าความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

เมื่อชูตู่เห็นฟางหยวน เขาไม่เพียงต้องการวิธีดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา เขายังรู้สึกไม่พอใจเพราะสมบัติของเขากำลังถูกบางคนฉกชิงไป

ดังนั้นเขาจึงไม่คิดมากและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนโดยตรง

แม้ระยะทางจะค่อนข้างไกล แต่มันไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้อมตะ

“หือ…” ก่อนที่ชูตู่จะลงมือ ฟางหยวนกลับส่งดาบแสงออกมาแล้ว

ชูตู๋เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่ฟางหยวนยิ่งเร็วกว่า!

เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตแทบจะในทันทีที่ค้นพบการคงอยู่ของชูตู๋

ชูตู๋หัวเราะเบาๆ เขายกแขนขวาขึ้นและคว้าดาบบินโดยตรง

“บึม!” เสียงระเบิดดังขึ้น

มือภูตบนเส้นทางความแข็งแกร่งพุ่งออกมาจากมือขวาของชูตู๋และคว้าวิญญาณอมตะดาบบินเอาไว้

ร่องรอยของความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของฟางหยวน

มือภูตบนเส้นทางความแข็งแกร่งของชูตู๋คล้ายกับกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนของเขามาก แต่ไม่เพียงมันจะแข็งแกร่งกว่า มันยังคล่องตัวกว่าอีกด้วย

หลังจากวิญญาณอมตะดาบบินถูกจับกุม ชูตู๋รีบผนึกมันทันที

ฟางหยวนรู้สึกถึงความเชื่อมต่อระหว่างเขากับวิญญาณอมตะดาบบินอ่อนแอลงอย่างมาก

ด้านชูตู๋ เขาขมวดคิ้วก่อนจะเปิดกำปั้นออกและเห็นเลือดอยู่กลางฝ่ามือ

มันคือผลกระทบจากท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิต

“น่าสนใจ” เขาแสดงความคิดเห็น

หลังจากนั้นอาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ส่งวิธีการของเจ้ามาแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า หือ?” ชูตู๋ประกาศแต่ในจังหวะนี้การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน

ในช่วงเวลาสำคัญ ฟางหยวนตัดร่างกายส่วนล่างของตนและเปลี่ยนมันเป็นบ่อเลือดด้วยวิธีบนเส้นทางแห่งเลือด

เลือดหลอมรวมเข้ากับมิติช่องว่างจักรพรรดิและซ่อมแซมรอยแตกของกำแพงมิติในเสี้ยวพริบตา

ชูตู่รีบโจมตีด้วยมือภูตบนเส้นทางความแข็งแกร่ง

แต่มันสายไปแล้ว มือภูตล้มเหลว มันตกลงบนพื้นและสร้างปล่องภูเขาไฟที่มีรัศมีหลายสิบเมตร

ชูตู๋บินไปยังตำแหน่งที่ตั้งมิติช่องว่างของฟางหยวนด้วยการแสดงออกที่มืดครึ้ม เขาไม่มีวิธีเจาะทะลวงเข้าไปในมิติช่องว่าง

‘บัดซบ! เหตุใดข้าจึงพบจักรพรรดิอมตะชูตู๋!?’ ภายในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศ อาการบาดเจ็บของเขาถูกรักษาเรียบร้อยแล้ว

‘ข้าต้องกำจัดค้างคาวมรณะบรรพกาลสองตัวนี้ให้เร็วที่สุด!’ ฟางหยวนกัดฟันขณะที่เจตนาสังหารพุ่งสูงขึ้น

ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น!

เขาใช้ท่าไม้ตายนี้ติดต่อกัน

“พรวด!”

เขากระอักเลือดคำโตออกมาและรู้สึกราวกับกำลังจะเป็นลม

ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะกระตุ้นใช้งาน

และเพื่อป้องกันไม่ให้ค้างคาวมรณะบรรพกาลสร้างรูช่วงโหว่ขึ้นอีกครั้ง เขาจึงต้องรับการโจมตีทั้งหมดของค้างคาวมรณะบรรพกาล

เวลาราวกับเดินช้าลง

ทุกครั้งที่ฟางหยวนปิดกั้นการโจมตีของค้างคาวมรณะบรรพกาล หัวใจของเขายิ่งจมดิ่งลงและไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถต่อต้านการโจมตีครั้งต่อไปของศัตรูได้หรือไม่

เขาไม่สามารถคิดเรื่องอื่น ความคิดทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับการกระตุ้นใช้งานวิญญาณเท่านั้น

ทั้งสองฝ่ายเหมือนนักรบในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย พวกเขาโจมตีศัตรูอย่างบ้าคลั่งด้วยทุกสิ่งที่มี หากฝ่ายใดไม่สามารถอดทน ฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้

เมื่อเวลาผ่านไป สายลมที่กรรโชกแรงทำให้ฟางหยวนรู้สึกมึนงง

‘ข้าจะผ่านไปได้หรือไม่?’ เขาพึมพำขณะที่มองค้างคาวมรณะบรรพกาลร่วงหล่นลงจากท้องฟ้า

ในไม่ช้าความคิดในใจของเขาก็ถูกเติมเต็ม เขาสามารถคิดได้อีกครั้ง

เขาสามารถสังหารค้างคาวมรณะบรรพกาลหนึ่งตัวแต่ยังเหลืออีกหนึ่ง

ฟางหยวนเลียริมฝีปากที่แห้งผากของตน ใบหน้าของเขาซีดราวกระดาษขณะที่เขาพุ่งเข้าไปหาค้างคาวมรณะบรรพกาลอีกครั้ง

คราวนี้มันง่ายขึ้น

เผชิญหน้าตัวต่อตัวกับค้างคาวมรณะบรรพกาล ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดันที่ลดน้อยลง เขาสามารถคิดเรื่องต่างๆและสามารถตอบสนองสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม

แต่เขายังไม่กล้าผ่อนคลาย

มีความเป็นไปได้ที่ค้างคาวมรณะบรรพกาลตัวใหม่จะปรากฏขึ้น

สิ่งที่แย่กว่านั้นก็คือหากจักรพรรดิอมตะชูตู๋สามารถเข้ามาที่นี่ สถานการณ์ของฟางหยวนจะเลวร้ายลงอย่างมาก

แต่หลังจากฟางหยวนสังหารค้างคาวมรณะบรรพกาลตัวนี้ ไม่มีค้างคาวมรณะบรรพกาลปรากฏตัวขึ้นอีก ขณะที่ชูตู๋ก็ไม่สามารถเข้ามาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ปราณสวรรค์และปราณพิภพเริ่มสงบลง

‘ภัยพิบัติของข้าจบสิ้นแล้ว ข้าผ่านมาได้!’ ฟางหยวนมองลงไปบนพื้นและเห็นฝูงอสูรหิมะคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว

‘โชคดีที่มิติช่องว่างของข้าใหญ่พอ ที่นี่ยังไม่มีทรัพยากรใดๆ ข้าจะปล่อยอสูรหิมะเหล่านี้ไว้ที่นี่ชั่วคราว พวกมันไม่สามารถทำลายกำแพงมิติและออกจากมิติช่องว่างของข้า’ ฟางหยวนบินขึ้นไปบนสวรรค์ชั้นแรกที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิของเขา

เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องรักษาตัว

ขณะที่เขารักษาอาการบาดเจ็บ เขายังต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

หลังจากทั้งหมดหากชูตู๋บุกเข้ามาที่นี่ มันย่อมไม่ใช่เรื่องตลก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท