เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1064

ตอนที่ 1064

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1064 ข้าคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

แปลโดย iPAT

เหตุใดฟางหยวนจึงเลือกเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง?

หลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนพิจารณาถึงคำถามนี้มาตลอด

ในชีวิติก่อนหน้าเขาเลือกเส้นทางแห่งเลือดเพราะมันทำให้เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วโดยใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นในชีวิตก่อนหน้าเขายังพบมรดกบนเส้นทางแห่งเลือดโดยบังเอิญ

หลังจากกำเนิดใหม่ เขายอมแพ้เส้นทางแห่งเลือดและเลือกเส้นทางความแข็งแกร่งเพราะก่อนที่สงครามห้าภูมิภาคจะปะทุขึ้นเส้นทางแห่งเลือดไม่สามารถเติบโต อีกสาเหตุหนึ่งเกิดจากความทรงจำเกี่ยวกับมรดกที่สามารถทำให้เขาเติบโตขึ้นบนเส้นทางความแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งเลือดหรือเส้นทางความแข็งแกร่ง พวกมันต่างมีจุดอ่อน

เส้นทางแห่งเลือดจะดึงดูดความเกลียดชังของผู้คน ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้จะถูกคนทั้งโลกไล่ล่า

เส้นทางความแข็งแกร่งตกต่ำลงอย่างมาก แม้จักรพรรดิอมตะชูตู๋จะสร้างเส้นทางสายใหม่แต่มันยังไม่สามารถหยุดการตกต่ำของเส้นทางสายนี้

ทั้งสองเส้นทางไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด

ฟางหยวนสรุป ตั้งแต่กำเนิดใหม่ เขาได้รับโชคลาภมากมาย

ไม่ว่าจะเป็นมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งโชค หรือเส้นทางแห่งการโจรกรรม

เส้นทางเหล่านี้มีโอกาสก้าวหน้าสูง ตัวอย่างเช่นมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟาน หรือมรดกบนเส้นทางแห่งดวงดาวของจักรพรรดิแห่งดวงดาวหว่านเซียง

เส้นทางแห่งดวงดาวและเส้นทางแห่งปัญญาเหนือกว่าเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางความแข็งแกร่ง

สิ่งสำคัญก็คือการได้รับมรดกจะส่งผลลัพธ์ที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

ความสำเร็จในอดีตของคนรุ่นก่อนจะช่วยให้คนรุ่นหลังก้าวหน้าเร็วกว่าการเรียนรู้ด้วยตนเองตั้งแต่เริ่มต้น

หากฟางหยวนได้รับมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาหรือเส้นทางแห่งดวงดาวในชีวิตก่อนหน้า ตราบเท่าที่สถานการณ์เอื้ออำนวย เขาจะเลือกรับสืบทอดมรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟานและกลายเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

ผู้อมตะบนเส้นาทางแห่งปัญญามีน้อยมาก นอกจากพวกเขาจะได้รับความนิยม ผู้คนยังหวาดกลัวตัวตนเหล่านี้อีกด้วย

อย่างไรก็ตามเส้นทางของผู้บ่มเพาะไม่ได้ขึ้นอยู่กับโอกาสเติบโตในอนาคตเท่านั้น แต่ความต้องการเฉพาะหน้าก็เป็นเรื่องสำคัญ

มรดกบนเส้นทางแห่งปัญญาของตงฟางชางฟานมาจากผู้อมตะระดับแปดของวังสวรรค์ มันยอดเยี่ยมเพราะถูกพัฒนาและส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น แต่มรดกนี้ยังมีจุดอ่อน มันไม่ดีนักในแง่ของการต่อสู้ จุดแข็งที่สุดของมรดกนี้คือการอนุมาน

เพื่อชดเชยจุดอ่อนนี้ ตงฟางชางฟานได้สร้างท่าไม้ตายอมตะหมื่นหิ่งห้อยดาราขึ้นมา

แต่มรดกของตงฟางชางฟานยังไม่เหมาะสมกับฟางหยวนในปัจจุบันเพราะเขากำลังเผชิญหน้ากับอันตรายจากทุกทิศทางไม่ว่าจะเป็นอิงอู๋เซี่ย กองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงา วังสวรรค์ สิบนิกายโบราณของภาคกลาง หรือตระกูลฮวงจินของภาคเหนือ กล่าวได้ว่าฟางหยวนมีศัตรูมากมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากความลับทั้งหมดของเขาถูกเปิดเผย

ดังนั้นฟางหยวนไม่เพียงต้องพิจารณาถึงอนาคตแต่เขายังต้องพิจารณาสถานการณ์ปัจจุบันอีกด้วย

บางครั้งความต้องการเฉพาะหน้าก็สำคัญกว่าโอกาสในอนาคต

หากไม่สามารถจัดการสถานการณ์ปัจจุบัน มันก็ไร้ประโยชน์ที่จะกล่าวถึงอนาคต

ตอนนี้ฟางหยวนต้องการพลังการต่อสู้!

เส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งไฟ เส้นทางแห่งสายฟ้า เส้นทางแห่งดาบ และเส้นทางแห่งเลือด เส้นทางทั้งห้าได้รับการยอมรับจากสาธารธชนว่าเป็นเส้นทางที่มีพลังการต่อสู้สูงที่สุด

สามเส้นทางแรกเป็นเส้นทางกระแสหลักที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน

สองเส้นทางหลังถือเป็นเส้นทางที่มีประวัติศาสตร์สั้นมาก เส้นทางแห่งดาบเกิดจากโป้ชิงขณะที่เส้นทางแห่งเลือดเกิดจากบรรพชนเลือด นอกจากคนทั้งสอง มีไม่กี่คนที่โดดเด่นบนเส้นทางนี้ ดังนั้นรากฐานของเส้นทางทั้งสองจึงไม่สามารถเปรียบเทียบกับอีกสามเส้นทาง

สำหรับฟางหยวน ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางแห่งโลหะ เส้นทางแห่งไฟ หรือเส้นทางแห่งสายฟ้า ความสำเร็จของเขาอยู่ในระดับทั่วไป นอกจากนั้นเขาก็ไม่มีมรดกบนเส้นทางเหล่านี้

ในทางตรงข้ามเขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด สำหรับเส้นทางแห่งดาบ แม้เขาจะไม่มีความสำเร็จใดๆแต่เขามีวิญญาณอมตะของโป้ชิง

โดยปราศจากมรดก ผู้บ่มเพาะต้องคิดค้นและสร้างวิธีของตนเองจากความสำเร็จส่วนตัว แต่มันเป็นเรื่องยากมาก

กล่าวถึงความสำเร็จของฟางหยวน เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งดวงดาว เส้นทางแห่งปัญญา เส้นทางแห่งเลือด และเส้นทางความแข็งแกร่ง

ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมของเขาอยู่ในระดับกึ่งปรมาจารย์

ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของเขาอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญ

ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งโชคของเขาอยู่ในระดับกึ่งผู้เชี่ยวชาญ

สำหรับเส้นทางสายอื่นเช่นเส้นทางแห่งดาบ เส้นทางแห่งแสง เส้นทางแห่งความมืด และอื่นๆ เขามีความสำเร็จอยู่ในระดับทั่วไป นอกจากนั้นเขายังไร้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นทางแห่งภูตผีอย่างสิ้นเชิง

หากพิจารณาในแง่ของความสำเร็จ เขาควรมุ่งหน้าไปบนเส้นทางสี่สายแรกที่บรรลุระดับปรมาจารย์

แต่เส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางความแข็งแกร่งใกล้ล่มสลายขณะที่เส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งดวงดาวไม่โดดเด่นมากพอในแง่ของพลังการต่อสู้

ทุกสิ่งผลักดันให้ฟางหยวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาค่อยๆเรียนรู้เกี่ยวกับร่างใหม่ เขาก็เริ่มมองเห็นความหวังอีกครั้ง

เขาตระหนักว่าร่างกายของเขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทุกประเภท

นี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา

สิ่งสำคัญที่สุดคือร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเหล่านี้ไม่ต่อต้านกันเองและทำให้พวกมันอ่อนแอลง!

เรื่องนี้น่าอัศจรรย์เกินไป

เมื่อฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นครั้งแรก เขาไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งดีๆเช่นนี้จะมีอยู่จริง

ความรู้ดั่งเดิมเกี่ยวกับการบ่มเพาะถูกพลิกคว่ำ หากเขาบอกคนอื่น ผู้คนเหล่านั้นจะคิดว่าเขากล่าวเรื่องไร้สาระ

แต่วิญญาณทารกอมตะเป็นวิญญาณอมตะระดับเก้าที่เทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงาใช้เวลานับหมื่นปีเพื่อสร้างขึ้น

ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากร่างกายนี้จะอัศจรรย์เกินกว่าสามัญสำนึกของคนทั่วไป

แน่นอนว่าฟางหยวนมีความสุขมาก เพราะผลประโยชน์นี้ไม่ได้มีไว้เพียงผู้อื่นแต่มีไว้เพื่อตัวเขาเอง!

สิ่งนี้อนุญาตให้เขาฝึกฝนได้ทุกเส้นทาง!

ก่อนหน้านี้ด้วยการคงอยู่ของทะเลวิญญาณที่สอง ฟางหยวนวางแผนที่จะสร้างมิติช่องว่างบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและเส้นทางความแข็งแกร่ง แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิยิ่งไร้สาระมากกว่า มันสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง

นี่เป็นเหมือนความฝัน

ในประวัติศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นเทพอมตะหรือเทพปีศาจ พวกเขาล้วนบ่มเพาะบนเส้นทางสายเดียวเป็นหลักหรืออาจจะเพิ่มเติมอีกหนึ่งเส้นทาง กระทั่งบางคนจะต้องการบ่มเพาะบนเส้นทางที่หลากหลาย ผลลัพธ์ของพวกเขาก็มีเพียงความล้มเหลวหลังจากกัดฟันพยายามอย่างหนัก

เหตุผลเป็นเพราะร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ต่อต้านกัน

แต่ฟางหยวนไม่มีปัญหานี้ เขาสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง กล่าวได้ว่าอนาคตของเขาสดใสยิ่งกว่าเทพอมตะหรือเทพปีศาจทั้งหมดในประวัติศาสตร์

ฟางหยวนสงบจิตใจลง

ความคิดมักสวยงามแต่ในความเป็นจริงการบ่มเพาะทุกเส้นทางเป็นได้เพียงในฝัน เขาต้องพิจารณาถึงระยะเวลาและทรัพยากร สิ่งสำคัญที่สุดคือสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่ปลอดภัยและสงบสุข

ฟางหยวนไม่มีสิ่งเหล่านี้

เขามีเวลาและทรัพยากรที่จำกัด ศัตรูของเขามีอยู่ทั้งห้าภูมิภาค อันตรายแฝงตัวอยู่ทุกหนทุกแห่ง

ลืมเกี่ยวกับการสร้างเส้นทางของตนเองไปได้เลย ฟางหยวนไม่มีพื้นฐานด้านนี้ เขาสามารถเลือกเส้นทางสายเดียวที่มีอยู่ในปัจจุบันและเดินไปตามเส้นทางสายนั้น อย่างมากเขาก็สามารถบ่มเพาะเส้นทางคู่เท่านั้น

ในบรรดาเส้นทางทั้งหมดที่สามารถมอบพลังการต่อสู้ให้ฟางหยวนโดยพิจารณาถึงระดับความสำเร็จและมรดกที่เขามี ฟางหยวนคิดถึงเส้นทางสายหนึ่ง

นั่นก็คือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!

เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงถูกเรียกว่าภาพสะท้อนของทุกเส้นทาง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงสามารถเปลี่ยนไปยังเส้นทางสายอื่นได้ทั้งหมด

แต่เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงยังมีข้อบกพร่องที่คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน นั่นคือเมื่อผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเปลี่ยนเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น พวกเขาต้องกำจัดร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าเดิมทิ้งไปเพื่อป้องกันไม่ให้ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าสองชนิดต่อต้านกัน

แต่ข้อบกพร่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับฟางหยยวนเนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าสามารถอยู่ร่วมกันบนร่างกายของเขา

อาจกล่าวได้ว่าเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงสามารถแสดงข้อได้เปรียบของฟางหยวนออกมาได้มากที่สุด

ท่ามกลางประวัติศาสตร์อันยาวนาน ฟางหยวนกลายเป็นหนึ่งในสองคนที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกฝนบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจะสามารถใช้วิญญาณอมตะทุกเส้นทางได้โดยไม่ดึงดูดความสงสัย

หลังจากเปลี่ยนร่าง เขายังสามารถขยายพลังอำนาจของวิญญาณอมตะบนเส้นทางสายต่างๆ ตัวอย่างเช่นเมื่อเขาเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูรบนเส้นทางแห่งดาบ เขาจะได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งดาบจำนวนมาก นั่นสามารถเพิ่มพลังอำนาจให้กับวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบที่เขามีอยู่

แม้ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของฟางหยวนจะไม่สูงนักแต่เขามีความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง!

แม้ฟางหยวนจะไม่มีมรดกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะเหตุใด? เนื่องจากท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงหาได้ง่าย

ฟางหยวนสามารถหาซื้อและสะสมพวกมันได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ฟางหยวนยังพิจารณาถึงประเด็นอื่นๆ

หากฟางหยวนฝึกฝนและมีความสำเร็จในระดับหนึ่ง เขาสามารถเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ขนเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและการสนับสนุนจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามากขึ้น!

ในอนาคตเมื่อเขาเผชิญหน้ากับอันตราย เขาอาจเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นเพื่อหลอกลวงฝ่ายตรงข้าม หากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยและเขาไม่สามารถใช้อัตลักษณ์เดิม เขาสามารถปกปิดตัวตนและท่องเที่ยวไปทั่วโลกได้อย่างปลอดภัย

“จากนี้ไปข้าคือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท