เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1071

ตอนที่ 1071

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1071 ขายวิญญาณอมตะ

แปลโดย iPAT

“บึม บึม บึม…”

แรงระเบิดทำให้ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้นสู่อากาศ

อิงอู๋เซี่ยเปิดปากคำรามโดยปราศจากเสียงแต่จิตวิญญาณของผู้อมตะภาคกลางสามคนที่โจมตีเขากลับสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

“โอ้ ไม่! นี่คือท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ!”

สามผู้อมตะภาคกลางเร่งป้องกันตัว

“ถอย!” อิงอู๋เซี่ยตะโกนบอกให้ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันหลบหนี

เมื่อผู้อมตะภาคกลางสามารถรักษาเสถียรภาพทางจิตวิญญาณ กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยก็จากไปแล้ว

“ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณนี้คือสิ่งใด? ช่างอัศจรรย์นัก! ข้ารู้สึกราวกับดวงวิญญาณกำลังจะแตกสลายในครั้งเดียว!”

“ผู้อมตะสามคนจากภาคเหนือ พวกเขาคือผู้ใด?”

“พวกเขาปรากฏตัวในถ้ำนรกใต้พิภพ พวกเขาเกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวก่อนหน้านี้หรือไม่?”

ผู้อมตะทั้งสามพูดคุยขณะรักษาอาการบาดเจ็บของตน

“ข้าส่งข่าวกลับไปยังนิกายเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานกำลังเสริมจะมาถึง”

“ฮืม พวกเขาถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายของข้า พวกเขาจะไม่สามารถหลบหนี!”

หลังจากอาการบาดเจ็บดีขึ้น ผู้อมตะทั้งสามเร่งออกไล่ล่า

แต่ร่องรอยกลับหายไปอย่างลึกลับ

ผู้นำกลุ่มผู้อมตะภาคกลางกล่าว “แปลก! ท่าไม้ตายอมตะของข้าถูกสร้างขึ้นมาหลายปี ข้าสามารถติดตามร่องรอยของศัตรูมากมายและมีผู้คนน้อยมากที่รู้จักมัน แล้วพวกเขาหลบหนีไปได้อย่างไร?”

“มีผู้อมตะที่หลากหลาย ท่าไม้ตายมากมายถูกสร้างขึ้น ผู้อมตะกลุ่มนี้อาจมีวิธีตอบโต้ท่าไม้ตายของท่าน”

“นั่นเป็นไปได้แต่มีความน่าจะเป็นน้อยมาก ในความคิดเห็นของข้า มันยังไม่ถูกกำจัดแต่พวกเขาใช้วิธีการบางอย่างเพื่อปกปิดตนเอง”

ผู้นำกลุ่มกล่าว “เราตามพวกเขามาถึงที่นี่ก่อนที่การเชื่อมต่อของท่าไม้ตายจะหายไป เรื่องนี้ต้องมีเหตุผล เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกเขาจะเข้าไปในมิติช่องว่างของบางคน?”

มิติช่องว่างเป็นโลกใบเล็กที่ตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์

เมื่อผู้อมตะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ พวกเขาจะสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับของศัตรู

หากอิงอู๋เซี่ยที่ถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายของฝ่ายตรงข้ามเข้าไปในนมิติช่องว่างของผู้อื่น วิธีตรวจสอบของผู้นำกลุ่มผู้อมตะภาคกลางจะไม่ทำงาน

แต่การเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้อื่นเป็นเรื่องที่หาได้ยากในโลกของผู้อมตะ

ประการแรก มิติช่องว่างเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการบ่มเพาะของผู้อมตะ มีน้อยคนมากที่จะให้บางคนเข้าไปในมิติช่องว่างของตน

ประการที่สอง เมื่อผู้อมตะเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้อื่น ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของพวกเขาอาจต่อต้านกัน

หากผู้อมตะที่เข้าไปมีการบ่มเพาะที่สูงกว่ามากเกินไป มิติช่องว่างที่ด้อยกว่าอาจเกิดการระเบิด

ในกรณีของผีดิบอมตะ มิติช่องว่างของพวกเขาตายไปแล้ว เวลาในมิติช่องว่างที่ตายไปแล้วจะเท่ากับโลกภายนอก ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่อยู่ภายในมิติช่องว่างจะถูกย้ายไปยังร่างกายของผีดิบอมตะ

หากบางคนเข้าไปในมิติช่องว่างที่ตายไปแล้ว ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าของพวกเขาอาจถูกดึงไปยังร่างกายของผีดิบอมตะเจ้าของมิติช่องว่างที่ตายไปแล้ว แน่นอนว่านี่คือการสูญเสีย

อิงอู๋เซี่ย ไห่ลั่วหลัน และไท่เป่ยหยุนเฉิงต่างถูกโจมตีโดยท่าไม้ตายสายตรวจสอบของผู้นำกลุ่มผู้อมตะภาคกลาง ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้ใดก็ยังมีคนหนึ่งที่เหลืออยู่

ผู้นำกลุ่มผู้อมตะภาคกลางคิด ‘อย่าบอกข้าว่าบางคนวางมิติช่องว่างลงขณะที่อีกสองคนเข้าไปในมิติช่องว่างนั้น?’

‘มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าไปในมิติช่องว่างของบางคนแต่การวางมันลงต้องใช้เวลาเล็กน้อย แล้วเหตุใดพวกเขาจึงหายตัวไปอย่างกะทันหัน? แต่…ผู้อมตะมีวิธีการมากมาย มีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนอยู่บนโลกใบนี้ พวกเขาอาจมีวิธีวางมิติช่องว่างลงอย่างรวดเร็ว?’

ผู้อมตะผู้นี้พยายามคิดแต่ยังไม่สามารถสรุป

“พวกเขายังไม่ได้จากไปแต่ยังอยู่ที่นี่” ในค่ายกลวิญญาณ ไท่เป่ยหยุนเฉิงมองออกไปข้างนอกและถอนหายใจ

ไห่ลั่วหลันจมลงสู่ความเงียบ

การแสดงออกของอิงอู๋เซี่ยน่าเกลียดมาก เขากล่าว “ผู้ใดจะคิดว่าผู้อมตะสามคนนี้จะรออยู่ที่นี่!”

อิงอู๋เซี่ยตัดสินใจละทิ้งค่ายกลวิญญาณแต่พวกเขากลับพบผู้อมตะจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลและเกิดการต่อสู้ สุดท้ายอิงอู๋เซี่ยจึงต้องล่าถอยกลับมายังค่ายกลวิญญาณเช่นเดิม

ด้วยการปกป้องจากค่ายกลวิญญาณ ท่าไม้ตายอมตะของฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นไร้ประโยชน์

ผู้อมตะระดับเจ็ดของนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลบินอยู่เหนือค่ายกลวิญญาณแต่พวกเขากลับไม่พบสิ่งใด

“พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป?” ไห่ลั่วหลันมองไปที่อิงอู๋เซี่ย

อิงอู๋เซี่ยกัดฟันแน่นก่อนตัดสินใจ “ในสถานการณ์นี้ ข้าสามารถทำสิ่งนี้เท่านั้น!”

หลังจากชั่วครู่ ในสวรรค์สีเหลือง

เสาแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและดึงดูดความสนใจของผู้คน

“สิ่งใดที่ทำให้เกิดเสาแสงที่น่าทึ่งเช่นนี้?”

“วิญญาณอมตะ! มันเป็นวิญญาณอมตะ!”

“บางคนใช้สวรรค์สีเหลืองขนส่งวิญญาณอมตะอีกครั้งงั้นหรือ? ช่างฟุ่มเฟือยนัก!”

ผู้อมตะต่างวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องนี้ทำให้พวกเขาคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าเมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขนส่งวิญญาณอมตะให้กับฟางหยวนผ่านสวรรค์สีเหลือง

วิญญาณอมตะสามารถซื้อขายแลกเปลี่ยน แต่โดยทั่วไปมันจะเป็นการแลกเปลี่ยนด้วยวิญญาณอมตะเท่านั้น

อย่างไรก็ตามธุรกรรมครั้งนี้กลับเป็นการขายวิญญาณอมตะเพื่อแลกกับทรัพยากรอมตะ!

นี่เป็นสิ่งที่หาได้ยาก

สวรรค์สีเหลืองตกลงสู่ความวุ่นวายอีกครั้ง

ผู้อมตะจากทั้งห้าภูมิภาคต่างให้ความสนใจกับธุรกรรมวิญญาณอมตะในครั้งนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาตระหนักว่าทรัพยากรอมตะที่ใช้แลกเปลี่ยนเป็นสิ่งเพียงสิ่งของทั่วไป ตราบเท่าที่คนผู้หนึ่งสามารถรวบรวมทรัพยากรอมตะ พวกเขาจะสามารถแลกเปลี่ยนกับวิญญาณอมตะดวงนี้ นี่คือกำไรอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเวลาผ่านไป ผู้อมตะจำนวนมากเริ่มเสนอราคา

อิงอู๋เซี่ยเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น

แน่นอนว่าผู้ขายวิญญาณอมตะไม่ใช่ผู้ใดนอกจากอิงอู๋เซี่ย

โดยปกติแล้ววิญญาณอมตะจะไม่ถูกขายเพราะมันเป็นเรื่องยากที่จะหลอมรวม วิญญาณอมตะแต่ละดวงมีเพียงหนึ่งเดียวขณะที่ทรัพยากรอมตะมีอยู่มากมาย

แต่เวลานี้อิงอู๋เซี่ยถูกบังคับให้หมดสิ้นหนทาง เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขายวิญญาณอมตะ

เขามีท่าไม้ตายอมตะและเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะมากมายอยู่ในใจ มันเป็นความทรงจำที่ได้รับมาจากเจตจำนงของเทพปีศาจจิตวิญญาณที่อยู่ในสายธารแห่งกาลเวลา

เนื่องจากวิญญาณกาลเวลามีข้อจำกัดในการใช้งาน ดังนั้นข้อมูลเหล่านี้จึงถูกส่งมอบให้กับอิงอู๋เซี่ยโดยผ่านการพิจารณามาอย่างรอบคอบ

แต่อิงอู๋เซี่ยไม่สามารถขายสิ่งเหล่านี้เพราะเขาต้องใช้พวกมันช่วยเหลือเทพปีศาจจิตวิญญาณที่ติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝัน

สุดท้ายอิงอู๋เซี่ยจึงต้องขายวิญญาณอมตะ

อิงอู๋เซี่ยมีวิญญาณอมตะหลายดวง ส่วนใหญ่เป็นวิญญาณอมตะของฟางหยวน

ตอนนี้เขากำลังขายวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็ก

แม้ผู้อมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งจะหาได้ยาก แต่วิญญาณอมตะดวงนี้ยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก เหตุผลเป็นเพราะราคาของมันไม่สูง ผู้อมตะระดับหกมากมายที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองต่างต้องการมัน

‘ดังคาด! การขายวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กเป็นดวงแรกทำให้เกิดความวุ่นวาย หลังจากนี้ข้าสามารถเพิ่มราคาขึ้นเมื่อข้าขายวิญญาณอมตะดวงต่อๆไป’ อิงอู๋เซี่ยคิด

ภาคกลาง วังสวรรค์

“เทพธิดาจื่อเว่ย เจ้ารู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสวรรค์สีเหลืองหรือไม่?” ยายชาใช้วิญญาณติดต่อเทพธิดาจื่อเว่ย

เทพธิดาจื่อเว่ยกำลังค้นหาที่อยู่ของฟางหยวนแต่นางไม่รู้ว่าร่างกายกับดวงวิญญาณของฟางหยวนถูกแยกออกจากกัน

การอนุมานส่วนใหญ่ของนางมุ่งไปที่อิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาและยังมีกำแพงภูมิภาคกีดขวาง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถอนุมานสิ่งใดเกี่ยวกับฟางหยวน

หลังจากได้รับการแจ้งเตือนจากยายชา เทพธิดาจื่อเว่ยหยุดอนุมานและเผยรอยยิ้ม “ขายวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กในสวรรค์สีเหลือง? เขาต้องการวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่คล้ายคลึงกับวิญญาณท่องแดนอมตะงั้นหรือ? ดูเหมือนฟางหยวนจะถูกผลักเข้ามุม เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำเช่นนี้”

“น่าเสียดาย…หากเป็นผู้อื่น พวกเขาจะไม่สามารถหยุดธุรกรรมในสวรรค์สีเหลือง แต่วังสวรรค์เป็นข้อยกเว้น เปิดคลังสมบัติ! ข้าจะทำธุรกรรมกับจิตวิญญาณสวรรค์ของสวรรค์สีเหลือง!”

เจตจำนงสวรรค์ของสวรรค์สีเหลืองไม่เคยปรากฎตัวในที่สาธารณะ มันกระทั่งเพิกเฉยต่อวังสวรรค์และยินดีตายหากถูกบังคับ

วังสวรรค์ไม่สามารถใช้กำลังบีบบังคับเจตจำนงสวรรค์ของสวรรค์สีเหลืองเพื่อหยุดธุรกรรมของอิงอู๋เซี่ย นั่นเป็นไปไม่ได้

แต่เทพธิดาจื่อเว่ยแน่ใจว่านางสามารถทำธุรกรรมนี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท