เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1069

ตอนที่ 1069

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1069 การเคลื่อนไหวของวังสวรรค์

แปลโดย iPAT

ผีเสื้อสีเขียวบินลงมาเกาะบนปลายนิ้วของเทพธิดาจื่อเว่ย

เทพธิดาจื่อเว่ยมองผีเสื้อหยกตัวนี้และเผยรอยยิ้มบาง “นี่คือวิญญาณท่องแดนอมตะงั้นหรือ?”

ผู้อมตะหญิงชราที่อยู่ด้านข้างตอบอย่างไร้อารมณ์ “ถูกต้อง”

หญิงชราผู้นี้มีเส้นผมหยักศกสีเหลืองคล้ายข้าวสาลี ใบหน้าของนางเหี่ยวย่น ดวงตาพร่ามัว ตอนนี้นางอยู่ในชุดคลุมสีน้ำตาล

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวด้วยการแสดงออกที่จริงใจ “มันเป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหกแต่ได้รับการหลอมรวมโดยปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเช่นท่านยายชา นี่ถือเป็นเกียรติสำหรับมันอย่างแท้จริง”

ผู้อมตะหญิงชารผู้นี้เป็นสมาชิกวังสวรรค์ที่พึ่งตื่นขึ้นเร็วๆนี้

นางเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีอายุหลายพันปี นางถือเป็นผู้อาวุโสของวังสวรรค์และเป็นปรมาจารย์เอกบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมที่หายาก

เทพธิดาจื่อเว่ยรู้จักนางเพียงเล็กน้อย

นางเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา นางสามารถอนุมานความลับมากมายจากเงื่อนงำเพียงเล็กๆ

นางรู้ว่ายายชาผู้นี้เหลืออายุขัยไม่มาก นางต้องจำศีลอยู่ในวังสวรรค์เพื่อชะลอเวลาตาย นางและเจ้าวังคนก่อนเป็นคนรุ่นเดียวกัน พวกเขากระทั่งเคยมีความสัมพันธ์กันเมื่อายุยังน้อย

ระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เจ้าวังคนก่อนเสียชีวิต นี่อาจเป็นเหตุผลที่ยายชายุติการจำศีลของตนและเลือกที่จะตื่นขึ้น

ยายชามองวิญญาณท่องแดนอมตะที่อยู่ในมือของเทพธิดาจื่อเว่ยและถอนหายใจ “ข้าเป็นเพียงหญิงชราที่กำลังจะตาย ข้าจะมีเกียรติอันใด? ด้วยการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะดวงนี้ ข้าสามารถช่วยเจ้าจับฟางหยวนหรือไม่?”

การหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะต้องใช้แสงแรกกำเนิด แต่แสงแรกกำเนิดหาได้ยากแต่วังสวรรค์เป็นข้อยกเว้น

นี่คือกองกำลังอันดับหนึ่งของโลกมาอย่างยาวนาน

นิกายเมฆาวายุเป็นเพียงกองกำลังย่อยของวังสวรรค์ แต่พวกเขายังมีแสงแรกกำเนิด แล้ววังสวรรค์จะไม่มีได้อย่างไร

โดยไม่ต้องสงสัย ยายชาสามารถหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะได้โดยไร้ปัญหาเรื่องทรัพยากร

นี่คือรากฐานที่วังสวรรค์สะสมมาสามล้านปี!

คำตอบของยายชาทำให้เทพธิดาจื่อเว่ยยิ้ม “จากการอนุมาน ข้าสามารถรับประกันได้หกสิบส่วน”

ดวงตาของยายชาส่องประกายขึ้น “เจ้าและเจ้าวังคนก่อนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาในระดับเดียวกัน ผลลัพธ์หกสิบส่วนเป็นโอกาสที่ต้องทดลอง”

เทพธิดาจื่อเว่ยพยักหน้าเบาๆ “กล่าวตามตรง ข้าอนุมานได้เพราะข้าได้รับเงื่อนงำบางอย่างโดยบังเอิญ ฟางหยวนครอบครองวิญญาณกาลเวลาและวิญญาณท่องแดนอมตะ นี่ไม่ใช่ความลับ แต่เมื่อเร็วๆนี้หลังจากจับกุมปีศาจอมตะกงซุนเหลียง พวกเราได้เรียนรู้ว่าผู้นำของเขายืมวิญญาณอมตะจากเขา ต่อมาพวกเราพยายามตรวจสอบตำแหน่งที่อยู่ของฟางหยวนและพบว่าหนึ่งในพวกเขาอยู่ที่แม่น้ำหม้อหลอมรวม ที่นิกายเมฆาวายุ ผู้อมตะฟงเฉินซื่อขโมยแสงแรกกำเนิดและขายมันให้กับคนนอก”

“ดังนั้นเจ้าจึงอนุมานว่าวิญญาณท่องแดนอมตะของฟางหยวนถูกทำลายไปแล้วถูกต้องหรือไม่?” ยายาชาถาม

“มันมีความเป็นไปได้แต่มองดูจากผลลัพธ์ มันถูกต้อง” เทพธิดาจื่อเว่ยตอบ

“วิญญาณกาลเวลาถูกผนึกขณะที่วิญญาณท่องแดนอมตะอยู่กับพวกเรา ด้วยวิธีนี้การจับกุมเขาก็จะง่ายขึ้น” ยายชากล่าว

เทพธิดาจื่อเว่ยส่ายศีรษะและถอนหายใจ “แม้เราจะมีวิญญาณท่องแดนอมตะ มันก็เป็นเพียงวิญญาณอมตะระดับหก มันมีประโยชน์น้อยมาก”

“นั่นถูกต้อง” ยายชาเห็นด้วย “มันแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้วิญญาณท่องแดนอมตะกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ดหรือแปด แสงแรกกำเนิดเป็นสิ่งสำคัญที่สุด กระทั่งวังสวรรค์ยังสามารถทดลองหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดได้เพียงสามครั้ง สำหรับวิญญาณท่องแดนอมตะระดับแปด มันเป็นประวัติศาสตร์ไปแล้ว”

วิญญาณท่องแดนอมตะระดับหกไม่สามารถขนส่งผู้อมตะระดับเจ็ดโดยไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะระดับแปด

เว้นเพียงผู้ใช้งานจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติที่มีท่าไม้ตายอมตะบางอย่างเท่านั้น

แต่สถานการณ์ดังกล่าวหาได้ยาก

ยายชากล่าวต่อ “แท้จริงแล้ววังสวรรค์ของเราเคยเป็นเจ้าของวิญญาณท่องแดนอมตะมาแล้วหลายครั้ง ส่วนใหญ่เราจะมอบมันให้นิกายต่างๆเพื่อใช้งาน แต่เนื่องจากเหตุผลบางประการ พวกเรากลับสูญเสียวิญญาณท่องแดนอมตะไป ครั้งหนึ่งมันเคยอยู่ในมือของสมาชิกวังสวรรค์ ผู้อมตะเหลียงเหลียง เขาทำให้มันกลายเป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด คนผู้นี้เป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ แต่หลังจากเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรแรกกำเนิด เขาเสียชีวิตในการต่อสู้ขณะที่วิญญาณท่องแดนอมตะระดับเจ็ดถูกทำลายไปพร้อมกัน”

วิญญาณท่องแดนอมตะเป็นสมบัติล้ำค่าของฟางหยวน แต่ในสายตาของวังสวรรค์ มันแทบไร้คุณค่า

ดังนั้นในสถานการณ์ปกติ วิญญาณท่องแดนอมตะจะถูกส่งต่อไปยันสิบนิกายโบราณของภาคกลาง

แต่ผู้ใดจะคิดว่าฟางหยวนจะสามารถหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะขึ้นมาและใช้มันสร้างปัญหามากมายให้กับโลกใบนี้

ยังคงต้องใช้คำกล่าวเดิม ไม่มีวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด มีเพียงผู้ใช้วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด

พลังอำนาจของวิญญาณไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวมันเองเท่านั้นแต่สิ่งสำคัญคือผู้ใช้วิญญาณ

เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวต่อ “ชิงหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะและผนึกวิญญาณกาลเวลาเป็นการตัดปีกของฟางหยวน หลังจากนี้ข้าจะพยายามค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของฟางหยวนในภาคกลาง ท่านยายชา ข้าคงต้องขอให้ท่านช่วยหลอมรวมวิญญาณอมตะและซ่อมแซมหอคอยดวงตาสวรรค์”

ยายชาพยักหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจ้าวังตาย ข้าไม่สามารถช่วยเขา แต่ข้าสามารถซ่อมแซมหอคอยดวงตาสวรรค์ ข้าแน่ใจว่าเขาจะสามารถนอนหลับอย่างสงบหลังประตูแห่งชีวิตและความตาย เอาล่ะ ลาก่อน”

หลังจากยายชาจากไป เทพธิดาจื่อเว่ยเรียกหาผู้อมตะหมื่นมังกร

“ฟงเฉินซื่อทำเรื่องผิดพลาดเพราะความเห็นแก่ตัว ดูเหมือนภาคกลางจะสงบสุขมานานเกินไป พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำลายชื่อเสียงของวังสวรรค์! ลงโทษเขา ให้เขาเฝ้าถ้ำมังกรเร้นเป็นเวลายี่สิบปี หากมังกรปีศาจเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เขาต้องชดใช้ด้วยชีวิต” เทพธิดาจื่อเว่ยกล่าวเสียงเย็น

ผู้อมตะหมื่นมังกรพยักหน้าแต่ยังขมวดคิ้วบาง “แล้วเฒ่าเป่ยฟง?”

ฟงเฉินซื่อเป็นหลานของผู้อมตะเฒ่าเป่ยฟง เฒ่าเป่ยฟงผู้นี้มีความสามารถที่โดดเด่นและมีโอกาสก้าวเข้าเป็นสมาชิกของวังสวรรค์

เทพธิดาจื่อเว่ยยิ้ม “หากเฒ่าเป่ยฟงต้องการมาวังสวรรค์ ข้าจะต้อนรับเขาด้วยตนเอง แต่ตอนนี้หลานชายของเขาต้องไปดูแลถ้ำมังกรเร้น ด้วยการบ่มเพาะระดับหก เขาไม่สามารถรับมือมันด้วยตนเอง แต่วังสวรรค์กำลังขาดกำลังคน ไม่มีผู้ใดสามารถไปช่วยเขา ดังนั้นเราจะปล่อยให้เฒ่าเป่ยฟงไปช่วยหลานชายของเขา”

เทพธิดาจื่อเว่ยหยุนก่อนกล่าวต่อ “ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่เพราะข้าอนุมานสมาชิกของนิกายท้าทายสวรรค์เรียบร้อยแล้ว ข้าต้องการให้เจ้าไปจับกุมพวกเขา หลังจากนั้นข้าจะค้นหาเงื่อนงำต่อไป”

“เข้าใจแล้ว” ผู้อมตะหมื่นมังกรรับคำสั่ง

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญามีคุณสมบัติที่จะรับผิดชอบงานนี้ แน่นอนว่านางเป็นผู้นำวังสวรรค์เพียงชั่วคราวเท่านั้น

ผู้อมตะของวังสวรรค์มีสถานะเท่าเทียมกัน ตำแหน่งเจ้าวังต้องได้รับการตัดสินใจจากสมาชิกทั้งหมด เว้นเพียงจะมีเทพอมตะปรากฏตัวขึ้น แต่นั่นเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น

“ยายชาซ่อมหอคอยดวงตาสวรรค์”

“หมื่นมังกรออกไปจับสมาชิกนิกายท้าทายสวรรค์”

“เว่ยหลิงหยางกำลังตรวจสอบสมาชิกของวังสวรรค์ เราไม่สามารถปล่อยให้สายลับเข้ามา”

“ตอนนี้ข้าต้องค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของฟางหยวน เราไม่สามารถปล่อยเวลาให้ผ่านไป”

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ คิ้วของเทพธิดาจื่อเว่ยยกขึ้นเล็กน้อย

นี่เกิดจากผลของการมนุมานครั้งล่าสุดของนาง ยิ่งนางอนุมาน นางก็ยิ่งรู้สึกถึงความเชื่อมโยงระหว่างฟางหยวนกับนิกายเงา

จากมุมมองของวังสวรรค์ เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นเป้าหมายหลัก พวกเขาไม่สามารถผ่อนคลายจนกว่าเทพปีศาจจิตวิญญาณจะตายอย่างสมบูรณ์

ตอนนี้ร่างหลักของเทพปีศาจจิตวิญญาณติดอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันที่ภาคใต้ วังสวรรค์ไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากมองดูเขาเสียชีวิตอย่างช้าๆในอาณาจักรแห่งความฝัน

ดังนั้นวังสวรรค์จึงมุ่งเน้นไปที่ฟางหยวนกับนิกายเงาเพื่อตัดกำลังเสริมที่จะให้ความช่วยเหลือเทพปีศาจจิตวิญญาณ

กองกำลังย่อยของนิกายเงาที่เหลืออยู่กำลังถูกโจมตีโดยผู้คนที่เทพธิดาจื่อเว่ยส่งออกไป

ฟางหยวนเป็นจุดสนใจของนางในปัจจุบัน วิญญาณท่องแดนอมตะไม่ใช่ปัญหา แต่วิญญาณกาลเวลาต่างออกไป

หากฟางหยวนย้อนกลับไปในอดีต สิ่งใดจะเกิดขึ้น?

ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ

อิงอู๋เซี่ยตื่นขึ้นอย่างช้าๆ

“เกิดสิ่งใดขึ้น? นี่คือ…” อิงอู๋เซี่ยมึนงง

เขาค่อยๆปรับสายตาและฟื้นคืนสติ

“บัดซบ! ข้าล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ! หลังจากใช้ไพ่ตาย โชคของข้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก แล้วเหตุใดข้าจึงไม่ประสบความสำเร็จ?” อิงอู๋เซี่ยกำหมัดแน่น

เขารู้สึกถึงความสูญเสียและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป

ทันใดนั้นค่ายกลวิญญาณพลันเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างกะทันหัน

“โอ้ ไม่! นี่คือการอนุมานจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา ค่ายกลวิญญาณกำลังต่อต้านมัน!” ใบหน้าของอิงอู๋เซี่ยกลายเป็นซีดเผือด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท