เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1068

ตอนที่ 1068

ทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1068 สำเร็จและล้มเหลว

แปลโดย iPAT

“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง” เสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“นี่คือภัยพิบัติกลองสายฟ้าสวรรค์!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่อยู่ในค่ายกลวิญญาญสายต่อสู้ยักษ์สวรรค์ตกใจและสับสน

“ทุกครั้งที่เสียงสายฟ้าดังขึ้น ประกายสายฟ้าจะปะทุขึ้นในร่างกายของผู้อมตะและทำลายอวัยวะภายในของพวกเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะป้องกันการโจมตีนี้ อย่างไรก็ตามฟางหยวนเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม มันจะช่วยปกป้องเจ้า นอกจากนี้ข้ายังมีวิธีต่อต้านมัน ตราบเท่าที่ยักษ์สวรรค์ยังอยู่ เจ้าจะปลอดภัย!”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาส่งข้อความเสียงไปหาฟางหยวน เขาเกรงว่าฟางหยวนจะฟุ้งซ่านและทำให้การหลอมรวมวิญญาณล้มเหลว

แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะต้องการภูเขาตงฮัน แต่เขาก็ต้องทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับเทพปีศาจปล้นสวรรค์ เขาต้องทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยฟางหยวน

ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและไม่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติกลองสายฟ้าสวรรค์

จิตใจของเขาสงบนิ่งมาก

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากังวลมากเกินไป ฟางหยวนเป็นทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์มากมาย เขามีภูมิคุ้มกันต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด

เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและหลอมรวมวิญญาณอย่างราบรื่น

“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”

เสียงสายฟ้าทำให้ร่างของยักษ์สวรรค์สั่นสะเทือน

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่อยู่ภายในต่างรู้สึกขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวเสียงเย็น “ข้าจะใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเสียง โลกสงบสุข!”

ยักษ์สวรรค์ปลดปล่อยแสงสีเงินออกมาราวกับดวงอาทิตย์

ฟางหยวนปิดเปลือกตาลงชั่วขณะพร้อมกับกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายสายป้องกัน

หลังจากชั่วครู่แสงสีเงินเลือนหายไปพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง

โลกสงบสุข!

สายฟ้ายังแลบลั่นอยู่บนท้องฟ้าแต่มันกลับไร้เสียง

“กระทั่งภัยพิบัติกลองสายฟ้าสวรรค์จะทรงพลังกว่านี้อีกสิบเท่า มันก็ไม่สามารถรบกวนการหลอมรวมวิญญาณ!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว

แต่ในจังหวะนี้ท้องฟ้ากลับเกิดการเปลี่ยนแปลง

สายฟ้าควบรวมเป็นมนุษย์เงาสายฟ้า!

มนุษย์เงาสายฟ้ามีพลังอำนาจเทียบเท่ากับผู้อมตะระดับหก

ย้อนกลับไปผู้อมตะไป่หูก็เสียชีวิตลงเพราะมนุษย์เงาสายฟ้า แต่ตอนนี้ฟางหยวนกลับต้องเผชิญหน้ากับมนุษย์เงาสายฟ้าถึงยี่สิบตน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึง “เกิดสิ่งใดขึ้น? เหตุใดมันจึงกลายเป็นภัยพิบัติมนุษย์เงาสายฟ้า? นอกจากนั้นมันยังทรงพลังกว่าภัยพิบัติทั่วไปถึงยี่สิบเท่า!”

แม้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะมีชีวิตอยู่มาอย่างยาวนาน แต่เขาก็ไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

หัวใจของฟางหยวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เรื่องนี้คล้ายกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในมิติช่องว่างของเขา

‘ภัยพิบัติพิภพครั้งแรกของข้าทรงพลังยิ่งกว่าภัยพิบัติสวรรค์ ตอนนี้เมื่อข้าหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ สถานการณ์เดิมก็เกิดขึ้นอีกครั้ง หากมนุษย์เงาสายฟ้ายี่สิบตนเกิดขึ้นในภัยพิบัติพิภพของข้า ข้าต้องตายอย่างแน่นอน!’

ในภัยพิบัติพิภพครั้งแรกของฟางหยวน เขาพบกับอินทรีย์มงกุฎเหล็ก ค้างคาวมรณะบรรพกาล อสูรหิมะเดียวดาย อสูรหิมะบรรพกาล และอื่นๆ ฟางหยวนแทบไม่สามารถรักษาชีวิตรอด

อย่างไรก็ตามมันจะแตกต่างออกไปหากฟางหยวนต้องต่อสู้กับมนุษย์เงาสายฟ้ายี่สิบตนพร้อมกัน แม้ฟางหยวนจะมีท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น เขาก็ไม่สามารถสังหารพวกมันได้ในครั้งเดียวและอาจถูกสวนกลับอย่างรุนแรง

‘รากฐานของข้ายังไม่เสถียร ข้ามีจุดอ่อนมากเกินไป’ ฟางหยวนคิด

ในความเป็นจริงเขาค้นพบปัญหานี้มานานแล้ว

ตั้งแต่การต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เขาถูกกดดันด้วยกรอบของเวลาและไม่มีเวลาว่างพอที่จะแก้ไขจุดอ่อนเหล่านี้

มนุษย์เงาสายฟ้ายี่สิบตนพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนด้วยความเร็วสูง

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกและกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะต่อไป

ร่างของยักษ์สวรรค์ส่องแสงสีเงินออกมาและทำให้ร่างของมันขยายใหญ่ขึ้น

เดิมทีร่างกายของยักษ์สวรรค์ก็ใหญ่โตอยู่แล้ว หลังจากขยายร่าง เท้าของมันเยียบลงบนพื้นเมฆขณะที่ศีรษะราวกับอยู่บนสวรรค์

ยักษ์สวรรค์ใช้ท่าไม้ตายอมตะต่อไป

มนุษย์เงาสายฟ้าพุ่งชนกำแพงพลังงานที่มองไม่เห็นและกระเด็นกลับไปด้านหลัง

หลังจากปกป้องฟางหยวน ยักษ์สวรรค์ใช้มือคว้าฟางหยวนขึ้นมาพร้อมกับสร้างม่านพลังป้องกันเอาไว้รอบๆ

“สถานการณ์ไม่ดีนัก แม้ท่าไม้ตายอมตะของข้าจะสามารถป้องกันมนุษย์เงาสายฟ้า แต่การหลอมรวมวิญญาณอาจถูกขัดจังหวะ เจ้าต้องระวังให้มากขึ้น การโจมตีที่รุนแรงกำลังจะมา หากเจ้าไม่มีสมาธิ การหลอมรวมอาจล้มเหลว!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเตือน

ฟางหยวนพยักหน้าแต่ไม่กล่าวสิ่งใด

แม้จะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและคฤหาสน์วิญญาณอมตะหม้อหลอมรวมคอยให้ความช่วยเหลือ แต่การต่อสู้ระหว่างยักษ์สวรรค์กับมนุษย์เงาสายฟ้าอาจรบกวนร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าและสร้างปัญหาให้กับฟางหยวน หากผิดพลาด การทำงานหนักของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่าทันที

“บึม บึม บึม”

เสียงระเบิดดังเข้าหูของฟางหยวน

มนุษย์เงาสายฟ้าราวกับผึ้งที่บินอยู่รอบๆยักษ์สวรรค์และโจมตีจากหลากหลายทิศทาง

พวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วขณะที่ยักษ์สวรรค์ค่อนข้างงุ่มง่าม

“พวกโง่!” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาดุ

เขาต้องปกป้องและช่วยฟางหยวนหลอมรวมวิญญาณ ดังนั้นการกำจัดมนุษย์เงาสายฟ้าจึงเป็นหน้าที่ของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน

แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ พวกเขาไม่สามารถควบคุมยักษ์สวรรค์ กระทั่งพวกเขาจะทำอย่างเต็มความสามารถ ท่าไม้ตายอมตะที่พวกเขาใช้ก็ยังล้มเหลว บางครั้งที่มันประสบความสำเร็จ มันก็ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

หลังจากต่อสู้เป็นเวลานาน พวกเขาสามารถสังหารมนุษย์เงาสายฟ้าได้เพียงหนึ่งและเกิดจากความบังเอิญ

เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกหมดแรง

“สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างเลวร้าย” เขาเต็มไปด้วยความกังวล

ยักษ์สวรรค์ขยายร่างขึ้นสิบเท่าแต่การป้องกันของมันลดลง

แม้สถานการณ์ของฟางหยวนจะคงที่แต่ความเร็วในการหลอมรวมของเขาก็ลดลงอย่างมาก

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาประเมินว่าด้วยความเร็วของฟางหยวน ยักษ์สวรรค์จะไม่สามารถทนอยู่ได้จนถึงสุดท้าย

ปราศจากความช่วยเหลือจากภายนอก การหลอมรวมวิญญาณของฟางหยวนจะล้มเหลว!

‘โชคดีที่นี่เป็นความพยายามครั้งแรก มันไม่เป็นไรหากจะล้มเหลว ข้ายังมีเงินทุน’ ฟางหยวนคิดในแง่ดี

ในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ มีกี่คนที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่กครั้งแรก?

ฟางหยวนอยู่ในสถานการณ์คับขันขณะที่อิงอู๋เซี่ยหมดสิ้นหนทาง

‘นี่เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของข้า ข้าไม่สามารถล้มเหลวได้อีก!’ อิงอู๋เซี่ยกัดฟันขณะที่หน้าผากปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ

เขาเหมือนหมาป่าที่ถูกบังคับให้เดินเข้าสู่หน้าผา

‘ในสถานการณ์นี้ข้าต้องใช้ไพ่ตายเท่านั้น…ยังไม่ต้องคิดถึงผลกระทบ ข้าต้องผ่านวิกฤตนี้ไปให้ได้เป็นอันดับแรก’

อิงอู๋เซี่ยตัดสินใจกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะบางอย่าง

ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีจิตวิญญาณของเขา

ภายใต้ผลกระทบของท่าไม้ตายอมตะ จิตวิญญาณของเขากลายเป็นเชื้อเพลิงขณะที่โชคของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

‘ร่างหลักของเราเคยสำรวจวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงและสร้างท่าไม้ตายนี้…โชคดีที่ข้าได้รับวิญญาณเสียงคำรามของจิตวิญญาณระดับเจ็ดมาจากก่อนหน้า ดังนั้นข้าจึงสามารถใช้ท่าไม้ตายนี้’

ดวงตาของอิงอู๋เซี่ยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาทุ่มเททุกสิ่งกับการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะในครั้งนี้

‘ข้าจะประสบความสำเร็จในครั้งนี้!’ เขากรีดร้องอยู่ในใจ

กลับไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ยักษ์สวรรค์อ่อนแอมากและเกือบถึงขีดจำกัด

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนพ่นเลือดออกมาจากปาก บางคนสลบ บางคนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ค่ายกลวิญญาณสายต่อสู้ยักษ์สวรรค์ถูกโจมตีอย่างหนัก สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เหลือมนุษย์เงาสายฟ้าอยู่อีกสิบเอ็ดตน

ฟางหยวนและจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกอยู่ในความสิ้นหวัง

‘ครั้งต่อไปข้าจะไม่ใช้การหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ขน!’ ฟางหยวนสาบานกับตนเอง ตอนนี้เขารู้สึกว่าการหลอมรวมวิญญาณของมนุษย์ดีกว่ามาก

‘ครั้งนี้ข้าล้มเหลวจริงๆ ชื่อเสียงของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกทำลายเพราะภัยพิบัติที่ไร้สาระนี้!’ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาโกรธมาก

‘เอาล่ะ ทุกอย่างเกือบจบลงแล้ว’ ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ผมที่หก คิดกับตนเอง

เขาเป็นสายลับของนิกายเงาคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

เขาเป็นคนให้ข้อมูลเกี่ยวกับฟางหยวนและแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยากับอิงอู๋เซี่ย

ระหว่างการต่อสู้กับมนุษย์เงาสายฟ้า เขาแทบไม่ทำสิ่งใด ในฐานะสมาชิกนิกายเงา เขาไม่ต้องการให้ฟางหยวนประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์

‘การโจมตีครั้งสุดท้าย มาใช้ท่าไม้ตายแขนเดี่ยวกันเถอะ’ ผมที่หกลอบหัวเราะอยู่ในใจ

แม้มันจะเป็นท่าไม้ตายที่ทรงพลัง แต่ตอนนี้ยักษ์สวรรค์อ่อนแอมาก หากท่าไม้ตายนี้ถูกใช้งาน ยักษ์สวรรค์จะพังทลายลงอย่างแน่นอน

‘หากข้าใช้ท่าไม้ตายนี้ ยักษ์สวรรค์จะจบสิ้น ไม่เพียงการหลอมรวมของฟางหยวนจะล้มเหลว ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมากมายจะตายไปพร้อมกัน หลังจากเหตุการณ์นี้ข้าจะมีความสำคัญมากขึ้น นี่เป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบ!’

ผมที่หกกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายแขนเดี่ยวทันที

“โอ้ ไม่ งี่เง่า!” การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนแปลงไป

ทันใดนั้น!

แขนของยักษ์สวรรค์กลับเกิดการระเบิดขึ้นอย่างกะทันหันและบินออกไป

“บึม!”

มนุษย์เงาสายฟ้าส่วนใหญ่บังเอิญบินมาอยู่ในบริเวณเดียวกัน พวกมันถูกแขนของยักษ์สวรรค์โจมตีโดยไม่คาดคิดและถูกทำลายในครั้งเดียว

เสียชีวิตทั้งหมด!

ฟางหยวนตะลึง

ผมที่หกตกใจมาก ‘นี่…มันกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!?’

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตกตะลึงก่อนตะโกน “โจมตีได้ดี!”

ด้วยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ยักษ์สวรรค์พังทลายลงขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้รับบาดเจ็บทั้งหมดแต่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต

มนุษย์เงาสายฟ้าที่เหลืออยู่สามตนบินไปรอบๆ

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารับมือพวกมันเพียงลำพัง

ผมที่หกแสดงออกด้วยความเสียใจและต้องการช่วยต่อสู้แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสั่งให้เขาดูแลผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆ

หลังจากหนึ่งชั่วโมง ฟางหยวนประคองวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่กำเนิดใหม่เอาไว้ในมือ

“ความพยายามครั้งแรกประสบความสำเร็จ!?”

ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ

“พรวด!”

อิงอู๋เซี่ยพ่นเลือดคำโตออกมาและล้มลงบนพื้น

เขาหมดสติทันที

ความพยายามครั้งสุดท้ายของเขาล้มเหลว!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท