เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1082

ตอนที่ 1082

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1082 คุณภาพหรือปริมาณ

แปลโดย iPAT

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำได้เพียงพยักหน้าเห็นด้วยกับคำกล่าวของฟางหยวน

“มีเหตุผล มีเหตุผล” เขายกย่อง

“ท่านยกย่องข้ามากเกินไปแล้ว นี่เป็นเพียงความคิดที่ตื้นเขินของข้าเท่านั้น” ฟางหยวนกล่าว

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเป็นคนตรงไปตรงมา เขาไม่เข้าใจมารยาททางสังคมที่ฟางหยวนแสดงออก ดังนั้นเขาจึงส่ายศีรษะ “ไม่ นี่ไม่ใช่ความคิดที่ตื่นเขิน มันเป็นความเข้าใจที่แท้จริง คำกล่าวของเจ้าทำให้ข้าได้รับแรงบันดาลใจมากมาย พวกมันสามารถช่วยเหลือนิกายหลางหยา!”

“ตามกฎของนิกายหลางหยา ความช่วยเหลือนี้จะช่วยยกระดับสถานะของเจ้าอีกหนึ่งขั้น ตัวอย่างเช่นผมที่หกจะยกระดับเป็นผมที่ห้า แต่เจ้ายังไม่ใช่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่แท้จริงในเวลานี้ ดังนั้นเจ้าจะได้รับแต้มผลงานสองร้อยแต้มเป็นสิ่งตอบแทน”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามองฟางหยวนและถอนหายใจ

ใบหน้าของฟางหยวนแสดงให้เห็นถึงความโศกเศร้าเช่นกัน

เขาเป็นเพียงผู้อาวุโสสูงสุดนอก แม้จะไม่ทำภารกิจใดๆให้กับนิกาย เขาก็ยังได้รับแต้มผลงานสิบแต้มทุกเดือน แน่นอนว่าผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้แต้มผลงานมากกว่านี้ นอกจากนั้นยิ่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมีตำแหน่งสูงเท่าใด พวกเขาก็จะได้รับแต้มผลงานมากขึ้นเท่านั้น

“ข้าหวังว่าวันหนึ่งจะสามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนที่แท้จริง” ฟางหยวนกล่าวด้วยความเสียใจราวกับเขาต้องการสิ่งนี้อย่างแท้จริง

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าว “น่าเสียดายที่สวรรค์สีเหลืองปิดในขณะนี้ เมื่อมันเปิด ข้าจะเริ่มซื้อสัตว์อสูรเดียวดาย”

“ข้ามีความคิดเห็นบางอย่าง” ฟางหยวนเร่งกล่าว “มีผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนมากมาย ไม่ว่านิกายของเราจะมีความมั่งคั่งเพียงใดแต่เราจะไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมด นอกจากนั้นนี่ไม่ใช่วิธีการดำเนินธุรกิจ ข้าขอแนะนำให้เราพัฒนาทรัพยากรขึ้นมาเอง”

“โอ้? เจ้าคิดว่าพวกเราควรทำอย่างไร?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาถาม

ฟางหยวนตอบ “ง่ายมาก เช่นเดียวกับกองกำลังใหญ่อื่นๆ พวกเราต้องยึดครองพื้นที่บางแห่งในห้าภูมิภาค”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกไม่แน่ใจ

เขาเคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนและพิจารณาถึงข้อดีข้อเสียของมัน สุดท้ายเขาจึงปัดความคิดนี้ทิ้งไป

เหตุผลก็คือผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ พวกเขาไม่สามารถปรากฏตัวในที่แจ้ง

ตัวอย่างเช่นกองกำลังเผ่ามนุษย์หมึกในภาคเหนือ พวกเขามีผู้อมตะเผ่ามนุษย์หมึกเพียงหนึ่งเดียว แต่เนื่องจากบรรพชนของเผ่ามนุษย์หมึกแห่งเมืองหมึกของภาคเหนือเคยทำสัญญาพันธมิตรกับเทพอมตะตะวันเดือด ดังนั้นเมืองหมึกจึงรอดพ้นจากการคุกคามของกองกำลังเผ่ามนุษย์

อย่างไรก็ตามหากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนปรากฏตัว พวกเขาจะถูกไล่ล่าโดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะหรือฝ่ายปีศาจ พวกเขาต่างไม่ต้องการเห็นกองกำลังของมนุษย์กลายพันธุ์

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความคิดที่ตรงไปตรงมา แต่เขาไม่โง่ เขาต้องการนำเผ่ามนุษย์ขนปกครองโลก แต่เขายังเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบัน

ฟางหยวนคาดเดาการตอบสนองนี้ไว้แล้ว เขากล่าว “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ข้าไม่ได้แนะนำให้นิกายหลางหยาต่อสู้กับกองกำลังเผ่ามนุษย์โดยตรง เราจะมุ่งเน้นทรัพยากรที่พวกเขาไม่ได้ครอบครองและลอบพัฒนา”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเข้าใจทันที “เจ้ากำลังหมายถึงเขตต้องห้ามเหล่านั้นงั้นหรือ?”

ในภาคเหนือ กองกำลังต่างๆยึดครองแหล่งทรัพยากรสำคัญเอาไว้หมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงสถานที่อันตรายทั้งสิบเท่านั้น

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งฉลาดมาก!” ฟางหยวนยกย่อง “เขตต้องข้ามทั้งสิบอันตรายแต่พวกมันก็เต็มไปด้วยโอกาศ ในความคิดเห็นของข้า โลกใต้บาดาลเป็นสถานที่ที่ดี เราสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ไว้ที่นั่นและอนุญาตให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสามารถเดินทางไปกลับได้อย่างอิสระ มีสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลมากมายอยู่ที่นั่น มันเหมาะสมที่จะใช้เป็นสนามฝึกซ้อมการต่อสู้ของพวกเขา นอกจากนี้ด้วยการสังหารสัตว์อสูรเดียวดาย เราสามารถใช้ส่วนต่างๆของพวกมันในการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง หากเราสามารถจับสัตว์อสูรเดียวดายที่มีชีวิต เราจะใช้วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรเพื่อทำให้พวกมันกลายเป็นทาส นี่จะช่วยเพิ่มการป้องกันของแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา”

หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของเรื่องนี้คือค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่

โดยไม่ต้องสงสัย นิกายหลางหยาย่อมมีวิธีการดังกล่าวในการครอบครอง

ก่อนหน้านี้เมื่อฟางหยวนกลับมาจากภาคใต้ เขาก็ใช้ค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่เพื่อกลับมายังแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ค่ายกลวิญญาณนี้สร้างความประทับใจต่อฟางหยวนเป็นอย่างมาก

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไตร่ตรอง “เรื่องนี้มีความสำคัญมากเกินไป ข้าต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ”

“ข้าเพียงเสนอความคิด เรื่องสำคัญเช่นนี้ย่อมต้องถูกตัดสินโดยผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง หากคำแนะนำของข้ามีข้อบกพร่อง โปรดอภัยให้ข้าด้วย”

ฟางหยวนไม่ได้รบเร้ามากเกินไป หลังจากนั้นเขายังเปลี่ยนหัวข้อสนทนาและกล่าวถึงผลไม้ธารแสงก่อนจะจากไปพร้อมกับผลไม้ธารแสงจำนวนมาก

เขากลับไปที่เมืองเมฆาของตนและเริ่มจัดการผลไม้ธารแสง

ผลไม้ธารแสงไม่ใช่ผลไม้ทั่วไป พวกมันกำเนิดจากแสงบริสุทธิ์ มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถสัมผัสพวกมัน

ผลไม้เหล่านี้ไม่ได้เติบโตขึ้นบนต้นไม้แต่จะปรากฏขึ้นในสถานที่ที่มีแสงออโรร่าหนาแน่น ผลไม้ธารแสงมีหลายสีเช่นสีแดง สีน้ำตาล สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีม่วง และอื่นๆ

ผลไม้ธารแสงเป็นอาหารของวิญญาณทัศนคติ

เหตุผลที่ฟางหยวนแลกเปลี่ยนผลไม้ธารแสงก็เพราะสิ่งนี้

ตั้งแต่ทำธุรกรรมกับนิกายเงา วิญญาณอมตะในการครอบครองของฟางหยวนเพิ่มขึ้นในระดับที่น่ากลัว

เริ่มด้วยวิญญาณอมตะระดับเก้า วิญญาณสติปัญญา

วิญญาณอมตะระดับแปด วิญญาณทัศนคติ และวิญญาณดาบแห่งปัญญา

วิญญาณอมตะระดับเจ็ด วิญญาณเปลี่ยนวิญญาณ วิญญาณคิ้วดาบ วิญญาณคลื่นดาบ วิญญาณดาบทะลวงมิติ และวิญญาณเรียกภัยพิบัติ

วิญญาณอมตะระดับหก วิญญาณคลี่คลายปริศนา วิญญาณหัวใจหญิงงาม วิญญาณสมบัติเลือด วิญญาณขีดจำกัดความมืด วิญญาณโชคอึสุนัข วิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์ วิญญาณความแข็งแกร่งของพลังปราณ วิญญาณความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณความแข็งแกร่งของหมีบิน วิญญาณยกภูเขา วิญญาณดึงแม่น้ำ วิญญาณพื้นที่ก่อนหน้า วิญญาณบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณเนตรดารา

เพื่อปรับแต่งวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิง ฟางหยวนต้องทิ้งวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามไว้ในแดนศักดิ์สิทธิ์ไป่หูก่อนจะออกเดินทางไปยังภูเขาอี้เทียน เขาใช้แสงแห่งปัญญากับวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามสร้างค่ายกลวิญญาณเพื่อปรับแต่งพวกมัน

เพราะเหตุนี้เมื่อฟางหยวนกลับมาถึงแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา เขาจึงได้รับวิญญาณอมตะหัวใจหญิงงามจากการขนย้ายของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

วิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชคและวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กติดอยู่ในสวรรค์สีเหลือง ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่สามารถแลกเปลี่ยนพวกมัน

สำหรับวิญญาณบนเส้นทางแห่งดวงดาว มีเพียงวิญญาณอมตะเนตรดาราที่กลับมาอยู่กับฟางหยวน

บนภูเขาอี้เทียน เมื่อสนามรบแห่งความโกลาหลพังทลาย วิญญาณมากมายถูกทำลาย แต่มีวิญญาณบางดวงรอดชีวิตและถูกเก็บไว้ในมิติช่องว่างของร่างผีดิบอมตะของฟางหยวน ฟางหยวนไม่คุ้นเคยกับพวกมัน เขาไม่แม้แต่จะสามารถจดจำและไม่รู้ว่ามีวิญญาณกี่ดวงที่ถูกฉกชิงไปโดยอิงอู๋เซี่ย

ไม่ใช่ว่าฟางหยวนไม่ต้องการนำวิญญาณเหล่านั้นกลับคืน แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวถึงเรื่องนี้ อิงอู๋เซี่ยกลับจบการทำธุรกรรม

มีคำกล่าวที่ว่าคุณภาพเหนือปริมาณ

ลืมเรื่องวิญญาณระดับมนุษย์ไปได้เลย แม้จะมีวิญญาณระดับมนุษย์มากมายเพียงใด พวกมันก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับวิญญาณอมตะเพียงดวงเดียว

วิญญาณอมตะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะตัดสินความแข็งแกร่งของผู้อมตะ

มีผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่มีวิญญาณอมตะในการครอบครองแม้แต่ดวงเดียว

อาจกล่าวได้ว่ากระทั่งผู้อมตะระดับเก้าก็อาจมีวิญญาณอมตะในการครอบครองไม่มากเท่ากับฟางหยวน

นี่ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง

วิญญาณอมตะหนึ่งดวงอาจเปรียบเทียบได้กับการผสานงานกันระหว่างวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วน ท่าไม้ตายอมตะจะสามารถสร้างผลกระทบที่แตกต่างจากท่าไม้ตายระดับมนุษย์อย่างมีนัยยะสำคัญไม่ว่าจะเป็นด้านการโจมตี การป้องกัน การเคลื่อนไหว การรักษา หรือด้านอื่นๆ

แต่วิญญาณอมตะเพียงหนึ่งดวงยังไม่เพียงพอ

เพื่อกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ พวกเขาจำเป็นต้องมีวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากเป็นส่วนประกอบ หากพวกเขาต้องการโจมตี พวกเขาจะใช้วิญญาณระดับมนุษย์เพื่อสร้างท่าไม้ตายอมตะสายโจมตี หากพวกเขาต้องการป้องกันหรือการสนับสนุนด้านใด พวกเขาก็จะใช้วิญญาณระดับมนุษย์ที่แตกต่างกันเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่หลากหลาย

การใช้วิญญาณอมตะสองดวงพร้อมกันเพื่อปลดปล่อยพลังอำนาจในด้านต่างๆยังเป็นเรื่องที่คลุมเครือ

กรณีการผสานงานของวิญญาณอมตะสามดวงมีอยู่น้อยมาก

หลังจากทั้งหมดการกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะต้องพึ่งพาพลังงานอมตะ

สำหรับฟางหยวนที่ใช้วิญญาณอมตะระดับสูงกว่าตนเอง มันเป็นกรณีพิเศษ เหตุที่เขาสามารถทำเช่นนั้นเป็นเพราะประสบการณ์และการเลือกวิญญาณอมตะที่เหมาะสมอย่างพิถีพิถัน

เขาไม่ได้พิจารณาวิญญาณในแง่ของปริมาณแต่มุ่งเน้นที่คุณภาพและพลังอำนาจของวิญญาณแต่ละดวง

คุณสมบัติของวิญญาณเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องนี้เป็นความรู้พื้นฐานของโลกผู้อมตะ

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรมากนัก ด้วยมิติช่องว่างจักรพรรดิ มันสามารถผลิตทรัพยากรปริมาณมหาศาลให้กับเขาในเวลาอันรวดเร็ว

ฟางหยวนตระหนักดีอยู่แล้วว่าเขามีศักยภาพในการดูแลวิญญาณอมตะจำนวนมาก

สถานะทางการเงินในปัจจุบันของเขาก็ดีมาก

นอกจากนั้นเขายังสามารถพึ่งพาจิตวิญญาณแผ่นดินหลางยาได้ในระดับหนึ่ง

ด้วยเหตุผลทั้งสามประการนี้ทำให้ฟางหยวนต้องการเพิ่มจำนวนวิญญาณอมตะเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของตนอย่างรวดเร็วที่สุด

ไม่ว่าจะเป็นการเผชิญหน้ากับเจตจำนงสวรรค์หรือภัยพิบัติต่างๆ สิ่งสำคัญที่ฟางหยวนต้องมีคือความแข็งแกร่ง

พลังการต่อสู้ของผู้อมตะมาจากวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะของพวกเขา

ปัจจุบันฟางหยวนมีท่าไม้ตายอมตะเพียงเล็กน้อยและไม่สามารถใช้งานวิญญาณสติปัญญา ดังนั้นเขาจึงให้ความสำคัญกับวิญญาณอมตะ

ฟางหยวนตระหนักถึงแผนการของอิงอู๋เซี่ย นั่นคือการเพิ่มภาระให้กับฟางหยวนโดยการมอบวิญญาณอมตะเหล่านี้ให้เขา

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่สนใจแผนการของอิงอู๋เซี่ยเพราะเขากำลังต้องการวิญญาณอมตะ สิ่งสำคัญก็คือเขามีศักยภาพที่จะเลี้ยงดูวิญญาณอมตะเหล่านี้

นี่คือข้อแตกต่างระหว่างผู้อมตะที่มีชีวิตและผีดิบอมตะ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมิติช่องว่างจักรพรรดิ!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท