เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1088

ตอนที่ 1088

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1088 บรรลุเป้าหมาย

แปลโดย iPAT

วันต่อมาในไท่ชิว

‘สถานที่แห่งนี้…’ ฟางหยวนปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่สูงหลายร้อยเมตรและกวาดตามองไปรอบๆ

มันเป็นซากปรักหักพังที่ดูเหมือนถูกโจมตีด้วยสายฟ้า

ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในรูปลักษณ์ของวานรตัวหนึ่ง

สัตว์อสูรบรรพกาล วานรกลืนกินเปลวเพลิง

แม้ร่างกายของเขาจะไม่ใหญ่โตแต่เขาไตร่ตรองมาแล้ว

แพะเขาเดี่ยวไม่สามารถเดินทางเตร็ดเตร่ไปทั่วโดยเฉพาะส่วนลึกของไท่ชิว

วานรกลืนกินเปลวเพลิงเป็นกรณีพิเศษ

มันแข็งแกร่งแต่กินเพียงเปลวเพลิง ดังนั้นมันจึงสามารถเดินทางไปรอบๆ มันไม่ใช่อาหารของสัตว์อสูรชนิดอื่นเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเหมาะสมสำหรับภารกิจของฟางหยวน

หากไม่เปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นวานรกลืนกินเปลวเพลิง ฟางหยวนจะไม่สามารถมาที่นี่

‘ต้นพันอสรพิษ…’ ฟางหยวนมองเห็นมันในระยะไกล

นี่เป็นตำแหน่งที่สามในแผนที่ไท่ชิว

ตำแหน่งแรกถูกยึดครองโดยฝูงหมาป่าโลหิตเดียวดาย ตำแหน่งที่สองมีเพียงความว่างเปล่าและกลายเป็นสนามรบของสัตว์อสูรสองกลุ่ม

ตอนนี้ฟางหยวนอยู่ในตำแหน่งที่สาม

มีต้นพันอสรพิษอยู่ที่นี่

นี่คือพืชอสูรแรกกำเนิด มันเป็นต้นไม้ที่ใหญ่โตราวกับภูเขาและมีกิ่งก้านนับหมื่นนับแสนราวอสรพิษ ตรงปลายกิ่งก้านเหล่านั้นยังเป็นศีรษะอสรพิษ

มันกินสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลที่เดินผ่านมาเป็นอาหารโดยใช้กิ่งก้านสาขาของมันไล่ล่า จับกุม และดูดเลือด

รูปแบบชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนตกตายอยู่ที่นี่และกลายเป็นกองซากศพที่เน่าเปื่อยซึ่งปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งความตายออกมา

พลังงานบวกและพลังงานลบจะดึงดูดกัน ดังนั้นสายฟ้าสวรรค์จะพุ่งลงมาโจมตีต้นพันอสรพิษต้นนี้เป็นครั้งคราว

มันไม่เป็นไรหากเป็นพายุฝนทั่วไป แต่หากโชคไม่ดีและพบกับบอลสายฟ้าสวรรค์ขนาดใหญ่ ผลลัพธ์จะเป็นหายนะ

ต้นพันอสรพิษไม่มีศัตรูโดยธรรมชาติ มันเป็นพืชอสูรแรกกำเนิดที่ปกครองดินแดนแห่งนี้ นี่ทำให้มันดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสวรรค์และถูกโจมตีโดยสายฟ้าสวรรค์

หลังจากสามแสนปี ต้นพันอสรพิษจึงถูกแผดเผาและกลายเป็นปล่องภูเขาไฟที่มีควันดำลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าตลอดเวลา

‘แต่ต้นพันอสรพิษยังไม่ตาย!’ ท่ามกลางความมืด ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

บรรพชนผมยาวทิ้งแผนที่ไท่ชิวฉบับนี้เอาไว้ แต่ตลอดสามแสนปี ต้นพันอสรพิษกลับไม่ตายและยังมีชีวิตอยู่ที่นี่!

‘มนุษย์คือจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด แต่พลังชีวิต อายุขัย ร่างกาย และดวงวิญญาณของพวกเรายังด้อยกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ต้นพันอสรพิษมีพลังชีวิตสูงที่สุด มันยังสามารถมีชีวิตแม้จะถูกเผาทำลายด้วยเปลวเพลิงและสายฟ้า’ ฟางหยวนถอนหายใจ

ตอนนี้ต้นพันอสรพิษเอนกายนอนอยู่บนพื้นอย่างสมบูรณ์ นอกจากนั้นมากกว่าครึ่งของมันยังเน่าเปื่อยผุพัง

ต้นพันอสรพิษที่สมบูรณ์จะสูงกว่าภูเขาหนึ่งลูกหากมันตั้งตัวขึ้น การโจมตีจากกิ่งก้านอสรพิษของมันครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง

ฟางหยวนรู้สึกได้ว่ากิ่งก้านมากมายของมันยังมีชีวิตอยู่ พวกมันเป็นอสรพิษที่เคลื่อนที่ไปรอบๆอย่างช้าๆ หากมันพบเหยื่อ มันจะโจมตีและสังหารเหยื่ออย่างรวดเร็ว

แม้ต้นพันอสรพิษต้นนี้จะอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ แต่มันยังสามารถสังหารสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาล

ฟางหยวนสังเกตและค้นพบสิ่งใหม่ๆ ‘โชคลาภและภัยพิบัติมักมาพร้อมกัน ต้นพันอสรพิษต้นนี้สังหารสัตว์อสูรมากมาย ศพของพวกมันกองเป็นภูเขา ตอนนี้กิ่งก้านอสรพิษของมันเหลืออยู่ไม่มากและมีขีดจำกัดในการล่า เมื่อปราณเย็นไม่เพิ่มขึ้น มันจะไม่ดึงดูดสายฟ้าลงมาอีก’

นั่นเป็นเหตุผลที่ต้นพันอสรพิษยังมีชีวิตอยู่

แต่ฟางหยวนยังขมวดคิ้ว

เขาเสี่ยงชีวิตเดินทางมาไท่ชิวเพื่อหาสถานที่เหมาะสมในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่

นี่เป็นตำแหน่งที่สามที่ฟางหยวนมาตรวจสอบ

สองแห่งแรกเปลี่ยนแปลงไปแล้วและไม่เหมาะสม

แต่ต้นพันอสรพิษยังมีชีวิตอยู่ นี่เป็นพืชอสูรแรกกำเนิด มันมีพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวที่สามารถแข่งขันกับผู้อมตะระดับแปด กระทั่งมันจะอ่อนแอลงแต่มันยังเป็นสิ่งมีชีวิตระดับแปด ฟางหยวนไม่กล้าเผชิญหน้ากับมัน นี่เป็นปัญหาใหญ่ในแผนการของนิกายหลางหยา

หากเกิดการต่อสู้ขึ้นที่นี่ มันอาจดึงดูดคลื่นสัตว์อสูร

‘นั่นหมายความว่าข้าปฏิบัติภารกิจสำเร็จและล้มเหลวในเวลาเดียวกัน แม้ข้าจะสามารถตรวจสอบความถูกต้องของแผนที่แต่ข้าไม่สามารถหาสถานที่เหมาะสมในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่ของนิกายหลางหยา’

‘แต่นั่นไม่สามารถช่วยได้ พลังอำนาจของวิญญาณขีดจำกัดความมืดกำลังอ่อนแอลง ข้าควรจากไปเป็นอันดับแรกและกลับมาอีกครั้งคราวหน้า’

ฟางหยวนลอบถอนหายใจ

หากเขาประสบความสำเร็จในครั้งนี้ นั่นจะดีที่สุด หลังจากทั้งหมดสถานการณ์ปัจจุบันของฟางหยวนยังไม่ดีนัก เขามีทั้งภัยคุกคามจากภายนอกและภายใน

หากฟางหยวนต้องมาที่นี่อีกครั้ง เขาจะไม่มีเวลาเตรียมตัวสำหรับเรื่องอื่นๆ

เขายุ่งมาก

การจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นเรื่องใหญ่ เขากังกลเกี่ยวกับการบ่มเพาะของตนเอง เขายังต้องจัดการปัญหาของร่างผีดิบอมตะ นอกจากนั้นยังมีเรื่องของฟางเจิ้ง

แต่สิ่งต่างๆในชีวิตมักไม่เป็นไปตามความคาดหวังของผู้คน

ฟางหยวนจากไปอย่างช้าๆ

เขาเลือกทิศทางที่ใกล้ที่สุดเพื่อเดินทางกลับ

แต่ปัญหาคือหลังจากฟางหยวนเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง เขากลับค้นพบบางสิ่ง

อันดับแรก สัตว์อสูรบรรพกาลสองตัวกำลังต่อสู้กันเป็นเหตุให้เกิดความปั่นป่วนขึ้น ต่อมา ฝูงสัตว์อสูรสามกลุ่มยังเข้าร่วมในการต่อสู้ นั่นทำให้เกิดเป็นการต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวาย

ทั้งหมดปิดกั้นเส้นทางของฟางหยวน

‘คลื่นสัตว์อสูร…’

‘เป็นเช่นนี้’

‘พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดลดลงในระดับนี้แล้วงั้นหรือ? กระทั่งเจตจำนงสวรรค์จะไม่สามารถตรวจสอบตำแหน่งที่แน่ชัดของข้า แต่มันยังรู้ตำแหน่งคร่าวๆ ดังนั้นมันจึงสร้างความวุ่นวายขึ้นในไท่ชิวเพื่อสะกัดกั้นข้า’

‘ฮืม…ข้ามีวิญญาณกาลเวลาและอสูรหิมะจำนวนมาก พวกมันเต็มไปด้วเจตจำนงสวรรค์ แม้พวกมันจะอยู่ในมิติช่องว่างของข้า แต่เจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายในยังสามารถส่งเสียงสะท้อนออกมาติดต่อกับเจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายนอก’

ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก

ก่อนหน้านี้เขายังประเมินเจตจำนงสวรรค์ต่ำเกินไป

กล่าวตามตรรกะ มิติช่องว่างคือแดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ที่แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถเข้าแทรกแซงโลกใบเล็ก

แต่ตอนนี้ฟางหยวนรู้แล้ว หากเจตจำนงสวรรค์เข้าไปในโลกใบเล็กเหล่านี้ มันสามารถติดต่อกับเจตจำนงสวรรค์ของโลกภายนอกและทำงานร่วมกัน

ด้วยการเชื่อมต่อของเจตจำนงสวรรค์ พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดจึงลดลง แม้เจตจำนงสวรรค์จะไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของฟางหยวน มันยังสามารถสร้างความปั่นป่วนขึ้นรอบๆเพื่อกำจัดเขาอย่างไร้ปรานี

‘ประสบการณ์นำไปสู่การรู้แจ้ง! หรือบางทีข้อมูลของนิกายเงาอาจไม่สมบูรณ์ ข้าไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีก!’ ฟางหยวนคิดและเคลื่อนไหวทันที

เขากระโดดไปตามต้นไม้และเคลื่อนที่ออกห่างจากฝูงสัตว์อสูรเพื่อหลีกเลี่ยงกับดักของเจตจำนงสวรรค์

แต่มันช้าเกินไป

สัตว์อสูรบรรพกาลสองตัวและฝูงสัตว์อสูรที่ต่อสู้กันสร้างความปั่นป่วนขึ้นในวงกว้าง

คลื่นสัตว์อสูรฝูงหนึ่งพุ่งเข้ามาหาฟางหยวน

มันมีทั้งสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลที่กำลังบ้าคลั่ง

พวกมันอยู่ในสภาวะสูญเสียเหตุผลและใช้เพียงสัญชาตญาณการอยู่รอด

เสียงคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่การต่อสู้ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ฟางหยวนรู้สึกราวกับตนเองเป็นแผ่นไม้เล็กๆที่ลอยไปตามกระแสน้ำ

เขาไม่สามารถช่วยเหลือตนเองและทำได้เพียงเคลื่อนที่ไปพร้อมกับคลื่นสัตว์อสูรเท่านั้น

เขายังต้องปลอมตัวต่อไป หากตัวตนของเขาเปิดเผยออกมา เจตจำนงสวรรค์จะใช้คลื่นสัตว์อสูรกำจัดเขา เมื่อเวลานั้นมาถึง แม้เขาจะมีพลังงานอมตะอย่างไม่จำกัดและวิญญาณอมตะจำนวนมาก เขาก็ยังจะตกตายโดยปราศจากซากศพ

หลังจากทั้งหมดเขาเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก

แม้ฟางหยวนจะมีวิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์และวิญญาณทัศนคติรวมถึงท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคย แต่การปลอมตัวยังไม่เพียงพอ

พลังอำนาจของวิญญาณขีดจำกัดความมืดกำลังจะหมดลง เมื่อถึงจุดหนึ่ง ฟางหยวนจะถูกค้นพบโดยเจตจำนงสวรรค์

เมื่อตัวตนของเขาถูกเปิดเผย มันจะเป็นเวลาตายของเขา แต่เขาไม่สามารถซ่อนตัวได้ตลอดไป

ฟางหยวนรู้สึกถึงอันตรายขณะที่เขาไม่สามารถหาทางออกจากสถานการณ์

‘บางทีข้าอาจต้องรับความเสี่ยงเพื่อหาโอกาสอยู่รอด’ ฟางหยวนคิด

หากมีทางเลือกอื่น เขาจะไม่เลือกทางสายนี้

ตอนนี้เขาสามารถเพียงฝากความหวังไว้กับท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดและวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

แต่ที่นี่คือส่วนลึกของไท่ชิว

มีสัตว์อสูรเดียวดายอยู่ทุกหนทุกแห่ง สัตว์อสูรบรรพกาลก็มีจำนวนไม่น้อย เจตจำนงสวรรค์จะใช้พวกมันปิดกั้นเส้นทางของฟางหยวน

เป็นเพียงเวลานี้ที่คลื่นสัตว์อสูรเปลี่ยนทิศทางอย่างกะทันหัน ก่อนหน้านี้พวกมันเคลื่อนที่มาข้างหน้า แต่ตอนนี้พวกมันกลับแยกย้ายออกไปด้านข้าง

‘นี่!?’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

เขามองซากศพขนาดใหญ่โตที่อยู่ด้านหน้า มีเปลวเพลิงสีฟ้าลุกไหม้อยู่แต่กลับไม่มีความร้อน

ฟางหยวนรู้สึกถึงแรงกดดัน

นี่คือซากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด!

มันพึ่งตายและปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังออกมา กระทั่งคลื่นสัตว์อสูรยังต้องหลบเลี่ยง

‘โชคชะตาช่างเป็นสิ่งที่ลึกลับนัก เมื่อข้ายอมแพ้ ความหวังกลับพุ่งเข้ามาหา’ ฟางหยวนอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท