เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1084

ตอนที่ 1084

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1084 วางแผนต่อต้าน

แปลโดย iPAT

แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา ทวีปผมดำ

เสียงโห่ร้องดังขึ้น

ในการประลองรอบสุดท้ายเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดระหว่างผู้ใช้วิญญาณสองคน

ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนขณะที่อีกฝ่ายคือฟางเจิ้ง

เขาเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีจากเผ่ามนุษย์ขน

กระทั่งราชาผมดำก็ยังขมวดคิ้ว เขาไม่ต้องการเห็นผู้ชนะคนสุดท้ายเป็นผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์เพราะมันจะทำให้ทวีปผมดำถูกหัวเราะเยาะ

หากฟางเจิ้งชนะ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะทำให้ทวีปผมดำสูญเสียใบหน้า ดังนั้นราชาผมดำจึงได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้า

‘มันกำลังจะจบ’ ราชาผมดำรู้สึกมีความสุขเมื่อมองไปที่สนามประลอง

บนสนามประลอง ฟางหยวนรู้สึกมึนงงและกำลังจะล้มลงบนพื้น

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฟางเจิ้งรู้สึกตกใจและหวาดกลัว

จิตใต้สำนึกของเขาสั่งให้เขาผลักฝ่ามือออกไป

คลื่นน้ำพุ่งเข้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามที่เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับห้าเผ่ามนุษย์ขน

มนุษย์ขนตื่นตกใจและรีบกระโดดขึ้นด้านบนเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีของฟางเจิ้ง

ใต้เท้าของเขาเป็นเปลวเพลิงสองดวงที่ทำให้เขาสามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง

แต่นี่ก็ทำให้เขาสูญเสียโอกาสที่ดีที่สุดในการโจมตีศัตรู

ฟางเจิ้งค่อยๆฟื้นตัวแต่เขายังรู้สึกเวียนศีรษะและอยู่ในสภาพที่ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตามประสบการณ์ทำให้เขาสามารถปิดบังอาการเหล่านี้ ภายนอกเขาดูปกติมาก

คลื่นน้ำปรากฎขึ้นอย่างกะทันหันและกระจายหายไปอย่างรวดเร็ว

ผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์ขนไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบิน ดังนั้นเขาจึงรีบลงมาจากอากาศ

ทั้งสองฝ่ายกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง

‘ฟางเจิ้ง เจ้าถูกวางกับดักโดยบางคน ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใดแต่บางคนลอบฝังวิญญาณบางดวงไว้ในจิตวิญญาณของเจ้า’ เจตจำนงปลอมของฟางหยวนเปิดเผยความจริงต่อฟางเจิ้ง

‘นี่เป็นไปได้อย่างไร?’ ฟางเจิ้งตกใจและสับสน

เจตจำนงของฟางหยวนถอนหายใจ ‘นี่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ มันเชื่อมต่อกับราชาผมดำที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ดูเหมือนเขาจะวางแผนต่อต้านเจ้า’

“บัดซบ!” ฟางเจิ้งตะโกน เขาแสดงความโกรธและเกลียดชังออกมาอย่างเต็มที่

‘เกิดสิ่งใดขึ้น?’ ฝ่ายตรงข้ามสังเกตการแสดงออกของฟางเจิ้งและคิดว่าฟางเจิ้งกำลังเตรียมการโจมตีที่ทรงพลัง

เจตจำนงของฟางหยวนเย้ยหยัน ‘ตอนนี้เจ้าเชื่อข้าแล้วหรือยัง? ข้าบอกเจ้าแล้วว่าราชาผมดำจะไม่ปล่อยให้เจ้าได้รับชัยชนะโดยง่าย การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ แม้พวกเขาจะเอ่ยอ้างคุณธรรม แต่ผู้ที่คาดหวังความยุติธรรมอย่างเต็มที่มีเพียงคนโง่เท่านั้น’

ฟางเจิ้งกัดฟันแน่น เปลวเพลิงแห่งความโกรธแทบปะทุออกมาจากดวงตาของเขา ‘นี่ยิ่งทำให้ข้าต้องการชัยชนะมากขึ้น!’

‘เห้อ…เจ้ายังเด็กนัก น้องชายผู้โง่เขลาของข้า’ เจตจำนงของฟางหยวนถอนหายใจและตระหนักถึงความต้องการของฟางเจิ้ง

วิธีการตอบสนองที่ดีที่สุดในสถานการณ์นี้คือจงใจยอมแพ้และจบการต่อสู้ด้วยตำแหน่งอันดับที่สอง

ด้วยวิธีนี้ฟางเจิ้งจะไม่เหนื่อยกับการต่อสู้กับตัวตนระดับสูงของทวีปผมดำมากนักขณะที่ราชาผมดำจะสามารถยอมรับผลลัพธ์

ผลลัพธ์ดังกล่าวไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้ใช้วิญญาณจากทวีปผมดำแต่ยังแสดงให้เห็นถึงความใจกว้างของราชาผมดำในการส่งเสริมและยอมรับผู้ใช้วิญญาณเผ่ามนุษย์

อย่างไรก็ตามฟางเจิ้งกลับต้องการตำแหน่งชนะเลิศอันดับหนึ่ง นี่ไม่เพียงจะทำให้เขาพบกับความยากลำบาก แต่มันยังจะทำให้มนุษย์ขนคนอื่นๆกลายเป็นศัตรูกับเขา

อันดับหนึ่งหรืออันดับสอง มีสิ่งใดแตกต่าง?

ชัยชนะหรือพ่ายแพ้ มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดจริงๆงั้นหรือ?

แต่เจตจำนงของฟางหยวนกลับรู้สึกมีความสุขที่เห็นสิ่งนี้

ฟางเจิ้งมีอคติต่อเขา มีเพียงแรงกดดันจากภายนอกที่สามารถบังคับให้ฟางเจิ้งร่วมมือกับเขา และทางเลือกของฟางเจิ้งในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดการต่อต้าน เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อแผนการของฟางหยวน

ดังนั้นเจตจำนงของฟางหยวนจึงตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อให้ฟางเจิ้งสมความปรารถนา

เขากล่าว ‘ข้าเป็นเพียงเจตจำนง เจ้าสามารถกำจัดวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณในภายหลัง สำหรับตอนนี้จิตวิญญาณของเจ้าได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถใช้คางคกกลืนกินแม่น้ำ แต่กระทั่งเจ้าจะสูญเสียไพ่ตาย เจ้าก็ยังมีโอกาสชนะ เพียงฟังคำแนะนำของข้า!’

ฟางเจิ้งก่นเสียงเย้ยหยัน เขารู้สึกไม่พอใจ แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน เขาทำได้เพียงทำตามคำแนะนำของฟางหยวนเท่านั้น

ฟางเจิ้งอาจไม่รู้ แต่หลังจากวันนี้ส่วนลึกในจิตใจของเขาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว

เพียงเมื่อฟางหยวนออกจากหุบเขาเหล่าโป เจตจำนงปลอมของเขาก็บินกลับมาหาเขา

หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนจึงดึงมันกลับไป

ข้อมูลมากมายพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนราวกับคลื่นน้ำ

นั่นทำให้ฟางหยวนได้เรียนรู้เกี่ยวกับพัฒนาการของฟางเจิ้ง

“โอ้ ภายใต้การแนะนำจากเจตจำนงของข้า เขาสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามและได้รับอันดับหนึ่งในการประลองงั้นหรือ?”

“นั่นเป็นเรื่องที่ดี”

“แต่ด้วยวิธีนี้ เขาได้ทำให้ราชาผมดำสูญเสียใบหน้า ฮ่าฮ่า น่าสนใจ ชนะการประลองแต่กลับสูญเสียมากกว่า หลังจากนี้ชีวิตของเจ้าจะไม่สะดวกสบายอีกต่อไป น้องชายตัวน้อยของข้า!”

“แต่เรื่องนี้เป็นประโยชน์มากสำหรับแผนการของข้า”

“นอกจากนั้นข้าได้จัดเตรียมบางสิ่งไว้ให้เจ้าที่เมืองไหมเหล็ก”

ฟางหยวนนำเจตจำนงขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าออกมา

เจตจำนงที่อยู่กับฟางเจิ้งต้องใช้ความคิดและหดเล็กลง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องเติมเจตจำนงอยู่บ่อยครั้ง

ด้วยการชี้นิ้วออกไป วิญญาณระดับห้าหลายดวงและเจตจำนงปลอมของเขาพุ่งลงไปยังทวีปผมดำ

เมื่อพวกมันไปถึงเมืองหลวงของทวีปผมดำ พวกมันแยกออกเป็นสองส่วน

ส่วนหนึ่งบินไปยังเมืองหลวงของทวีปผมดำขณะที่อีกส่วนบินไปที่เมืองไหมเหล็ก

เจ้าเมืองไหมเหล็กเป็นมนุษย์ขนหญิงที่ชื่นชอบฟางเจิ้ง เจตจำนงของฟางหยวนลอบเข้าไปในจิตใจของนางอย่างเงียบๆ

มันเป็นเรื่องง่ายที่ผู้อมตะจะวางแผนบางอย่างกับผู้ใช้วิญญาณ

ปัจจุบันเจ้าเมืองหญิงกำลังจัดการเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของนาง นางไม่ตระหนักถึงเจตจำนงของฟางหยวนและยังไม่รู้สึกว่าหน้าท้องส่วนล่างของนางพองโตขึ้นเล็กน้อย

‘นี่คือไพ่ที่ข้าซ่อนไว้’ บนทวีปเมฆา ฟางหยวนหัวเราะ

การควบคุมโชคชะตาของมนุษย์ถือเป็นเรื่องปกติของผู้อมตะ

สาเหตุหลักเป็นเพราะความแข็งแกร่งของผู้อมตะที่เหนือกว่ามนุษย์ไปไกลมาก

‘มุมมองที่เปลี่ยนไปของฟางเจิ้งถือเป็นความสำเร็จเล็กน้อย ทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น แต่ตอนนี้ข้ายังไม่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเทพโลหิตที่สมบูรณ์’

‘ปัญหายังเป็นวิญญาณสติปัญญา’

หลายวันผ่านไปตั้งแต่ฟางหยวนเก็บผลไม้ธารแสงไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ฟางหยวนรู้สึกถึงข้อเสียของการไม่สามารถใช้งานแสงแห่งปัญญามากขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตามปัญหาเกี่ยวกับร่างผีดิบอมตะของเขายังต้องใช้เวลาแก้ไข

ฟางหยวนไตร่ตรองมาอย่างรอบคอบ ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเขาด้อยกว่านิกายเงามาก ทางออกของเขาคือการยกระดับจิตวิญญาณ

หากจิตวิญญาณของเขาบรรลุระดับที่ใกล้เคียงกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ กับดับบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่อยู่ในร่างผีดิบอมตะจะไม่ส่งผลกระทบต่อเขา

เป็นธรรมชาติที่การบ่มเพาะจิตวิญญาณให้บรรลุระดับที่น่าสะพรึงกลัวเช่นเทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นเรื่องของอนาคตอันยาวไกล แต่ร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนถูกจัดการโดยอิงอู๋เซี่ยที่เป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณเท่านั้น แน่นอนว่าร่างแยกไม่สามารถเปรียบเทียบกับร่างหลัก

ดังนั้นหลายวันที่ผ่านมานอกจากฟางหยวนจะใช้เวลาจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิและให้คำแนะนำผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อสะสมแต้มผลงาน เขายังใช้เวลาอยู่ในหุบเขาเหล่าโปและดูดซับวิญญาณความเด็ดเดี่ยวอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับจิตวิญญาณ

ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ

ภายในเวลาไม่ถึงสิบวัน จิตวิญญาณของฟางหยวนก็พัฒนาขึ้นอย่างมาก

แต่ฟางหยวนยังไม่มั่นใจและไม่กล้าทดสอบกับดักที่ซ่อนอยู่ในร่างผีดิบอมตะของเขา

อีกหลายวันผ่านไปเมื่อฟางหยวนออกจากหุบเขาเหล่าโป วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงหนึ่งบินเข้ามาหาเขา

ฟางหยวนอ่านข้อมูลที่อยู่ภายในและตระหนักว่าจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีเรื่องสำคัญที่ต้องการหารือกับเขา

ฟางหยวนมีความสุขทันที เขารอการติดต่อจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามาตลอด

เขารีบเดินทางไปพบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่เมืองเมฆาที่หนึ่งในรูปลักษณ์ของมนุษย์ขน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต้อนรับ “เจ้ามาถึงแล้ว มานั่งลงก่อน”

เมื่อฟางหยวนนั่งลง จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงเปิดปากกล่าว “ข้าพิจารณาข้อเสนอของเจ้าแล้วและรู้สึกว่ามันค่อนข้างสมเหตุสมผล แต่การเลือกโลกใต้บาดาลยังไม่เหมาะสมนัก เจ้าอาจไม่รู้ แต่ปัจจุบันโลกใต้บาดาลค่อนข้างวุ่นวาย ผู้อมตะภาคเหนือทั้งฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจ และกระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษต่างอยู่ที่นั่น”

ฟางหยวนแสดงออกด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยและจงใจถาม “เป็นเพราะเหตุใด?”

“เนื่องจากการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียนทำให้กองกำลังพันธมิตรผีดิบของแต่ละภูมิภาคกลายเป็นความว่างเปล่า สมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบแห่งภาคเหนือหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย นี่ทำให้เกิดข้อสงสัย ผู้คนคาดเดาว่าสมาชิกของกองกำลังพันธมิตรผีดิบอาจเสียชีวิตทั้งหมดแล้ว ดังนั้นผู้อมตะจำนวนมากจึงเริ่มเข้ายึดครองทรัพยากรของพวกเขารวมถึงโลกใต้บาดาล ตามข่าวลือผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของฝ่ายธรรมะอนุมานว่าเมืองคลื่นทมิฬจมลงสู่โลกใต้บาดาลและสูญหายไป” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาตอบ

“เป็นเช่นนั้น” ฟางหยวนพยักหน้ารับทราบ “เมื่อเป็นเช่นนี้โลกใต้บาดาลก็ไม่ปลอดภัย ดูเหมือนคำแนะนำของข้าก่อนหน้านี้จะไม่สามารถใช้งานได้”

แต่ในใจเขากลับคิด ‘ดูเหมือนนิกายเงาจะทิ้งมาตรการป้องกันบางอย่างเอาไว้ เนื่องจากนิกายเงาสามารถซ่อนเมืองคลื่นทมิฬ ความพยายามของผู้อมตะภาคเหนืออาจกลายเป็นไร้ประโยชน์’

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวต่อ “สถานการณ์ของโลกใต้บาดาลค่อนข้างซับซ้อน เราไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้อเสนอของเจ้ายังสามารถใช้ได้ ข้าตัดสินใจที่จะนำมาใช้ นอกจากนั้นสถานที่ที่ข้าเลือกก็คือหนึ่งในสิบเขตต้องห้ามของภาคเหนือ”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาชี้นิ้วไปที่แผนที่

สายตาของฟางหยวนมองตามการชี้นำของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

มันอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกองกำลังเผ่ากวงและทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกองกำลังเผ่าหลิว

การแสดงออกของฟางหยวนไม่เปลี่ยนแต่เขาลอบยินดีอยู่ภายใน ‘เป็นที่นั่น!’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท