เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1081 ฟางหยวนช่วยวางแผน
แปลโดย iPAT
กระทิงเกาลัดที่ถูกโจมตีโดยอุ้งเท้าของฟางหยวนไม่กล้าปีนขึ้นจากปล่อยภูเขาไฟ
ไม่ว่าผมที่สิบสองจะเรียกมันอย่างไร มันก็ไม่กล้าต่อสู้อีกครั้ง
‘สัตว์อสูรเดียวดายอ่อนแอ ผู้อมตะไร้ประโยชน์’ ฟางหยวนส่ายศีรษะก่อนจะยกเลิกท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นหมีบิน
ครู่ต่อมาฟางหยวนจึงกลับสู่ร่างมนุษย์ดังเดิม
“ข้าพ่ายแพ้อีกครั้ง พี่ฟางช่างน่าอัศจรรย์นัก!” ผมที่สิบสองพยายามมาอย่างยาวนานและยังไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงป้องหมัดขึ้นและยอมรับความพ่ายแพ้
เขากับฟางหยวนฝึกซ้อมกันมาหลายครั้ง
แรกเริ่มเขาไม่ยอมแพ้และยังดื้อรั้น แต่หลังจากล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกว่าความพ่ายแพ้ก็เป็นเรื่องปกติ
“น้องสิบสอง เจ้าควรฝึกท่าไม้ตายอมตะของเจ้าให้มากขึ้น กระทิงเกาลัดตัวนี้อ่อนแอและขี้ขลาด มันจะดีกว่าหากเจ้าเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรเดียวดายชนิดอื่น” ฟางหยวนแนะนำ
ผมที่สิบสองพยักหน้าและถอนหายใจ “นี่คือทั้งหมดที่ข้ามี ตอนนี้สวรรค์สีเหลืองปิด นอกจากนั้นข้ายังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซี้อสัตว์อสูรเดียวดายด้วยตนเอง นี่เป็นกฎที่สร้างขึ้นหลังจากก่อตั้งนิกายหลางหยา เห้อ…วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรไม่ใช่ของข้า ข้าต้องจ่ายค่าเช่า ดูเหมือนตอนนี้ข้าต้องกลับไปหลอมรวมวิญญาณและขายพวกมันเพื่อหารายได้”
“เอาล่ะ แล้วพบกันใหม่” ฟางหยวนพยักหน้าและกล่าวลา
ผมที่สิบสองเก็บกระทิงเกาลัดและเร่งจากไป
‘ดี ข้าได้รับแต้มผลงานอีกยี่สิบแต้มจากนิกายหลางหยา’ ฟางหยวนมองผมที่สิบสองและรู้สึกมีความสุข
ไม่กี่วันที่ผ่านมา ฟางหยวนไม่เพียงสั่งสอนผมที่สิบสองแต่เขายังให้คำแนะนำผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆ
แม้ธุรกรรมระว่างฟางหยวนกับผมที่หกจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ผมที่หกยังมาเยี่ยมฟางหยวนอยู่หลายครั้ง
ฟางหยวนเข้าร่วมนิกายหลางหยาและกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอก แต่มันยังมีกำแพงกีดขวางระหว่างเขากับกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน
หลังจากทั้งหมดเขาเป็นมนุษย์ขณะที่คนอื่นๆเป็นมนุษย์ขนที่ถูกกดขี่โดยมนุษย์
ฟางหยวนอาจอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขาแต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนยังไม่ไว้วางใจเขามากนัก
เหตุใดผมที่หกจึงมาหาฟางหยวน? เรื่องนี้จะกระตุ้นความสงสัยของคนอื่นๆ
คำตอบก็คือเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องนี้ หลังจากทำธุรกรรม ผมที่หกบอกกับคนอื่นๆว่าเขามาขอคำแนะนำจากฟางหยวนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ให้กับตนเอง
เนื่องจากการบุกโจมตีอย่างกะทันหันก่อนหน้านี้ของศัตรูตลอดถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ผมที่หกรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงมาหาฟางหยวนเพื่อขอคำชี้แนะ
เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ผมที่หกประลองกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆและสามารถเอาชนะพวกเขาทั้งหมด
ผมที่หกเป็นสายลับและหนึ่งในร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขามีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เพียงแสดงความสามารถเล็กๆน้อยๆออกมา เขาก็สามารถเอาชนะผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้อย่างง่ายดาย
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน เมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้ยินเรื่องนี้และยืนยันการกระทำของผมที่หกต่อหน้าทุกคน เขายังสนับสนุนให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆขอคำแนะนำจากฟางหยวนเช่นกัน
ดังนั้นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆจึงเริ่มมาหาฟางหยวนเพื่อขอคำชี้แนะ
ฟางหยวนตระหนักถึงความตั้งใจของผมที่หกและต้อนรับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆอย่างอบอุ่น
เพราะเรื่องนี้ไม่มีอันตรายและยังทำให้เขาได้รับแต้มผลงานของนิกายหยางหยาอีกด้วย
ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้ภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาเพื่อทำข้อตกลงกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
แต่จากนี้ไปแต้มผลงานของนิกายหลางหยาจะเป็นตัวช่วยของเขา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสุขกับเรื่องนี้เช่นกัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาฟางหยวนให้คำแนะนำกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลายคนและได้รับการตอบรับที่ดีมาก
แม้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจะไม่มีความก้าวหน้าแต่พวกเขาก็ไม่ตำหนิฟางหยวนเพราะตระหนักว่าความผิดพลาดเกิดจากตัวของพวกเขาเอง
ด้านหนึ่ง ผมที่หกทำตัวเป็นแบบอย่าง ขณะที่อีกด้าน ฟางหยวนใช้ทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้และทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกประทับใจต่อฟางหยวนอย่างรวดเร็ว
ฟางหยวนคำนวณ ‘ตอนนี้แต้มผลงานของข้ามีมากกว่าหนึ่งร้อยสี่สิบ มันค่อนข้างมาก’
ทุกครั้งที่ฟางหยวนให้คำแนะนำ เขาจะได้รับแต้มผลงานจากนิกายหลางหยายี่สิบแต้ม
ก่อนหน้านี้ด้วยการให้ยืมภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และทรัพยากรอื่นๆ เขาได้รับแต้มผลงานเพียงสามร้อยแต้มเท่านั้น
‘หนึ่งร้อยสี่สิบแต้มผลงานสามารถแลกเปลี่ยนผลไม้ธารแสง’ คิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนเดินทางไปยังเมืองเมฆาที่หนึ่งทันที
ในเมืองเมฆาที่หนึ่ง เขาพบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่นี่
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายกย่องฟางหยวน “สมกับเป็นวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์! ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่เจ้าแปลงกายไร้ข้อบกพร่องเว้นเพียงข้าจะใช้วิญญาณอมตะสายตรวจสอบ”
ฟางหยวนเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นมนุษย์ขน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นคือสร้างความประทับใจให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผู้นี้ต้องการปกครองโลก เมื่อเขาเห็นการปรากฏตัวของฟางหยวน มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุขและยกย่องวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่น “การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่สมบูรณ์ แม้ข้าจะมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ข้ายังขาดวิญญาณอมตะนิรันดร มิฉะนั้นข้าจะสามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนที่สมบูรณ์แบบและกลายเป็นสมาชิกที่แท้จริงของนิกายหลางหยา! ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ท่านอาจไม่รู้ แต่หลายวันมานี้ข้าได้ติดต่อกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนและรู้สึกประทับใจมาก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ไม่สามารถไว้ใจ แต่มนุษย์ขนเป็นคนจริงใจ ตรงไปตรงมา และทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่นราวกับได้กลับบ้าน ข้าแทบไม่สามารถรอคอยที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่อย่างสมบูรณ์แบบ”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะและตบไหล่ฟางหยวน “ฟางหยวน การตระหนักรู้ของเจ้าเป็นสิ่งที่ดี ดีมาก!”
หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้ว่าฟางหยวนลอบทำธุรกรรมกับนิกายเงาเมื่อหลายวันก่อน เขาอาจจะต้องการฉีกร่างของสหายที่ร้ายกาจผู้นี้ออกเป็นชิ้นๆ
แต่น่าสงสารที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่รู้สิ่งใดเลย
“ข้าเห็นการกระทำของเจ้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เจ้าแนะนำเด็กเหล่านี้ได้ดีและสามารถยกระดับพลังการต่อสู้ของพวกเขาโดยเฉพาะผมที่หก! ข้ายังได้ยินเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับเจ้าจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกมากมาย อา…ครั้งนี้เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด?”
“ข้าต้องการใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยนกับผลไม้ธารแสง” ฟางหยวนตอบ
“เรื่องเล็ก! ตราบเท่าที่แต้มผลงานของเจ้าเพียงพอ เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนผลไม้ธารแสงได้อย่างไม่มีปัญหา” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสะบัดมือกล่าว
ฟางหยวนลังเล “ข้ามีความคิดเห็นเล็กน้อยเกี่ยวกับการพัฒนานิกายหลางหยา ไม่ทราบว่าข้าควรกล่าวหรือไม่?”
“พูดมา ข้ากำลังฟังอยู่” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเผยรอยยิ้ม
ฟางหยวนกล่าว “หลายวันที่ฝึกซ้อมกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ข้าค้นพบบางสิ่ง ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงอย่างเร่งด่วน แต่วิธีการดูแลพวกเขาคือปัญหา เพราะพวกเขาส่วนใหญ่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แม้เส้นทางแห่งการหลอมรวมจะมีวิธีการต่อสู้เช่นกัน แต่มันยังด้อยกว่าเส้นทางสายอื่น”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพยักหน้า คำกล่าวของฟางหยวนพุ่งไปที่แก่นแท้ของปัญหา ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่เป็นสิ่งที่ข้ากังวลเช่นกัน”
ฟางหยวนกล่าวต่อ “แท้จริงแล้วมีวิธีที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ให้กับพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง”
“เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง?”
ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “ท่ามกลางเส้นทางแห่งการบ่มเพาะทั้งหมด เส้นทางที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้รวดเร็วที่สุดคือเส้นทางแห่งเลือด แต่เส้นทางแห่งเลือดอันตรายเกินไป ชื่อเสียงที่ชั่วร้ายของมันยังทำให้ทุกคนเกลียดชัง ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดจะถูกตัดสินว่าเป็นปีศาจโดยวังสวรรค์ นั่นจะทำให้เราพบความยากลำบาก ดังนั้นเส้นทางแห่งเลือดจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี”
จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเห็นด้วยกับเรื่องนี้ หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด มันอาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในนิกายหลางหยา
ฟางหยวนกล่าวต่อด้วยความมั่นใจ “นอกจากเส้นทางแห่งเลือด เส้นทางที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้เร็วที่สุดคือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ข้อจำกัดในการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงต่ำมาก การใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า การเปลี่ยนร่างก็คือท่าไม้ตายอมตะ ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางสายนี้ยังถูกพัฒนามานานหลายปีและมีข้อบกพร่องน้อยมาก”
“ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจำนวนมาก หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนฝึกฝนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเป็นเส้นทางหลักและฝึกเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเส้นทางรอง มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งและปิดจุดอ่อนให้กับพวกเขา”
“ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ขาดประสบการณ์ไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ภายในเวลาไม่กี่วัน อย่างไรก็ตามหากพวกเขาเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูร ร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น กระทั่งพวกเขาจะทำพลาดระหว่างการต่อสู้ มันก็ไม่เป็นปัญหามากนัก พวกเขายังสามารถตอบโต้ มันไม่เหมือนเส้นทางสายอื่นเช่นเส้นทางแห่งไฟหรือเส้นทางแห่งวารีที่ร่างกายเป็นจุดอ่อน โดยปราศจากวิธีป้องกันตัว มันเป็นเรื่องอันตรายมากในสนามรบ”
“เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องง่ายที่จะพัฒนาและง่ายที่จะได้รับ ดังนั้นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะหลอมรวม”
“ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสามารถเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรเพื่อต่อสู้ มันยังทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น นิกายหลางหยามีรากฐานที่แข็งแกร่ง ตอนนี้ห้าภูมิภาคยังถูกปกครองโดยมนุษย์ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถพัฒนาแม้จะเพียงเล็กน้อย เราก็ควรทำให้ดีที่สุด”