เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1081

ตอนที่ 1081

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1081 ฟางหยวนช่วยวางแผน

แปลโดย iPAT

กระทิงเกาลัดที่ถูกโจมตีโดยอุ้งเท้าของฟางหยวนไม่กล้าปีนขึ้นจากปล่อยภูเขาไฟ

ไม่ว่าผมที่สิบสองจะเรียกมันอย่างไร มันก็ไม่กล้าต่อสู้อีกครั้ง

‘สัตว์อสูรเดียวดายอ่อนแอ ผู้อมตะไร้ประโยชน์’ ฟางหยวนส่ายศีรษะก่อนจะยกเลิกท่าไม้ตายอมตะเปลี่ยนเป็นหมีบิน

ครู่ต่อมาฟางหยวนจึงกลับสู่ร่างมนุษย์ดังเดิม

“ข้าพ่ายแพ้อีกครั้ง พี่ฟางช่างน่าอัศจรรย์นัก!” ผมที่สิบสองพยายามมาอย่างยาวนานและยังไม่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงป้องหมัดขึ้นและยอมรับความพ่ายแพ้

เขากับฟางหยวนฝึกซ้อมกันมาหลายครั้ง

แรกเริ่มเขาไม่ยอมแพ้และยังดื้อรั้น แต่หลังจากล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง เขารู้สึกว่าความพ่ายแพ้ก็เป็นเรื่องปกติ

“น้องสิบสอง เจ้าควรฝึกท่าไม้ตายอมตะของเจ้าให้มากขึ้น กระทิงเกาลัดตัวนี้อ่อนแอและขี้ขลาด มันจะดีกว่าหากเจ้าเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรเดียวดายชนิดอื่น” ฟางหยวนแนะนำ

ผมที่สิบสองพยักหน้าและถอนหายใจ “นี่คือทั้งหมดที่ข้ามี ตอนนี้สวรรค์สีเหลืองปิด นอกจากนั้นข้ายังต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการซี้อสัตว์อสูรเดียวดายด้วยตนเอง นี่เป็นกฎที่สร้างขึ้นหลังจากก่อตั้งนิกายหลางหยา เห้อ…วิญญาณอมตะทาสสัตว์อสูรไม่ใช่ของข้า ข้าต้องจ่ายค่าเช่า ดูเหมือนตอนนี้ข้าต้องกลับไปหลอมรวมวิญญาณและขายพวกมันเพื่อหารายได้”

“เอาล่ะ แล้วพบกันใหม่” ฟางหยวนพยักหน้าและกล่าวลา

ผมที่สิบสองเก็บกระทิงเกาลัดและเร่งจากไป

‘ดี ข้าได้รับแต้มผลงานอีกยี่สิบแต้มจากนิกายหลางหยา’ ฟางหยวนมองผมที่สิบสองและรู้สึกมีความสุข

ไม่กี่วันที่ผ่านมา ฟางหยวนไม่เพียงสั่งสอนผมที่สิบสองแต่เขายังให้คำแนะนำผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆ

แม้ธุรกรรมระว่างฟางหยวนกับผมที่หกจะเสร็จสิ้นแล้ว แต่ผมที่หกยังมาเยี่ยมฟางหยวนอยู่หลายครั้ง

ฟางหยวนเข้าร่วมนิกายหลางหยาและกลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดนอก แต่มันยังมีกำแพงกีดขวางระหว่างเขากับกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน

หลังจากทั้งหมดเขาเป็นมนุษย์ขณะที่คนอื่นๆเป็นมนุษย์ขนที่ถูกกดขี่โดยมนุษย์

ฟางหยวนอาจอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขาแต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนยังไม่ไว้วางใจเขามากนัก

เหตุใดผมที่หกจึงมาหาฟางหยวน? เรื่องนี้จะกระตุ้นความสงสัยของคนอื่นๆ

คำตอบก็คือเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องนี้ หลังจากทำธุรกรรม ผมที่หกบอกกับคนอื่นๆว่าเขามาขอคำแนะนำจากฟางหยวนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ให้กับตนเอง

เนื่องจากการบุกโจมตีอย่างกะทันหันก่อนหน้านี้ของศัตรูตลอดถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ผมที่หกรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจึงมาหาฟางหยวนเพื่อขอคำชี้แนะ

เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ผมที่หกประลองกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆและสามารถเอาชนะพวกเขาทั้งหมด

ผมที่หกเป็นสายลับและหนึ่งในร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขามีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม เพียงแสดงความสามารถเล็กๆน้อยๆออกมา เขาก็สามารถเอาชนะผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้อย่างง่ายดาย

เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน เมื่อจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้ยินเรื่องนี้และยืนยันการกระทำของผมที่หกต่อหน้าทุกคน เขายังสนับสนุนให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆขอคำแนะนำจากฟางหยวนเช่นกัน

ดังนั้นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆจึงเริ่มมาหาฟางหยวนเพื่อขอคำชี้แนะ

ฟางหยวนตระหนักถึงความตั้งใจของผมที่หกและต้อนรับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆอย่างอบอุ่น

เพราะเรื่องนี้ไม่มีอันตรายและยังทำให้เขาได้รับแต้มผลงานของนิกายหยางหยาอีกด้วย

ก่อนหน้านี้เขาต้องใช้ภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และวิญญาณสติปัญญาเพื่อทำข้อตกลงกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

แต่จากนี้ไปแต้มผลงานของนิกายหลางหยาจะเป็นตัวช่วยของเขา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีความสุขกับเรื่องนี้เช่นกัน

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาฟางหยวนให้คำแนะนำกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหลายคนและได้รับการตอบรับที่ดีมาก

แม้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจะไม่มีความก้าวหน้าแต่พวกเขาก็ไม่ตำหนิฟางหยวนเพราะตระหนักว่าความผิดพลาดเกิดจากตัวของพวกเขาเอง

ด้านหนึ่ง ผมที่หกทำตัวเป็นแบบอย่าง ขณะที่อีกด้าน ฟางหยวนใช้ทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยมสร้างสายสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้และทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกประทับใจต่อฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนคำนวณ ‘ตอนนี้แต้มผลงานของข้ามีมากกว่าหนึ่งร้อยสี่สิบ มันค่อนข้างมาก’

ทุกครั้งที่ฟางหยวนให้คำแนะนำ เขาจะได้รับแต้มผลงานจากนิกายหลางหยายี่สิบแต้ม

ก่อนหน้านี้ด้วยการให้ยืมภูเขาตงฮัน หุบเขาเหล่าโป และทรัพยากรอื่นๆ เขาได้รับแต้มผลงานเพียงสามร้อยแต้มเท่านั้น

‘หนึ่งร้อยสี่สิบแต้มผลงานสามารถแลกเปลี่ยนผลไม้ธารแสง’ คิดถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนเดินทางไปยังเมืองเมฆาที่หนึ่งทันที

ในเมืองเมฆาที่หนึ่ง เขาพบจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาที่นี่

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายกย่องฟางหยวน “สมกับเป็นวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์! ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่เจ้าแปลงกายไร้ข้อบกพร่องเว้นเพียงข้าจะใช้วิญญาณอมตะสายตรวจสอบ”

ฟางหยวนเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นมนุษย์ขน เป้าหมายของเขาชัดเจนมาก นั่นคือสร้างความประทับใจให้กับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผู้นี้ต้องการปกครองโลก เมื่อเขาเห็นการปรากฏตัวของฟางหยวน มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุขและยกย่องวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์

อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงขมขื่น “การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่สมบูรณ์ แม้ข้าจะมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่ข้ายังขาดวิญญาณอมตะนิรันดร มิฉะนั้นข้าจะสามารถเปลี่ยนเป็นมนุษย์ขนที่สมบูรณ์แบบและกลายเป็นสมาชิกที่แท้จริงของนิกายหลางหยา! ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง ท่านอาจไม่รู้ แต่หลายวันมานี้ข้าได้ติดต่อกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนและรู้สึกประทับใจมาก ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ไม่สามารถไว้ใจ แต่มนุษย์ขนเป็นคนจริงใจ ตรงไปตรงมา และทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่นราวกับได้กลับบ้าน ข้าแทบไม่สามารถรอคอยที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่อย่างสมบูรณ์แบบ”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหัวเราะและตบไหล่ฟางหยวน “ฟางหยวน การตระหนักรู้ของเจ้าเป็นสิ่งที่ดี ดีมาก!”

หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้ว่าฟางหยวนลอบทำธุรกรรมกับนิกายเงาเมื่อหลายวันก่อน เขาอาจจะต้องการฉีกร่างของสหายที่ร้ายกาจผู้นี้ออกเป็นชิ้นๆ

แต่น่าสงสารที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่รู้สิ่งใดเลย

“ข้าเห็นการกระทำของเจ้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เจ้าแนะนำเด็กเหล่านี้ได้ดีและสามารถยกระดับพลังการต่อสู้ของพวกเขาโดยเฉพาะผมที่หก! ข้ายังได้ยินเรื่องราวดีๆเกี่ยวกับเจ้าจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกมากมาย อา…ครั้งนี้เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด?”

“ข้าต้องการใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยนกับผลไม้ธารแสง” ฟางหยวนตอบ

“เรื่องเล็ก! ตราบเท่าที่แต้มผลงานของเจ้าเพียงพอ เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนผลไม้ธารแสงได้อย่างไม่มีปัญหา” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสะบัดมือกล่าว

ฟางหยวนลังเล “ข้ามีความคิดเห็นเล็กน้อยเกี่ยวกับการพัฒนานิกายหลางหยา ไม่ทราบว่าข้าควรกล่าวหรือไม่?”

“พูดมา ข้ากำลังฟังอยู่” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเผยรอยยิ้ม

ฟางหยวนกล่าว “หลายวันที่ฝึกซ้อมกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ข้าค้นพบบางสิ่ง ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของพวกเขาจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงอย่างเร่งด่วน แต่วิธีการดูแลพวกเขาคือปัญหา เพราะพวกเขาส่วนใหญ่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม แม้เส้นทางแห่งการหลอมรวมจะมีวิธีการต่อสู้เช่นกัน แต่มันยังด้อยกว่าเส้นทางสายอื่น”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาพยักหน้า คำกล่าวของฟางหยวนพุ่งไปที่แก่นแท้ของปัญหา ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจึงต้องถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “นี่เป็นสิ่งที่ข้ากังวลเช่นกัน”

ฟางหยวนกล่าวต่อ “แท้จริงแล้วมีวิธีที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ให้กับพวกเขาได้อย่างรวดเร็ว นั่นคือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง”

“เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง?”

ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “ท่ามกลางเส้นทางแห่งการบ่มเพาะทั้งหมด เส้นทางที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้รวดเร็วที่สุดคือเส้นทางแห่งเลือด แต่เส้นทางแห่งเลือดอันตรายเกินไป ชื่อเสียงที่ชั่วร้ายของมันยังทำให้ทุกคนเกลียดชัง ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือดจะถูกตัดสินว่าเป็นปีศาจโดยวังสวรรค์ นั่นจะทำให้เราพบความยากลำบาก ดังนั้นเส้นทางแห่งเลือดจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเห็นด้วยกับเรื่องนี้ หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งเลือด มันอาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในนิกายหลางหยา

ฟางหยวนกล่าวต่อด้วยความมั่นใจ “นอกจากเส้นทางแห่งเลือด เส้นทางที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้ได้เร็วที่สุดคือเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง ข้อจำกัดในการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงต่ำมาก การใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงก็ไม่ต้องมีการวางแผนล่วงหน้า การเปลี่ยนร่างก็คือท่าไม้ตายอมตะ ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางสายนี้ยังถูกพัฒนามานานหลายปีและมีข้อบกพร่องน้อยมาก”

“ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจำนวนมาก หากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนฝึกฝนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเป็นเส้นทางหลักและฝึกเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเส้นทางรอง มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งและปิดจุดอ่อนให้กับพวกเขา”

“ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ขาดประสบการณ์ไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ภายในเวลาไม่กี่วัน อย่างไรก็ตามหากพวกเขาเปลี่ยนร่างเป็นสัตว์อสูร ร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น กระทั่งพวกเขาจะทำพลาดระหว่างการต่อสู้ มันก็ไม่เป็นปัญหามากนัก พวกเขายังสามารถตอบโต้ มันไม่เหมือนเส้นทางสายอื่นเช่นเส้นทางแห่งไฟหรือเส้นทางแห่งวารีที่ร่างกายเป็นจุดอ่อน โดยปราศจากวิธีป้องกันตัว มันเป็นเรื่องอันตรายมากในสนามรบ”

“เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องง่ายที่จะพัฒนาและง่ายที่จะได้รับ ดังนั้นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะหลอมรวม”

“ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนสามารถเปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรเพื่อต่อสู้ มันยังทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น นิกายหลางหยามีรากฐานที่แข็งแกร่ง ตอนนี้ห้าภูมิภาคยังถูกปกครองโดยมนุษย์ ตราบเท่าที่พวกเราสามารถพัฒนาแม้จะเพียงเล็กน้อย เราก็ควรทำให้ดีที่สุด”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท