เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1080

ตอนที่ 1080

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1079 กลับคืนสู่เจ้าของ

แปลโดย iPAT

อิงอู๋เซี่ยเปิดเปลือกตาขึ้นและมองเห็นภาพเหตุการณ์ปรากฏบนพื้นผิวของบ่อน้ำวิญญาณ

เขาเห็นผมที่หกคุกเข่าลงข้างหนึ่งและแสดงออกด้วยความรู้สึกผิด “นายท่าน ข้าทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ เมื่อฟางหยวนเผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ข้าไม่ได้ใช้…”

“ผมที่หก เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า กล่าวไปแล้วเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้าใช้ไพ่ตายเพิ่มโชคให้กับตนเอง นั่นทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์จากมันเช่นกัน” อิงอู๋เซี่ยส่งข้อความเสียงเข้าสู่จิตใจของผมที่หกโดยตรง

นี่คือวิธีการสื่อสารของนิกายเงา มันเป็นวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่มีประสิทธิภาพสูงมาก

ทั้งสองอยู่ต่างภูมิภาคและถูกกีดขวางโดยกำแพงพลังงาน นอกจากนี้ผมที่หกยังอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแต่พวกเขายังสามารถสื่อสารและสามารถหลีกเลี่ยงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

ตอนนี้อิงอู๋เซี่ยไม่ได้อยู่ในร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนอีกต่อไป เขาอยู่ในร่างของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งอีกตน

แต่ร่างนี้ค่อนข้างแก่ชรา มิติช่องว่างของเขาแตกสลายไปแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่สะดวกที่อิงอู๋เซี่ยจะใช้วิญญาณ อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นวิญญาณระดับมนุษย์หรือวิญญาณอมตะ พวกมันสามารถอาศัยอยู่บนร่างกายของผู้อมตะไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง เส้นผม โลหิต กระดูก หรือส่วนอื่นๆ แต่การจัดเก็บในรูปแบบนี้มีความเสี่ยงเพราะกลิ่นอายของพวกมันจะรั่วไหลออกมาทำให้ศัตรูสามารถตรวจสอบ นอกจากนั้นหากร่างกายถูกทำลาย วิญญาณที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นก็จะถูกทำลายไปพร้อมกัน

หลังจากทั้งหมดวิญญาณเป็นสิ่งที่เปราะบางมาก

อิงอู๋เซี่ยพบความสูญเสียครั้งใหญ่ในการทำธุรกรรมกับฟางหยวนแต่การแสดงออกของเขายังสงบมาก

เขาให้กำลังใจผมที่หก “ครั้งนี้เจ้าทำงานได้ดีมาก เจ้าแสดงจุดอ่อนให้ฟางหยวนเห็นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เราสามารถทำธุรกรรมที่ดีที่สุดโดยเฉพาะตอนจบที่เจ้าแสร้งเป็นลมหมดสติ หากปราศจากความพยายามของเจ้า เราอาจไม่ได้รับทรัพยากรอมตะเหล่านี้”

ผมที่หกถอนหายใจ “ข้าตั้งใจเป็นลมเพื่อตรวจสอบฟางหยวน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ”

“ตั้งแต่เขารู้เบื้องหลังของพวกเรา เขาย่อมระวังตัวมากขึ้น นอกจากนั้นพวกเรายังสามารถทำธุรกรรมหลายครั้ง ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายจับมือกัน เขาย่อมกังวลว่าพวกเราจะรายงานเรื่องของเขากับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา” อิงอู๋เซี่ยตอบ

แม้อิงอู๋เซี่ยจะรู้สึกโศกเศร้ากับความสูญเสียแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำธุรกรรมกับฟางหยวนเท่านั้น

ก่อนทำธุรกรรมนี้เขาได้เตรียมใจมาเพียงพอแล้ว

รายการทรัพยากรอมตะที่อิงอู๋เซี่ยให้ฟางหยวนดูเป็นสิ่งที่มากกว่าความต้องการของเขา

กล่าวโดยสรุป เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว

ตอนนี้เขามีโอกาสแก้ไขสถานการณ์ ตราบเท่าที่เขาผ่านอุปสรรคนี้ เขาสามารถจัดการเรื่องต่างๆได้ในอนาคต

“วิญญาณอมตะดวงอื่นไม่สำคัญแต่ฟางหยวนไม่เพียงได้รับร่างเดิม เขายังได้รับวิญญาณกาลเวลา! ตอนนี้เขามีรากฐานที่แข็งแกร่งมาก!” ผมที่หกรู้สึกกังวล

อิงอู๋เซี่ยเย้ยหยัน “กระทั่งฟางยหวนจะได้รับร่างเดิมกลับคืน แล้วเขาจะกล้าใช้มันงั้นหรือ? วิญญาณกาลเวลาไม่มีปัญหา มันถูกผนึกเอาไว้นานแล้ว แม้ฟางหยวนจะสามารถแก้ปัญหานี้ แต่เขาจะพบกับความล้มเหลวหากกระตุ้นใช้งานวิญญาณกาลเวลาที่เต็มไปด้วยเจตจำนงสวรรค์ มันยังอีกนานที่เขาจะสามารถใช้มันได้อีกครั้ง นอกจากนั้นผู้อมตะวังสวรรค์ก็เตรียมตัวรับมือเรื่องนี้เอาไว้แล้ว”

ผมที่หกตะลึง มันกลายเป็นว่าเขากังวลมากเกินไป

เขาพยักหน้า “นายท่านกล่าวได้ถูกต้อง”

อิงอู๋เซี่ยถอนหายใจยาว “เจ้าจงจับตามองฟางหยวนต่อไป ตัวตนของเจ้าถูกเปิดเผยแล้ว แต่ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใดกับเจ้า มันไม่เป็นไรหากพวกเราไม่สามารถกำหราบเขา ตอนนี้เขามีวิญญาณอมตะจำนวนมาก เขาต้องแบกรับภาระที่ยิ่งใหญ่ นอกจากนั้นภัยพิบัติที่เขาต้องเผชิญก็จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยเขาไปจนกว่าข้าจะสามารถรวบรวมความแข็งแกร่ง หลังจากช่วยร่างหลักของเรา ข้าจะคิดบัญชีกับเขา!”

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา อิงอู๋เซี่ยได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย

เขาเข้าใจว่าเมื่อใดต้องล่าถอย เขารู้ว่าสิ่งใดสำคัญกว่า และเรียนรู้ที่จะอดทน

หลังจากทั้งหมดเขาเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ ทักษะตามธรรมชาติของเขาย่อมไม่ธรรมดา

ความล้มเหลว ความเจ็บปวด และความผิดหวังทั้งหมดผลักดันให้เขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

หลังจากเสร็จสิ้นการทำธุรกรรมกับอิงอู๋เซี่ย

ฟางหยวนมองร่างผีดิบอมตะที่อยู่ตรงหน้าและถอนหายใจ

“ข้าไม่กล้าใช้งานมัน…” ฟางหยวนรู้สึกถึงปัญหา

เขาใช้ทุกวิธีที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อตรวจสอบร่างผีดิบอมตะของเขาและไม่พบปัญหาใด

แต่อิงอู๋เซี่ยคือผู้ใด? นิกายเงามีต้นกำเนิดอย่างไร?

มันคือเทพปีศาจจิตวิญญาณ!

เขาคือต้นกำเนิดของเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ เทพปีศาจผู้สร้างกฎของโลกใบนี้!

แล้วอิงอู๋เซี่ยที่เป็นร่างแยกของเขาจะไม่สามารถวางกับดักบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณไว้ในร่างผีดิบอมตะของฟางหยวนเช่นนั้นหรือ?

มันมีความเป็นไปได้สูงมาก

ธุรกรรมระหว่างฟางหยวนกับอิงอู๋เซี่ยไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของข้อตกลงบนเส้นทางแห่งข้อมูลใดๆตั้งแต่ต้นจนจบ

ทั้งสองฝ่ายไม่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน

นอกจากนั้นความสำเร็จบนเส้นทางแห่งข้อมูลของฟางหยวนยังด้อยกว่าอิงอู๋เซี่ย หากเขาทำข้อตกลงบางอย่าง เขาอาจถูกหักหลังและส่งผลร้ายมากกว่าผลดี

ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของร่างนี้

ฟางหยวนต้องการร่างเดิมเพราะเขาต้องการใช้แสงแห่งปัญญา แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องย้ายดวงวิญญาณเข้าไปในร่างเดิมเป็นอันดับแรก

นี่เป็นเรื่องอันตรายมาก

นิกายเงามีความเชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณมากที่สุด

ฟางหยวนไม่พบปัญหาใดอาจเป็นเพราะอิงอู๋เซี่ยไม่ได้วางกับดัก แต่สิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือเพราะฟางหยวนมีความสามารถไม่เพียงพอที่จะค้นพบสิ่งผิดปกติเหล่านั้น

เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แต่ฟางหยวนต้องการถอดรหัสวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณ นี่ไม่ต่างจากมือสมัครเล่นพยายามต่อต้านผู้เชี่ยวชาญ

“ดูเหมือนข้าต้องตรวจสอบร่างนี้อีกสักพัก ข้าไม่สามารถประมาท มิฉะนั้นข้าอาจตกลงสู่กับดักของนิกายเงา” ฟางหยวนเตือนตนเอง

“กระทั่งข้าจะไม่สามารถใช้งานวิญญาณสติปัญญา แต่ได้รับวิญญาณกาลเวลากลับคืนมาก็ถือว่าข้าประสบความสำเร็จอย่างมากแล้ว”

วิญญาณกาลเวลาเป็นไพ่ตายที่สำคัญที่สุดของฟาหยวนมาตลอด

ตอนนี้ฟางหยวนได้รับร่างเดิมกลับคืน วิญญาณกาลเวลาในฐานะวิญญาณหลักของเขาก็กลับมาเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ผมที่หกปฏิเสธว่าอิงอู๋เซี่ยมีวิญญาณกาลเวลา

เนื่องจากต่างฝ่ายต่างไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน ฟางหยวนไม่สามารถบอกได้ว่าคำกล่าวของผมที่หกเป็นเรื่องจริงหรือโกหก

อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับพูดด้วยความมั่นใจ “นั่นเป็นไปไม่ได้! หากพวกเจ้าไม่มีมันจริงๆ พวกเขาจะหลอมรวมมัน ในกรณีนี้ข้าจะไม่สนใจสิ่งอื่นแต่พวกเจ้าต้องส่งวิญญาณกาลเวลามาให้ข้าโดยตรง”

แม้ผมที่หกจะสาบานด้วยชีวิตแต่ทัศนคติของฟางหยวนยังไม่เปลี่ยนแปลง

สุดท้ายฟางหยวนก็ได้รับวิญญาณกาลเวลากลับมาในที่สุด

แต่มันมีปัญหาเช่นกัน

มันถูกผนึกโดยวังสวรรค์ มันถูกตัดขาดจากสายธารแห่งกาลเวลาและอยู่ในสภาวะหิวโหย

นอกจากนี้ฟางหยวยังตระหนักถึงเจตจำนงสวรรค์ที่เป็นภัยคุกคามมากที่สุด

ร่างผีดิบอมตะและวิญญาณกาลเวลามีอันตรายซ่อนอยู่ พวกมันไม่สามารถใช้งาน

แต่ถึงกระนั้นฟางหยวนก็มีความสุข

“แม้ข้าจะไม่สามารถใช้งานพวกมันแต่ตราบเท่าที่พวกมันอยู่ในการครอบครองของข้า มันก็ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่แล้ว!”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิญญาณกาลเวลา!”

หลังจากได้รับร่างเดิมและวิญญาณกาลเวลา ฟางหยวนยังต้องการแลกเปลี่ยนวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่ผมที่หกจะนำมันมาจากที่ใด?

แม้ผมที่หกจะถูกบีบบังคับโดยฟางหยวนแต่มันก็ไร้ประโยชน์

ฟางหยวนเดาว่าพวกเขาล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณท่องแดนอมตะ หากพวกเขาครอบครองมันอยู่ พวกเขาย่อมใช้มันหลบหนีไปนานแล้ว เหตุใดพวกเขายังต้องการทำธุรกรรมกับเขา?

สิ่งสำคัญกว่าก็คือการทำธุรกรรมกับผมที่หกหมายถึงการทรยศต่อนิกายหลางหยา

หากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้เรื่องนี้ มันจะส่งผลเสียมากกว่าผมดี

ดังนั้นฟางหยวนจึงยอมแพ้เกี่ยวกับวิญญาณท่องแดนอมตะ

แม้จะไม่ได้รับวิญญาณท่องแดนอมตะแต่ฟางหยวนก็ได้รับกำไรมหาศาลในการทำธุรกรรมครั้งนี้

ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ยังมีวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของตนเอง วิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของพลังปราณ และวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของหมีบินของไห่ลั่วหลัน รวมถึงวิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า และวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้าของไท่เป่ยหยุนเฉิง ติดตามมาด้วยวิญญาณอมตะยกภูเขา วิญญาณอมตะดึงแม่น้ำ วิญญาณอมตะเนตรดารา และวิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติของฟางหยวน

สำหรับวิญญาณอมตะความแข็งแกร่งของอินทรีย์มงกุฎเหล็กและวิญญาณอมตะเชื่อมโยงโชค พวกมันติดอยู่ในสวรรค์สีเหลือง

วิญญาณอมตะกินความแข็งแกร่ง วิญญาณอมตะล้างใจ วิญญาณท่องแดนอมตะ วิญญาณอมตะศรดาวตก วิญญาณอมตะแสงดาว และวิญญาณอมตะดวงอื่นของฟางหยวน พวกมันระเบิดตัวเองไปแล้ว อิงอู่เซี่ยไม่สามารถรักษาพวกมันเอาไว้

อย่างไรก็ตามข้อมูลนี้อาจเป็นข้อมูลลวง

ฟางหยวนและผมที่หกไม่ได้ทำข้อตกลงใดๆ ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถพิสูจน์ความจริง บางทีอิงอู๋เซี่ยอาจเก็บวิญญาณอมตะบางดวงเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่มีวิธีพิสูจน์เรื่องนี้

แน่นอนว่าฟางหยวนเป็นฝ่ายได้กำไรแต่เขาก็ไม่ต้องการให้อิงอู๋เซี่ยตายเร็วเช่นกัน

หากอิงอู๋เซี่ยตาย เขาจะทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ให้วังสวรรค์ นั่นจะทำให้ฟางหยวนพบปัญหาในไม่ช้า

มันจะดีกว่าหากอิงอู๋เซี่ยยังมีชีวิตและช่วยดึงดูดศัตรูแทนเขา

การต่อสู้ระหว่างวังสวรรค์กับนิกายเงาจะทำให้ทั้งสองฝ่ายอ่อนแอลงขณะที่ฟางหยวนจะสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามรบ

ฟางหยวนขโมยวิญญาณทารกอมตะมาจากนิกายเงา พวกเขาย่อมต้องการสังหารฟางหยวน แต่นี่ก็เป็นเหตุผลที่นิกายเงาต้องปกป้องเขาเช่นกัน

เช่นเดียวกับหม่าหงหยุน หากนิกายเงาต้องการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง พวกเขาจะใช้ฟางหยวนเป็นวัสดุในการหลอมรวม

ตั้งแต่อิงอู๋เซี่ยต้องการทำธุรกรรมกับฟางหยวน มันก็หมายความว่าอิงอู๋เซี่ยอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างแท้เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1080 เปลี่ยนเป็นหมีบิน

แปลโดย iPAT

หลายวันต่อมาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

สองร่างกำลังบินผ่านอากาศก่อนจะหยุดอย่างกะทันหัน

“ที่นี่เป็นพื้นที่รกร้าง มันเหมาะสมที่จะใช้เป็นสนามซ้อม” ร่างหนึ่งมองไปรอบๆและกล่าว

“พี่ฟางกล่าวได้ถูกต้อง” ร่างที่อยู่ด้านหลังเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนชื่อผมที่สิบสอง เขากล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

เปรียบเทียบกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆของนิกายหลางหยา ผมที่สิบสองค่อนข้างพิเศษ

เพราะเขาไม่ได้บ่มเพาะเพียงเส้นทางแห่งการหลอมรวมแต่ยังบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งทาส เขาเป็นผู้อมตะที่บ่มเพาะบนเส้นทางคู่คือเส้นทางแห่งทาสและเส้นทางแห่งการหลอมรวม

มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้อมตะจะบ่มเพาะบนเส้นทางสองสายเพราะพวกเขามีมิติช่องว่างเพียงหนึ่ง เมื่อผู้ใช้วิญญาณก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ มิติช่องว่างจะเป็นสิ่งตัดสินเส้นทางการบ่มเพาะหลักของพวกเขา ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ได้รับหลังจากผ่านภัยพิบัติส่วนใหญ่จะเป็นร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางสายหลักที่พวกเขาบ่มเพาะ

อย่างไรก็ตามในโลกใบนี้ยังมีผู้อมตะมากมายที่ประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะบนเส้นทางสองสาย พวกเขามักเป็นผู้อมตะระดับหกหรือเจ็ดที่เส้นทางหนึ่งเป็นเส้นทางหลักและอีกเส้นทางเป็นเส้นทางรอง

ผู้อมตะเหล่านี้ส่วนใหญ่พบโชคลาภโดยบังเอิญทำให้พวกเขาได้รับวิญญาณอมตะที่เหมาะสมในการบ่มเพาะสองเส้นทาง ตัวอย่างเช่นวิญญาณกินความแข็งแกร่ง หากเป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่นที่ได้รับมันโดยบังเอิญ พวกเขาจะเลือกบ่มเพาะบนเส้นทางคู่

ผมที่สิบสองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ในช่วงปีแรกของการบ่มเพาะ เขาหลอมรวมวิญญาณชนิดใหม่ได้สำเร็จโดยบังเอิญ มันเป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งทาส หลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ วิญญาณดวงนี้พัฒนาเป็นวิญญาณอมตะระดับหก นั่นทำให้เขาได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งเทาสเพิ่มขึ้น

นี่ทำให้เขากลายเป็นคนพิเศษท่ามกลางกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนดูแลเขาเป็นอย่างดี เส้นทางแห่งทาสมีความสัมพันธ์กับเส้นทางแห่งการหลอมรวมไม่มาก แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังสนับสนุนให้ผมที่สิบสองบ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้ต่อไปเพราะมันจะเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่หากเขาต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาส

หลังจากบุคลิกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาเปลี่ยนไป เขายิ่งให้ความสำคัญกับผมที่สิบสองมากขึ้น เนื่องจากสิ่งที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาใช้จัดลำดับความสำคัญคือความแข็งแกร่งในการต่อสู้ขณะที่ผมที่สิบสองมีพื้นฐานบนเส้นทางแห่งทาสที่ยอดเยี่ยม จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยายังมอบวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งทาสให้กับเขาเพราะต้องการให้เขาเป็นนักรบบนเส้นทางเส้นแห่งทาสที่แข็งแกร่งของนิกายหลางหยา

จักรพรรดิทุกคนย่อมมีผู้ใต้บังคับบัญชาคนโปรดของตนเอง ผมที่สิบสองก็คือคนโปรดของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนปัจจุบัน

ฟางหยวนมีความรู้ในเชิงลึกเกี่ยวกับมนุษย์ขนไม่มาก แต่หลังจากทำธุรกรรมลับกับอิงอู๋เซี่ย ฟางหยวนได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

พวกมันอาจไม่ใช่ข้อมูลล้ำค่าแต่ยังสามารถช่วยเหลือฟางหยวนและทำให้เขาเข้าใจนิกายหลางหยาอย่างลึกซึ้งมากขึ้น

ทวีปเมฆาถูกสร้างขึ้นจากพื้นเมฆ มันมีสีขาวและอ่อนนุ่ม

“น้องสิบสอง เชิญ” ฟางหยวนผายมือ

“ฮ่าฮ่า พี่ฟาง รับมือ!” ผมที่สิบสองหัวเราะก่อนจะตีลังกาพุ่งลงบนพื้นและคุกเข่าลงต่อหน้าฟางหยวน

“บึม”

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์มักเย่อหยิ่งและมากพิธีการ อย่างไรก็ตามผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้กลับแตกต่างออกไป พวกเขามีบุคลิกที่ตรงไปตรงมาและแทบไร้ทักษะการต่อสู้

ในช่วงหลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนเริ่มคุ้นเคยกับเรื่องเหล่านี้แล้ว

ผมที่สิบสองยกศีรษะขึ้นมองฟางหยวน “ช่างน่าอายนัก ข้าล้มเหลวอีกครั้ง”

“ไม่มีปัญหา” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มอบอุ่น “มันเป็นท่าไม้ตายอมตะ เป็นเรื่องปกติที่จะล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งาน”

“ถูกต้อง ถูกต้อง!” ผมที่หกพยักหน้าซ้ำๆ หลังจากนั้นเขาก็ตีลังกาล้มลงคุกเข่าและโขกศีรษะของตนลงบนพื้นอีกครั้ง

“บึม”

“…..”

เงียบ

หลังจากหลายลมหายใจ ผมที่สิบสองจึงแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของตนและสาปแช่ง “บัดซบ! ข้าล้มเหลวอีกครั้ง ให้ข้าลองอีกหน!”

“บึม”

“บึม”

“บึม”

“ให้ข้าลองอีกครั้ง ข้าไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้!” ผมที่สิบสองตะโกน

“บึม”

“บึม”

“บึม”

“ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ” ผมที่สิบสองกล่าวกับฟางหยวน

ฟางหยวนยังเผยรอยยิ้มอบอุ่น “ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ”

ผมที่สิบสองพยักหน้าด้วยความสุขก่อนจะเริ่มทดลองอีกครั้ง

“บึม”

“บึม”

“บึม”

หลังจากทดลองนับครั้งไม่ถ้วน ผมที่สิบสองก็ยังล้มเหลว ฟางหยวนไม่แม้แต่จะขยับเขยื้อน แต่ร่างกายของผมที่สิบสองกลับเต็มไปด้วยเลือด

ความล้มเหลวในการกระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะจะส่งผลกระทบย้อนกลับต่อตัวผู้อมตะ

กระทั่งฟางหยวนก็ยังไม่สามารถทนเห็นสิ่งนี้ “จากการสังเกตของข้า น้องสิบสอง การตีลังกาของเจ้าอาจไม่เหมาะสมกับท่าไม้ตายอมตะนี้ เจ้าอาจลองตัดมันทิ้งไป”

“ไม่เหมาะสม?” ผมที่สิบสองเกาศีรษะอย่างไร้เดียงสา “นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ข้าออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ท่านไม่เห็นหรือว่าท่าตีลังกาของข้าสง่างามมาก?”

ใบหน้าของฟางหยวนเกือบบิดเบี้ยว เขาคิด ‘คุกเข่าต่อหน้าศัตรูสง่างามงั้นหรือ!?’

แต่ผมที่สิบสองเป็นคนหัวอ่อน เขารู้ว่าต้องแก้ไขข้อผิดพลาดของตน “เนื่องจากพี่ฟางคิดว่ามันไม่เหมาะสม เช่นนั้นข้าก็จะเปลี่ยนมัน”

หลังจากนั้นผมที่สิบสองก็ไม่ตีลังกาอีกต่อไป

แต่ยังคุกเข่าต่อหน้าฟางหยวน

เขาหยุดนิ่งหลายลมหายใจก่อนที่เขาจะพ่นเลือดออกมาจากปากแต่ยังปฏิเสธที่จะยอมแพ้ “ให้ข้าลองอีกครั้ง”

หลังจากพยายามหลายครั้ง รัศมีแสงสีฟ้าก็ส่องประกายขึ้นในมือของผมที่สิบสอง

แสงสีฟ้าทำให้เกิดทะเลสาบสีฟ้าขึ้นบนพื้น

หลังจากนั้นสัตว์อสูรเดียวดายที่มีรูปร่างคล้ายกระทิงก็โผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบ

กระทิงเกาลัด!

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่แสแยมันแม้แต่น้อย

กระทิงตัวนี้อาจเป็นสัตว์อสูรเดียวดายแต่มันมีพลังการต่อสู้ค่อนข้างต่ำ ความประทับใจของผู้อมตะส่วนใหญ่ที่มีต่อมันคือเนื้อของมันมีรสชาติเหมือนเกาลัดและถือเป็นอาหารเลิศรส

แต่ความแข็งแกร่งของมันกลับอยู่ในจุดต่ำสุดท่ามกลางสัตว์อสูรเดียวดายทั้งหมด

สำหรับสัตว์อสูรเดียวดายที่อ่อนแอที่สุดที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนคือปลามังกรเดียวดาย

“มันปรากฏตัวขึ้นในที่สุด” ผมที่สิบสองตะโกนเสียงดังและชี้นิ้วไปที่ฟางหยวน “กระทิงเกาลัด โจมตี!”

กระทิงเกาลัดพ่นลมออกจากจมูกเบาๆและยังไม่ขยับเขยื้อน

ใบหน้าของผมที่สิบสองเปลี่ยนเป็นโกรธและอับอาย “เจ้าโง่ ข้าบอกให้โจมตี!”

เป็นเพียงเวลานี้ที่กระทิงเกาลัดเริ่มออกวิ่งไปข้างหน้า

กระทิงเกาลัดมีร่างกายใหญ่โตเหมือนขบวนรถม้าสี่คันที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอันน่าประทับใจออกมา

ภายในมิติช่องว่างของฟางหยวน วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์บินขึ้นสู่อากาศ ติดตามมาด้วยวิญญาณสนับสนุนอีกจำนวนหนึ่ง

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนเป็นหมีบิน!

รัศมีแสงปะทุขึ้นบนร่างกายของฟางหยวนและบังคับให้ผมที่สิบสองต้องปิดเปลือกตาลง

ผมที่สิบสองกระตุ้นใช้วิญญาณสายตรวจสอบ ชั้นคริสตัลโปร่งแสงเคลือบคลุมดวงตาของผมที่สิบสองเอาไว้ทำให้เขาสามารถมองเห็นอีกครั้ง

“บึม”

ดูเหมือนกระทิงเกาลัดจะชนกับสัตว์อสูรบางชนิดที่มีร่างกายใหญ่โตมากกว่า

การชนกันของสัตว์อสูรยังไม่ปรากฎผลลัพธ์

เมื่อแสงกระจายหายไป ร่างที่แท้จริงของสัตว์อสูรยักษ์ก็ถูกเปิดเผย

มันคือหมีขาวยักษ์ที่มีกรงเล็บแหลมคมและมีหางกลมน่ารัก

นี่คือการเปลี่ยนร่างเป็นหมีบินของฟางหยวน

เมื่อกระทิงเกาลัดเห็นหมีบินตัวนี้ ดวงตาของมันแทบทะลักออกมาจากเบ้า กลิ่นอายที่ยิ่งใหญ่ของมันหายไปราวกับเปลวเทียนที่ริบหรี่ขณะที่มันครางด้วยเสียงอันน่าสังเวช จากนั้นมันจึงรีบหันหลังกลับและวิ่งหนี!

ผมที่สิบสองตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าเกาลัดขี้ขลาด! เจ้าก็เป็นสัตว์อสูรเดียวดายเช่นกัน! กลับไป!”

เขาพึ่งกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งทาสและสามารถควบคุมกระทิงเกาลัดได้เป็นครั้งแรกหลังจากใช้ความพยายามมาอย่างยาวนาน แต่มันกลับวิ่งหนีทันทีเมื่อเห็นหมีบิน

แต่นี่ไม่สามารถกล่าวโทษมัน เนื่องจากมันมีธรรมชาติที่อ่อนโยนและยังเป็นสัตว์กินพืช

ในความเป็นจริงจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนเลี้ยงมันไว้เพราะต้องการใช้เนื้อของมันเป็นวัสดุในการหลอมรวมวิญญาณ

อย่างไรก็ตามหลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาถูกบุกโจมตีอย่างกะทันหัน สัตว์อสูรเดียวดายชนิดอื่นเสียชีวิตทั้งหมด ดังนั้นผมที่สิบสองจึงต้องใช้กระทิงเกาลัดตัวนี้เท่านั้น

ฟางหยวนยืนอยู่อย่างเงียบๆ เพียงเมื่อกระทิงเกาลัดพุ่งเข้ามาด้านหน้า เขาจึงเริ่มเคลื่อนไหว

ร่างกายของหมีบินใหญ่โตแต่มันไม่ขาดความเร็ว

มันคำรามและกระโดดออกไปก่อนจะใช้อุ้งเท้าขวากระแทกแผ่นหลังของกระทิงเกาลัด

“บึม!”

เกิดการปะทะที่รุนแรง ดินเมฆระเบิดออกไปรอบๆ

กระทิงเกาลัดได้รับบาดเจ็บสาหัสและนอนสลบอยู่ในปล่องภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้น

พ่ายแพ้ในพริบตา!จริง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องมอบทางออกสายหนึ่งให้กับอิงอู๋เซี่ย

หากฟางหยวนบีบบังคับอิงอู๋เซี่ยมากเกินไป เขาอาจยอมแพ้และลากฟางหยวนให้ตายตกไปพร้อมกัน

ในความเป็นจริงคำกล่าวของผมที่หกมีประสิทธิภาพสูงมาก

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท