เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1090

ตอนที่ 1090

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1090 ท่องรอบทิศ

แปลโดย iPAT

ภารกิจสำรวจไท่ชิวจบลงด้วยความสำเร็จ ฟางหยวนสามารถจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามอบรางวัลหกร้อยแต้มผลงานให้กับฟางหยวน

ด้วยแต้มผลงานเหล่านี้ ฟางหยวนสามารถแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆมากมาย สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขามากที่สุดคือเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ในคลังสมบัติของนิกายหลางหยา

นิกายหลางหยามีสุดยอดมรดกที่แท้จริงสามอย่าง พวกมันล้วนมาจากตัวตนในตำนานไม่ว่าจะเป็นเทพอมตะตะวันเดือด เทพปีศาจปล้นสวรรค์ และบรรพชนผมยาว ท่ามกลางมรดกเหล่านี้ไม่มีมรดกบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง แต่นิกายหลางหยามีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะจำนวนมากรวมถึงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

แต่ฟางหยวนไม่รีบร้อนใช้แต้มผลงานแลกเปลี่ยนกับพวกมัน

ตอนนี้เขาไม่มีเวลาแลกเปลี่ยนเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงหรือหลอมรวมวิญญาณอมตะใดๆ

ในการเดินทางไปไท่ชิว ฟางหยวนตระหนักถึงสถานการณ์ของตนเองอย่างลึกซึ้ง

แม้เขาจะประสบความสำเร็จในการจัดตั้งค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่และสามารถเดินทางกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเดินทางไกล แต่หากเขาต้องกลับไปอีกครั้ง เขาจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย

‘พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดลดลง มันสามารถใช้ได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เจตจำนงสวรรค์สามารถคิด ก่อนหน้าข้าประเมินมันต่ำเกินไป ในช่วงเวลาที่ข้าจัดตั้งค่ายกลวิญญาณ ข้าไม่สามารถปกปิดตัวตน เจตจำนงสวรรค์รู้เรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นมันจึงพยายามส่งอิทธิพลต่อความคิดของสัตว์อสูรที่อยู่รอบๆ’

ตั้งแต่เจตจำนงสวรรค์พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อกำจัดฟางหยวน มันย่อมต้องวางกับดักทุกชนิดรวมถึงความตายของช้างแรกกำเนิดตัวนั้น

มันจะดีที่สุดที่ฟางหยวนจะไม่กลับไป

แต่กระทั่งเขาจะไม่ต้องการไป นิกายหลางหยาก็ต้องส่งเขาไปที่นั่น

‘จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาได้รับคำแนะนำจากข้า เขาจะส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไปฝึกฝนอยู่ที่นั่น’

‘การบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องพึ่งพาวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง และในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ พวกเขาต้องมีทรัพยากรอมตะ’

‘นิกายหลางหยามีคลังสมบัติที่เต็มไปด้วยทรัพยากรอมตะ แต่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคนก่อนควบคุมแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยามาอย่างยาวนานและมุ่งมั่นกับการหลอมรวมวิญญาณ ดังนั้นสมบัติส่วนใหญ่ย่อมเป็นทรัพยากรอมตะระดับแปดหรือกึ่งระดับเก้า สำหรับทรัพยากรอมตะระดับหกหรือเจ็ด พวกมันอาจมีไม่มาก’

‘ดังนั้นจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะสร้างภารกิจรวบรวมทรัพยากรอมตะและส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนไปที่ไท่ชิวเพื่อสังหารสัตว์อสูรเดียวดาย ด้วยวิธีนี้พวกเขาจะสามารถหลอมรวมวิญญาณอมตะขณะเดียวกันผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็สามารถฝึกฝนและยกระดับพลังการต่อสู้ไปพร้อมกัน จุดนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล’

‘เนื่องจากเจตจำนงสวรรค์สามารถคิด ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้จะกลายเป็นเหยื่อเพื่อล่อลวงให้ข้าออกไป’

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ

นิกายหลางหยาแข็งแกร่งกว่าเขาและในเวลานี้เขากลายเป็นตัวหมากเบี้ยของนิกาย

กระทั่งฟางหยวนจะวางแผนต่อต้านนิกายหลางหยา เขาก็ยังต้องคิดถึงอนาคตของนิกายและไม่สามารถฝ่าฝืนข้อตกลงพันธมิตร

‘นี่คือข้อได้เปรียบของการมีข้อมูลที่มากกว่าอีกฝ่าย’ ฟางหยวนถอนหายใจและตระหนักถึงคุณค่าของข้อมูลอีกครั้ง

ผู้ใช้วิญญาณแต่ละเส้นทางมีความชำนาญเฉพาะด้านของตนเอง

เส้นทางแห่งข้อมูลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

หากใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เส้นทางแห่งข้อมูลจะทำให้ผู้ใช้วิญญาณมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่เหนือเส้นทางสายอื่น

แน่นอนว่าข้อได้เปรียบด้านข้อมูลของฟางหยวนได้รับมาจากการทำธุรกรรมกับนิกายเงา

ขณะที่นิกายเงาต้องจ่ายราคามหาศาลเพื่อให้ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์และนิกายหลางหยา

‘ข้ายังขาดวิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูล จากนี้ข้าต้องพยายามแก้ไขมัน!’ ฟางหยวนเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

ผู้ใช้วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลมีทักษะในการรวบรวมข่าวกรองและสร้างข้อตกลงพันธมิตร พวกเขามักเป็นผู้ให้บริการด้านข้อมูลแก่ผู้คน สิ่งนี้อาจเหมือนไม่สำคัญสำหรับการบ่มเพาะ แต่คนผู้หนึ่งอาจได้รับประโยชน์มหาศาลจากมัน

ภาคกลาง ถ้ำนรกใต้พิภพ

เกิดเสียงดังขึ้นที่นี่

“พบแล้ว!”

“พวกเราค้นหามามากกว่าสิบครั้ง พวกเขาซ่อนตัวดีเกินไป”

ผู้อมตะจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลตอบสนองด้วยการทะยานร่างออกไป

อิงอู๋เซี่ยพ่นเลือดออกมาจากปาก เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งร่างกายยังขาดหายไปครึ่งหนึ่ง

“เพียงผีดิบอมตะผู้หนึ่ง…” ผู้อมตะนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลลอยอยู่กลางอากาศและเย้ยหยันอิงอู๋เซี่ย

“จับพวกเขาอย่างมีชีวิต!”

“แม้จะเป็นผีดิบอมตะ เขาก็ยังมีวิธีซ่อนตัวที่น่าอัศจรรย์ พวกเราต้องสอบปากคำเขา!”

ผู้อมตะอีกสองคนตะโกนและเพิ่มความเร็วขึ้น

อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “พวกเจ้าต้องการวิธีซ่อนตัวงั้นหรือ? แน่นอนว่าข้าสามารถบอกพวกเจ้าเดี๋ยวนี้!”

‘โอ้ ไม่!’

การแสดงออกของผู้อมตะนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลทั้งสามเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาตระหนักถึงแผนการของศัตรู

อิงอู๋เซี่ยเปิดเผยจุดอ่อนเพื่อล่อลวงศัตรู

ผู้อมตะนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลไม่ได้ตอบสนองช้าแต่อิงอู๋เซี่ยเตรียมตัวมาอย่างเพียงพอ แล้วพวกเขาจะหลบหนีได้อย่างไร?

ในไม่ช้าค่ายกลวิญญาณก็ถูกกระตุ้นใช้งาน

ผู้อมตะนิกายจิตวิญญาณบรรพกาลทั้งสามตกลงสู่ความสิ้นหวัง พวกเขารู้สึกถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง

ในครั้งเดียวพวกเขาไม่สามารถขยับเขยื้อน

พริบตาต่อมาทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของผู้อมตะทั้งสามก็ถูกระเบิดทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยพลังอำนาจของสุดยอดค่ายกลวิญญาณ

แม้พวกเขาจะต้องการหลบหนี แต่พวกเขาก็ต้องมีเวลาอย่างน้อยสามลมหายใจ

“ฮืม…ข้าจะเก็บบางสิ่งที่น่าสนใจจากพวกเจ้าเป็นอันดับแรก” อิงอู๋เซี่ยเย้ยหยัน

เพียงเมื่อเขากล่าวจบคำ ถ้ำนรกใต้พิภพก็เกิดการสั่นสะเทือนพร้อมกับแสงสว่างที่ส่องประกายขึ้น

“เร็วมาก! วังสวรรค์พบจำแหน่งของข้าแล้วและกำลังมุ่งหน้ามาที่นี่!” อิงอู๋เซี่ยตะลึง

แต่หลังจากนั้นเขายังสามารถสงบจิตใจ

เขาบินเข้าไปในค่ายกลวิญญาณ

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อต่อต้านการอนุมานจากวังสวรรค์และผู้อมตะจากนิกายจิตวิญญาณบรรพกาล ค่ายกลวิญญาณทำงานหนักเกินไป ตอนนี้มันจึงได้รับความเสียหายรุนแรงและกำลังจะพังทลายลง

แต่อิงอู๋เซี่ยไม่สนใจ

เขาวางแผนละทิ้งสถานที่นี้มาตั้งแต่แรก

หากค่ายกลวิญญาณจะล่มสลาย มันก็ไม่ใช่ปัญหา

“นายท่าน” ซื่อหนิวปรากฎตัวต่อหน้าอิงอู๋เซี่ยขณะที่ไท่เป่ยหยุนเฉิงกับไห่ลั่วหลันติดตามอยู่ด้านหลัง

ทั้งสองสูญเสียวิญญาณอมตะทำให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาลดลงจนถึงจุดต่ำสุด ซื่อหนิวแข็งแกร่งที่สุดโดยเฉพาะเมื่ออิงอู๋เซี่ยคืนวิญญาณอมตะให้เขาแล้ว

ไท่เป่ยหยุนเฉิงกังวล “ฟางหยวน อาการบาดเจ็บของเจ้า…”

อิงอู๋เซี่ยยิ้มและโบกมือ “ไม่จำเป็นต้องกังวล”

หลังจากทำธุรกรรมกับฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยสูญเสียร่างผีดิบอมตะของฟางหยวน รูปร่างหน้าตาของเขาเปลี่ยนไป แต่เขายังสามารถควบคุมคนทั้งสามได้อย่างสมบูรณ์แบบ

มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหลอกลวงไท่เป่ยหยุนเฉิงว่าร่างผีดิบอมตะของเขาถูกทำลายขณะหลอมรวมวิญญาณอมตะ นี่เป็นข้ออ้างที่ดีที่สุดที่จะไม่ดึงดูดความสงสัย

“ศัตรูอยู่ตรงหน้า หยุดพูดและจากไป” ด้วยความต้องการของอิงอู๋เซี่ย ค่ายกลวิญญาณแตกออกขณะที่วิญญาณอมตะบินเข้ามาหาเขา

คนทั้งสี่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่ในสี่ทิศทาง

ก่อนจากไป อิงอู๋เซี่ยมองแสงลึกลับที่อยู่ด้านบนและหัวเราะ “ภาคกลาง…พวกเราจะกลับมาพร้อมกับการแก้แค้น!”

หลังจากทำธุรกรรมกับฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยได้รับทางออกสายหนึ่งเพื่อหลบหนีจากสถานการณ์

“ไป!”

แสงสว่างส่องประกายขึ้นบนร่างของคนทั้งสี่

พวกเขาฝึกซ้อมกันมาหลายครั้ง ด้วยวิญญาณอมตะที่หลอมรวมสำเร็จเมื่อเร็วๆนี้ พวกเขาสามารถปลดปล่อยพลังอำนาจอันน่าพิศวง

“บึม!”

กลุ่มของอิงอู๋เซี่ยหายตัวไปในที่สุด

ผู้อมตะจากวังสวรรค์มาช้าไปก้าวหนึ่ง

“พวกเขาจากไปเร็วมาก!” ผู้อมตะหญิงจากวังสวรรค์อุทาน

นางก็คือเทพธิดาจื่อเว่ย!

ผู้อมตะหญิงที่มีความสำเร็จบนเส้นทางแห่งปัญญาไม่ด้อยกว่าเจ้าวังสวรรค์คนก่อน

เมื่อนางลงมือ อิงอู๋เซี่ยและคนอื่นๆถูกผลักเข้าสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวัง หากไม่ใช่เพราะฟางหยวน อิงอู๋เซี่ยจะต้องตายอย่างแน่นอน

นางมองเศษหินบนพื้นและสรุปด้วยคิ้วที่เริ่มขมวดเข้าหากัน “ผู้อมตะสี่คน..แปลก…เดิมทีข้าอนุมานว่าฟางหยวนอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไป ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากนิกายเงาหรือไม่ พวกเขาก็ต้องถูกกำจัด!”

นางกล่าวเบาๆแต่เต็มไปด้วยเจตนาสังหาร

ผู้อมตะวังสวรรค์ที่อยู่ด้านหลังกล่าว “ครั้งนี้พวกเขาจะไม่สามารถหลบหนี ข้าจะตามจับพวกเขา!”

เทพธิดาจื่อเว่ยเผยรอยยิ้มบางแต่มันเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่น “เราไม่สามารถตามจับพวกเขาได้อีก คนทั้งสี่ไปถึงกำแพงภูมิภาคแล้ว ตอนนี้พวกเขาควรจะอยู่ในกำแพงพลังงาน”

ผู้อมตะจากวังสวรรค์ประหลาดใจมาก

บางคนถาม “เหตุใดจึงรวดเร็วนัก?”

“นี่คือค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณที่มีชื่อว่าท่องรอบทิศ ก่อนหน้านี้เมื่อโป้ชิงตื่นขึ้น เขาพร้อมกับผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนหยูมู่ฉาน ผีดิบอมตะเทพเจ็ดดารา และมังกรโลหิตซ่งซื่อซิงก็ใช้วิธีนี้เดินทางจากน้ำตกสวรรค์ไปยังนิกายบัวสวรรค์”

“แม้เราจะมีวิญญาณท่องแดนอมตะ แต่ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณนี้ใช้ผู้คนเป็นแกนกลาง มันมีข้อจำกัดที่ต่ำกว่า ตอนนี้พวกเราไม่สามารถหยุดพวกเขาได้อีกต่อไป”

เทพธิดาจื่อเว่ยสรุปและกล่าวอย่างช้าๆ

เพียงชั่วครู่นางก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดอย่างถ่องแท้ นางรู้กระทั่งวิธีที่อิงอู๋เซี่ยในการหลบหนีเพื่อรักษาชีวิตรอด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท