เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1087

ตอนที่ 1087

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1087 แพะไท่ชิว

แปลโดย iPAT

ฟางหยวนเดินทางทั้งกลางวันและกลางคืนโดยไม่หยุดพัก

เมื่อเห็นกลุ่มก้อนเมฆ ฟางหยวนจะกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือด นอกจากนั้นเขาจะใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

เขาเดินทางผ่านสถานที่อันตรายมาตลอดทาง มีผู้บ่มเพาะสันโดษและกองกำลังใหญ่อยู่รอบๆ ฟางหยวนไม่กล้าใช้วิญญาณอมตะอย่างเปิดเผย

กลยุทธ์ของเขาถูกต้อง หลังจากม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวและตะขาบมังกร เขายังไม่พบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอื่น

เจตจำนงสวรรค์ต้องใช้เวลาในการวางกับดัก

พลังอำนาจของเจตจำนงสวรรค์มีขีดจำกัด มันสามารถส่งอิทธิพลต่อความคิดของม้าบินหกปีกเขาเดี่ยวและตะขาบมังกรแต่ไม่สามารถโจมตีฟางหยวนโดยตรง

ความสามารถของเจตจำนงสวรรค์คือการสร้างสถานการณ์

แต่ตอนนี้ความเร็วของฟางหยวนสูงมาก เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถสร้างสถานการณ์ได้ทันเวลา

เจตจำนงสวรรค์ต้องคิดและวางแผน

เรื่องนี้เกิดจากเทพอมตะกลุ่มดาว

ตามข้อมูลของนิกายเงา ก่อนการถือกำเนิดของเทพอมตะกลุ่มดาว เจตจำนงสวรรค์ค่อนข้างรับมือได้ง่าย แต่หลังจากเทพอมตะกลุ่มดาวเสียชีวิตและหลอมรวมกับสวรรค์ เจตจำนงสวรรค์เริ่มมีความคิดที่ซับซ้อนมากขึ้น

ดังนั้นฟางหยวนจึงไม่บินไปข้างหน้าเป็นเส้นตรง

เขาบินเป็นเส้นโค้งและอ้อมไปในทิศทางต่างๆ หากเขาบินเป็นเส้นตรง เจตจำนงสวรรค์จะสามารถวางกับดักไว้ล่วงหน้า

ในความเป็นจริงเจตจำนงสวรรค์อาจตระหนักว่าจุดหมายปลายทางของฟางหยวนคือไท่ชิวและอาจเตรียมกับดักไว้ที่นั่น

หากเป็นเช่นนี้ มันจะอันตรายมาก ภารกิจของเขาอาจล้มเหลว ชีวิตของเขาอาจตกอยู่ในอันตราย

อย่างไรก็ตามด้วยความเร็วของฟางหยวน เจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถหยุดเขา

แน่นอนว่าฟางหยวนจะไม่ย้อนกลับหลัง หากเจตจำนงสวรรค์จัดตั้งกับดักไว้ด้านหลัง เขาจะตกลงสู่หลุมพรางและกลายเป็นคนโง่

ฟางหยวนเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูง ดังนั้นสามวันหลังจากพบตะขาบมังกร เขาก็เริ่มมองเห็นไท่ชิว

รูปลักษณ์ของไท่ชิวเหมือนหอคอยหยกจำนวนนับไม่ถ้วน

สัตว์ร้ายทุกชนิดเดินเตร็ดเตร่อยู่ภายใน เสียงกรีดร้องคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มันเป็นฉากที่ยิ่งใหญ่ของป่าดึกดำบรรพ

ฟางหยวนหยุดใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติและเข้าไปในไท่ชิวโดยตรง

เปรียบเทียบกับไท่ชิว ฟางหยวนไม่ต่างจากแมลงวันตัวน้อยที่ไร้นัยยะสำคัญ

เกิดความปั่นป่วนขึ้นด้านหน้าราวกับคลื่นสัตว์อสูรกำลังพุ่งเข้ามา

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด

วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด!

มันสามารถปิดผนึกกลิ่นอายและป้องกันการอนุมาน นอกจากนี้มันยังสามารถหลบซ่อนจากเจตจำนงสวรรค์ได้ในระดับหนึ่ง!

วิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์!

ฟางหยวนเปลี่ยนเป็นแพะเขาเดี่ยวและเดินเข้าสู่ความสับสนวุ่นวายอย่างช้าๆ

‘หากเจตจำนงสวรรค์มีอารมณ์ความรู้สึก มันคงกำลังตกใจและรู้สึกสับสนอยู่ในเวลานี้’ ฟางหยวนลอบหัวเราะอยู่ภายใน

วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเป็นความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ของฟางหยวน

ย้อนกลับไปเมื่อไห่ลั่วหลันยังเป็นมนุษย์ นางพึ่งพาวิญญาณอมตะดวงนี้เพื่อปกปิดกลิ่นอายของสุดยอดกายาเทพยุทธที่แท้จริงและสามารถรอดชีวิตมาได้

เหตุใดภัยพิบัติของสิบสุดยอดกายาจึงทรงพลังกว่าคนทั่วไป?

นั่นเป็นเพราะสวรรค์ต้องการกำจัดส่วนเกินและเติมส่วนขาด มันไม่ต้องการให้มีการดำรงอยู่ของสิบสุดยอดกายาเพื่อรักษาสมดุลของโลกใบนี้

มิติช่องว่างจักรพรรดิของฟางหยวนเหนือกว่าสิบสุดยอดกายา พลังอำนาจของภัยพิบัติที่เขาต้องเผชิญจึงเหนือกว่าเช่นกัน กระทั่งวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดยังถูกจำกัด

ฟางหยวนคิด ‘เทพธิดาเจียงหยูเป็นสมาชิกของนิกายเงา เพื่อต่อต้านเจตจำนงสวรรค์ นิกายเงามีเครื่องมือเช่นวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดอยู่มากมาย หากอิงอู๋เซี่ยสามารถหลบหนีจากสถานการณ์คับขันและใช้ทรัพยากรที่เหลืออยู่ของนิกายเงา อนาคตของเขาอาจไม่มีอุปสรรค เขาจะมีช่วงเวลาที่ง่ายดายขึ้น’

แพะเขาเดี่ยวเป็นสัตว์อสูรเดียวดายที่หาได้ทั่วไปในไท่ชิว การปลอมตัวของเขาสมบูรณ์แบบมาก

มันแตกต่างจากร่างของผู้อมตะที่จะถูกจับตามองในไท่ชิว

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบสัตว์อสูรเดียวดายตัวหนึ่ง

ม้าทรายทองดำ

มันเป็นม้าขนาดใหญ่

ร่างกายของมันใหญ่โตกว่าแพะเขาเดี่ยวของฟางหยวน มันเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ผิวหนังเป็นสีทองดำ และมีหกขา

ม้าทรายทองดำกำลังกินหญ้า

ตระหนักถึงแพาะเขาเดี่ยว ม้าทรายทองดำเงยศีรษะขึ้นตรวจสอบแขกที่ไม่ได้รับเชิญผู้นี้

สัตว์อสูรเดียวดายมีอาณาเขตของพวกมันเอง แพะเขาเดี่ยวกำลังบุกรุกดินแดนของม้าทรายทองดำตัวนี้

แต่ม้าทรายทองดำไม่ได้กินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร นอกจากนั้นแพะเขาเดี่ยวก็เป็นสัตว์กินพืชเช่นกัน ดังนั้นม้าทรายทองดำจึงไม่รู้สึกถึงภัยคุกคามจากแพะเขาเดี่ยว

แต่มันยังระวังตัว

มันมองฟางหยวนกระทั่งเขาเดินห่างออกไป หลังจากนั้นม้าทรายทองดำจึงก้มศีรษะลงกินหญ้าอีกครั้ง

ฟางหยวนเลือกเปลี่ยนร่างเป็นแพะเขาเดี่ยวหลังจากพิจารณามาอย่างรอบคอบ

ในภาคเหนือมีสัตว์อสูรประเภทหมาป่าอยู่มากมาย แต่หากเขาเปลี่ยนเป็นหมาป่าเดียวดาย เขาจะพบกันการตอบสนองที่รุนแรงจากม้าทรายทองดำ

ฟางหยวนเดินหน้าต่อไป

เขาสามารถจดจำแผนที่ของไท่ชิวหรือกระทั่งเขาจะไม่สามารถจดจำบางสิ่ง เขาก็ยังมีวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลอยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

‘ตำแหน่งแรกอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้’ ฟางหยวนมองไปรอบๆ

แต่ต้นไม้ในไท่ชิวสูงมาก ยิ่งลึกก็ยิ่งสูง แม้ร่างแพะเขาเดี่ยวของฟางหยวนจะค่อนข้างใหญ่โต แต่มันยังดูเล็กมากหากเปรียบเทียบกับสภาพแวดล้อม

ระหว่างทางฟางหยวนพบสัตว์อสูรเดียวดายมากมาย

ส่วนใหญ่เป็นสัตว์กินพืช มีสัตว์กินเนื้อบ้างเล็กน้อย

ฟางหยวนใช้สติปัญญาในการผ่านสัตว์อสูรเดียวดายเหล่านั้น แม้จะพบอุปสรรคบ้างแต่เขาก็สามารถผ่านมันมาได้

“บลา…บลา…”

เสียงร้องของแพะดังเข้าหูของฟางหยวน

ในก่อหญ้าด้านหน้ามีกลุ่มแพะเขาเดี่ยวฝูงใหญ่

ฟางหยวนลอบถอนหายใจ ‘นี่เป็นสัตว์อสูรฝูงแรกที่ข้าพบ’

ฝูงแพะมีประมาณหนึ่งร้อยตัว พวกมันกำลังกินหญ้า บางตัวนอนอยู่บนพื้น บางตัวกำลังเดินเล่น

ฟางหยวนเดินเข้าสู่อาณาเขตของพวกมัน

ฝูงแพะเขาเดี่ยวมองเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันเห็นแพะเขาเดี่ยวที่ไม่รู้จัก

ฟางหยวนเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง

กระทั่งเขาจะมีวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ มันก็ยังมีข้อบกพร่อง หากหนึ่งในฝูงแพะมีวิญญาณอมตะป่าสายตรวจสอบและมองทะลุการปลอมแปลงของฟางหยวน มันจะกลายเป็นหายนะ

เพื่อความปลอดภัย ฟางหยวนลอบใช้วิญญาณทัศนคติอย่างลับๆ

ทันใดนั้นฝูงแพะพลันรู้สึกถึงทัศนคติของฟางหยวนและมองเขาด้วยสายตาที่อบอุ่น

ฟางหยวนเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว มีแพะเขาเดี่ยววัยเยาว์หลายตัววิ่งมาหาเขาและเฝ้ามองด้วยดวงตากลมโต สองตัวในนั้นวิ่งไปรอบๆฟางหยวนและกระโดดไปมา

ฟางหยวนเดินจากมาด้วยความปลอดภัย

แพะเขาเดี่ยววัยเยาว์สองสามตัวเดินตามเขามาระยะหนึ่งก่อนที่พวกมันจะถูกพ่อแม่เรียกให้กลับไป

ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความเสียดาย

หากเขาสามารถนำแพะเขาเดี่ยววัยเยาว์สองสามตัวที่ตามมาเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ นั่นจะยอดเยี่ยมมาก

แต่เขาไม่มีโอกาสที่จะทำมัน

เมื่อออกจากอาณาเขตของแพะเขาเดี่ยว ฟางหยวนก็เข้าใกล้จุดหมายปลายทางแรก

เขาปราศจากความกังวลและตรวจสอบด้วยตนเอง

‘พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดเริ่มอ่อนแอลง แต่มันยังอยู่ได้อีกชั่วระยะเวลาหนึ่ง’ ฟางหยวนประเมิน

หลังจากใช้งานวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด มันจำเป็นต้องพักผ่อนชั่วขณะก่อนที่ฟางหยวนจะสามารถกระตุ้นใช้งานมันอีกครั้ง

พลังอำนาจของมันคือการปกปิดกลิ่นอาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปพลังอำนาจของมันจะค่อยๆลดลง

เรื่องนี้จะแตกต่างกันออกไปตามผู้ใช้วิญญาณแต่ละคน

ตัวอย่างเช่นมันจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นหากผู้ใช้งานเป็นไห่ลั่วหลันที่ยังเป็นมนุษย์ หากผู้อมตะใช้งานมัน พลังอำนาจของมันจะลดลง ในกรณีที่เป็นผู้อมตะบนเส้นทางสายอื่น ผลลัพธ์ของมันอาจแย่ลงไปอีก แต่ฟางหยวนไม่มีปัญหาเรื่องความขัดแย้งของพลังงานแห่งเต๋า

กล่าวโดยสรุป ฟางหยวนสามารถใช้พลังอำนาจของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตามเจตจำนงสวรรค์ยังพยายามค้นหาเขาขณะเดียวกันสัตว์อสูรเดียวดายและสัตว์อสูรบรรพกาลจะโจมตีเขาหากพลังอำนาจในการปิดผนึกกลิ่นอายของวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดลดลง

ฟางหยวนเข้าใกล้จุดหมายแรก

ก่อนจะบรรลุถึง ฟางหยวนตระหนักแล้วว่าสถานที่แห่งนี้เปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์

แผนที่ระบุว่าที่นี่มีซากศพของสัตว์อสูรแรกกำเนิด ราชสีห์ปราญแรกกำเนิด นอกจากนั้นยังมีฝูงราชสีห์ปราณระดับสัตว์อสูรเดียวดายและราชสีห์ปราณระดับสัตว์อสูรบรรพกาลปกป้องอยู่

แต่ตอนนี้ซากศพราชสีห์แรกกำเนิดหายไปและปราศจากร่องรอยของฝูงราชสีห์ปราณใดๆ ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายสายตรวจสอบและได้ยินเสียงเห่าหอนของฝูงหมาป่า

หัวใจของฟางหยวนจมดิ่งลง

‘หมาป่าโลหิตเดียวดาย! และยังมีอย่างน้อยสามสิบตัว!’

ฝูงหมาป่าเดียวดาย

แม้จะไม่ใช่ฝูงใหญ่ พวกมันก็ยังเป็นสัตว์กินเนื้อที่ดุร้ายมาก

ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องเข้าไปใกล้พวกมัน เพียงใช้ท่าไม้ตายสายตรวจสอบระดับมนุษย์ เขาก็ได้รับข้อมูลมากมาย

นี่คือความฉลาดของมนุษย์

หมาป่าเดียวดายอาจมีวิญญาณอมตะป่าในการครอบครอง แต่พวกมันไม่สามารถกระตุ้นใช้งานด้วยความต้องการของตนเอง เปรียบเทียบกับผู้อมตะที่สามารถควบคุมวิญญาณอมตะ มันเป็นเรื่องที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ฟางหยวนคิดกับตนเอง ‘สถานที่แรกเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซากศพของราชสีห์ปราณแรกกำเนิดหรือฝูงราชสีห์ปราณเดียวดายและราชสีห์ปราณบรรพกาล พวกมันหายไปทั้งหมดด้วยเหตุผลบางประการ หลังจากสามแสนปี ฝูงหมาป่าโลหิตได้เข้ามาแทนที่’

ฟางหยวนไม่ลังเลและจากไปทันที

เขาเดินอ้อมฝูงหมาป่าโลหิตและมุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางที่สอง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท