เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1092

ตอนที่ 1092

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1092 วิญญาณเจตจำนงของตนเอง

แปลโดย iPAT

ดวงวิญญาณของฟางหยวนลอยอยู่ในหุบเขาเหล่าโป

หมอกแห่งความสับสนค่อยๆเลือนหายไป

‘ยิ่งจิตวิญญาณของข้าควบแน่นมากเท่าใด มันก็ยิ่งยากที่จะขัดเกลา หลังจากบ่มเพาะมาหลายวัน จิตวิญญาณของข้าควบแน่นมากกว่าก่อนหน้าถึงสิบเท่า นี่เป็นพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ ข้ายังไม่ถือเป็นสิ่งใด’ ฟางหยวนประเมินและคิดถึงเหตุการณ์บนภูเขาอี้เทียนอีกครั้ง

เทพปีศาจจิตวิญญาณเป็นผู้สร้างเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ แม้เขาจะตายไปแล้ว แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่และยังมีรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกใบนี้

จิตวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณควบแน่นในระดับที่น่าสะพรึงกลัว

ดวงวิญญาณทั่วไปจะเป็นเพียงกลุ่มก้อนพลังงานที่อาจสามารถรบกวนจิตใจของผู้คนที่มีชีวิตอยู่เท่านั้น พวกมันไม่สามารถสัมผัสวัตถุทางกายภาพ

แต่เนื่องจากจิตวิญญาณของเทพปีศาจจิตวิญญาณควบแน่นจนถึงจุดที่น่าอัศจรรย์ ดังนั้นดวงวิญญาณของเขาจึงสามารถก่อรูปลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่และทิ้งความประทับใจไว้ให้กับฟางหยวน

‘บางทีแม้เทพปีศาจจิตวิญญาณจะมาที่หุบเขาเหล่าโป แต่หมอกแห่งความสับสนก็อาจไม่ส่งผลกระทบต่อเขา’ ฟางหยวนคิดและถอนหายใจกับตนเอง ‘เมื่อใดที่ข้าจะบรรลุระดับเดียวกันนั้น?’

หากจิตวิญญาณของฟางหยวนอยู่ในระดับเดียวกับเทพปีศาจจิตวิญญาณ แม้ร่างผีดิบอมตะของเขาจะมีกับดับซ่อนอยู่ มันก็จะกลายเป็นไร้ประโยชน์

หมอกแห่งความสับสนรวมตัวกันและพัดมาอีกครั้ง

ดวงวิญญาณของฟางหยวนถูกกรีดเฉือนด้วยสายลมอันแหลมคม

มันเป็นความเจ็บปวดที่ยิ่งกว่าความตาย การโจมตีนับพันครั้งทำให้ดวงวิญญาณของฟางหยวนสั่นสะท้าน

แต่เขายังกัดฟันทน

สายลมที่ไม่แรงนัก ฟางหยวนสามารถทนได้

แต่เมื่อสายลมที่รุนแรงพัดมา ฟางหยวนจะล่าถอยและเก็บดวงวิญญาณของเขากลับเข้าไปในร่างอย่างชาญฉลาด

ด้วยการปกป้องจากร่างกาย ผลกระทบของสายลมเหล่าโปจะลดลงอย่างมาก

เมื่อเวลาผ่านไป จิตวิญญาณของฟางหยวนก็หดตัวลงถึงสามสิบส่วน

เพื่อความปลอดภัย เขานำดวงวิญญาณกลับเข้าไปในร่างกาย

วิญญาณความเด็ดเดี่ยว!

วิญญาณความเด็ดเดี่ยวถูกกระตุ้นใช้งานอยู่ในมิติช่องว่างของฟางหยวนและกลายเป็นพลังงานลึกลับไหลเข้าสู่จิตใจของเขา

ในไม่ช้าจิตวิญญาณของฟางหยวนก็กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง

อาการบาดเจ็บจากการฝึกฝนก่อนหน้าหายไปอย่างสมบูรณ์

หุบเขาเหล่าโปและภูเขาตงฮันต่างเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับการบ่มเพาะจิตวิญญาณ

ด้วยเครื่องมือทั้งสองชิ้น จิตวิญญาณของฟางหยวนจึงพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว

จิตวิญญาณของฟางหยวนราวกับเหล็กกล้าที่แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

แต่เขายังไม่กล้านำดวงวิญญาณเข้าไปในร่างผีดิบอมตะ

สองชั่วโมงต่อมา จิตวิญญาณของฟางหยวนเริ่มถึงขีดจำกัด

เขาหยุดบ่มเพาะและออกจากหุบเขาเหล่าโป

มีสามแง่มุมที่ต้องคำนึงถึงในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ

ทุกคนรู้เกี่ยวกับการเสริมสร้างจิตวิญญาณและการขัดเกลาจิตวิญญาณ แต่นี่เป็นเพียงสองแง่มุม

สำหรับแง่มุมที่สาม มันคือการสงบจิตใจ

ความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณคือขนาดของจิตวิญญาณ

การขัดเกลาจิตวิญญาณจะทำให้จิตวิญญาณควบแน่นและบริสุทธิ์

และการสงบจิตใจจะทำให้จิตวิญญาณได้พักผ่อนและฟื้นฟู

ทั้งสามแง่มุมต่างสนับสนุนซึ่งกันและกัน หากคนผู้หนึ่งมุ่งเน้นเพียงแง่มุมใดแง่มุมหนึ่ง มันจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

วิญญาณความเด็ดเดี่ยวจากภูเขาตงฮันเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดในการเพิ่มเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับจิตวิญญาณ ลมเหล่าโปและหมอกแห่งความสับสนเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการขัดเกลาจิตวิญญาณ สุดท้ายวิธีที่ดีที่สุดในการสงบจิตใจก็คือการพึ่งพาวารีจิตวิญญาณจากทะเลสาบมนตรา

ทะเลสาบมนตราอยู่ในประตูแห่งชีวิตและความตาย ตำนานกล่าวว่าหลังจากหยางเมิ้งตาย เขาเมามายอยู่ที่ริมทะเลสาบแห่งนี้

‘ประตูแห่งชีวิตและความตายอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาและแดนศักดิ์สิทธิ์ของนิกายเงาอยู่ที่ภูเขาอี้เทียนของภาคใต้ ปัจจุบันมันอยู่ในอาณาจักรแห่งความฝันขนาดใหญ่ หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ข้าจะไปยึดครองประตูแห่งชีวิตและความตาย ด้วยการผสานงานระหว่างแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพทั้งสาม การบ่มเพาะจิตวิญญาณของข้าจะมีประสิทธิภาพสูงสุด!’

ฟางหยวนทำได้เพียงคิด

อาณาจักรแห่งความฝันเป็นอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ ปัจจุบันเขาไม่สามารถผ่านอุปสรรคนี้

สิ่งสำคัญที่สุดคือเจตจำนงสวรรค์

ทุกการเคลื่อนไหวของฟางหยวนจะดึงดูดความสนใจของเจตจำนงสวรรค์

เขาต้องคิดถึงเจตจำนงสวรรค์เสมอ

ฟางหยวนไม่ได้บินกลับเมืองเมฆาของเขาแต่เดินทางไปยังเมืองเมฆาที่สิบสอง

ในไม่ช้าเขาก็พบผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ขนที่สิบสอง

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ท่านมาแล้ว นี่คือวิญญาณเจตจำนงของตนเองที่ท่านต้องการให้ข้าหลอมรวม โปรดตรวจสอบ” ผมที่สิบสองกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น

ฟางหยวนโบกมือและเก็บวิญญาณเจตจำนงของตนเองทั้งหมดเอาไว้ “ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ ข้าเชื่อใจเจ้า”

ผมที่สิบสองหัวเราะและรู้สึกปลื้มปิติมาก

ก่อนฟางหยวนจะจากไป ผมที่สิบสองยังจับมือเขาและกล่าวขอบคุณ “ข้าต้องขอบคุณท่านมากที่ให้โอกาสข้าได้หลอมรวมวิญญาณเจตจำนงของตนเอง ตอนนี้สวรรค์สีเหลืองปิด ข้าไม่มีเงินทุนที่จะซื้อสัตว์อสูรเดียวดาย”

“พวกเราต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ข้าหวังว่าพวกเราจะสามารถทำงานร่วมกันอีก” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

“แน่นอน!” ผมที่สิบสองเร่งตอบรับ

หลังจากทำธุรกรรม ฟางหยวนเดินทางกลับเมืองเมฆาของเขาทันที

“วิญญาณเจตจำนงของตนเอง” ในห้อง ฟางหยวนพึมพำขณะถือวิญญาณระดับห้าเอาไว้ในมือ

วิญญาณดวงนี้ดูคล้ายกระดาษพับเป็นรูปแมงป่อง มันมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์มาก

สำหรับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณดวงนี้ มันมาจากนิกายเงา

ฟางหยวนเป็นปีศาจต่างโลกที่สมบูรณ์ ตอนนี้เขาไม่ได้รับผลกระทบจากเจตจำนงสวรรค์ แต่ผู้อมตะหรือผู้ใช้วิญญาณคนอื่นไม่เหมือนเขา แล้วผู้คนเหล่านั้นจะต่อต้านเจตจำนงสวรรค์อย่างไร?

นิกายเงามีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ นั่นคือวิญญาณเจตจำนงของตนเอง

นี่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งปัญญา มันสามารถสร้างเจตจำนงชนิดพิเศษที่เรียกว่าเจตจำนงของตนเอง พลังอำนาจของมันคือป้องกันและกำจัดเจตจำนงสวรรค์

นี่เป็นงานวิจัยชิ้นสำคัญของนิกายเงาหลังจากเผชิญหน้ากับเจตจำนงสวรรค์มาอย่างยาวนาน

ฟางหยวนได้รับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณเจตจำนงของตนเองมาจากผมที่หกและเริ่มหลอมรวมมันด้วยตนเอง

แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นที่น่พอใจ

เขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการหลอมรวม เรื่องนี้ทำให้เขาเสียเวลาและความพยายามไปอย่างไร้ประโยชน์

ต่อมาเขาหลอมรวมวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์เพราะมันมีความสำคัญกับเขามากที่สุด

แต่กระทั่งวิญญาณเจตจำนงของตนเองจะเป็นวิญญาณระดับมนุษย์ ฟางหยวนก็ยังต้องการมัน

ดังนั้นเขาจึงเปิดเผยเคล็ดลับการหลอมรวมและมอบให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนช่วยหลอมรวมมัน

ราคาของการขอให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาหลอมรวมวิญญาณนั้นสูงเกินไปและไม่มีความจำเป็น

ในบรรดาผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนของนิกายหลางหยา นอกจากผมที่หก คนอื่นๆเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับฟางหยวน

เนื่องจากฟางหยวนคุ้นเคยกับพวกเขาแล้วหรืออาจเรียกได้ว่ามีความสัมพันธ์อันดี นิกายหลางหยาให้ความสำคัญกับแต้มผลงาน หลังจากการเดินทางไปยังไท่ชิว ฟางหยวนได้รับแต้มผลงานจำนวนมากขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆต่างต้องการมัน

ผมที่สิบสองไม่ใช่คนเดียวที่ฟางหยวนขอร้อง เขายังขอความช่วยเหลือจากผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆเช่นกัน

นอกจากนั้นฟางหยวนสามารถตั้งราคาที่ต่ำมากเพราะผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้ล้วนเป็นคนไร้เล่ห์เหลี่ยม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือพวกเขามีความเชี่ยวชาญด้านการหลอมรวมขณะที่ไม่เต็มใจต่อสู้ ดังนั้นพวกเขาจึงยินดีรับภารกิจของฟางหยวน

นี่ไม่ใช่วิญญาณเจตจำนงของตนเองชุดแรกที่ฟางหยวนได้รับ

หลังจากเก็บวิญญาณเจตจำนงของตนเองดวงนี้ไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ฟางหยวนเริ่มตรวจสอบวิญญาณดวงอื่นๆ

เขาแสดงความไว้วางใจและเป็นกันเองต่อผมที่สิบสอง แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นคนระวังตัว ดังนั้นหลังจากรับสินค้ามาแล้ว เขาต้องตรวจสอบอย่างระมัดระวัง

ท้ายที่สุดนิกายหลางหยาก็มีสายลับเช่นผมที่หก

ฟางหยวนไม่รู้ว่าผมที่หกเป็นสายลับคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของนิกายเงา ด้วยเหตุนี้ฟางหยวนจึงต้องระวังตัว

หลังจากตรวจสอบและไม่พบปัญหา ฟางหยวนจึงพยักหน้าและแสดงความชื่นชม

“สิ่งเหล่านี้ได้รับการหลอมรวมโดยผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน คุณภาพของพวกมันยอดเยี่ยมจริงๆ”

ฟางหยวนเก็บวิญญาณเจตจำนงของตนเองเข้าไปในมิติช่องว่างของเขา

หรือกล่าวให้ถูกต้องกว่านั้น เขาเก็บพวกมันไว้ในภาคเหนือน้อย

พวกมันถูกกระตุ้นใช้งานทีละดวงและค่อยๆชำระล้างเจตจำนงสวรรค์ที่อยู่ภายใน

“วิญญาณเจตจำนงของตนเองเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการต่อสู้กับเจตจำนงสวรรค์ แต่พวกมันยังมีข้อบกพร่อง พวกมันเป็นเพียงวิญญาณระดับห้า พวกมันจะตายหลังจากถูกใช้งาน” ฟางหยวนถอนหายใจ

เขาตั้งข้อสังเกต “เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณเจตจำนงของตนเองที่ข้าได้รับมาไม่สมบูรณ์ นิกายเงายินดีมอบมันให้ข้า นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องมีเคล็ดลับที่ดีกว่า ในการทำธุรกรรมที่ผ่านมา ข้าขอหลายสิ่งเกินไป นี่คือขีดจำกัด ข้าไม่สามารถขอเคล็ดลับการหลอมรวมที่ดีกว่านี้”

ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถกำจัดอสูรหิมะที่อยู่ในมิติช่องว่างจักรพรรดิและใช้วิญญาณเจตจำนงของตนเองกำจัดเจตจำนงสวรรค์ที่ตกค้าง

ในบางเวลาเขาจะใช้ภูเขาตงฮันและหุบเขาเหล่าโปบ่มเพาะจิตวิญญาณเพื่อเสริมสร้างรากฐานบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

นอกจากนี้เขายังใช้บางเวลาฝึกสอนผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเกี่ยวกับการต่อสู้

การปิดตัวของสวรรค์สีเหลืองยังส่งผลกระทบอย่างมากต่อฟางหยวน

การจัดการมิติช่องว่างจักรพรรดิของเขาถูกบังคับให้หยุดแม้เขาจะมีแผนการและเงินทุนอย่างเพียงพอก็ตาม

วันเวลาผ่านไป

ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของฟางหยวนค่อยๆใกล้เข้ามา

แผนการของนิกายหลางหยาเกี่ยวกับไท่ชิวไม่เคยหยุดนิ่ง

ในบางครั้งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนจะได้รับภารกิจจากนิกายและใช้ค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่เดินทางไปยังไท่ชิว

ภารกิจแรกของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้คือการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและรักษาเสถียรภาพของค่ายกลวิญญาณเคลื่อนย้ายสถานที่

สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจก็คือผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้ไม่พบกับความยากลำบากใดๆ ภารกิจของพวกเขาราบรื่นมาก พิจารณาจากเรื่องนี้ดูเหมือนเจตจำนงสวรรค์จะไม่ได้กำหนดเป้าหมายที่พวกเขา

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท