เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1101

ตอนที่ 1101

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1101 สองมรดกที่แท้จริง

แปลโดย iPAT

‘สถานการณ์ปัจจุบันของเผ่าไห่ ข้าควรเข้าไปยุ่งหรือไม่?’ ฟางหยวนคิดถึงความเป็นไปได้

แม้เผ่าไห่จะเป็นกองกำลังใหญ่และเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฮวงจิน แต่พวกเขาอ่อนแอลง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขากำลังถูกปิดล้อมโดยกองกำลังอื่นๆของภาคเหนือ

สถานการณ์ของเผ่าไห่ร้อนแรงมาก

แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจยอมแพ้ แต่พวกเขาเพียงเผ่าเดียวจะสามารถต่อต้านกองกำลังใหญ่ทั้งหมดของภาคเหนือได้อย่างไร

เว้นเพียงพวกเขาจะมีผู้อมตะระดับแปดคอยปกป้อง แต่ในปัจจุบันเผ่าไห่ไม่มีบุคคลเช่นนี้

ผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่สามารถใช้ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณความโกรธเกรี้ยวของยักษ์เขียวที่ทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับผู้อมตะระดับแปดได้ในระดับหนึ่ง แต่นี่เป็นไพ่ตายเพียงใบเดียวของพวกเขา

ฟางหยวนถูกล่อลวงมากขึ้นเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิง ฟางหยวนอาจได้รับบางสิ่ง

อย่าลืมว่าฟางหยวนมีข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือไห่เจิ้ง!

ไห่เจิ้งไม่เหมือนผู้อมตะเผ่าไห่คนอื่นๆ เขาได้รับความไว้วางใจจากผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่และรู้ข้อมูลเชิงลึกของเผ่าไห่มากมาย

เมื่อไห่เจิ้งอยู่ในกำมือของฟางหยวน เป็นธรรมชาติที่ฟางหยวนจะค้นวิญญาณของเขา

ตอนนี้ฟางหยวนเข้าใจเผ่าไห่มากกว่ากองกำลังใด

ภายในเผ่าไห่มีสิ่งสำคัญบางอย่างที่ดึงดูดฟางหยวน

มันคือมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน!

ไห่ฟานเป็นผู้อมตะของเผ่าไห่ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ แต่เขาเสียชีวิตไปนานแล้ว

ในอดีตไห่ฟานบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาและบรรลุถึงระดับแปด เขาทำให้เผ่าไห่กลายเป็นเจ้าเหนือหัวของภาคเหนือในช่วงเวลานั้น

แต่อายุขัยของมนุษย์มีจำกัด หลังจากไห่ฟานเสียชีวิต เผ่าไห่อ่อนแอลงขณะที่กองกำลังอื่นเข้ามาแทนที่

ก่อนไห่ฟานเสียชีวิต เขาทิ้งมรดกเอาไว้เบื้องหลัง แต่ไม่มีบุตรหลานคนใดของเผ่าไห่ที่สามารถรับสืบทอดมรดกนี้

มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะระดับแปด! หากผู้ใดได้รับมัน พวกเขาอาจกลายเป็นผู้อมตะระดับแปดในอนาคต

หากเผ่าไห่มีผู้อมตะระดับแปด พวกเขาจะไม่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้

ในโลกของผู้อมตะ ผู้อมตะระดับหกเป็นชนชั้นล่าง ผู้อมตะระดับเจ็ดเป็นชนชั้นกลาง ขณะที่ผู้อมตะระดับแปดเป็นเจ้าเหนือหัว

หากเผ่าไห่มีผู้อมตะระดับแปด แม้ไห่ลั่วหลันจะเป็นผู้ร้ายหลักที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง กองกำลังอื่นก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

การดำรงอยู่ของผู้อมตะระดับแปดมีความสำคัญถึงระดับนี้

แม้ผู้อมตะระดับแปดจะเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆ เขาก็เพียงต้องจ่ายด้วยทรัพยากรจำนวนหนึ่งเพื่อปกป้องเผ่า

สถานการณ์ปัจจุบัน แม้เผ่าไห่จะมีผู้อมตะมากมายแต่พวกเขาไม่สามารถปกป้องเผ่า

‘มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน…’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

‘ตอนนี้อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้าคือเจตจำนงสวรรค์’

‘ภัยพิบัติแต่ละครั้งของข้าอันตรายเกินไป สิ่งสำคัญที่สุดข้าต้องเผชิญหน้ากับมันทุกสองเดือน!’

หากฟางหยวนมีเวลามากกว่านี้ เขาจะรับมือภัยพิบัติได้ดีขึ้น

แต่ร่างกายของฟางหยวนเกิดจากวิญญาณทารกอมตะ มันยอดเยี่ยมเกินไป การดำรงอยู่ของมันเป็นการท้าทายสวรรค์ สวรรค์จะไม่ปล่อยให้มันดำรงอยู่ต่อไป

อย่างไรก็ตามด้วยสติปัญญาของมนุษย์และความรู้ที่สะสมมาจากรุ่นสู่รุ่น พวกเขามีวิธีรับมือกับภัยพิบัติมากมาย

ท่ามกลางวิธีเหล่านี้ วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือวิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

บรรพชนผมยาวก็ใช้วิธีบนเส้นทางแห่งกาลเวลาชะลอเวลาในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาเช่นกัน

หลังจากบรรพชนผมยาวเสียชีวิต สิ่งที่เขาทิ้งไว้ยังทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยามีเวลาเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติทั้งหมด

‘ข้าไม่รู้จักผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่สามารถชะลอเวลาของแดนศักดิ์สิทธิ์ แม้ไท่เป่ยหยุนเฉิงจะเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่เขาไม่มีความสามารถชนิดนี้’

ฟางหยวนรู้จักความสามารถของไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นอย่างดี ไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาทุกคนที่จะมีวิธีชะลอเวลา ไท่เป่ยหยุนเฉิงเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับเรื่องนี้

‘แม้ข้าจะรู้จักผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่มีความสามารถชนิดนี้ แต่มิติช่องว่างจักรพรรดิเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า ข้าไม่สามารถปล่อยให้ผู้อื่นล่วงรู้เรื่องนี้’

‘ข้าจะสามารถพึ่งพาตนเองหากข้าได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน’

มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลาบางคนอาจไม่มีวิธีชะลอเวลาของแดนศักดิ์สิทธิ์

แต่มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานไม่ใช่มรดกทั่วไป มันเป็นมรดกของผู้อมตะระดับแปด!

บันทึกของเผ่าไห่ระบุไว้ว่า เมื่อไห่ฟานยังมีชีวิต เขาชะลอเวลาในแดนศักดิ์สิทธิ์มากมายของผู้อมตะเผ่าไห่ ด้วยวิธีนี้ผู้อมตะเผ่าไห่จึงมีเวลาเตรียมตัวและมีโอกาสประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามภัยพิบัติของตนมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปผู้อมตะของเผ่าไห่จึงมีจำนวนมากกว่ากองกำลังอื่น

นั่นคือช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ของเผ่าไห่

ฟางหยวนรู้ประวัติศาสตร์ของเผ่าไห่จากการค้นวิญญาณของไห่เจิ้ง

นางมารผลาญสวรรค์รู้เรื่องนี้เช่นกัน เนื่องจากนางได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีบนเส้นทางแห่งกาลเวลา ดังนั้นนางจึงต้องเปลี่ยนตนเองเป็นผีดิบอมตะ

เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ นางจึงส่งซูเซียนเอ๋อเข้าไปเป็นสายลับในเผ่าไห่เพื่อสืบข้อมูลเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน แต่น้องสาวของนางมารผลาญสวรรค์ผู้นี้กลับตกหลุมรักไห่เจิ้งและให้กำเนิดไห่ลั่วหลันกระทั่งเกิดเรื่องราวแห่งความรักและความเกลียดชัง

กล่าวได้ว่าตราบเท่าที่ฟางหยวนได้รับมรดกของไห่ฟาน เขาจะสามารถชะลอเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

เมื่อเวลาเดินช้าลง สถานการณ์ของฟางหยวนจะเปลี่ยนไปมาก

แม้ทรัพยากรในมิติช่องว่างของเขาจะเติบโตช้าลง แต่มันจะช่วยลดแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่ให้กับฟางหยวน หากเปรียบเทียบ ข้อดีมีมากกว่าข้อเสีย

มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

ฟางหยวนถูกล่อลวงมากขึ้นเรื่อยๆ

นี่ถือเป็นทางออกที่ดีสำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันของเขา

‘หากข้าต้องการเข้าร่วมการต่อสู้ที่วุ่นวายนี้ มีหลายวิธีที่ข้าทำได้’

‘ข้อมูลเป็นข้อได้เปรียบประการแรกของข้า ประการที่สอง ข้ามีวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดที่สามารถปกปิดกลิ่นอาย เจตจำนงสวรรค์จะไม่พบข้า ประการที่สาม ด้วยท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณเปลี่ยนรูปลักษณ์ ข้าสามารถปลอมตัวเข้าสู่สงคราม’

‘แต่ข้าควรไปหรือไม่?’

ฟางหยวนครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ก่อนจะตัดสินใจสังเกตการณ์อยู่ข้างสนามรบและไม่เดินทางไปทันที

ตอนนี้สถานการณ์ของเผ่าไห่วุ่นวายเกินไป

ทั้งฝ่ายธรรมะและปีศาจกระทั่งผู้บ่มเพาะสันโดษยังเข้าร่วมในการบุกโจมตีเผ่าไห่

ผู้เชี่ยวชาญจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มีผู้อมตะระดับหกชั้นล่างสุดจำนวนมาก ท่ามกลางผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดยังมีผู้อมตะระดับเจ็ดเช่นบัณฑิตสันโดษและไป่ซุ้ยฮัน จากข่าวลือกระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและปีศาจอมตะเซี่ยหูยังเข้าร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้

ฟางหยวนรู้สึกถึงเวลาที่ยังไม่สุกงอม

นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ผู้อมตะจำนวนมากกำลังเข้ายึดครองแหล่งทรัพยากรต่างๆของเผ่าไห่ พวกเขายังไปไม่ถึงฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่

กองกำลังต่างๆกำลังคุมเชิงกันและกัน ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าสู่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์

หากฟางหยวนเข้าไปตอนนี้ เขาจะปลอมตัวเป็นผู้ใด

วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดสามารถปกปิดกลิ่นอายได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น มันไม่สามารถใช้ได้เป็นเวลานาน

สิ่งสำคัญที่สุดยังเป็นเจตจำนงสวรรค์

เจตจำนงสวรรค์จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้กำจัดฟางหยวน

แล้วเจตจำนงสวรรค์จะรู้แผนการของฟางหยวนได้อย่างไร?

เจตจำนงสวรรค์แฝงตัวอยู่ในวิญญาณกาลเวลา มีความเป็นไปได้ที่มันจะรู้แผนการของเขาล่วงหน้า

ระหว่างการทำธุรกรรมกับนิกายเงา ผมที่หกบอกฟางหยวนว่าเจตจำนงสวรรค์กว้างใหญ่และมีอยู่ในทุกที่

เจตจำนงสวรรค์ครอบคลุมพื้นที่ทั้งห้าภูมิภาคและสองสวรรค์

ด้วยเหตุผลหลายประการ ฟางหยวนจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเปิดเผยและง่ายดาย

เขาตัดสินใจรอดูสถานการณ์ เมื่อสถานการณ์ของเผ่าไห่เริ่มชัดเจนมากขึ้น เขาจะเคลื่อนไหว

กุญแจสำคัญยังเป็นเรื่องเดิม ความเร็ว!

รวบรวมความแข็งแกร่งและโจมตีทันที!

ไม่มีวิธีใดดีไปกว่าวิธีนี้

ฟางหยวนรอคอยอย่างอดทนโดยใช้นิกายหลางหยาเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูล

วันเวลาผ่านไป

การต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ทวีความรุนแรงมากขึ้น ผู้อมตะจำนวนมากเข้าร่วม บางคนชนะ บางคนแพ้ ยิ่งนานวันมันก็ยิ่งดึงดูดผู้คนมากขึ้นและกลายเป็นการต่อสู้ที่ไม่สามารถควบคุม

ผู้บ่มเพาะสันโดษถูกล่อลวงโดยผลประโยชน์และปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บางคนคิดเช่นเดียวกับฟางหยวนและกำลังรอเวลาที่เหมาะสม

…..

สวนหมื่นพฤกษา

“ข้าพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะซ่อนตัวอยู่ในมิติช่องว่าง ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถอนุมานสิ่งใด” ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเทียนเซี่ยซินถอนหายใจและแสดงออกด้วยความลำบากใจ

“เป็นเช่นนั้น…” ชูตู๋ไม่สามารถปกปิดความผิดหวังบนใบหน้า

“แต่ข้าได้รับประโยชน์บางอย่าง” เทียนเซี่ยซินกล่าวต่อ

“โอ้ น้องเทียนหมายถึงสิ่งใด?” ชูตู๋รู้สึกงุนงง

เทียนเซี่ยซินคืนวิญญาณอมตะดาบบินให้กับชูตู๋และกล่าว “วิญญาณอมตะดาบบินดวงนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มีเงื่อนงำบางอย่างถูกทิ้งไว้ในวิญญาณอมตะดวงนี้ มันคือกุญแจสู่มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะบางคน!”

“อันใด? มีเรื่องเช่นนี้งั้นหรือ?” ชูตู๋ประหลาดใจและรู้สึกสนใจมาก “มันคือมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งดาบของโป้ชิงหรือไม่?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท