เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1106 การต่อสู้ของเผ่าไห่ (2)
แปลโดย iPAT
ชิงฉวนซื่อเป็นผู้อมตะระดับหกที่เคยผ่านภัยพิบัติสวรรค์มาแล้วแต่เขากลับไม่สามารถต่อต้านและถูกสังหารทันทีโดยเหนียงเอ๋อปิงซื่อ
นี่ทำให้การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะฝ่ายธรรมะเปลี่ยนแปลงไป
ศีรษะของชิงฉวนซื่อตกลงบนพื้น
เลือดพุ่งออกมาจากลำคอที่ไร้ศีรษะราวกับน้ำพุธรรมชาติ
ชิงฉวนซื่อเสียงชีวิตด้วยดวงตาเบิกกว้าง
แสงดาบของเหนียงเอ๋อปิงซื่อยังบินต่อไปด้วยกลิ่นอายที่น่าประทับใจ
“คนต่อไปคือเจ้า!” เหนียงเอ๋อปิงซื่อกล่าวเบาๆแต่ทุกคนสามารถได้ยิน
บุคคลที่โชคร้ายคนที่สองยังเป็นผู้อมตะฝ่ายปีศาจ
แต่เหนียงเอ๋อปิงซื่อได้เปิดเผยการคงอยู่ของตนเองไปแล้ว ดังนั้นปีศาจอมตะผู้นี้จึงสามารถรับมือได้ดีกว่าชิงฉวนซื่อ เขาเร่งล่าถอยแต่เหนียงเอ๋อปิงซื่อยังสามารถล่าสังหารเขาได้ในการโจมตีเดียว
การแสดงออกของผู้อมตะฝ่ายธรรมะเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ผู้อมตะเผ่าหลิว หลิวซวนเฉินเผยรอยยิ้ม “เหนียงเอ๋อฝู นี่คือเด็กรุ่นใหม่ของเผ่าเหนียงเอ๋องั้นหรือ?”
เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างกะทันหัน “ฮ่าฮ่า เด็กผู้นี้ได้รับมรดกที่แท้จริงของผู้พิทักษ์ดาบและฝึกตนอยู่ในเผ่าของข้ามาเป็นเวลาสิบปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมา เป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกตื่นเต้นและบ้าคลั่งเช่นนี้”
เขาคือผู้อมตะระดับเจ็ดในรูปลักษณ์ของเด็กอ้วนอายุเพียงห้าหรือหกขวบเท่านั้น
หลิวซวนเฉินลอบถ่ายทอดเสียงและวิพากษ์วิจารณ์กับคนอื่นๆ
“ผู้พิทักษ์ดาบเหนียงเอ๋อเป็นผู้อมตะระดับแปดของเผ่าเหนียงเอ๋อ เขาไม่ต่างจากไห่ฟาน ด้วยการคงอยู่ของผู้พิทักษ์ดาบเหนียงเอ๋อ เผ่าเหนียงเอ๋อจึงกลายเป็นกองกำลังระดับแนวหน้าของภาคเหนือ”
“ผู้พิทักษ์ดาบเหนียงเอ๋อเคยเป็นอัจฉริยะที่บ่มเพาะบนเส้นทางแห่งแสงแต่ภายหลังเขาเปลี่ยนไปบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งดาบและยังประสบความสำเร็จ ก่อนตายเขาทิ้งมรดกที่แท้จริงไว้เบื้องหลัง มีการทดสอบที่ยากลำบากแต่สุดท้ายยังมีบางคนสามารถรับสืบทอดมรดกจากเขา”
“ข่าวลือกล่าวว่ามรดกที่แท้จริงของผู้พิทักษ์ดาบถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ผู้ที่ได้รับมรดกส่วนแรกจะถูกเรียกว่านักดาบฝึกหัด”
“หลังจากสามร้อยปี นักดาบฝึกหัดคนใหม่ก็ปรากฎตัวขึ้นในเผ่าเหนียงเอ๋อ!”
หากคนผู้นี้ได้รับอนุญาตให้ฝึกฝนต่อไป อนาคตของเขาจะส่งผลกระทบต่อกองกำลังฝ่ายธรรมะของภาคเหนือเป็นอย่างมาก
เมื่อเขากลายเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดและได้รับมรดกอีกสองส่วน เขาจะกลายเป็นผู้สืบทอดของผู้พิทักษ์ดาบที่แท้จริง
เรื่องนี้ไม่สามารถมองข้าม
ในความเป็นจริงนักดาบฝึกหัดผู้นี้ยังเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก แต่พลังการต่อสู้ของเขากลับน่าสะพรึงกลัวถึงระดับนี้ ในเวลาสั้นๆ เขาสามารถสังหารปีศาจอมตะไปถึงสองคน!
เหนียงเอ๋อปิงซื่อคำรามด้วยความมั่นใจ เขาเคลื่อนที่ไปรอบๆและสามารถมองเห็นเพียงแสงดาบสีเงินเท่านั้น
แสงดาบเปลี่ยนทิศไปยังปีศาจอมตะที่อยู่ใกล้ที่สุด
แสงดาบทะลุผ่านร่างของปีศาจอมตะแต่เขายังสามารถเผยรอยยิ้มเย็นชา “เด็กน้อย เพียงเพราะเจ้าสามารถสังหารคนอ่อนแอ เจ้าถึงกับกล้าท้าทายข้าอย่างไร้ยางอายเช่นนี้งั้นหรือ?”
ปีศาจเฒ่าซากศพพิษกล่าวขณะที่ควันสีม่วงลอยขึ้นจากบาดแผลของเขา
เมื่อควันสีม่วงจางหายไป อาการบาดเจ็บของเขาก็ฟื้นฟูขึ้น
แสงดาบของเหนียงเอ๋อปิงซื่อแตกสลายและเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาและมีคิ้วที่แหลมคม
“พรวด!”
เขาพ่นเลือดสีม่วงออกมาจากปาก
“สู้กับข้าอีกครั้ง!” เหนียงเอ๋อปิงซื่อได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่ดวงตาของเขายังลุกไหม้ด้วยความกระตือรือร้น
“เช่นนั้นข้าก็จะสังหารเจ้าก่อน” ปีศาจเฒ่าซากศพพิษเผยรอยยิ้มน่ากลัว
“เห้อ…เด็กสมัยนี้ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใดทั้งสิ้น” เหนียงเอ๋อฝูถอนหายใจ
จากนั้นร่างของเขาก็หายไปในอากาศก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งด้านข้างซากศพของชิงฉวนซื่อ
เขาสะบัดมือเบาๆแต่ศีรษะและร่างกายของชิงฉวนซื่อราวกับถูกตรึงไว้ด้วยพลังงานที่มองไม่เห็นก่อนจะบินเข้าไปในมิติช่องว่างของเหนียงเอ๋อฝู
แม้เขาจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดแต่เขาก็เต็มไปด้วยความโลภ แม้เหนียงเอ๋อปิงซื่อจะอยู่ในการต่อสู้ที่ดุเดือดกับปีศาจเฒ่าซากศพพิษ แต่เหนียงเอ๋อฝูกลับไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ตรงข้ามเขากำลังฉกฉวยประโยชน์จากซากศพที่เหนียงเอ๋อปิงซื่อทิ้งไว้เบื้องหลัง
“ตาย! ตาย!”
“นี่เป็นของข้า! ผู้ใดกล้าแย่ง!”
“ข้าเมิ้งจี๋อยู่ที่นี่ ผู้ใดกล้าต่อสู้กับข้า!?”
…..
หลังจากเหนียงเอ๋อปิงซื่อเปิดฉากโจมตี ผู้อมตะฝ่ายธรรมะก็เริ่มเข้าสู่แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กและฉกชิงทรัพยากรทุกประเภท
เสียงกรีดร้องของนกอินทรีย์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เทพธิดานกยูงเหินอี้เหราเงยศีรษะขึ้น
‘อินทรีย์มงกุฎเหล็กจำนวนมาก! แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กสมชื่อของมันจริงๆ’ อี้เหราคิด ‘หากข้าได้รับอินทรีย์มงกุฎเหล็กทั้งหมด…’
ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก ทรัพยากรที่อยู่บนพื้นดินมีค่าน้อยกว่าทรัพยากรที่อยู่บนท้องฟ้า
จนถึงตอนนี้ผู้อมตะเผ่าไห่ยังไม่แสดงตัว พวกเขาส่งเพียงอินทรีย์มงกุฎเหล็กออกมาเท่านั้น
ทุกคนที่ล่วงล้ำเข้ามาจะถูกโจมตีโดยอินทรีย์มงกุฎเหล็กเหล่านี้อย่างรุนแรง
ด้วยเหตุนี้ปีศาจอมตะส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะยึดครองทรัพยากรที่อยู่บนพื้นดินเป็นอันดับแรก
สำหรับอี้เหรา อินทรีย์มงกุฎเหล็กดึงดูดใจนางมากที่สุด
เพราะแผนการในการบ่มเพาะขั้นต่อไปของนางคือการเปลี่ยนเป็นอินทรีย์มงกุฎเหล็ก!
อี้เหราในร่างนกยูงที่บินอยู่บนท้องฟ้าดึงดูดความสนใจของอินทรีย์มงกุฎเหล็กหลายตัวในเวลาเดียวกัน
เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น อี้เหราเร่งล่าถอย หลังจากทั้งหมดนางเพียงผู้เดียวไม่สามารถต่อสู้กับอินทรีย์มงกุฎเหล็กจำนวนมาก แผนการของนางคือล่ออินทรีย์มงกุฎเหล็กออกมาต่อสู้ทีละตัว
…..
“นี่คือต้นมนตร์เสน่ห์!” มู่หรงชิงซื่อบินลงไปยังต้นไม้ที่เติบโตขึ้นกลางสระน้ำ
“เทพธิดามู่หรง ท่านช่างรอบรู้นัก” ผู้บ่มเพาะสันโดษผู้หนึ่งกล่าว
เขาคือสุภาพบุรุษเมฆาหยุนเหลียง เขามาถึงก่อนมู่หรงชิงซื่อและกำลังเก็บเกี่ยวต้นมนตร์เสน่ห์
เห็นสุภาพบุรุษเมฆาหยุนเหลียงกำลังเก็บเกี่ยวทรัพยากร มู่หรงชิงซื่อเพียงเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ
นางอดทนรอกระทั่งหยุนเหลียงประสบความสำเร็จในการเก็บเกี่ยวต้นมนตร์เสน่ห์ทั้งหมด
“ข้ารู้สึกละอายใจนักที่ทำให้เทพธิดาต้องรอ” สุภาพบุรุษเมฆาหยุนเหลียงกล่าวอย่างสุภาพ
มู่หรงชิงซื่อยิ้ม “กล่าวตามตรง แม้ต้นมนตร์เสน่ห์จะเป็นเพียงทรัพยากรระดับหก แต่มันเหมาะสมกับข้า ข้าสงสัยว่าพวกเราจะสามารถต่อสู้เพื่อ…”
สุภาพบุรุษเมฆากล่าวขัดจังหวะ “ต้นมนตร์เสน่ห์บอบบางมาก ระหว่างการเก็บเกี่ยวไม่สามารถถูกรบกวน หากเทพธิดาไม่มีความอดทน ข้าจะรวบรวมันได้อย่างไร เราสามารถต่อสู้ หากท่านชนะ ข้าจะมอบต้นมนตร์เสน่ห์ทั้งหมดให้ท่าน”
มู่หรงชิงซื่อส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็น ข้าต้องการเพียงครึ่งเดียว”
“เทพธิดา เชิญ”
“ท่านสุภาพบุรุษ เชิญ”
ทั้งสองต่อสู้กันด้วยความแข็งแกร่งที่แท้จริงแต่ไม่ปรากฏผู้ชนะ
ด้วยเหตุนี้สุภาพบุรุษเมฆาหยุนเหลียงจึงมอบต้นมนตร์เสน่ห์ครึ่งหนึ่งให้กับเทพธิดามู่หรงชิงซื่อ ทั้งสองแยกย้ายกันไปด้วยความพึงพอใจ
ผู้อมตะฝ่ายธรรมะส่วนใหญ่มักดำเนินการด้วยความสุภาพและอดทน
เหนียงเอ๋อปิงซื่อและเหนียงเอ๋อฝูของเผ่าเหนียงเอ๋อเป็นข้อยกเว้นของฝ่ายธรรมะ
แม้ฝ่ายธรรมะจะปกครองภาคเหนือมานาน แต่จำนวนผู้อมตะฝ่ายธรรมะที่เข้าร่วมในเหตุการณ์นี้ยังไม่สามารถแข่งขันกับฝ่ายปีศาจและผู้บ่มเพาะสันโดษ
เหตุผลก็คือสมาชิกตระกูลฮวงจินล้วนมีทรัพยากรของตนเองที่ต้องปกป้อง แม้ฝ่ายธรรมะจะมีผู้อมตะมากมาย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถละทิ้งแหล่งทรัพยากรของตนเพื่อมาที่นี่
ในทางตรงข้ามปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษไม่มีปัญหานี้
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือกองกำลังใหญ่ต่างมีทรัพยากรมากมาย ตราบเท่าที่ผลประโยชน์ของพวกเขาไม่ถูกแตะต้อง พวกเขาก็จะไม่เข้าสู่การต่อสู้
หลังจากทั้งหมดผู้อมตะทุกคนล้วนไม่ใช่ตัวตนที่จัดการได้ง่าย หากเกิดความขุ่นเคือง พวกเขาอาจบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามและสร้างปัญหาให้กระทั่งกองกำลังขนาดใหญ่
มุมหนึ่งของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก การต่อสู้ระหว่างไป่ซุ้ยฮันกับบัณฑิตสันโดษสิ้นสุดลง
ไป่ซุ้ยฮันมีท่าไม้ตายใหม่แต่เขายังไม่สามารถแข่งขันกับท่าไม้ตายที่ทรงพลังของบัณฑิตสันโดษ
ไป่ซุ้ยฮันก่นเสียงเย็นก่อนจะจากไปโดยไม่ลังเล
ปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษไม่มีกองกำลังสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระวังตัวและคิดถึงราคาที่ต้องจ่ายเพื่อแย่งชิงทรัพยากรมากกว่าผู้อมตะฝ่ายธรรมะ หากค่าใช้จ่ายสูงเกินไป พวกเขาจะละทิ้งเป้าหมายทันที
เหนือแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก คฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตกยังลอยอยู่ในตำแหน่งเดิม
ผู้อมตะเผ่ากงและเผ่าไป่ซูยังไม่ได้เคลื่อนไหว พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง
ในความเป็นจริงกงเอ๋อรู้สึกกังวลมาก แต่เขาไม่ได้แสดงออก “ทุกคนกำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่อยู่บนพื้นของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก หากช้าไปกว่านี้อาจไม่เหลือสิ่งใด พวกท่านคิดว่าพวกเราควรลงมือหรือยัง?”
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูโบกมือและเผยรอยยิ้ม “ทรัพยากรล้ำค่าของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กอยู่บนท้องฟ้า ผู้อมตะเผ่าไห่ยังไม่ปรากฏตัว การต่อสู้พึ่งเริ่มต้นเท่านั้น”
กงเอ๋อรู้สึกประหลาดใจมาก
แม้เผ่าไป่ซูจะเข้าสู่ฝ่ายธรรมะได้เพียงไม่นาน แต่รากฐานของพวกเขากลับไม่ด้อยกว่ากองกำลังตระกูลฮวงจิน
ผู้อมตะเผ่าไป่ซูแสดงท่าทางสงบนิ่งโดยไม่กังวลและไม่เร่งรีบแม้แต่น้อย สิ่งนี้ทำให้กงเอ๋อรู้สึกสับสบเป็นอย่างมาก