เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1104

ตอนที่ 1104

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1104 สวรรค์สีเหลืองเปิดอีกครั้ง

แปลโดย iPAT

สิ่งที่นิกายเงาทิ้งไว้เบื้องหลังไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย

ด้านหน้าไห่ลั่วหลันกับไท่เป่ยหยุนเฉิงมีวิญญาณอมตะหลายสิบดวง

แต่เมื่อมองไปที่วิญญาณอมตะเหล่านี้ ความยินดีบนใบหน้าของพวกเขากลับจางหายไป

“ข้ามีสุดยอดกายาเทพยุทธ์ที่แท้จริงแต่ไม่มีวิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งอยู่ที่นี่…” ไห่ลั่วหลันส่ายศีรษะและกล่าวด้วยความเสียใจ

“เห้อ…ฟางหยวน เจ้ารู้ว่าข้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา หากข้าใช้วิญญาณอมตะเหล่านี้…” ไท่เป่ยหยุนเฉิงอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับไห่ลั่วหลัน

วิญญาณอมตะส่วนใหญ่เป็นวิญญาณบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณ

ซื่อหนิวเงียบ เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปฐพี เขามีวิญญาณอมตะสองดวงและพวกมันยังอยู่กับเขา

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าของเขายังไม่จางหายไป

เขารู้ว่านี่คือวิญญาณอมตะที่ถูกทำลายระหว่างการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน หลายวันที่ผ่านมาคฤหาสน์วิญญาณอมตะสระแห่งความโศกเศร้าถูกกระตุ้นใช้งานตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้าและหลอมรวมวิญญาณอมตะเหล่านั้นขึ้นมาอีกครั้ง

การหลอมรวมวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งการเวลาส่วนใหญ่ล้มเหลว

วิญญาณอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งไม่มีเลย

“ไม่มีปัญหา พวกเจ้ากังวลว่าร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจะขัดแย้งกัน แต่ข้ามีวิธีพิเศษที่สามารถช่วยให้พวกเจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางสายอื่นได้โดยไม่เกิดความขัดแย้งกับเส้นทางสายหลักของพวกเจ้า”

“มีวิธีเช่นนั้นงั้นหรือ?” ดวงตาของไท่เป่ยหยุนเฉิงเบิกกว้างขึ้น

การแสดงออกของซื่อหนิวเปลี่ยนไปเช่นกัน เขาไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน

ไห่ลั่วหลันหรี่ตามองและคิดว่าอิงอู๋เซี่ยพยายามวางแผนเพิ่มการควบคุมพวกนาง

นางกล่าว “มีข้อดีย่อมมีข้อเสียถูกต้องหรือไม่?”

อิงอู๋เซี่ยยิ้ม “ข้ามั่นใจว่าไม่มีข้อเสียใดๆ”

เห็นการแสดงออของอิงอู๋เซี่ย ช่วยไม่ได้ที่ไห่ลั่วหลันจะคิดถึงฟางหยวน

นอกจากวิญญาณทารกอมตะยังมีวิธีที่สามารถบ่มเพาะบนเส้นทางสองสายโดยไม่เกิดความขัดแย้ง?

นิกายเงาสร้างวิญญาณทารกอมตะ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมมีงานวิจัยมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้

หลังประตูแห่งชีวิตและความตาย เทพปีศาจจิตวิญญาณกลืนกินดวงวิญญาณของผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้เขาได้รับประสบการณ์การบ่มเพาะมากมาย

เขาใช้เวลาเตรียมตัวนับแสนปี วิธีการบ่มเพาะบนเส้นทางสองสายเป็นงานวิจัยชิ้นแรกๆของพวกเขา

แต่กระทั่งเทพปีศาจจิตวิญญาณและนิกายเงาจะวางแผนมาเป็นอย่างดี สุดท้ายวิญญาณทารกอมตะกลับถูกฉกชิงไปโดยฟางหยวน

วิญญาณทารกอมตะเป็นวิญญาณที่ใช้ได้ครั้งเดียว ฟางหยวนใช้มันไปแล้วขณะที่ต้นทุนการหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะเป็นครั้งที่สองสูงเกินไป กระทั่งอิงอู๋เซี่ยก็ไม่มีความมั่นใจในเรื่องนี้

‘เว้นเพียงข้าจะสามารถจับตัวฟางหยวนและใช้ร่างกายของเขาเป็นวัสดุในการหลอมรวม!’

‘อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะจัดการเขา’

‘ข้าต้องเพิ่มความแข็งแกร่งและรวบรวมกองกำลังที่เหลืออยู่ของนิกายเงาเพื่อช่วยร่างหลักเป็นอันดับแรก!’

อิงอู๋เซี่ยลอบถอนหายใจ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาต่อสู้กับฟางหยวน

…..

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ภาคเหนือ แดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยา

ตั้งแต่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของฟางหยวน ตอนนี้ผ่านมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว

สวรรค์สีเหลืองยังไม่เปิด

แผนการเกี่ยวกับมิติช่องว่างของฟางหยวนได้รับผลกระทบอย่างมาก เขาทำได้เพียงฝึกฝนและอนุมานถึงความเป็นไปได้ต่างๆในภาคเหนือเท่านั้น

ภัยพิบัติพิภพจะเกิดขึ้นทุกสองเดือน ตอนนี้เวลาผ่านไปมากกว่าหนึ่งเดือน นั่นหมายความว่าฟางหยวนกำลังจะพบกับภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามเร็วๆนี้!

สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนกังวลก็คือภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามจะอันตรายกว่าครั้งที่สอง นอกจากนั้นเขายังไม่มีความก้าวหน้าใดๆ

‘หากข้าได้รับมรดกของไห่ฟาน ข้าจะสามารถใช้ประโยชน์จากวิญญาณอมตะบางดวงเพื่อชะลอเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ ด้วยวิธีนี้ข้าจะมีความได้เปรียบอย่างมากในอนาคต!’

ฟางหยวนได้รับข้อมูลมากมายจากไห่เจิ้ง

มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานน่าประทับใจมาก ไห่ฟานเป็นผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลา หากเขาได้รับมรดกนี้ นอกจากเขาจะได้รับวิญญาณอมตะ เขายังสามารถยึดครองถ้ำสวรรค์!

มรดกที่แท้จริงของผู้อมตะจำนวนมากมีเพียงเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะและท่าไม้ตายอมตะของพวกเขา ส่วนใหญ่ไม่มีการส่งมอบวิญญาณอมตะ เนื่องจากการให้อาหารวิญญาณเป็นเรื่องยากลำบาก

แต่มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานแตกต่างออกไป

วิญญาณอมตะของไห่ฟานยังอยู่ในถ้ำสวรรค์ของเขา

โดยปกติมิติช่องว่างของผู้อมตะจะสามารถผลิตอาหารให้กับวิญญาณอมตะของพวกเขาเอง

ไห่ฟานเป็นผู้อมตะระดับแปดที่มีชื่อเสียงของภาคเหนือกระทั่งถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าถ้ำสวรรค์ของเขาต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

หากฟางหยวนได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ความสามารถของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมาก เมื่อเขาชะลอเวลาในมิติช่องว่างจักรพรรดิ สถานการณ์อันตรายของเขาจะยุติลง

หลายวันที่ผ่านมานิกายหลางหยาได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับความวุ่นวายในภาคเหนือ

ในความเป็นจริงความสามารถในการรวบรวมข้อมูลของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนยังด้อยกว่าเทพธิดาหลี่ซานอยู่มาก

เหตุผลที่พวกเขาได้รับข้อมูลมากมายเป็นเพราะความวุ่นวายของภาคเหนือที่รุนแรงเกินไป ความขัดแย้งของพวกเขาสามารถเก็บซ่อนจากมนุษย์ธรรมดา แต่สำหรับผู้อมตะ มันไม่สามารถปิดบัง

แม้ฟางหยวนจะอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาแต่เขายังเฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

เผ่าไห่ถูกลงโทษหนักเกินไป พวกเขากำลังเสี่ยงกับการล่มสลาย

ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจ หรือผู้บ่มเพาะสันโดษ พวกเขาไม่ต่างจากหมาป่าโหยที่พุ่งเข้าขย้ำเหยื่อ

หากมองจากแผนที่ของภาคเหนือ เผ่าไห่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาปกครองพื้นที่ขนาดใหญ่และควบคุมแหล่งทรัพยากรมากมาย

ทรัพยากรเหล่านี้ดึงดูดความโลภของผู้คนทั้งหมด

แรกเริ่มพวกเขายังสามารถยับยั้งชั่งใจ แต่ด้วยผลประโยชน์อันยิ่งใหญ มันจึงดึงดูดปีศาจอมตะเข้าสู่การต่อสู้

ความขัดแย้งระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เหตุการณ์หนึ่งที่น่าสนใจคือการต่อสู้ระหว่างกวงเฉินจ้าวกับสองผู้พเนจร เนื่องจากฝ่ายปีศาจมีจำนวนมากกว่า พวกเขาจึงสามารถยึดครองทุ่งรวงทอง

หลังจากนั้นปีศาจอมตะหลายคนเริ่มรวมกลุ่มกันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรของเผ่าไห่

ฝ่ายธรรมะถูกกีดขวาง

ป่าน้ำพุหลั่งไหลเผชิญหน้ากับการทำลายล้างภายใต้สถานการณ์นี้ ความพยายามตลอดหลายร้อยปีของเผ่าไห่กลายเป็นความว่างเปล่า

ฝ่ายธรรมะตื่นตัวมากขึ้นและเริ่มประสานงานกัน

โลกของผู้อมตะถูกควบคุมโดยฝ่ายธรรมะมาตลอด

โดยเฉพาะฝ่ายธรรมะของภาคเหนือ เนื่องจากพวกเขาทั้งหมดล้วนมีต้นกำเนิดเดียวกัน นั่นคือตระกูลฮวงจิน

ฝ่ายปีศาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบแต่เมื่อปีศาจอมตะระดับเจ็ดเช่นบัณฑิตสันโดษและไป่ซุ้ยฮันปรากฏตัว ความวุ่นวายระลอกใหม่ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง

นี่เป็นครั้งแรกที่ฝ่ายธรรมะถูกผลักดันให้ล่าถอย

เดิมทีผู้อมตะเผ่าไห่ยังต่อต้าน แต่หลังจากประสบกับความสูญเสียมากมาย พวกเขาต้องซ่อนตัวอยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์ของตนและไม่สามารถออกมา

สิ่งนี้ทำให้ฝ่ายปีศาจรู้สึกลำพองใจ

เช่นเดียวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่ปีศาจอมตะเซี่ยหูเอาชนะเหยากวงกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและถูกยกย่องว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของภาคเหนือ

สิ่งสำคัญที่สุดคือการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง หลังจาการประมูลของฉินไป่เฉิง ผู้อมตะจำนวนมากได้รับวิญญาณอมตะและมีพลังการต่อสู้เพิ่มสูงขึ้น

สิ่งนี้ทำให้ฝ่ายปีศาจและผู้บ่มเพาะสันโดษสามารถต่อสู้กับฝ่ายธรรมะได้ในเวลานี้

‘ข้าทำลายวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง หลังจากไม่นานผลกระทบของมันแผ่ขยายไปในวงกว้าง ภาคเหนือในปัจจุบันแตกต่างจากชีวิตก่อนหน้าของข้าเป็นอย่างมาก!’

ฟางหยวนถอนหายใจ

สถานการณ์ในภาคเหนือเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเพราะเขา

ภูมิภาคอื่นยังไม่ได้ผลกระทบมากนัก แต่ในภาคเหนือ ฟางหยวนสูญเสียความได้เปรียบของการกำเนิดใหม่ไปแล้ว

แน่นอนว่าหลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับเจตจำนงสวรรค์ เขากลายเป็นระแวงถึงสิ่งที่เรียกว่าข้อได้เปรียบของการกำเนิดใหม่

ฟางหยวนรอคอยอยู่อย่างอดทน

ทรัพยากรของเผ่าไห่ดึงดูดความสนใจของเขา แต่เขายังไม่เคลื่อนไหวเพราะสมบัติล้ำค่าที่สุดของเผ่าไห่คือมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ฟางหยวนตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจน

หลายวันต่อมา

ในที่สุดฟางหยวนก็ได้ยินว่าผู้อมตะของภาคเหนือกำลังจะบุกโจมตีฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่

‘มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานซ่อนอยู่ในฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่ ถึงเวลาแล้ว!’

ฟางหยวนตัดสินใจใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งเดินทางออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาสนับสนุนการกระทำของเขา

เนื่องจากนี่เป็นโอกาสดีที่จะตรวจสอบผู้อมตะทั้งหมดของภาคเหนือและเรียนรู้เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของพวกเขา หากโชคดี นิกายหลางหยาอาจได้รับผลประโยชน์บางอย่าง

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาไม่กล้าส่งผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนของนิกายหลางหยาออกไป แต่ฟางหยวนเป็นมนุษย์และมีความสามารถ เขาเป็นบุคคลที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำสิ่งนี้

เมื่อฟางหยวนปรากฏตัวขึ้นที่ภาคเหนือ เขาเร่งใช้วิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืดและท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยเพื่อปกปิดตนเองอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันเขายังกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติและท่าไม้ตายอมตะแม่น้ำเลือดเพื่อการเดินทางที่รวดเร็วที่สุด

เขาเคลื่อนไหวเร็วมากและไม่พบปัญหา

ผู้อมตะของภาคเหนือส่วนใหญ่รวมตัวกันอยู่รอบๆฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่ นี่ทำให้ฟางหยวนสามารถเดินทางได้โดยไม่ดึงดูดความสงสัย

เพียงไม่นานเขาก็มองเห็นฐานทัพใหญ่ของเผ่าไห่

‘มรดกที่แท้จริงของไฟ่ฟาน…ข้ามาแล้ว!’ ฟางหยวนคิดกับตนเอง แต่สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือสวรรค์สีเหลืองเปิดแล้วในขณะนี้!

สถานการณ์ของโลกผู้อมตะร้อนแรงขึ้นทันที

การเปิดตัวอีกครั้งของสวรรค์สีเหลืองทำให้ผู้อมตะทุกคนที่รอคอยอยู่อย่างอดทนระเบิดอารมณ์ออกมาและตอบสนองต่อมันอย่างรุนแรง

ฟางหยวนหยุดเคลื่อนไหว เขาลังเลว่าควรเดินหน้าต่อหรือกลับไป

เขาได้รับข้อความที่ถูกทิ้งไว้ในสวรรค์สีเหลือง

มันเป็นข้อความจากชูตู๋!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท