เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1097

ตอนที่ 1097

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1097 ความยากลำบาก

แปลโดย iPAT

ภัยพิบัติบุปผาวายุและภัยพิบัติจันทราหิมะเป็นสองภัยพิบัติพิภพที่แตกต่างกัน

แต่เมื่อภัยพิบัติบุปผาวายุและภัยพิบัติจันทราหิมะมารวมกัน พวกมันจะกลายเป็นภัยพิบัติสวรรค์ พลังอำนาจของพวกมันจะเพิ่มสูงขึ้น บุปผาวายุมีความเร็วและพลังโจมตีที่ยากจะรับมือขณะที่แสงจากจันทราหิมะจะทำให้การเคลื่อนไหวของผู้อมตะช้าลง ทั้งสองถือเป็นการจัดคู่ที่สมบูรณ์แบบ

ฟางหยวนรู้สึกกดดันมาก

แท้จริงแล้วความแข็งแกร่งของฟางหยวนในปัจจุบันโดยเฉพาะหลังจากทำธุรกรรมกับนิกายเงาและสามารถครอบครองท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนรวมถึงท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น พลังการต่อสู้ของเขาบรรลุถึงระดับเจ็ด มันไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะก้าวข้ามภัยพิบัติสวรรค์

สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกหนักใจไม่ใช่ภัยพิบัติในเวลานี้แต่เป็นอนาคตของเขา

เมื่อผู้อมตะก้าวข้ามภัยพิบัติ พวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น ตามทฤษฎี ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองจะรุนแรงกว่าครั้งแรก

แต่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของฟางหยวนกลับเทียบเท่าภัยพิบัติสวรรค์ แล้วภัยพิบัติครั้งต่อๆไปของเขาจะทรงพลังถึงระดับใด?

ผู้อมตะระดับหกต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพทุกสิบปีและภัยพิบัติสวรรค์ทุกร้อยปี หลังจากสามร้อยปีพวกเขาจะบรรลุระดับเจ็ด

นั่นหมายความว่าพวกเขาจะพบภัยพิบัติพิภพยี่สิบเจ็ดครั้งและภัยพิบัติสวรรค์สามครั้ง

สำหรับฟางหยวน หลังจากภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ เขายังต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพอีกยี่สิบห้าครั้งและภัยพิบัติสวรรค์อีกสามครั้ง

หากภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองของเขาอยู่ในระดับเดียวกับภัยพิบัติสวรรค์ แล้วอนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร? มีความเป็นไปได้ที่ภัยพิบัติพิภพครั้งต่อไปของเขาจะเทียบเท่ากับภัยพิบัติใหญ่!

แสงจันทร์ทำให้ใบหน้าของฟางหยวนดูซีดขาว

แม้แต่ความคิดของเขาก็ยังช้าลง

จันทราหิมะไม่เพียงทำให้การเคลื่อนไหวของผู้อมตะช้าลงแต่ยังรวมถึงความคิดของพวกเขาด้วย

ฟางหยวนใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาเพื่อปกป้องจิตใจของตน

เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดาย

‘สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ในการทำธุรกรรมกับนิกายเงา ผมที่หกบอกข้าว่ากระทั่งภัยพิบัติพิภพจะทรงพลังขึ้น พวกมันก็มีขีดจำกัด ตราบเท่าที่มันเป็นภัยพิบัติพิภพ พลังอำนาจของมันก็ยังอยู่ในระดับของภัยพิบัติพิภพ เขาโกหกข้างั้นหรือ? เขามอบข้อมูลเท็จให้แก่ข้าหรือไม่?’ ฟางหยวนขมวดคิ้วลึก

ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่นิกายเงาจะหลอกฟางหยวน

แต่เมื่อคิดถึงมุมมองของนิกายเงา พวกเขาไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้น

นี่เป็นเรื่องที่สามารถตรวจสอบได้ง่าย นิกายเงาต้องการจับฟางหยวนเพื่อหลอมรวมวิญญาณทารกอมตะอีกครั้ง แล้วพวกเขาจะโกหกฟางหยวนและปล่อยให้เขาตายไปในภัยพิบัติงั้นหรือ?

‘บางทีอาจมีความเป็นไปได้อื่น…’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นชา

เขาเงยหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนราวกับหมาป่าเดียวดาย

ท่าไม้ตายอมตะ คลื่นดาบสามชั้น!

ท่าไม้ตายอมตะ กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!

เขาระเบิดการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดออกมาอย่างกะทันหัน

คลื่นดาบพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าท้าทายแรงโน้มถ่วง กำปั้นยักษ์ทะลวงผ่านอากาศและแยกลมพายุออกด้วยพลังอำนาจมหาศาล

การโจมตีทั้งสองพุ่งไปยังจันทร์เสี้ยวที่อยู่บนท้องฟ้า

“เค้ง…เค้ง…”

บุปผาวายุจำนวนนับไม่ถ้วนรวมตัวกันต่อต้านคลื่นดาบสามชั้นและกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน

ในไม่ช้าทั้งสองฝ่ายก็พังทลายลง

แต่มีบางสิ่งที่ดูแปลกประหลาด

ก่อนหน้านี้บุปผาวายุพุ่งเป้าไปที่ภูเขาตงฮันเท่านั้น พวกมันต้องการทำลายแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพที่มีชื่อเสียง พวกมันไม่สนใจคลื่นดาบสามชั้นและกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนของฟางหยวนและกระทั่งพยายามหลีกเลี่ยง

แต่ตอนนี้บุปผาวายุกลับพุ่งเข้าเผชิญหน้ากับการโจมตีของฟางหยวนโดยตรง

ดูเหมือนบุปผาวายุเหล่านี้พยายามปกป้องดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้า

การดำรงอยู่ของจันทราหิมะสร้างแรงกดดันให้กับฟางหยวนเป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่บุปผาวายุจะต้องการปกป้องมัน

แต่ฟางหยวนกลับรู้สึกตื่นเต้น

หมื่นตัวตน!

หมื่นตัวตน!

หมื่นตัวตน!

ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากพุ่งออกไปราวกับคลื่นยักษ์

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนสามครั้งและทำให้ภูเขาตงฮันที่เคยว่างเปล่ากลายเป็นสถานที่แออัด

ฟางหยวนจำนวนนับไม่ถ้วนบินขึ้นสู่อากาศ บางส่วนกระโดดลงจากภูเขา

แต่แตกต่างจากครั้งก่อน ร่างจริงของฟางหยวนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มภูตมนุษย์ที่วิ่งลงจากภูเขาตงฮัน

บุปผาวายุพยายามโจมตีภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่ง

แต่ภูตมนุษย์ของฟางหยวนมีมากเกินไป

ด้วยการใช้ภูตมนุษย์จำนวนมากพร้อมกับท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยและวิญญาณอมตะขีดจำกัดความมืด ฟางหยวนบินขึ้นสู่ท้องฟ้าได้สำเร็จ

‘เวลานี้!’

วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ!

ฟางหยวนเลือกจังหวะเวลาที่เหมาะสมและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติบินขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับมังกรวารีทะยานขึ้นจากมหาสมุทร

เมื่อเข้าใกล้จันทราหิมะ ฟางหยวนกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นและท่าไม้ตายอมตะกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนอีกครั้ง

เจตจำนงสวรรค์เผยจุดอ่อนขณะที่บุปผาวายุกำลังโจมตีภูตมนุษย์ของฟางหยวน

นี่ทำให้ฟางหยวนทำลายจันทราหิมะได้สำเร็จ!

ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งจำนวนมากพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนราวกับต้นไม้ที่ได้รับน้ำและดูดซับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเอาไว้ทั้งหมด

ทันใดนั้นเขารู้สึกราวกับตนเองเป็นดวงจันทร์ที่แขวนอยู่บนท้องฟ้าและส่องแสงลงมาอย่างเงียบเชียบขณะที่ตนเองมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้

ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!

เส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เพียงสัตว์หรือพืชเท่านั้นแต่ยังรวมถึงภูเขา แม่น้ำ สายลม ดวงจันทร์ และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทั้งหมด

ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งทำให้ฟางหยวนได้รับประโยชน์อย่างมาก

เขาหัวเราะเสียงดังอย่างมีความสุข

มันกลายเป็นว่าภัยพิบัติจันทราหิมะและบุปผาวายุเป็นเพียงการรวมตัวกันอย่างหยาบๆ มันไม่ใช่ภัยพิบัติสวรรค์ที่แท้จริง

ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สองยังคงอยู่ในขอบเขตของภัยพิบัติพิภพ ไม่ว่าเจตจำนงสวรรค์จะโกรธเกรี้ยวมากเท่าใด ไม่ว่ามันจะต้องการกำจัดฟางหยวนมากเพียงใด มันก็ไม่สามารถทำลายกฎเกณฑ์ของมันเอง

สายลมคำรามราวกับเจตจำนงสวรรค์กำลังรู้สึกอับอายที่ถูกเปิดเผยแผนการของมัน

บุปผาวายุจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน

ฟางหยวนใช้ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากปกปิดตัวตน

บุปผาวายุทำลายภูตมนุษย์ของฟางหยวนอย่างบ้าคลั่ง

แต่มันไม่สามารถทำสิ่งใดร่างจริงของฟางหยวนที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางภูตมนุษย์จำนวนมหาศาล สุดท้ายฟางหยวนก็สามารถกลับไปยังภูเขาตงฮันอีกครั้ง

ด้วยการปกป้องจากภูเขาตงฮัน ฟางหยวนจะปลอดภัยมากขึ้น

เมื่อเขาหยุดใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย ร่างกายของฟางหยวนพลันสั่นสะท้านขึ้น

มีบาดแผลขนาดใหญ่อยู่บนแผ่นหลังของเขา

แต่เนื่องจากพลังอำนาจของวิญญาณอมตะเปลี่ยนรูปลักษณ์ บาดแผลของเขาจึงถูกซ่อนไว้

‘การป้องกันของข้ายังอ่อนแอเกินไป’ ฟางหยวนถอนหายใจและเริ่มรักษาตัวเอง

เขาไม่ได้ใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า

วิญญาณดวงนี้เป็นวิญญาณอมตะ มันต้องใช้พลังงานอมตะ นอกจากนั้นมันยังทำได้เพียงทำให้เขากลับไปอยู่ในสภาพไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้เท่านั้น

ฟางหยวนได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของบุปผาวายุเมื่อเขาบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

ในช่วงเวลานั้นเขาไม่สามารถใช้วิญญาณอมตะบุรุษคนก่อนหน้า มิฉะนั้นมันจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของเขา

‘โชคดีที่ร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าในร่างของข้าไม่ขัดแย้งกัน นอกจากนั้นวิธีของมนุษย์ยังใช้กับข้าได้ดี’ ฟางหยวนรู้สึกถึงข้อได้เปรียบอันยิ่งใหญ่นี้

โดยปกติแล้วอาการบาดเจ็บของผู้อมตะยากที่จะรักษา เนื่องจากร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋ามักจะขัดแย้งกันและลดประสิทธิภาพในการรักษา เมื่อใช้ท่าไม้ตายอมตะสายรักษา พวกเขาต้องพิจารณาถึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าว่าขัดแย้งกันหรือไม่

ฟางหยวนไม่มีปัญหานี้ เขายังสามารถใช้วิธีรักษาระดับมนุษย์เพื่อลดค่าใช้จ่าย

ฟางหยวนไม่มีพลังงานอมตะมากเท่ากับครั้งก่อน

เหตุผลหลักคือการปิดตัวของสวรรค์สีเหลือง

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงอันเย็นเยียบส่องลงมาและปกคลุมภูเขาตงฮันเอาไว้อีกครั้ง

ฟางหยวนเงยหน้าขึ้นไปและแทบกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ

มีจันทราหิมะอีกสามดวงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า!

เขาเร่งใช้วิธีบนเส้นทางแห่งปัญญาปกป้องจิตใจของตนเอง

นอกจากนี้เขายังต้องปกป้องร่างกายโดยใช้ท่าไม้ตายระดับมนุษย์เพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้อยู่ในสภาวะปกติ

จำนวนจันทราหิมะที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อฟางหยวนเป็นอย่างมาก

สิ่งนี้ทำลายแผนการที่จะเฝ้ามองการต่อสู้อยู่บนภูเขาตงฮันของเขา

ฟางหยวนตระหนักว่านี่เป็นช่วงเวลาแห่งชีวิตและความตาย!

ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด จันทราหิมะก็ยิ่งเพิ่มจำนวนขึ้นขณะที่ความหวังที่จะก้าวข้ามภัยพิบัติครั้งนี้ก็จะลดน้อยลง

เขาต้องตอบโต้อย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นเขาอาจตกลงสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังและไม่เหลือทางรอด

ผู้อมตะคนอื่นอาจลังเล แต่ฟางหยวนมีประสบการณ์มากมาย หลังจากตระหนักถึงปัญหา เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนอีกครั้งอย่างไม่ลังเล

ภูตมนุษย์บนเส้นทงความแข็งแกร่งจำนวนมากหลอกล่อบุปผาวายุขณะที่ร่างจริงของฟางหยวนแฝงตัวอยู่ท่ามกลางพวกมันและพยายามทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า

หลังจากบินขึ้นสู่ท้องฟ้า พลังอำนาจของจันทราหิมะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเพราะมันไม่ถูกสะกดข่มโดยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจากภูเขาตงฮันอีกต่อไป

นี่เป็นการต่อสู้ที่เข้มข้น!

ฟางหยวนต้องทำลายจันทราหิมะทั้งสามแต่แสงจันทร์กลับกดดันเขามากกว่าบุปผาวายุ ยิ่งที่เลวร้ายกว่าก็คือจันทราหิมะดวงที่สี่กำลังจะก่อตัวขึ้น

เจตจำนงสวรรค์ทำทุกอย่างเพื่อหยุดและสังหารฟางหยวน

ดวงจันทร์หนึ่งดวง ดวงจันทร์สองดวง ดวงจันทร์สามดวง ฟาหงยวนทำลายพวกมันอย่างยากลำบาก

แต่ยังมีจันทราหิมะปรากฏขึ้นเรื่อยๆ

แสงจันทร์ทำให้ฟางหยวนรู้สึกเย็นเยียบอยู่ภายในใจ ความจริงที่โหดร้ายทำให้แขนขาของเขากลายเป็นด้านชา

โอกาสรอดชีวิตลดน้อยลงแต่การแสดงออกของฟางหยวนยังแน่วแน่ เขาต่อสู้กับภัยพิบัติโดยไม่ย่อท้อ

พลังงานอมตะของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะ เขาต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายและไตร่ตรองอย่างรอบคอบ

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท