เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1103

ตอนที่ 1103

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1103 ความวุ่นวายในภาคเหนือ

แปลโดย iPAT

ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า สายลมอันเอื่อยเฉื่อยพัดทุ่งนาสีทองพลิ้วไหวไปตามกระแส

“นี่คือทุ่งรวงทองของเผ่าไห่ พวกเขาดูแลมันได้ดีจริงๆ” ผู้อมตะลู่ชิงหมิงกล่าวขณะลอยอยู่กลางอากาศ

เผ่าไห่มีนาจำนวนมากอยู่ที่นี่

มันเป็นนาข้าวสีทองที่จะให้ผลผลิตทุกๆสองปี อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่อาหารของมนุษย์แต่เป็นโลหะชนิดหนึ่งที่เรียกว่าแกนแท้โลหะ

สถานที่แห่งนี้เคยเป็นดินแดนที่แห้งแล้งเนื่องจากมีแร่ธาตุที่สูงเกินไป ไม่มีพืชที่สามารถเติบโตขึ้นได้

เผ่าไห่ใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการเพาะปลูกทุ่งนาขนาดใหญ่แห่งนี้

มีอีกร่างลอยอยู่ด้านข้างลู่ชิงหมิง

เขาคือซูกวง ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งแสง

เขามองทุ่งนาสีทองด้วยความหลงใหล “ทุ่งรวงทองของเผ่าไห่มีชื่อเสียงในภาคเหนือ ทุกครั้งที่เก็บเกี่ยว พวกเขาจะได้รับแก่นแท้โลหะอย่างน้อยห้าแสนกิโลกรัม แก่นแท้โลหะเป็นแหล่งรายได้สำคัญของเผ่าไห่ แม้แก่นแท้โลหะจะเป็นทรัพยากรระดับห้า แต่มันยังทำกำไรได้ดี”

ลู่ชิงหมิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “มันคุ้มค่าที่จะยึดครอง”

“ข้าขอให้ท่านทั้งสองอย่าทำเรื่องโง่เขลา ทุ่งรวงทองเป็นของเผ่ากวง!” ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นด้านหน้าลู่ชิงหมิงและซูกวง

เขาแสดงทัศนคติที่แข็งกร้าวมาก

ลู่ชิงหมิงและซูกวงมองหน้ากันและเห็นพ้อง

พวกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของผู้อมตะบางคนมานานแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคลื่อนไหวเพราะต้องการล่อให้คนผู้นี้ออกมา

“ดังนั้นก็คือกวงเฉินจ้าวของเผ่ากวง” ลู่ชิงหมิงกล่าวอย่างสุภาพ

“สามผู้พเนจร ข้าเคยได้ยินชื่อของพวกเจ้า แต่ฮันตงตายไปแล้วในแผนการของตงฟางชางฟาน หากพวกเจ้าต้องการต่อสู้ ข้าเกรงว่าชื่อของสามผู้พเนจรจะจบสิ้นในวันนี้” กวงเฉินจ้าวกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า

เขาเป็นสมาชิกเผ่ากวง หนึ่งในกองกำลังใหญ่ของตระกูลฮวงจิน เขามีความมั่นใจมากพอ

ซูกวงหัวเราะ “เจ้าเป็นฝ่ายธรรมะขณะที่พวกเราเป็นฝ่ายปีศาจ พวกเราเป็นศัตรูโดยธรรมชาติ มีเพียงการต่อสู้เท่านั้นที่สามารถตัดสิน!”

กวงเฉินจ้าวก่นเสียงเย็นและเริ่มเปิดฉากโจมตีทันที

การต่อสู้ปะทุขึ้นบนท้องฟ้าอย่างดุเดือด

…..

สองร่าง หนึ่งตัวโต หนึ่งตัวเล็กกำลังบินขนานไปกับพื้น

“ท่านปู่ เราจะไปที่ใด?” คนตัวเล็กกว่าเป็นเด็กหนุ่มถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“หลานรักของข้า เราจะไปป่าน้ำพุหลั่งไหล เจ้ารู้จักหรือไม่?” คนตัวโตเป็นผู้อมตะชราในชุดคลุมสีเหลืองทอง

ดวงตาของเด็กหนุ่มส่องประกายขึ้น “ป่าน้ำพุหลั่งไหลเป็นป่าที่มีน้ำพุร้อนใต้พิภพจำนวนนับไม่ถ้วน มันเป็นสมบัติล้ำค่าของเผ่าไห่”

“ดี คำสอนสั่งของข้าไม่ได้ไร้ประโยชน์ ไม่ใช่ว่าเจ้าบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งวารีงั้นหรือ? เราจะไปที่ป่าน้ำพุหลั่งไหลและดูว่ามีวิญญาณบนเส้นทางแห่งวารีที่เหมาะสมกับเจ้าหรือไม่? หากโชคดี เราอาจได้รับน้ำพุมาบ้าง ข้าจะเก็บไว้ในมิติช่องว่างของข้า เมื่อเจ้ากลายเป็นผู้อมตะ ข้าจะส่งมอบทรัพยากรเหล่านี้ให้เจ้า” ผู้อมตะชรากล่าว

เด็กหนุ่มแสดงท่าทางขอบคุณแต่ยังถามด้วยความเป็นห่วง “ท่านปู่ ท่านเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก จะเกิดสิ่งใดขึ้นหากท่านตายในอาณาเขตของเผ่าไห่?”

เด็กหนุ่มกล่าวโดยไม่ยั้งคิดแต่ผู้อมตะเฒ่าไม่โกรธ เขาหัวเราะและอธิบาย “สิบกว่าวันก่อน ผู้อมตะเผ่าไห่ละทิ้งแหล่งทรัพยากรของตนและกลับไปยังฐานที่มั่นของพวกเขาแล้ว ตอนนี้มันเป็นดินแดนที่ไร้ผู้ปกครอง”

“ผู้อมตะเผ่าไห่ไม่อยู่แต่ยังมีผู้อมตะคนอื่นๆ ข้าได้ยินว่าปีศาจอมตะไป่ซุ้ยฮันก็เคลื่อนไหวเช่นกัน” เด็กหนุ่มยังกังวล

“เจ้ายังไม่เข้าใจ” ผู้อมตะเฒ่ากล่าวด้วยความมั่นใจ “แม้ป่าน้ำพุหลั่งไหลจะสำคัญแต่เปรียบเทียบกับสถานที่อื่นๆ มันยังด้อยกว่า ไป่ซุ้ยฮันจะไม่มาที่นี่”

“กองกำลังใหญ่ที่อยู่ใกล้เผ่าไห่มากที่สุดคือเผ่าหลิว เผ่ากวง และเผ่าเหยา เราไม่สามารถฉกชิงทรัพยากรที่อยู่ใกล้ฐานทัพของพวกเขา ป่าน้ำพุหลั่งไหลถือเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและชาญฉลาดที่สุดสำหรับพวกเรา”

“เป็นเช่นนั้น” เด็กหนุ่มเกิดความเข้าใจขึ้นทันที

เสียงลมดังขึ้นเมื่อทั้งหมดเข้าใกล้ป่าน้ำพุหลั่งไหล

ทันใดนั้นการแสดงออกของผู้อมตะเฒ่าพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง เขาได้ยินเสียงการต่อสู้ที่รุนแรง

“โอ้ ไม่” หัวใจของผู้อมตะเฒ่าจมดิ่งลงและรีบบินขึ้นสู่ท้องฟ้า

คู่ปู่หลานมองไปยังป่าน้ำพุหลั่งไหลและพบฉากการต่อสู้ที่วุ่นวาย

ป่าน้ำพุหลั่งไหลที่เคยเงียบสงบกลับถูกทำลายกลายเป็นซากปรักหักพัง

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ผู้อมตะเกือบสิบคนกำลังต่อสู้

โดยไม่ต้องสงสัย คู่ปู่หลานสามารถบอกได้ทันทีว่าผู้อมตะเหล่านี้มีแผนการเดียวกันกับพวกเขา

…..

สายฝนโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า

สองกลุ่มกำลังเผชิญหน้ากัน

หนึ่งคือเผ่ากวง อีกหนึ่งคือเผ่าหลิว

เผ่ากวงมีผู้อมตะสามคนขณะที่เผ่าหลิวมีสอง

ทั้งสองฝ่ายกำลังพูดคุยกันอย่างอบอุ่น

หากไม่ใช่เพราะสภาพอากาศ บางคนอาจคิดว่าพวกเขากำลังจัดงานเลี้ยงน้ำชา

“ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สาม เรามีข้อได้เปรียบ เหตุใดเราไม่โจมตีและยึดครองสถานที่แห่งนี้?” ผู้อมตะเผ่ากวง กวงเฉินจ้าว ถ่ายทอดข้อความเสียงอย่างไม่สามารถอดทน

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สามของเผ่ากวงกำลังพูดคุยกับอีกฝ่ายแต่เขายังสามารถส่งข้อความตอบกวงเฉินจ้าว “เจ้าคนโง่! เจ้าลืมบทเรียนเมื่อสองสามวันก่อนแล้วงั้นหรือ? การโจมตีอย่างหุนหันของเจ้าทำให้เราไม่สามารถปกป้องทุ่งรวงทองและถูกปีศาจอมตะคว้าไป!”

“ชิ้นส่วนของสวรรค์สีแดงซ่อนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ มันสำคัญมาก ผู้ใดจะรู้ว่ามีคนมากมายเท่าใดต้องการฉกชิงมันไป เผ่ากวงและเผ่าหลิวไม่มีข้อได้เปรียบด้านสถานที่ พวกเราต้องเจรจากันอย่างสงบ”

“หากเราต่อสู้โดยไม่คิดให้รอบคอบ คนนอกอาจขโมยมันไปจากพวกเรา!”

กวงเฉินจ้าวถูกดุอย่างรุนแรง เขาแสดงออกด้วยความอับอายและตอบกลับ “ผู้อาวุโสกล่าวได้ถูกต้องแล้ว ข้าใจร้อนเกินไป”

…..

ทะเลตะวันออก บนเกาะแห่งหนึ่ง

อิงอู๋เซี่ย ซื่อหนิว ไห่ลั่วหลัน และไท่เป่ยหยุนเฉิงปรากฏตัวขึ้น

“เกาะนี้” อิงอู๋เซี่ยมองไปรอบๆและปล่อยลมหายใจออกมา

“ฟางหยวน นี่คือทะเลไหลเชี่ยวงั้นหรือ?” ไท่เป่ยหยุนเฉิงสามารถคาดเดาเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยมาที่นี่

อิงอู๋เซี่ยยิ้ม “ถูกต้อง ท่านอาจารย์มอบข้อมูลเกี่ยวกับฐานลับนี้ให้แก่ข้า เราสามารถพักที่นี่”

ปัจจุบันเขายังใช้ตัวตนของฟางหยวนเพื่อหลอกลวงไท่เป่ยหยุนเฉิง

ท่ามกลางผู้อมตะทั้งสี่ มีเพียงไท่เป่ยหยุนเฉิงที่ไม่รู้ความจริง

อิงอู๋เซี่ยโบกมือกล่าว “ตามข้ามา”

ทันใดนั้นค่ายกลวิญญาณพลันถูกกระตุ้นการทำงาน

สายตาของไห่ลั่วหลันกลายเป็นพร่าเลือน หลังจากชั่วครู่นางจึงพบว่าทุกคนมาอยู่ใต้เกาะเรียบร้อยแล้ว

มีวังที่วิจิตรงดงามอยู่ในถ้ำใต้เกาะ

“นี่คือคฤหาสน์วิญญาณอมตะงั้นหรือ?” ไห่ลั่วหลันตกใจมาก แม้นิกายเงาจะล่มสลาย แต่สิ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ก็ไม่สามารถมองข้าม

ทุกคนเดินตามอิงอู๋เซี่ยเข้าไป

ประตูวังเปิดออกต้อนรับอิงอู๋เซี่ยหลังจากยืนยันตัวตน

“นี่คือ?”

“วิญญาณอมตะมากมายนัก!”

เมื่อเข้าไปด้านใน ไท่เป่ยหยุนเฉิงต้องกรีดร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้

อิงอู๋เซี่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ทะเลไหลเชี่ยวมีข้อได้เปรียบด้านภูมิประเทศ มันเชื่อมต่อกับสายธารแห่งกาลเวลา แม้มันจะไม่ใช่แดนศักดิ์สิทธิ์หรือถ้ำสวรรค์ มันก็ยังเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับการเก็บรักษาสมบัติ”

ไท่เป่ยหยุนเฉิงถาม “อย่าบอกว่ามันคือคฤหาสน์วิญญาณอมตะสระแห่งความโศกเศร้าในตำนาน!”

อิงอู๋เซี่ยพยักหน้าและส่ายศีรษะ “นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสระแห่งความโศกเศร้า พวกเราเคยแก้ไขมัน ตอนนี้มันมีพลังโจมตีและป้องกันที่น่าทึ่งแต่มันไม่สามารถเคลื่อนย้าย”

ไท่เป่ยหยุนเฉิงรู้สึกตื่นเต้นมาก “มีสระที่ยิ่งใหญ่สามสระในโลกใบนี้ หนึ่ง สระสวรรค์ สอง สระแห่งความโศกเศร้า และสาม สระสุรา พวกมันมีชื่อเสียงในห้าภูมิภาค ผู้ใดจะคิดว่าวันหนึ่งข้าจะได้เห็นสระแห่งความโศกเศร้า!”

อิงอู๋เซี่ยยิ้ม “สระแห่งความโศกเศร้าเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา พวกเราเก็บวิญญาณอมตะไว้ที่นี่ หากวิญญาณอมตะถูกทำลาย สระแห่งความโศกเศร้าจะถูกกระตุ้นการทำงาน ด้วยการพึ่งพาพลังอำนาจของสายธารแห่งกาลเวลา วิญญาณอมตะเหล่านั้นจะถูกหลอมรวมขึ้นอีกครั้ง อัตราความสำเร็จของมันคือห้าสิบถึงหกสิบส่วน”

“ห้าสิบถึงหกสิบส่วน!?” ไห่ลั่วหลันตะลึงกับระดับความสำเร็จนี้

“มันมีข้อบกพร่องเช่นกัน หลังจากประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะ พลังงานของมันจะลดลง ผู้อมตะจำเป็นต้องเติมพลังให้มัน หากไม่ใช่เพราะการคงอยู่ของสายธารแห่งกาลเวลา มันเป็นเรื่องยากที่จะกระตุ้นใช้งานความสามารถนี้” อิงอู๋เซี่ยกล่าวเสริม

ไห่ลั่วหลันถอนหายใจ “ถึงเป็นเช่นนั้นมันก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว”

อิงอู๋เซี่ยหัวเราะ “พวกเราตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย พวกเจ้าสูญเสียวิญญาณอมตะไปหมดแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าสามารถเลือกวิญญาณอมตะที่อยู่ที่นี่ได้ทั้งหมด!”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท