เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1110

ตอนที่ 1110

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1110 ผู้อมตะระดับแปดไม่ใช่เรื่องง่าย

แปลโดย iPAT

“ฮ่าฮ่าฮ่า สมเป็นจักรพรรดิอมตะจริงๆ ข้าจะจากไปเช่นกัน” ท่ามกลางความเงียบ ฮุ้ยฟงซื่อหัวเราะเสียงดัง

เขาบินจากไปภายใต้การจ้องมองจากทุกคน

ฮุ้ยฟงซื่อเป็นบุคคลที่รวดเร็วที่สุดของภาคเหนือ ครั้งหนึ่งเหยากวงพยายามจับตัวเขาแต่ล้มเหลว นั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และความภาคภูมิใจของฮุ้ยฟงซื่อ

ชูตู๋และฮุ้ยฟงซื่อถือว่ากล้าหาญมาก พวกเขาไม่เกรงกลัวจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู สำหรับผู้อมตะอื่นๆ แต่ละคนมีความคิดที่แตกต่างกันแต่ไม่มีผู้ใดกล้าจากไป

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาเพียงมองคนทั้งสองจากไปเท่านั้น

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่เร่งกล่าว “นายท่าน ฮุ้ยฟงซื่อไม่สำคัญแต่ชูตู๋นำรังอินทรีย์ที่สิบสามไป รังอินทรีย์ที่สิบสามเก็บมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานเอาไว้ภายใน!”

ได้ยินเรื่องนี้ ผู้คนกลายเป็นแตกตื่นและลอบพูดคุยกันอย่างเงียบๆ

ไห่ฟานเป็นประวัติศาสตร์ที่เผ่าไห่ภูมิใจ เขามีชื่อเสียงมาจนถึงปัจจุบัน หากเขายังมีชีวิตอยู่ เผ่าไห่จะไม่ถูกบุกโจมตีเช่นนี้

“อย่ากังวล ข้ารู้เรื่องนั้น” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าวเสียงเรียบ

หัวใจของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก ริมฝีปากของเขาสั่นสะท้านแต่ไม่มีคำพูดใดหยุดออกมา

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองแสดงความคิดเห็น “นายท่าน แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กกำลังจะแตกสลาย หากเราจัดงานเลี้ยงที่นี่ มันอาจอยู่ได้ไม่ถึงครึ่งวัน”

“อย่ากังวล ข้าเตรียมการไว้นานแล้ว” หลังกล่าวจบคำ ผู้อมตะสามตัวพลันปรากฏตัวขึ้น

ทั้งสามไม่ใช่ผู้ใดนอกจากผู้อมตะเผ่าไป่ซูที่เดินทางมาก่อนหน้านี้

ระหว่างการต่อสู้ทั้งหมด พวกเขาเพียงเฝ้ามองอยู่ข้างสนามรบตามคำสั่งของจักรพรรดิสวรรรค์ไป่ซูเท่านั้น

ทันใดนั้นผู้อมตะเผ่าไป่ซูทั้งสามก็ร่วมมือกันปลดปล่อยท่าไม้ตายอมตะออกมา

แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กเกิดการสั่นสะเทือนก่อนที่มันจะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว

การแสดงออกของกลุ่มผู้อมตะเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาไม่เคยเห็นวิธีการเช่นนี้มาก่อน

นี่ทำให้พวกเขาตระหนักรู้บางสิ่ง เผ่าไป่ซูไม่ได้มีเพียงจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูแต่ยังมีผู้อมตะที่น่าเกรงขามอีกหลายคน

“กงเอ๋อทักทายจักรพรรดิสวรรค์” ผู้อมตะเผ่ากงออกมาจากคฤหาสน์วิญญาณอมตะและแสดงความเคารพ

ในกรณีที่ไม่มีผู้อมตะระดับเก้า ผู้อมตะระดับแปดก็คือเจ้าเหนือหัว!

กงเอ๋อเป็นคนหยิ่งทะนง แต่เผชิญหน้ากับผู้อมตะระดับแปด เขายังต้องสุภาพแม้ภายในจะเต็มไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลายก็ตาม

ในช่วงสุดท้ายของการต่อสู้ กงเอ๋อต้องการใช้คฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตกแย่งชิงทรัพยากร

แต่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูบอกพวกเขาว่าอย่ารีบร้อน

ในสถานการณ์ปกติ กงเอ๋อจะไม่ฟังคำกล่าวของพวกเขา แต่ในเวลานั้นเขาได้ข้อความจากองค์ชายฟงเซี่ยนที่มีเนื้อหาว่า อย่ารีบร้อน มิฉะนั้นเจ้าจะกลายเป็นศัตรูกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู หากจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูไม่พอใจและสังหารเจ้า เจ้าก็สมควรตายแล้ว ข้าจะไม่แก้แค้นให้เจ้าอย่างแน่นอน

หลังจากได้รับข้อความ แม้จะไม่เต็มใจและต้องสูญเสียใบหน้าแต่กงเอ๋อก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว

เขานำคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตกมาที่นี่เพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่ความพยายามของเขากลับไร้ประโยชน์ แรกเริ่มกงเอ๋อต้องการเป็นผู้นำฝ่ายธรรมะบุกโจมตีแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก แต่ผู้อมตะฝ่ายธรรมะไม่สนใจเขาเลย

มีเพียงผู้อมตะเผ่าไป่ซูที่ฟังเขาและเข้าไปในวังตะวันตกในฐานะแขก แน่นอนว่าผู้อมตะเผ่าไป่ซูมีเจตนาแอบแฝง

กงเอ๋อเป็นตัวแทนของเผ่ากง เขาต้องออกมาทักทายจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูตามมารยาท แต่นี่ยิ่งทำให้เขารู้สึกโกรธองค์ชายฟงเซี่ยนมากขึ้น ‘บัดซบ! ไปตายซะ! ครั้งนี้ข้าถูกองค์ชายฟงเซี่ยนกำหราบอย่างสมบูรณ์ ฮืม เขาไม่ใช่สมาชิกเผ่ากง เขาเป็นเพียงลูกนอกสมรส เขาเป็นเพียงผู้อาวุโสสูงสุดนอก!’

โดยปกติกองกำลังขนาดใหญ่ที่ใช้ระบบครอบครัวจะไม่มีผู้อาวุโสนอก

สิ่งนี้แตกต่างจากภาคกลาง นิกายของภาคกลางเต็มไปด้วยผู้อาวุโสนอก

ผู้อาวุโสสูงสุดนอกที่เข้าร่วมกับเผ่าต่างๆมักมีความสัมพันธ์ใกล้ชิงกับผู้อมตะของเผ่านั้นเช่นสามีภรรยาหรือพี่น้องร่วมสายเลือด

เทพธิดาเจียงหยูเคยเข้าร่วมกับเผ่าไห่ในฐานะนางบำเรอของไห่เจิ้ง

ตัวตนที่แท้จริงขององค์ชายฟงเซี่ยนคือสายลับจากนิกายคฤหาสน์วิญญาณที่เข้าสู่ภาคเหนือเพราะมีวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงเป็นเป้าหมาย

แรกเริ่มเขาเข้าร่วมกับเผ่ากงในฐานะสามีของผู้อมตะหญิงเผ่ากงผู้หนึ่ง ภายใต้ความช่วยเหลืออย่างลับๆจากนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เขากลายเป็นผู้อมตะระดับแปดในที่สุด หลังจากนั้นเขาได้แยกตัวออกมาและไม่ได้ติดต่อเผ่ากงมากนัก

องค์ชายฟงเซี่ยนอาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ฟงเซี่ยนของเขา เขาไม่ได้สนใจหรือติดต่อกับภรรยาเผ่ากงอีกเลยแต่อาศัยอยู่กับผู้อมตะหญิงคนสนิทสองคน

เผ่ากงไม่มีความสุขกับเรื่องนี้แต่องค์ชายฟงเซี่ยนเป็นผู้อมตะระดับแปด ดังนั้นเผ่ากงจึงไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากสะกดข่มความโกรธเอาไว้เท่านั้น

หลังจากปีศาจอมตะเซี่ยหูเอาชนะเหยากวงกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู เผ่ากงปล่อยข่าวว่าองค์ชายฟงเซี่ยนสามารถเอาชนะปีศาจอมตะเซี่ยหู ด้วยวิธีนี้พวกเขาจึงได้รับชื่อเสียงและสามารถยกสถานะของเผ่ากง นอกจากนั้นพวกเขายังสามารถบังคับให้องค์ชายฟงเซี่ยนเป็นศัตรูกับปีศาจอมตะเซี่ยหู ในอนาคตหากทั้งสองต่อสู้กัน ไม่ว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ มันก็ยังเป็นประโยชน์ต่อเผ่ากง

นี่เป็นแผนยิงนกครั้งเดียว นกตายสองตัว แต่ผู้อมตะระดับแปดจะถูกกำหราบโดยง่ายได้อย่างไร?

คราวนี้กงเอ๋อได้รับบทเรียนครั้งใหญ่

องค์ชายฟงเซี่ยนลอบทำข้อตกลงกับจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูอย่างลับๆ ทุกคนสามารถคาดเดาว่าจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล องค์ชายฟงเซี่ยนปิดเรื่องนี้จากเผ่ากง เขาไม่สนผลประโยชน์ของเผ่าแต่เก็บผลประโยชน์ไว้กับตนเอง ในช่วงเวลาสำคัญเขายังส่งข้อความถึงกงเอ๋อโดยไม่ทิ้งหลักฐานใดๆเอาไว้ เผ่ากงต้องอดทนต่อเรื่องนี้และหุบปากเงียบ

เผ่ากงไม่มีผู้อมตะระดับแปดคนอื่น ความแข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้คนพูดคุยกันได้อย่างเท่าเทียม

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูทั้งสามสามารถซ่อมแซมแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กจึงได้จัดงานเลี้ยงใหญ่โต

เผ่าไห่ประกาศการก้าวเข้ามาของเผ่าไป่ซู เรื่องนี้มีเจตนาแอบแฝงอยู่เบื้องหลัง

ผู้อมตะเกือบทั้งหมดเข้าร่วมงานเลี้ยงยกเว้นจักรพรรดิอมตะชูตู๋และฮุ้ยฟงซื่อ

นอกจากคนทั้งสองอาจมีคนอื่นอีกเล็กน้อยเช่นผู้อมตะลึกลับที่ควบคุมคฤหาสน์วิญญาณอมตะกระท่อมฟาง พวกเขาจากไปอย่างลับๆโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้

ผู้อมตะฝ่ายธรรมะร่วมงานเลี้ยงในวันแรกก่อนจะเริ่มขอตัวกลับ

กงเอ๋อเป็นคนแรกที่จากไป แม้ภายนอกกงเอ๋อจะดูปกติ แต่ทุกคนสามารถบอกได้ว่าสภาพจิตใจของเขาแย่มาก

เผ่าที่สองที่จากไปคือเผ่าเหนียงเอ๋อ

เหนียงเอ๋อปิงซื่อได้รับชื่อเสียงในการต่อสู้ครั้งนี้แต่เขาก็ต้องจ่ายด้วยราคาที่ไม่ธรรมดา

ปีศาจเฒ่าซากศพพิษมองเหนียงเอ๋อปิงซื่อด้วยความเกลียดชัง

ความไม่พอใจของทั้งสองฝ่ายกลายเป็นเรื่องใหญ่โตในขณะนี้

เผ่าเมิ้ง เผ่าหยวน เผ่านู๋เอ๋อ และเผ่าอื่นๆพากันจากไปทีละเผ่า

เผ่าหลิว เผ่าเหยา และเผ่ากวงอยู่ร่วมงานเลี้ยงจนครบสามวัน พวกเขาทำให้เผ่าไป่ซูได้รับใบหน้า

นี่เป็นเพราะเขตปกครองของพวกเขาอยู่ใกล้กับเผ่าไป่ซูในปัจจุบัน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

สำหรับปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษ พวกเขาจากไปหลังจากสามวันสามคืน

ยิ่งแข็งแกร่งเท่าใด พวกเขาก็ยิ่งสามารถจากไปได้รวดเร็วเท่านั้น

นอกจากนี้ยังมีผู้อมตะบางคนพยายามตีสนิทเผ่าไป่ซู

หากเป็นกองกำลังตระกูลฮวงจินอื่นๆที่จัดงานเลี้ยง พวกเขาจะไม่เชิญปีศาจอมตะและผู้บ่มเพาะสันโดษเหล่านี้

แต่จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูเคยเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษมาก่อน ดังนั้นกลุ่มผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะจึงตอบรับคำเชิญของเขา

“แล้วพบกัน”

“จนกว่าจะพบกันใหม่ อภัยให้พวกเราด้วยที่ไม่สามารถไปส่ง”

กลุ่มผู้อมตะลอบถอนหายใจกันตนเอง หลังจากนี้สถานการณ์ของภาคเหนือจะเปลี่ยนแปลงไป

เผ่าไห่ต้องออกมาส่งผู้อมตะที่บุกรุกบ้านของพวกเขา จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูต้องการทำให้พวกเขาอับอายโดยเฉพาะผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่

ระหว่างการต่อสู้ผู้อมตะเผ่าไห่ได้รับบาดเจ็บสาหัส จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรักษาอาการบาดเจ็บให้ทุกคนยกเว้นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่

เขาต้องออกมาส่งแขกด้วยใบหน้าซีดขาวและยังกระอักเลือดออกมาเป็นครั้งคราว เขาดูน่าสมเพชมาก นี่ทำให้เขาสูญเสียใบหน้าทั้งหมดไปแล้ว

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่คิด ‘ข้าจงใจเปิดความความจริงเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานเพราะต้องการให้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูโจมตีชูตู๋ หากชูตู๋ถูกสังหาร เราจะสามารถแก้แค้นการรุนรานของเขา หากล้มเหลว ชูตู๋จะกลับมาแก้แค้นเผ่าไป่ซู แต่ผู้ใดจะคิดว่าจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูจะไม่ทำสิ่งใดเลย เขารู้แผนการของข้า ดังนั้นเขาจึงลงโทษข้าอย่างลับๆ!’

ความเศร้า ความเจ็บปวด ความเกลียดชัง ความรู้สึกทุกประเภทเกิดขึ้นในใจของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่

หลังจากส่งผู้อมตะคนสุดท้ายออกไป ผู้อมตะเผ่าไห่และเผ่าไป่ซูกลับไปหาจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู

“คารวะจักรพรรดิสวรรค์” ผู้อมตะทั้งหมดทำความเคารพ

“อืม ครั้งนี้ทุกคนต้องทำงานหนักแล้ว” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูนั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุด เขายิ้มและกล่าว “จากนี้ไปผู้อมตะเผ่าไห่จะเปลี่ยนแซ่เป็นไป่ซู ทรัพยากรของเผ่าไห่ถูกยึดครองไปโดยผู้อมตะของภาคเหนือ นั่นคือราคาที่ข้าต้องจ่ายหลังจากเจรจากับผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆ ในอนาคตพวกเจ้าไม่สามารถใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการแก้แค้น”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูหยุดก่อนกล่าวต่อ “แต่มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานไม่ใช่เรื่องเล็ก แม้ข้าจะไม่ใช่ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่ข้ายังสามารถใช้มันเพื่ออ้างอิง ไม่จำเป็นต้องสนใจชูตู๋เพราะข้ารู้ที่ตั้งถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานแล้ว อีกไม่นานเราจะโจมตีมันและยึดครองทุกสิ่งที่อยู่ภายใน”

จักรพรรดิสวรรค์ต้องการมรดกของไห่ฟาน!

เพียงถ้ำสวรรค์และทรัพยากรที่อยู่ภายในก็เพียงพอแล้วที่จะดึงดูดความสนใจของผู้อมตะระดับแปด

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่ตกใจมาก

“ที่ตั้งของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเผ่าไห่ มีเพียงผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่เท่านั้นที่รู้ ไม่ทราบว่าท่านได้รับข้อมูลนี้มาจากที่ใด อย่าบอกว่ามีบางคนบอกความลับนี้กับท่าน!”

ได้ยินเรื่องนี้ ร่างกายของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่ถึงกับสั่นสะท้าน

เขาคุกเข่าลงบนพื้นและกราบไหว้จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซู “ข้าล้มเหลวในหน้าที่ ข้าผิดไปแล้ว โปรดลงโทษข้าด้วย!”

“โอ้ เจ้ามีความผิดใด?” จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูมองผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่และเผยรอยยิ้มบาง

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่หวาดกลัวมาก เมื่อสามวันก่อนเขาพยายามวางแผนร้ายต่อจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูและทำให้ผู้ยิ่งใหญ่ขุ่นเคือง

เขาเร่งเปลี่ยนหัวข้อ “ในการต่อสู้ที่ผ่านมา เราคาดว่าฟางหยวนจะได้รับผลประโยชน์บางอย่าง เราใช้วิธีตรวจสอบอย่างต่อเนื่องแต่เรากลับไม่พบเขา ความล้มเหลวในการจับตัวฟางหยวนเป็นความผิดพลาดของข้า!”

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูยิ้ม “วิธีการตรวจสอบของพวกเจ้าค่อนข้างแปลกใหม่ มันสามารถตรวจจับปีศาจต่างโลกได้จริงๆ ข้าเกรงว่าฟางหยวนอาจไม่ได้มาที่นี่ หากเขามา ข้าจะจับเขาและใช้เขาเป็นเครื่องมือต่อรอง นั่นจะทำให้พวกเราไม่ต้องจ่ายด้วยความราคามหาศาลเช่นนี้”

มันกลายเป็นว่าเผ่าไห่และจักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูหารือและวางแผนจับตัวฟางหยวนมาก่อนแล้ว

ฟางหยวนเป็นผู้ก่อการร้ายที่อยู่เบื้องหลังการล่มสลายของวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริง ทุกคนยังรู้ว่าเขามีวิญญาณท่องแดนอมตะและวิญญาณกาลเวลา

เหตุการณ์นี้เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในรอบร้อยปี แล้วฟางหยวนจะไม่มาได้อย่างไร

แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้ก็คือหลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน ฟางหยวนได้สูญเสียวิญญาณท่องแดนอมตะไปแล้ว

สำหรับท่าไม้ตายอมตะที่สามารถตรวจสอบปีศาจต่างโลก มันมีต้นกำเนิดที่แปลกประหลาด

เผ่าไห่เคยมีปีศาจต่างโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเขายังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับมนุษย์ เขาแสดงความสามารถที่น่าทึ่งออกมาและดึงดูดความสนใจของตัวตนระดับสูง

ไพ่นกกระจอกที่เขาคิดค้นขึ้นได้รับความชื่นชอบอย่างมากจากผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่

หลังจากถูกค้นวิญญาณ เผ่าไห่จึงพบว่าคนผู้นี้เป็นปีศาจต่างโลก ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเผ่าไห่ได้ทำวิจัยเกี่ยวกับปีศาจต่างโลกอย่างละเอียด แม้เขาจะเสียชีวิตระหว่างการทดลอง แต่เผ่าไห่ก็ได้รับท่าไม้ตายอมตะที่สามารถเปิดเผยปีศาจต่างโลก

นี่เป็นความลับที่ถูกเก็บไว้โดยผู้อาวุโสสูงสุดทั้งสี่ของเผ่าไห่เท่านั้น

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูกล่าว “ไม่เป็นไรหากฟางหยวนไม่ได้มาที่นี่ เผ่าไห่ของเจ้าฉลาดมากที่ตัดสินใจเข้าร่วมกับเผ่าไป่ซูของข้า หลังจากนี้ข้าจะช่วยพวกเจ้าจัดการปัญหาต่างๆ ตราบเท่าที่พวกเจ้าละทิ้งอดีตและใช้ชีวิตในฐานะผู้อมตะเผ่าไป่ซูอย่างจริงใจ ข้าจะตอบแทนการทำงานหนักของพวกเจ้าอย่างเหมาะสม”

“เราจะเชื่อฟังคำสั่งของจักรพรรดิสวรรค์!” ผู้อมตะเผ่าไห่ทั้งหมดเร่งตอบสนอง

ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่ตะโกนเสียงดัง “นายท่านมีจิตใจที่กว้างขวาง ท่านยกโทษให้กับพวกเราที่ไร้ความสามารถ พวกเรารู้สึกสำนึกในบุญคุณเป็นอย่างยิ่ง ท่านกระทั่งคิดถึงปัญหาของพวกเรา ท่านคือผู้กอบกู้ของพวกเราอย่างแท้จริง!”

หลังกล่าวจบคำ เขากระทั่งโขกศีรษะลงบนพื้นอย่างรุนแรงพร้อมกับหลั่งน้ำตาอย่างไม่หยุดยั้ง

เขาหวาดกลัวมาก!

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูสามารถกำหราบยักษ์เขียวของพวกเขาได้ในครั้งเดียว นี่เป็นเรื่องที่น่าหวากกลัวเกินไปจริงๆ

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูรู้สึกมีความสุข เขาให้กำลังใจกลุ่มผู้อมตะเผ่าไห่ก่อนจะให้พวกเขาออกไป

‘ผู้อมตะเผ่าไห่พึ่งเข้าร่วมกับเรา สถานะของพวกเขาลดลงอย่างกะทันหัน พวกเขาต้องใช้เวลาอีกมากในการปรับตัวกับชีวิตใหม่’

‘อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องดีที่ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่มีทัศนคติเช่นนี้ ความพยายามของข้าในการกำหราบเขาไม่สูญเปล่า ตอนนี้ข้าสามารถปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อ’

‘มันค่อนข้างแย่ที่ฟางหยวนไม่ปรากฏตัว มิฉะนั้นข้าจะจับเขาและสามารถทำกำไรได้มากขึ้น ตอนนี้ข้าต้องออกค่าใช้จ่ายด้วยตนเองเท่านั้น’

เพื่อให้แน่ใจว่าผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆจะไม่เคลื่อนไหว จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูต้องจ่ายด้วยทรัพยากรจำนวนมาก

‘อย่างไรก็ตามยังมีผลกำไรหลังจากลงทุน ตอนนี้เผ่าไป่ซูมีรากฐานที่สามารถอยู่ในภาคเหนือได้อย่างมั่นคงแล้ว’

‘และถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน…หากข้าได้รับมัน ความสูญเสียของข้าจะถูกเติมเต็ม’

‘แน่นอนว่าข้าไม่สามารถรีบร้อน ข้าต้องปล่อยให้เผ่าไห่มีเวลาฟื้นตัว หลังจากการต่อสู้ครั้งนี้ข้าจะถูกจับตามองจากคนอื่นๆ หากข้าโจมตีถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ผู้อมตะระดับแปดคนอื่นๆจะไม่นิ่งเฉย’

‘โชคดีที่เผ่าไห่สูญเสียทรัพยากรทั้งหมดไปแล้ว ทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายปีศาจต่างพอใจกับผลประโยชน์ที่ได้รับ กองกำลังเหล่านี้จะต่อสู้กันเอง ในระยะสั้นพวกเขาจะไม่สร้างปัญหาให้กับเผ่าไป่ซู’

จักรพรรดิสวรรค์ไป่ซูคิดเรื่องเหล่านี้ในเวลาสั้นๆ เขาเข้าใจสถานการณ์ของเผ่าไป่ซูและตัวเขาเองอย่างชัดเจน นอกจากนี้เขายังสามารถวางแผนและเตรียมความพร้อมสำหรับเป้าหมายในอนาคต

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท