เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1107

ตอนที่ 1107

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1107 การต่อสู้ของเผ่าไห่ (3)

แปลโดย iPAT

‘ตัวที่สี่!’ เทพธิดานกยูงเหินอี้เหราสามารถกำหราบอินทรีย์มงกุฎเหล็กเป็นตัวที่สี่ นี่ทำให้นางรู้สึกมีความสุขมาก

สัตว์อสูรเดียวดายไม่ใช่เรื่องง่าย

ในเขตต้องห้ามของภาคเหนือ เนื่องจากการคงอยู่ของฝูงสัตว์อสูรเดียวดายจำนวนอยู่นับไม่ถ้วน มันทำให้กองกำลังของผู้อมตะไม่กล้าเข้าไป

อย่างไรก็ตามพลังการต่อสู้ของอินทรีย์มงกุฎเหล็กที่เผ่าไห่เลี้ยงดูยังไม่สามารถแข่งขันกับอินทรีย์มงกุฎเหล็กป่า

ขณะเดียวกันเทพธิดานกยูงเหินอี้เหราก็มีทักษะการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา นี่ทำให้นางสามารถจับอินทรีย์มงกุฎเหล็กได้ถึงสี่ตัว

‘เผ่าไห่มีชื่อเสียงในการเลี้ยงดูอินทรีย์มงกุฎเหล็ก ข้าสงสัยนักว่าพวกเขามีอินทรีย์มงกุฎเหล็กอยู่มากเท่าใด?’ อี้เหรามองขึ้นไปบนท้องฟ้าและถอนหายใจ

ยังมีอินทรีย์มงกุฎเหล็กอีกมากมายบินอยู่กลางอากาศ อินทรีย์มงกุฎเหล็กสี่ตัวที่ถูกจับโดยอี้เหราไม่ถือเป็นสิ่งใด

‘แปลก…เหตุใดผู้อมตะเผ่าไห่ยังไม่ปรากฏตัว? แม้ข้าจะจับอินทรีย์มงกุฎเหล็กสี่ตัว พวกเขาก็ไม่สนใจงั้นหรือ?’

อี้เหราระวังตัวมากและไม่หลงระเริงไปกับผลประโยชน์ที่ได้รับ

ทันใดนั้นเสียงระเบิดพลันดังขึ้นอย่างกะทันหัน

ร่างหนึ่งพุ่งเข้าปะทะอินทรีย์มงกุฎเหล็กกลางอากาศ

รูม่านตาของอี้เหราหดเล็กลง นางสามารถจดจำคนผู้นี้ ‘เหนียงเอ๋อกู๋! ฮืม…ไม่ดีแล้ว’

เหนียงเอ๋อกู๋มาจากเผ่าเหนียงเอ๋อ หนึ่งในสมาชิกตระกูลฮวงจิน

คนผู้นี้มีร่างกายอ้วนกลมแต่แขนขากลับลีบเล็ก

อย่างไรก็ตามรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดไม่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของเขา

เหนียงเอ๋อกู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดที่อยู่ในระดับเดียวกับบัณฑิตสันโดษและไป่ซุ้ยฮันของฝ่ายปีศาจ

การเคลื่อนไหวของเหนียงเอ๋อกู๋ทำให้ฝูงอินทรีย์มงกุฎเหล็กโกรธ

ในครั้งเดียวอินทรีย์มงกุฎเหล็กมากกว่าห้าสิบตัวพุ่งเข้าโจมตีเขา

เหนียงเอ๋อกู๋ตกใจมาก เขาไม่คิดว่าตนเองจะดึงดูดความสนใจของอินทรีย์มงกุฎเหล็กได้ถึงระดับนี้

ในช่วงเวลาวิกฤต เหนียงเอ๋อกู๋ต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะของตน

หน้าท้องของเขาขยายขึ้นหกเท่าราวกับหญิงตั้งครรภ์

เหนียงเอ๋อกู๋ตีหน้าท้องของตนเอง

“บึม!”

คลื่นเสียงระเบิดออกทำให้การเคลื่อนไหวของฝูงอินทรีย์มงกุฎเหล็กหยุดลง

“บึม!”

คลื่นเสียงดังขึ้นสามครั้งทำให้กองทัพอินทรีย์มงกุฎเหล็กรู้สึกวิงเวียนและตกสู่ความสับสนวุ่นวาย

เหนียงเอ๋อกู๋ฉวยโอกาสนี้หลบหนีจากการปิดล้อมของฝูงอินทรีย์มงกุฎเหล็ก

ฝูงอินทรีย์มงกุฎเหล็กไล่ล่าเขาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะบินกลับไปยังตำแหน่งเดิม

เหนียงเอ๋อกู๋งบินลงบนพื้นด้วยเหงื่อที่ไหลลงมาจากหน้าผาก ตอนนี้หน้าท้องของเขาหดเล็กลงแล้วแต่เขายังรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง

เสียงดังมาจากด้านหนึ่ง “เหนียงเอ๋อกู๋ เหตุใดเจ้าดูน่าสงสารนัก?’

เหนียงเอ๋อกู๋มองไปทางต้นกำเนิดเสียงและพบกับชายร่างสูงดวงตาสีแดงผิวสีน้ำเงินเส้นผมสีม่วงและมีเขี้ยวยื่นออกมาจากปาก

เหนียงเอ๋อกู๋ก่นเสียงเย็น “ฮืม…กวงฉู! หากมีความกล้าก็ลองเข้าสู่สถานการณ์เดียวกันกับข้า!”

กวงฉูเย้ยหยัน “สองหมัดไม่สามารถต่อต้ากับสี่หมัด ข้าไม่โง่เช่นเจ้า”

“เจ้า!” เหนียงเอ๋อกู๋โกรธมาก ดวงตาของเขาแทบสามารถพ่นไฟออกมา

กวงฉูหัวเราะเสียงเย็นอย่างไม่เกรงกลัว

เหนียงเอ๋อกู๋เป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเสียงที่มีชื่อเสียงของฝ่ายธรรมะ แต่กวงฉูก็ไม่อ่อนแอ เขาเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงจากเผ่ากวง

‘ดังคาด แม้ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงดูเหมือนจะเป็นตัวปัญหาแต่พวกเขาก็ไม่ใช่ภัยคุกคาม’ อี้เหราเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

‘เป้าหมายของเหนียงเอ๋อกู๋และกวงฉูคืออินทรีย์มงกุฎเหล็ก ดูเหมือนทรัพยากรส่วนใหญ่ที่อยู่บนพื้นจะถูกยึดครองไปแล้ว’ อี้เหราค่อยๆล่าถอยออกไปอย่างเงียบๆ

นางเป็นเพียงปีศาจอมตะระดับหก นางไม่กล้าเข้าใกล้ผู้อมตะระดับเจ็ดที่มีชื่อเสียงทั้งสองของฝ่ายธรรมะ

การต่อสู้ในแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กยังร้อนแรง การต่อสู้ทุกประเภทปะทุขึ้น

บางการต่อสู้จบลงด้วยผลแพ้ชนะขณะที่บางการต่อสู้มีผู้เสียชีวิต

บางคนได้กำไรขณะที่บางคนหลบหนีด้วยอาการบาดเจ็บ

ทรัพยากรที่อยู่บนพื้นลดน้อยลงเรื่อยๆ ผู้อมตะระดับล่างบางส่วนถูกกำจัดออกไป บางคนตาย บางคนล่าถอย บางคนซ่อนตัวและสังเกตการณ์อยู่อย่างเงียบๆ

ตอนนี้กลุ่มผู้อมตะเริ่มให้ความสนใจกับทรัพยากรที่อยู่บนท้องฟ้ามากขึ้น

สายตาแห่งความโลภกวาดผ่านฝูงอินทรีย์มงกุฎเหล็กเช่นเดียวกับรังอินทรีย์ที่ซ่อนอยู่

อินทรีย์มงกุฎเหล็กคือสมบัติที่เผ่าไห่สะสมมานานหลายปีผ่านความพยายามและโชคลาภมากมาย นี่คือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

อย่างไรก็ตามกระทั่งเหนียงเอ๋อกู๋ก็ยังไม่สามารถต่อต้านฝูงอินทรีย์จำนวนมาก

หลังจากทั้งหมดมันมีมากเกินไป

แน่นอนว่ามันเป็นเพราะเหนียงเอ๋อกู๋ไม่เต็มใจที่จะจ่ายด้วยพลังงานอมตะของเขา

ดวงตาของเหนียงเอ๋อกู๋ส่องประกายขึ้นก่อนตะโกน “มีอินทรีย์มงกุฎเหล็กมากเกินไป ผู้อมตะเผ่าไห่ยังไม่ปรากฏตัว พวกเราทุกคนควรช่วยกันแยกกลุ่มอินทรีย์เหล่านี้และจับพวกมัน!”

“ข้าเห็นด้วย!” บัณฑิตสันโดษเป็นคนแรกที่ตอบสนอง

ทั้งสอง หนึ่งเป็นผู้อมตะฝ่ายธรรมะ อีกหนึ่งเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษของฝ่ายปีศาจ แต่ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาก็สามารถสร้างความร่วมมือ

การแยกกลุ่มอินทรีย์จะทำให้ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์

มีผู้อมตะจำนวนไม่น้อย หากพวกเขาทำงานร่วมกัน อินทรีย์มงกุฎเหล็กเหล่านี้จะไม่ต่างจากเนื้อที่วางอยู่บนเขียง

เมื่อคนแรกเริ่มโจมตี การต่อสู้ระหว่างมนุษย์กับนกอินทรีย์ก็ปะทุขึ้น

เสียงกรีดร้องของนกอินทรีย์และมนุษย์ดังขึ้นพร้อมกันและเกิดเป็นสถานการณ์ที่สับสนวุ่นวาย

กงเอ๋อนั่งมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ด้านนอกแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

ฉากการต่อสู้ของฝ่ายธรรมะ ฝ่ายปีศาจ และผู้บ่มเพาะสันโดษถูกบันทึกไว้ในวิญญาณที่ซ่อนอยู่อย่างลับๆ

นี่คือข้อมูลที่ล้ำค่า!

ตั้งแต่วังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงล่มสลาย วิญญาณอมตะจำนวนมากถูกยึดครองโดยผู้อมตะ นี่ทำให้พลังการต่อสู้ของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้น

ผู้อมตะที่ทำเช่นเดียวกับกงเอ๋อมีไม่กี่คน แต่ทุกคนต่างมีจุดประสงค์เดียวกัน

ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญมาก

ไม่ว่ากองกำลังขนาดใหญ่หรือผู้บ่มเพาะสันโดษ หากพวกเขาเข้าใจฝ่ายตรงข้าม พวกเขาจะสามารถตอบโต้ แม้จะไม่สามารถเอาชนะ แต่พวกเขายังสามารถป้องกันตัว

ผู้อมตะจำนวนมากกำลังต่อสู้กับฝูงอินทรีย์มงกุฎเหล็ก นี่เป็นเวลาที่ดีในการเก็บรวบรวมข้อมูล

ภายใต้การต่อสู้อันเดุเดือดมีแผนการมากมายซ่อนอยู่

ผู้อมตะเหล่านี้กำลังประเมินตนเองและศัตรู หลังจากเก็บตัวฝึกตน พวกเขาจะจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอกว่าคนอื่นๆ พวกเขากำลังยืนยันสถานะของตนเองในโลกของผู้อมตะ

อินทรีย์มงกุฎเหล็กเหล่านี้เป็นผลประโยชน์ในปัจจุบันแต่ข้อมูลเป็นผลประโยชน์ระยะยาว

กงเอ๋อเฝ้ามองและรู้สึกร้อนใจมากขึ้นเรื่อยๆขณะที่ผู้อมตะเผ่าไป่ซูทั้งสามที่อยู่ด้านข้างยังไม่เคลื่อนไหว

เผ่ากงนำคฤหาสน์วิญญาณอมตะวังตะวันตกออกมาเพื่อหวังฉกฉวยผลประโยชน์ขนาดใหญ่ นั่นเป็นวิธีที่จะทำให้การเดินทางครั้งนี้คุ้มค่า

ด้วยเหตุนี้กงเอ๋อจึงไม่สามารถอดทนอีกต่อไป “แดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็กกำลังพังทลาย ผู้อมตะเผ่าไห่ยังไม่ปรากฏตัว นี่เป็นเรื่องแปลก ลงไปช่วยสหายของเราและทำลายแผนการของเผ่าไห่ พวกเราเผ่ากงจะเป็นผู้นำฝ่ายธรรมะปกป้องพันธมิตรของเรา!”

“ถูกต้อง!” ผู้อมตะเผ่ากงอีกสองคนเร่งตอบรับ

ผู้อมตะเผ่าไป่ซูที่นั่งอยู่ในห้องโถงลอบหัวเราะอยู่ในใจ

ผลลัพธ์ของการต่อสู้ครั้งนี้ถูกตัดสินตั้งแต่ต้น แม้จะมีเรื่องแปลกประหลาดเกิดขึ้น แต่ก็ไม่มีอันตรายใดๆ ผู้อมตะเผ่ากงทำเช่นนี้เพียงเพราะผลประโยชน์และความเห็นแก่ตัวของตน แต่พวกเขายังต้องการแสดงตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่และไม่เห็นแก่ตัวในเวลาเดียวกัน

ณ จุดสูงสุดของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

ผู้อมตะเผ่าไห่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ พวกเขามองไปยังสนามรบด้วยความรู้สึกหนักใจ

“เหตุใดเขายังไม่เคลื่อนไหว?”

“ถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ทำสิ่งใด อย่าบอกว่าข้อตกลงของพวกเราถูกยกเลิกไปแล้ว”

ผู้อมตะเผ่าไห่บางคนถามด้วยความกังวล

“เขาตกลงแล้ว ด้วยสถานะของเขา เขาย่อมไม่กลับคำพูด”

“รอดูไปก่อน เราจัดแนวป้องกันไว้สามชั้น ฝูงอินทรีย์มงกุฎเหล็กเป็นการป้องกันชั้นแรกเท่านั้น”

คำกล่าวของผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งและผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่สองของเผ่าไห่ทำให้จิตใจของผู้อมตะเผ่าไห่สงบลงเล็กน้อย

อี้เหราในร่างนกยูงกางปีกต่อสู้กับอินทรีย์มงกุฎเหล็กสามตัว

นี่เป็นส่วนเล็กๆท่ามกลางสนามรบขนาดใหญ่ นางเป็นเพียงผู้อมตะที่ไร้นัยสำคัญหากเปรียบเทียบกับผู้อมตะจำนวนนับไม่ถ้วน

ในกรณีที่ปราศจากผู้อมตระดับแปดและผู้อมตะระดับเจ็ด ผู้อมตะระดับหกที่แข็งแกร่งที่สุดจะได้รับผลประโยชน์มากที่สุด

ทันใดนั้นกลิ่นหอมแปลกๆพลันลอยเข้ามา หัวใจของอี้เหราะแทบกระโดดออกจากหน้าอก นางเร่งกลั้นหายใจ

‘ข้าถูกวางยา!’ เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ อี้เหรารีบใช้วิญญาณรักษาตนเอง

อินทรีย์มงกุฎเหล็กสามตัวกรีดร้องก่อนจะร่วงลงจากท้องฟ้าอย่างไร้เรี่ยวแรง

ร่างหนึ่งพุ่งเข้าจับอินทรีย์มงกุฎเหล็กทั้งสามตัวและเก็บไว้ในมิติช่องว่างของเขาทันที

นี่คือปีศาจอมตะซากศพพิษ

เขาหัวเราะอย่างน่าสยดสยองอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันสีม่วง หลังจากเก็บอินทรีย์มงกุฎเหล็ก เขาหันหน้าไปทางอี้เหราและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

“ฮิฮิ คนสวย มากันข้า” ปีศาจเฒ่าซากศพพิษบินเข้าไปหาอี้เหรา

อี้เหราที่ถูกพิษสูญเสียการควบคุมร่างกาย นางรู้สึกอ่อนแรงและเริ่มร่วงลงจากท้องฟ้า

‘ข้าโลภมากเกินไป ข้าต้องการจับอินทรีย์มงกุฎเหล็กให้มากขึ้นและละเลยอันตรายรอบข้าง สุดท้ายข้าจึงถูกลอบโจมตีโดยปีศาจเฒ่าตนนี้!’ อี้เหรารู้สึกสิ้นหวัง

เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงดาบพุ่งมาจากระยะไกล

แสงดาบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าแทงทะลุร่างของปีศาจเฒ่าซากศพพิษ หลังจากนั้นเหนียงเอ๋อปิงซื่อจึงปรากฏตัวขึ้นห่างออกไปหนึ่งร้อยก้าว

ปีศาจเฒ่าซากศพพิษเต็มไปด้วยความโกรธ “อันตพาลน้อย เจ้ายังตามข้ามาอีกงั้นหรือ!?”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท