เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1112

ตอนที่ 1112

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1112 วิหคหยกเขียว

แปลโดย iPAT

เสียงนกดังขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

ภาคเหนือน้อยในมิติช่องว่างจักรพรรดิที่เคยปกคลุมไปด้วยชั้นน้ำแข็งเริ่มเปลี่ยนเป็นทุ่งหญ้า

พืชพันธุ์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

ฟางหยวนยืนอยู่บนยอดเขาตงฮันและแสดงออกด้วยความเคร่งเครียด

นี่เป็นภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามของเขา

ฟางหยวนนำภูเขาตงฮันเข้ามาอีกครั้งแต่สถานการณ์ตอนนี้กลับแปลกประหลาดมาก

ภัยพิบัติพิภพครั้งนี้เกี่ยวข้องกับวิหคหยกเขียวแต่สิ่งนี้กลับช่วยพัฒนามิติช่องว่างของเขา

ไม่กี่วันที่ผ่านมาสวรรค์สีเหลืองเปิดตัวอีกครั้ง ฟางหยวนไม่ได้ไปที่เผ่าไห่แต่เลือกกลับมาพัฒนามิติช่องว่างจักรพรรดิ

เขาพัฒนาหลายสิ่ง แต่เนื่องจากภาคเหนือเป็นสถานที่ที่ฟางหยวนใช้เผชิญหน้ากับภัยพิบัติ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ทำสิ่งใดกับมัน

อย่างไรก็ตามภัยพิบัติพิภพครั้งนี้กลับช่วยเขาพัฒนาภาคเหนือน้อยโดยไม่คาดคิด สิ่งนี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา

มันถือเป็นเรื่องดี

‘แต่เจตจำนงสวรรค์สามารถวางแผน มันต้องเป็นกับดักอย่างแน่นอน ข้าต้องตรวจสอบให้ดี’ ฟางหยวนสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างระมัดระวัง

ภาคเหนือน้อยมีขนาดใหญ่โตมาก

ทุ่งหญ้าที่เกิดจากภัยพิบัติพิภพครอบคลุมเพียงพื้นที่ที่ถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งเท่านั้น

ตอนนี้ป่าขนาดใหญ่กำลังจะก่อตัวขึ้น

ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจและมีความสุขในเวลาเดียวกัน

โดยปกติภัยพิบัติพิภพเป็นเครื่องมือทำลายล้างของสวรรค์ แต่เมื่อมันถูกใช้ในการพัฒนามิติช่องว่าง ผลลัพธ์ของมันกลับยอดเยี่ยมจนน่าตกใจ หากฟางหยนต้องการปลูกป่าขนาดใหญ่นี้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ เขาต้องเสียเวลาและความพยายามอย่างมาก

วิหคหยกเขียวมีอายุขัยสั้นมาก เมื่อพวกมันเสียชีวิต พวกมันจะกลายเป็นพลังงานแห่งชีวิตที่กระจายไปรอบๆ

เวลานี้ฝูงวิหคหยกเขียวจำนวนมหาศาลบินอยู่เต็มท้อฟ้าและทำให้เกิดฉากที่ยิ่งใหญ่ตระการตา

‘เดี๋ยว!’ การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

‘ไป!’ เขาชี้นิ้วออกไปทันที

ดาบบินพุ่งออกไปข้างหน้าราวกับสายฟ้า

วิญญาณอมตะดาบบินระดับเจ็ด!

วิหคหยกเขียวรวดเร็วแต่ความเร็วของพวกมันยังไม่สามารถแข่งขันกับดาบบินเล่มนี้ อย่างไรก็ตามพวกมันเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและไม่ได้บินเป็นเส้นตรง ดังนั้นฟางหยวนจึงต้องใช้ความพยายามในการกำจัดพวกมัน

ความหมายที่แท้จริงพุ่งเข้าสู่จิตใจของฟางหยวนราวกับคลื่นน้ำ

ในทันทีฟางหยวนรู้สึกราวกับตนเองกลายเป็นวิหคหยกเขียวตั้งแต่กำเนิดกระทั่งตกตายลง ในช่วงเวลาสั้นๆเขาได้รับประสบการแห่งชีวิตและความตาย นี่ทำให้สภาพจิตใจของเขาเปลี่ยนไป

ฟางหยวนดูดซับความหมายที่แท้จริงอย่างเต็มที่ก่อนที่สติของเขาจะกลับคืนมาอีกครั้ง

ตอนนี้เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง มันไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาอีกต่อไปที่จะดูดซับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

ฟางหยวนขมวดคิ้วเมื่อเขาตระหนักถึงแผนการของเจตจำนงสวรรค์

ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามของฟางหยวนพิเศษมาก เนื่องจากฟางหยวนเลือกเผชิญหน้ากับภัยพิบัติที่แดนน้ำแข็งของภาคเหนือ ภัยพิบัติของเขาจึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน

หนึ่งถูกควบคุมโดยเจตจำนงสวรรค์ อีกหนึ่งได้รับอิทธิพลจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

ในภัยพิบัติสองครั้งก่อนหน้านี้ส่วนที่ถูกควบคุมโดยเจตจำนงสวรรค์ก่อตัวขึ้นก่อนส่วนที่เกิดจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง แต่ในภัยพิบัติพิภพครั้งที่สาม ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งกลับเกิดขึ้นก่อน

ฟางหยวนไม่ได้คาดหวังว่าจะพบกับเหตุการณ์นี้

นี่ทำให้เขาประสบความสูญเสียเล็กน้อย

‘เจตจำนงสวรรค์รู้จักธรรมชาติที่ระวังตัวของข้า นี่เป็นแผนป้องกันไม่ให้ระดับความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันทำให้ข้าสูญเสียความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งไปเป็นจำนวนมาก’ ฟางหยวนรู้สึกหดหู่ใจ

เขาบินออกไปราวกับสายฟ้า

กลางอากาศ ภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งจำนวนมากปรากฏขึ้น

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง หมื่นตัวตน!

ภูตมนุษย์พุ่งเข้าโจมตีฝูงวิหคหยกเขียวอย่างบ้าคลั่ง

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ คลื่นดาบสามชั้น!

คลื่นดาบสีเงินพุ่งออกไปราวกับกระแสน้ำกลืนกินทุกสิ่งที่ขวางหน้า

อย่างไรก็ตามวิหคหยกเขียวมีความคล่องแคล่ว คลื่นดาบสามชั้นกำจัดพวกมันได้ไม่มากนัก

ฟางหยวนขมวดคิ้วด้วยความเข้าใจ ‘ในภัยพิบัติพิภพสองครั้งก่อนหน้า เจตจำนงสวรรค์ได้เรียนรู้รากฐานของข้า ไม่ว่าจะเป็นท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นหรือท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน พวกมันล้วนมีจุดอ่อน ในภัยพิบัติพิภพครั้งนี้เจตจำนงสวรรค์จึงสามารถวางแผนต่อต้านข้าโดยจงใจสร้างสถานการณ์นี้ขึ้น’

ครั้งก่อนฟางหยวนใช้ภูเขาตงฮันต่อต้านภัยพิบัติบุปผาวายุได้ในระดับหนึ่ง

แต่ครั้งนี้วิหคหยกเขียวเกิดจากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง ฟางหยวนไม่สามารถนิ่งเฉยและใช้ภูเขาตงฮันเป็นปราการป้องกันเช่นเดิม

‘โชคดีที่ข้ามีวิญญาณอมตะดาบบิน!’

ฟางหยวนกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบและปล่อยให้ดาบบินอาละวาดไปทั่ว

วิหคหยกเขียวจำนวนมากถูกสังหารภายใต้การโจมตีของฟางหยวน แต่วิหคหยกเขียวส่วนใหญ่เสียชีวิตด้วยตัวของพวกมันเอง

หากฟางหยวนไม่สังหารพวกมันด้วยตนเอง เขาจะไม่ได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง เจตจำนงสวรรค์ทำให้ฟางหยวนพบกับความสูญเสียไม่น้อย

นอกจากนี้มันไม่ใช่การสูญเสียเพียงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งเท่านั้นแต่มันยังทำให้ฟางหยวนสูญเสียพลังงานอมตะจำนวนมหาศาล

แม้วิญญาณอมตะดาบบินจะทรงพลังแต่มันก็เป็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด การกระตุ้นใช้งานมันแต่ละครั้งต้องจ่ายด้วยพลังงานอมตะจำนวนมาก แต่การโจมตีแต่ละครั้งสามารถสังหารวิหคหยกเขียวได้เพียงตัวเดียว นี่ทำให้ฟางหยวนต้องใช้จ่ายองุ่นเขียวอมตะจำนวนนับไม่ถ้วน

‘ดูเหมือนข้าต้องหาวิธีการใหม่ในทุกภัยพิบัติ วิธีการที่เคยใช้จะสูญเสียประสิทธิภาพในครั้งต่อไป’ คิดได้ดังนี้ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะนึกถึงวิญญาณสติปัญญา

หากเขามีแสงแห่งปัญญา เขาจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสามารถคิดค้นท่าไม้ตายใหม่ได้เรื่อยๆ

แต่กระทั่งฟางหยวนจะมีร่างผีดิบอมตะ เขาก็ยังไม่กล้าใช้มัน

หลังจากผ่านไปสิบห้านาที ฝูงวิหคหยกเขียวก็ยังปรากฏตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาคเหนือน้อยกลายเป็นป่าขนาดใหญ่

ในช่วงเวลาเหล่านี้ฟางหยวนทดลองใช้ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งพิษลมหายใจพิษที่เคยใช้ในภัยพิบัติครั้งก่อน แต่มันยังไร้ประโยชน์

“ครืน…”

ต้นไม้ใหญ่ถอนรากขึ้นจากพื้นและส่งเสียงคำรามอย่างน่าสะพรึงกลัว

ฟางหยวนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้และเย้ยหยัน “นี่คือภัยพิบัติที่เกิดจากเจตจำนงสวรรค์ ฮ่าฮ่า ก่อนหน้านี้ข้าพยายามกำจัดป่าไม้เหล่านั้น ดูเหมือนการเตรียมการของข้าจะไม่ได้ไร้ประโยชน์”

ต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนถอนรากขึ้นจากพื้นดินและเดินเข้าไปหาภูเขาตงฮัน

ฟางหยวนเปลี่ยนกลยุทธ์และเลือกที่จะป้องกัน เขาขึ้นไปบนยอดเขาตงฮัน

วิญญาณอมตะดาบบินพุ่งเข้าเจาะทะลวงต้นไม้จำนวนมาก

ต้นไม้เหล่านั้นหยุดเคลื่อนไหวชั่วครู่แต่ในไม่ช้าอาการบาดเจ็บของพวกมันก็ฟื้นฟูขึ้นและสามารถเดินไปข้างหน้าได้อีกครั้ง

ฟางหยวนทดลองใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้น

คลื่นดาบสามชั้นสามารถตัดต้นไม้จำนวนมาก ผลลัพธ์ของมันถือว่ายอดเยี่ยม แต่ต้นไม้ที่อยู่แนวหลังยังเดินเข้ามาเติมเต็มช่องว่าง

ฟางหยวนขมวดคิ้ว

‘ต้นไม้เหล่านี้ไม่ใช่พืชอสูรเดียวดาย แต่พวกมันก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียง พวกมันยังทนทานมาก นอกจากนั้นพวกมันยังสามารถดูดซับพลังงานแห่งชีวิตและฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว’

พลังงานแห่งชีวิตมาจากวิหคหยกเขียว

แม้เจตจำนงสวรรค์จะไม่สามารถควบคุมภัยพิบัติทั้งหมดแต่มันยังสามารถใช้ประโยชน์จากความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

ครั้งก่อนคือจันทราหิมะและบุปผาวายุ ตอนนี้เป็นวิหคหยกเขียวและมนุษย์พฤกษา

ฟางหยวนเปิดปากและพ่นควันพิษออกไป

ลมหายใจพิษทำให้การเคลื่อนไหวของมนุษย์พฤกษาช้าลง ใบไม้สีเขียวของพวกมันเปลี่ยนเป็นสีม่วง ในเวลาไม่กี่ลมหายใจพวกมันก็เริ่มล้มลงและเน่าเปื่อยผุพัง

ผลของลมหายใจพิษค่อนข้างดี!

แต่ฟางหยวนไม่สามารถใช้ท่าไม้ตายนี้ได้อย่างต่อเนื่องเพราะพิษจะแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาเช่นกัน หากใช้บ่อยเกินไป เขาอาจตายได้

มนุษย์พฤกษาเริ่มปีนขึ้นบนภูเขาตงฮัน

พลังอำนาจของภูเขาตงฮันทำให้ร่างกายของพวกมันสั่นสะท้านขึ้นพร้อมกับใบไม้ที่ร่วงหล่นลงจากต้น

ภูเขาตงฮันคือแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์พิภพ พลังอำนาจของมันทำให้มนุษย์พฤกษาหลายร้อยต้นตกตายไปโดยที่ฟางหยวนไม่ต้องทำสิ่งใด

อย่างไรก็ตามมีต้นไม้มากเกินไป พวกมันพยายามผลักดันกันและก้าวขึ้นไปบนภูเขา

ฟางหยวนขมวดคิ้วลึกขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นฉากเหตุการณ์นี้

แม้จะมีต้นไม้จำนวนมากแต่พวกมันก็ไม่ใช่ภัยคุกคามร้ายแรง

เนื่องจากพวกมันเคลื่อนไหวได้ค่อนข้างช้า ฟางหยวนจึงสามารถโจมตีพวกมันจากระยะไกล มนุษย์พฤกษาถูกกำจัดไปอย่างช้าๆ

แต่ฟางหยวนยังรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง ‘ภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ง่ายเกินไป อย่าบอกว่าเพราะเจตจำนงสวรรค์ไม่สามารถสังหารข้า ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นการทำลายรากฐานของข้างั้นหรือ?’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท