เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1113 ราชันพฤกษาเพลิง
แปลโดย iPAT
ในการกำจัดต้นไม้เหล่านี้ฟางหยวนต้องใช้พลังงานอมตะจำนวนมาก
ฝูงมนุษย์พฤกษามีมากกว่าอสูรหิมะในภัยพิบัติพิภพครั้งแรก นอกจากนั้นพวกมันยังสามารถงอกใหม่ เมื่อฟางหยวนตัดกิ่งก้านสาขาของมัน ส่วนที่ร่วงหล่นลงบนพื้นจะเติบโตขึ้นเป็นมนุษย์พฤกษารุ่นใหม่
เว้นเพียงเขาจะใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นเพื่อทำลายล้างต้นไม้เหล่านี้ในครั้งเดียวมิฉะนั้นมันจะไม่จบสิ้น
แต่การใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นหรือวิญญาณอมตะดาบบินสิ้นเปลืองเกินไป
‘หากข้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไฟ เรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหา’ ฟางหยวนคิดแต่ในจังหวะนี้เปลวเพลิงกลับลุกไหม้ขึ้นบนร่างของมนุษย์พฤกษาเหล่านั้น
เปลวไฟเผาทำลายต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนให้กลายเป็นกองเถ้าถ่าน
ไฟถูกหล่อเลี้ยงด้วยฟืนไม้และพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเกือบยี่สิบเมตร
ฟางหยวนตะลึง
เกิดสิ่งใดขึ้น?
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของภัยพิบัติพิภพ
แต่เหตุใดภัยพิบัติพิภพจึงทำลายตัวมันเอง? เจตจำนงสวรรค์พยายามทำสิ่งใด? มันต้องการแก้ปัญหาให้เขางั้นหรือ?
ฟางหยวนปัดเป่าความคิดเหล่านี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
มันเป็นเรื่องน่าขันหากเจตจำนงสวรรค์จะช่วยเขา
“ครืน…”
ทันใดนั้นร่างที่อาบย้อมไปด้วยเปลวเพลิงสูงหกสิบเมตรค่อยๆยืนท่ามกลางกองไฟ
“นี่…” รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง เขากัดฟันแน่นโดยไม่รู้ตัว “ราชันพฤกษาเพลิง!”
มันคือพืชอสูรบรรพกาล!
ตำนานกล่าวว่าพืชชนิดนี้จะเติบโตขึ้นในสวรรค์สีแดง
มันหาได้ยากมากในห้าภูมิภาคแม้มันจะยังไม่สูญพันธุ์ไปก็ตาม
ราชันพฤกษาเพลิงกำเนิดจากต้นไม้ชนิดใดก็ได้ เมื่อเกิดไฟป่า สิ่งมีชีวิตจำนวนมากถูกเผาทำลาย มีโอกาสที่พืชอสูรชนิดนี้จะถือกำเนิดขึ้น
ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง ไม่มีสิ่งใดสามารถเข้าใกล้มัน สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของมันก็คือมันจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่เข้าใกล้พบกับโชคร้าย!
‘เจตจำนงสวรรค์ช่างร้ายกาจนัก! เห็นได้ชัดว่ามันตระหนักถึงการคงอยู่ของวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขและพยายามทำลายโชคดีของข้า’
ฟางหยวนพบกับความท้าทายรูปแบบใหม่
หากเขาพบราชันพฤกษาเพลิงในป่า เขาจะหลบหนีทันที แต่ตอนนี้ราชันพฤกษาเพลิงปรากฏตัวขึ้นในมิติช่องว่างของเขาและกำลังทำลายโชคดีที่เกิดจากวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข
หากเขาทิ้งมันไว้ ในไม่ช้าฟางหยวนจะพบกับโชคร้ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
‘ข้าอยู่ในระยะไกลแต่อุณหภูมิของสภาพแวดล้อมกลับร้อนแรงถึงเพียงนี้!’ ฟางหยวนถอนหายใจ
เขาบินออกจากภูเขาตงฮัน
เขามีวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า เขาสามารถฟื้นฟูภูเขาตงฮันได้ในภายหลัง
ปัญหาคือเขาจะทำลายราชันพฤกษาเพลิงตนนี้ได้อย่างไร
ท่าไม้ตายอมตะ ดาบประหารชีวิต!
ท่าไม้ตายอมตะ คลื่นดาบสามชั้น!
ท่าไม้ตายอมตะ ลมหายใจพิษ!
ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายหลายท่าแต่พวกมันกลับไร้ประโยชน์ พิษถูกกำจัดโดยเปลวไฟไปอย่างสมบูรณ์ ดาบบินเจาะทะลวงต้นไม้ ร่างของมันสั่นสะท้านขึ้นก่อนจะกลับเป็นปกติ
สำหรับคลื่นดาบสามชั้น มันสามารถดับไฟและทำลายกิ่งไม้จำนวนมาก แต่ในไม่ช้าเปลวเพลิงก็ลุกไหม้ขึ้นอีกครั้ง อาการบาดเจ็บของมันหายไปหลังจากชั่วครู่
ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขากรีดร้อง “กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!”
“บึม!”
มือยักษ์ปรากฏขึ้นกลางอากาศและพยายามคว้าร่างของราชันพฤกษาเพลิง
แต่ราชันพฤกษาเพลิงมีขนาดใหญ่เกินไป มันมีขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของภูเขาตงฮัน นี่ทำให้ความพยายามของกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนไร้ผล
รากจำนวนนับไม่ถ้วนของราชันพฤกษาเพลิงเจาะลงไปใต้ดินและดูดกลืนปราณพิภพเข้าไปอย่างบ้าคลั่งขณะที่วิหคหยกเขียวช่วยเติมพลังงานชีวิตให้มันอย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อเวลาผ่านไปกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนเริ่มหลอมละลายภายใต้เปลวเพลิง
ฟางหยวนดึงกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนกลับไปเมื่อได้รับแรงบันดาลใจใหม่
“ครืน…”
ครั้งนี้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนหันมายกภูเขาตงฮันแทนราชันพฤกษาเพลิง
ฟางหยวนไม่สามารถยกร่างของราชันพฤกษาเพลิงแต่เขามีวิญญาณอมตะยกภูเขาที่สามารถยกภูเขาตงฮัน
“ฟิ้ว…”
กระแสลงพัดลงจากยอดเขาขณะที่ฟางหยวนยกมันขึ้นและโยนมันไปที่ราชันพฤกษาเพลิง
“บึม!”
ด้วยเสียงที่ดังสนั่น ราชันพฤกษาเพลิงถูกภูเขาตงฮันกดทับเอาไว้อย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงเปลวเพลิงเล็กๆเท่านั้นที่เล็ดรอดออกมาจากใต้ฐานภูเขา
ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและมองไปยังสนามรบด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง
ราชันพฤกษาเพลิงไม่สามารถเคลื่อนไหว มันถูกโจมตีด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจากภูเขาตงฮัน แต่มันยังพยายามดิ้มรนอย่างหนัก
เปลวเพลิงเริ่มลุกไหม้ขึ้นทำให้หินบางส่วนของภูเขาตงฮันกลายเป็นหินหลอมเหลว
การกำจัดราชันพฤกษาเพลิงไม่ใช่เรื่องง่าย
ฟางหยวนรู้สึกหนักใจเมื่อเห็นทะเลเพลิง!
เปลวไฟลุกลามไปทั่วทั้งป่า
ดังคาด เจตจำนงสวรรค์เตรียมการมาเป็นอย่างดี แล้วมันจะให้ทุกสิ่งจบลงง่ายๆได้อย่างไร
ฟางหยวนหายใจแรงขึ้น
เขาเห็นราชันพฤกษาเพลิงลุกขึ้นมาจากทะเลเพลิงมากขึ้นและมากขึ้น
ราชันพฤกษาเพลิงตัวแรกยังไม่ถูกกำจัดแต่ตัวอื่นกำลังก่อตัวขึ้น!
แน่นอนว่าพวกมันมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือฟางหยวน!
“ครืน…”
ราชันพฤกษาเพลิงที่อยู่ใต้ภูเขาตงฮันพยายามพลิกคว่ำภูเขาทั้งลูก
มันมีความแข็งแกร่งที่ไม่น่าเชื่อ ทุกครั้งที่มันดิ้นรน ภูเขาตงฮันจะเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ
ฟางหยวนสามารถเพิกเฉยต่ออสูรหิมะก่อนหน้านี้และค่อยๆกำจัดพวกมัน
แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อภัยพิบัติครั้งนี้ แม้พวกมันจะเคลื่อนไหวได้ช้า แต่พวกมันกลับส่งอิทธิพลอย่างมากต่อมิติช่องว่างของเขา ไม่เพียงพวกมันจะทำลายรากฐานของฟางหยวน พวกมันยังนำโชคร้ายมาสู่เขาอีกด้วย
แล้วเขาควรทำเช่นไร?
แสงไฟส่องสะท้อนใบหน้าของฟางหยวนขณะที่เขาค่อยๆเผยรอยยิ้มบาง “โชคดีที่ข้าเตรียมตัวมาแล้ว!”
…..
ในเวลาเดียวกันเฉิงซินซื่อที่อยู่ภาคใต้จ้องมองโคมไฟตรงหน้าด้วยความงุนงง ในมุมมองสายตาของนาง ดวงไฟราวกับแสดงรูปลักษณ์ในอดีตของฟางหยวนออกมา
‘ท่านพี่ไห่ถู…’ เฉิงซินซื่อคิดกับตนเอง
“ท่านผู้นำ” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงหนึ่งดังขึ้น
“อา…” เฉิงซินซื่อฟื้นคืนสติและมองเห็นเสี่ยวหลาน เสี่ยวตี้ ท่านหญิงเว่ย และผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆของนาง
“ขอโทษ ข้าใจลอยอีกแล้ว” เฉิงซินซื่อเร่งกล่าวขอโทษ
“นี่เป็นครั้งที่สามแล้วนะเจ้าคะ” เสี่ยวหลานพึมพำ
“ข้าไม่สุภาพจริงๆ ขอโทษด้วย” เฉิงซินซื่อกล่าวอีกครั้ง
จ้าวฉวนมองท่านหญิงเว่ยก่อนจะเปิดปากกล่าว “ตอนนี้เรามาดูหัวข้อถัดไป เราจะทำอย่างไรกับกลุ่มผู้ใช้วิญญาณที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของอดีตผู้นำตระกูลเฉิง?”
หลังจากการประชุมจบลง ทุกคนออกจากห้องโถง
“เสี่ยวตี้ เกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านผู้นำ เหตุใดนางจึงเหม่อลอยตลอดเวลา?” จ้าวฉวนถาม
เสี่ยวตี้แสดงออกด้วยสีหน้ากังวล “ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่หลังจากเข้าพบคนระดับสูงของตระกูลเฉิง นางก็เป็นเช่นนี้มาตลอด”
“คนระดับสูงกว่านางงั้นหรือ?” การแสดงออกของจ้าวฉวนเปลี่ยนไป เขารู้ถึงการดำรงอยู่ของผู้อมตะของตระกูลเฉิง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเข้าไปยุ่งวุ่นวาย
เย่ฟานไม่สามารถเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้อีกต่อไป “ให้ข้าไปคุยกับท่านหญิงซินซื่อ บางทีคนนอกเช่นข้าอาจสามารถพูดคุยกับนาง”
“นายน้อย ท่านไม่ใช่คนนอก” เสี่ยวหลานยิ้ม
“เช่นนั้นคงต้องลำบากเจ้าแล้ว” ท่านหญิงเว่ยพยักหน้าเห็นด้วย
ครู่ต่อมาเย่ฟานก็เดินไปถึงหน้าห้องทำงานของเฉิงซินซื่อ
ประตูปิดอยู่
เย่ฟานมองผ่านช่องเล็กๆเข้าไปและเห็นเฉิงซินซื่อกำลังมองกระดาษที่อยู่ในมือ
นางกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด แม้เย่ฟานจะเดินมาถึงหน้าประตูห้องแต่นางก็ยังไม่รู้ตัว
เย่ฟานแสร้งไอเพื่อเรียกสติของเฉิงซินซื่อ
แต่ทันใดนั้นเขากลับได้ยินเสียงพึมพำอันแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากของนาง “ท่านพี่ไห่ถู…ท่านเป็นคนเช่นไรกันแน่…”
หัวใจของเย่ฟานแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เขาเข้าใจทันทีว่ากระดาษในมือของเฉิงซินซื่อไม่ใช่สิ่งใดนอกจากใบประกาศจับปีศาจดำ มันเป็นภาพวาดของฟางหยวน!
เย่ฟานรู้สึกว่างเปล่า แขนขาของเขาราวกับสูญสิ้นเรี่ยวแรง
เขายืนลังเลอยู่นานก่อนจะกัดฟันและเดินจากไป
ตั้งแต่ต้นจนจบเฉิงซินซื่อไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของเขา
เย่ฟานเดินออกจากคฤหาสน์มาถึงถนน ที่นี่เป็นใจกลางของภูเขาเฉิงเหลียงที่คึกคัก
แต่เย่ฟานกลับมีสีหน้ากังวล เขามีคำถามอยู่ในใจ ‘ไห่ถู เจ้าเป็นคนเช่นไร?’
…..
ภาคเหนือ แดนน้ำแข็ง
ชูตู๋ยืนมือไพล่หลังและมองแดนน้ำแข็งอันกว้างใหญ่
ทันใดนั้นร่างของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้น “ข้าอยู่นี่แล้ว!”
เขาได้รับข้อความจากฟางหยวนและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
วิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติ!
ในเวลาต่อมาประตูทางเข้าออกของมิติช่องว่างจักรพรรดิก็ถูกเปิดออก
แรกเริ่มฝูงวิหคหยกเขียวถูกดึงออกไปโดยพลังงานลึกลับ ต่อมาราชันพฤกษาเพลิงก็ถูกลากออกไปอย่างไม่สามารถต้านทาน
พวกมันไม่เต็มใจแต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใด
ท้องฟ้าส่งเสียงคำราม เจตจำนงสวรรค์โกรธมาก
แต่มันไร้ประโยชน์
สองชั่วโมงต่อมาภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามก็สิ้นสุดลง
ฟางหยวนเก็บมิติช่องว่างจักรพรรดิและปรากฏตัวขึ้นที่แดนน้ำแข็ง
ชูตู๋ได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งมาเล็กน้อยแต่เขายังกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น “บนเส้นทางที่ยาวไกล วันนี้ข้าได้รับพรจากสวรรค์ ทะยานขึ้นจากมหาสมุทร ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังจากสายตาของข้า!”
“ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่?” ชูตู๋ทักทายฟางหยวน
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “อุปสรรคและความยากลำบากกีดขวางอยู่บนเส้นทางอันยาวไกล ชีวิตและความตายแขวนอยู่บนภัยพิบัติ ร่างกายปลิดปลิวไปตามสายลม ไม่ว่าลมอ่อนหรือพายุโหมกระหน่ำ ข้าก็ยังโบยบินไปอย่างอิสระ”
หลังจากจากหยุดชั่วคราว ฟางหยวนก็ทักทายกลับ “ข้าคือหลิวกวงซื่อ”