เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1113

ตอนที่ 1113

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1113 ราชันพฤกษาเพลิง

แปลโดย iPAT

ในการกำจัดต้นไม้เหล่านี้ฟางหยวนต้องใช้พลังงานอมตะจำนวนมาก

ฝูงมนุษย์พฤกษามีมากกว่าอสูรหิมะในภัยพิบัติพิภพครั้งแรก นอกจากนั้นพวกมันยังสามารถงอกใหม่ เมื่อฟางหยวนตัดกิ่งก้านสาขาของมัน ส่วนที่ร่วงหล่นลงบนพื้นจะเติบโตขึ้นเป็นมนุษย์พฤกษารุ่นใหม่

เว้นเพียงเขาจะใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นเพื่อทำลายล้างต้นไม้เหล่านี้ในครั้งเดียวมิฉะนั้นมันจะไม่จบสิ้น

แต่การใช้ท่าไม้ตายอมตะคลื่นดาบสามชั้นหรือวิญญาณอมตะดาบบินสิ้นเปลืองเกินไป

‘หากข้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งไฟ เรื่องนี้จะไม่ใช่ปัญหา’ ฟางหยวนคิดแต่ในจังหวะนี้เปลวเพลิงกลับลุกไหม้ขึ้นบนร่างของมนุษย์พฤกษาเหล่านั้น

เปลวไฟเผาทำลายต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนให้กลายเป็นกองเถ้าถ่าน

ไฟถูกหล่อเลี้ยงด้วยฟืนไม้และพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเกือบยี่สิบเมตร

ฟางหยวนตะลึง

เกิดสิ่งใดขึ้น?

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของภัยพิบัติพิภพ

แต่เหตุใดภัยพิบัติพิภพจึงทำลายตัวมันเอง? เจตจำนงสวรรค์พยายามทำสิ่งใด? มันต้องการแก้ปัญหาให้เขางั้นหรือ?

ฟางหยวนปัดเป่าความคิดเหล่านี้ทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

มันเป็นเรื่องน่าขันหากเจตจำนงสวรรค์จะช่วยเขา

“ครืน…”

ทันใดนั้นร่างที่อาบย้อมไปด้วยเปลวเพลิงสูงหกสิบเมตรค่อยๆยืนท่ามกลางกองไฟ

“นี่…” รูม่านตาของฟางหยวนหดเล็กลง เขากัดฟันแน่นโดยไม่รู้ตัว “ราชันพฤกษาเพลิง!”

มันคือพืชอสูรบรรพกาล!

ตำนานกล่าวว่าพืชชนิดนี้จะเติบโตขึ้นในสวรรค์สีแดง

มันหาได้ยากมากในห้าภูมิภาคแม้มันจะยังไม่สูญพันธุ์ไปก็ตาม

ราชันพฤกษาเพลิงกำเนิดจากต้นไม้ชนิดใดก็ได้ เมื่อเกิดไฟป่า สิ่งมีชีวิตจำนวนมากถูกเผาทำลาย มีโอกาสที่พืชอสูรชนิดนี้จะถือกำเนิดขึ้น

ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิง ไม่มีสิ่งใดสามารถเข้าใกล้มัน สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของมันก็คือมันจะทำให้สิ่งมีชีวิตที่เข้าใกล้พบกับโชคร้าย!

‘เจตจำนงสวรรค์ช่างร้ายกาจนัก! เห็นได้ชัดว่ามันตระหนักถึงการคงอยู่ของวิญญาณอมตะโชคอึสุนัขและพยายามทำลายโชคดีของข้า’

ฟางหยวนพบกับความท้าทายรูปแบบใหม่

หากเขาพบราชันพฤกษาเพลิงในป่า เขาจะหลบหนีทันที แต่ตอนนี้ราชันพฤกษาเพลิงปรากฏตัวขึ้นในมิติช่องว่างของเขาและกำลังทำลายโชคดีที่เกิดจากวิญญาณอมตะโชคอึสุนัข

หากเขาทิ้งมันไว้ ในไม่ช้าฟางหยวนจะพบกับโชคร้ายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

‘ข้าอยู่ในระยะไกลแต่อุณหภูมิของสภาพแวดล้อมกลับร้อนแรงถึงเพียงนี้!’ ฟางหยวนถอนหายใจ

เขาบินออกจากภูเขาตงฮัน

เขามีวิญญาณอมตะพื้นที่ก่อนหน้า เขาสามารถฟื้นฟูภูเขาตงฮันได้ในภายหลัง

ปัญหาคือเขาจะทำลายราชันพฤกษาเพลิงตนนี้ได้อย่างไร

ท่าไม้ตายอมตะ ดาบประหารชีวิต!

ท่าไม้ตายอมตะ คลื่นดาบสามชั้น!

ท่าไม้ตายอมตะ ลมหายใจพิษ!

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายหลายท่าแต่พวกมันกลับไร้ประโยชน์ พิษถูกกำจัดโดยเปลวไฟไปอย่างสมบูรณ์ ดาบบินเจาะทะลวงต้นไม้ ร่างของมันสั่นสะท้านขึ้นก่อนจะกลับเป็นปกติ

สำหรับคลื่นดาบสามชั้น มันสามารถดับไฟและทำลายกิ่งไม้จำนวนมาก แต่ในไม่ช้าเปลวเพลิงก็ลุกไหม้ขึ้นอีกครั้ง อาการบาดเจ็บของมันหายไปหลังจากชั่วครู่

ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้นขณะที่เขากรีดร้อง “กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตน!”

“บึม!”

มือยักษ์ปรากฏขึ้นกลางอากาศและพยายามคว้าร่างของราชันพฤกษาเพลิง

แต่ราชันพฤกษาเพลิงมีขนาดใหญ่เกินไป มันมีขนาดเกือบครึ่งหนึ่งของภูเขาตงฮัน นี่ทำให้ความพยายามของกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนไร้ผล

รากจำนวนนับไม่ถ้วนของราชันพฤกษาเพลิงเจาะลงไปใต้ดินและดูดกลืนปราณพิภพเข้าไปอย่างบ้าคลั่งขณะที่วิหคหยกเขียวช่วยเติมพลังงานชีวิตให้มันอย่างไม่หยุดยั้ง

เมื่อเวลาผ่านไปกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนเริ่มหลอมละลายภายใต้เปลวเพลิง

ฟางหยวนดึงกำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนกลับไปเมื่อได้รับแรงบันดาลใจใหม่

“ครืน…”

ครั้งนี้กำปั้นยักษ์หมื่นตัวตนหันมายกภูเขาตงฮันแทนราชันพฤกษาเพลิง

ฟางหยวนไม่สามารถยกร่างของราชันพฤกษาเพลิงแต่เขามีวิญญาณอมตะยกภูเขาที่สามารถยกภูเขาตงฮัน

“ฟิ้ว…”

กระแสลงพัดลงจากยอดเขาขณะที่ฟางหยวนยกมันขึ้นและโยนมันไปที่ราชันพฤกษาเพลิง

“บึม!”

ด้วยเสียงที่ดังสนั่น ราชันพฤกษาเพลิงถูกภูเขาตงฮันกดทับเอาไว้อย่างสมบูรณ์ เหลือเพียงเปลวเพลิงเล็กๆเท่านั้นที่เล็ดรอดออกมาจากใต้ฐานภูเขา

ฟางหยวนลอยอยู่กลางอากาศและมองไปยังสนามรบด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

ราชันพฤกษาเพลิงไม่สามารถเคลื่อนไหว มันถูกโจมตีด้วยร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจากภูเขาตงฮัน แต่มันยังพยายามดิ้มรนอย่างหนัก

เปลวเพลิงเริ่มลุกไหม้ขึ้นทำให้หินบางส่วนของภูเขาตงฮันกลายเป็นหินหลอมเหลว

การกำจัดราชันพฤกษาเพลิงไม่ใช่เรื่องง่าย

ฟางหยวนรู้สึกหนักใจเมื่อเห็นทะเลเพลิง!

เปลวไฟลุกลามไปทั่วทั้งป่า

ดังคาด เจตจำนงสวรรค์เตรียมการมาเป็นอย่างดี แล้วมันจะให้ทุกสิ่งจบลงง่ายๆได้อย่างไร

ฟางหยวนหายใจแรงขึ้น

เขาเห็นราชันพฤกษาเพลิงลุกขึ้นมาจากทะเลเพลิงมากขึ้นและมากขึ้น

ราชันพฤกษาเพลิงตัวแรกยังไม่ถูกกำจัดแต่ตัวอื่นกำลังก่อตัวขึ้น!

แน่นอนว่าพวกมันมีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือฟางหยวน!

“ครืน…”

ราชันพฤกษาเพลิงที่อยู่ใต้ภูเขาตงฮันพยายามพลิกคว่ำภูเขาทั้งลูก

มันมีความแข็งแกร่งที่ไม่น่าเชื่อ ทุกครั้งที่มันดิ้นรน ภูเขาตงฮันจะเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง

สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ

ฟางหยวนสามารถเพิกเฉยต่ออสูรหิมะก่อนหน้านี้และค่อยๆกำจัดพวกมัน

แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อภัยพิบัติครั้งนี้ แม้พวกมันจะเคลื่อนไหวได้ช้า แต่พวกมันกลับส่งอิทธิพลอย่างมากต่อมิติช่องว่างของเขา ไม่เพียงพวกมันจะทำลายรากฐานของฟางหยวน พวกมันยังนำโชคร้ายมาสู่เขาอีกด้วย

แล้วเขาควรทำเช่นไร?

แสงไฟส่องสะท้อนใบหน้าของฟางหยวนขณะที่เขาค่อยๆเผยรอยยิ้มบาง “โชคดีที่ข้าเตรียมตัวมาแล้ว!”

…..

ในเวลาเดียวกันเฉิงซินซื่อที่อยู่ภาคใต้จ้องมองโคมไฟตรงหน้าด้วยความงุนงง ในมุมมองสายตาของนาง ดวงไฟราวกับแสดงรูปลักษณ์ในอดีตของฟางหยวนออกมา

‘ท่านพี่ไห่ถู…’ เฉิงซินซื่อคิดกับตนเอง

“ท่านผู้นำ” เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงหนึ่งดังขึ้น

“อา…” เฉิงซินซื่อฟื้นคืนสติและมองเห็นเสี่ยวหลาน เสี่ยวตี้ ท่านหญิงเว่ย และผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆของนาง

“ขอโทษ ข้าใจลอยอีกแล้ว” เฉิงซินซื่อเร่งกล่าวขอโทษ

“นี่เป็นครั้งที่สามแล้วนะเจ้าคะ” เสี่ยวหลานพึมพำ

“ข้าไม่สุภาพจริงๆ ขอโทษด้วย” เฉิงซินซื่อกล่าวอีกครั้ง

จ้าวฉวนมองท่านหญิงเว่ยก่อนจะเปิดปากกล่าว “ตอนนี้เรามาดูหัวข้อถัดไป เราจะทำอย่างไรกับกลุ่มผู้ใช้วิญญาณที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของอดีตผู้นำตระกูลเฉิง?”

หลังจากการประชุมจบลง ทุกคนออกจากห้องโถง

“เสี่ยวตี้ เกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านผู้นำ เหตุใดนางจึงเหม่อลอยตลอดเวลา?” จ้าวฉวนถาม

เสี่ยวตี้แสดงออกด้วยสีหน้ากังวล “ข้าก็ไม่แน่ใจ แต่หลังจากเข้าพบคนระดับสูงของตระกูลเฉิง นางก็เป็นเช่นนี้มาตลอด”

“คนระดับสูงกว่านางงั้นหรือ?” การแสดงออกของจ้าวฉวนเปลี่ยนไป เขารู้ถึงการดำรงอยู่ของผู้อมตะของตระกูลเฉิง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถเข้าไปยุ่งวุ่นวาย

เย่ฟานไม่สามารถเก็บความรู้สึกเอาไว้ได้อีกต่อไป “ให้ข้าไปคุยกับท่านหญิงซินซื่อ บางทีคนนอกเช่นข้าอาจสามารถพูดคุยกับนาง”

“นายน้อย ท่านไม่ใช่คนนอก” เสี่ยวหลานยิ้ม

“เช่นนั้นคงต้องลำบากเจ้าแล้ว” ท่านหญิงเว่ยพยักหน้าเห็นด้วย

ครู่ต่อมาเย่ฟานก็เดินไปถึงหน้าห้องทำงานของเฉิงซินซื่อ

ประตูปิดอยู่

เย่ฟานมองผ่านช่องเล็กๆเข้าไปและเห็นเฉิงซินซื่อกำลังมองกระดาษที่อยู่ในมือ

นางกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิด แม้เย่ฟานจะเดินมาถึงหน้าประตูห้องแต่นางก็ยังไม่รู้ตัว

เย่ฟานแสร้งไอเพื่อเรียกสติของเฉิงซินซื่อ

แต่ทันใดนั้นเขากลับได้ยินเสียงพึมพำอันแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากของนาง “ท่านพี่ไห่ถู…ท่านเป็นคนเช่นไรกันแน่…”

หัวใจของเย่ฟานแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก เขาเข้าใจทันทีว่ากระดาษในมือของเฉิงซินซื่อไม่ใช่สิ่งใดนอกจากใบประกาศจับปีศาจดำ มันเป็นภาพวาดของฟางหยวน!

เย่ฟานรู้สึกว่างเปล่า แขนขาของเขาราวกับสูญสิ้นเรี่ยวแรง

เขายืนลังเลอยู่นานก่อนจะกัดฟันและเดินจากไป

ตั้งแต่ต้นจนจบเฉิงซินซื่อไม่ตระหนักถึงการคงอยู่ของเขา

เย่ฟานเดินออกจากคฤหาสน์มาถึงถนน ที่นี่เป็นใจกลางของภูเขาเฉิงเหลียงที่คึกคัก

แต่เย่ฟานกลับมีสีหน้ากังวล เขามีคำถามอยู่ในใจ ‘ไห่ถู เจ้าเป็นคนเช่นไร?’

…..

ภาคเหนือ แดนน้ำแข็ง

ชูตู๋ยืนมือไพล่หลังและมองแดนน้ำแข็งอันกว้างใหญ่

ทันใดนั้นร่างของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้น “ข้าอยู่นี่แล้ว!”

เขาได้รับข้อความจากฟางหยวนและกระตุ้นใช้วิญญาณอมตะที่อยู่ในมืออย่างรวดเร็ว

วิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติ!

ในเวลาต่อมาประตูทางเข้าออกของมิติช่องว่างจักรพรรดิก็ถูกเปิดออก

แรกเริ่มฝูงวิหคหยกเขียวถูกดึงออกไปโดยพลังงานลึกลับ ต่อมาราชันพฤกษาเพลิงก็ถูกลากออกไปอย่างไม่สามารถต้านทาน

พวกมันไม่เต็มใจแต่ก็ไม่สามารถทำสิ่งใด

ท้องฟ้าส่งเสียงคำราม เจตจำนงสวรรค์โกรธมาก

แต่มันไร้ประโยชน์

สองชั่วโมงต่อมาภัยพิบัติพิภพครั้งที่สามก็สิ้นสุดลง

ฟางหยวนเก็บมิติช่องว่างจักรพรรดิและปรากฏตัวขึ้นที่แดนน้ำแข็ง

ชูตู๋ได้รับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งมาเล็กน้อยแต่เขายังกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น “บนเส้นทางที่ยาวไกล วันนี้ข้าได้รับพรจากสวรรค์ ทะยานขึ้นจากมหาสมุทร ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดบังจากสายตาของข้า!”

“ข้าขอทราบนามของท่านได้หรือไม่?” ชูตู๋ทักทายฟางหยวน

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง “อุปสรรคและความยากลำบากกีดขวางอยู่บนเส้นทางอันยาวไกล ชีวิตและความตายแขวนอยู่บนภัยพิบัติ ร่างกายปลิดปลิวไปตามสายลม ไม่ว่าลมอ่อนหรือพายุโหมกระหน่ำ ข้าก็ยังโบยบินไปอย่างอิสระ”

หลังจากจากหยุดชั่วคราว ฟางหยวนก็ทักทายกลับ “ข้าคือหลิวกวงซื่อ”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท