เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1115

ตอนที่ 1115

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1115 เปิดรังอินทรีย์ (อ่านฟรี)

แปลโดย iPAT

มิติช่องว่างจักรพรรดิ สวรรค์สีม่วงน้อย

รังอินทรีย์ลอยอยู่กลางอากาศ

มันเป็นรังอินทรีย์ที่ดูเหมือนก้อนคริสตัลขนาดใหญ่

ฟางหยวนจดจำสิ่งนี้ได้ มันคือทรัพยากรอมตะระดับแปดคริสตัลสวรรค์!

คริสตัลสวรรค์สามารถลอยอยู่บนท้องฟ้าโดยไม่ร่วงหล่นลงสู่พื้นเว้นเพียงจะถูกผลักดันด้วยพลังงานจากภายนอก

โดยไม่คำนึงถึงสิ่งที่อยู่ภายใน เพียงคริสตัลสวรรค์ที่ห่อหุ้มอยู่ก็มีน้ำหนักถึงห้าร้อยกิโลกรัม!

นี่คือรังอินทรีย์ที่สิบสามของแดนศักดิ์สิทธิ์อินทรีย์เหล็ก

มูลค่าของมันสูงกว่ารังอินทรีย์ทั้งหมดรวมกัน

ฟางหยวนร่วมมือกับชูตู๋และสามารถฉกชิงรังอินทรีย์นี้มาได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาสุดท้ายของการต่อสู้ที่เผ่าไห่ ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าไห่ตะโกนบอกความลับกับทุกคนว่าในรังอินทรีย์ที่สิบสามมีเบาะแสเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานซ่อนอยู่

นี่เป็นปัญหาสำหรับฟางหยวน

วิญญาณอมตะดาบบินรวมกับรังอินทรีย์ที่สิบสามมีมูลค่าสูงมาก แม้ชูตู๋จะเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ แต่เขาก็ตระหนักถึงความล้ำค่าของทั้งสองสิ่ง

โชคดีที่ชูตู๋หมกมุ่นอยู่กับวิธีดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่ง

ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้เพื่อเจรราแลกเปลี่ยนกับชูตู๋และสามารถบรรลุข้อตกลง

ชูตู๋ใช้วิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติเพื่อรับความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งจากฟางหยวน ในอนาคตเขาจะได้ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งจากฟางหยวนร้อยละสามสิบ

‘ชูตู๋เป็นผู้อมตะธรรมดา เขาไม่ต้องการบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งข้อมูลหรือเส้นทางแห่งกาลเวลาเพื่อเป็นเส้นทางรอง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกสนใจมรดกที่แท้จริงทั้งสอง’

‘แตกต่างจากข้า ข้าสามารถบ่มเพาะได้ทุกเส้นทาง ไม่ว่าข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางใด ข้าก็สามารถนำมาใช้กับตนเอง’

‘แต่ถึงกระนั้นข้าก็ยังรู้สึกชื่นชมการตัดสินใจอันเด็ดเดี่ยวของชูตู๋ เขาสามารถยอมแพ้ในสถานการณ์ที่เหมาะสม จักรพรรดิอมตะช่างน่าเกรงขามอย่างแท้จริง!’ ฟางหยวนคิดขณะตรวจสอบรังอินทรีย์

เขากับชูตู๋เป็นพันธมิตรในแง่ของผลประโยชน์ ทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ห่างเหิน พวกเขาใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันเท่านั้น

การติดต่อกับชูตู๋ ฟางหยวนต้องระวังตัวเป็นอย่างมาก

เขารู้ว่าชูตู๋ยังต้องการวิธีดึงความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งออกมา

ชูตู๋มีทั้งสมองและความแข็งแกร่ง เขาไม่ใช่จักรพรรดิอมตะที่โง่เขลา

ความแข็งแกร่งของชูตู๋ทำให้เขาสามารถสร้างปัญหาให้กองกำลังขนาดใหญ่เช่นเผ่าหลิวได้ด้วยตัวเขาเองเพียงลำพัง ระหว่างการต่อสู้ที่เผ่าไห่ เขาทำให้ผู้อมตะทั้งหมดไม่กล้าลงมือโจมตีเขา

หลังจากการต่อสู้กับเผ่าหลิวในอดีต เขาแทบไม่ปรากฏตัวและเลี้ยงดูศิษย์อย่างลับๆเพื่อฉกฉวยความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งขณะที่ศิษย์ของเขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ ระหว่างการเจรจา ฟางหยวนยังตระหนักถึงความเฉลียวฉลาดของคนผู้นี้

จักรพรรดิอมตะชูตู๋มีความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ แล้วเขาจะพอใจกับแค่วิญญาณเรียกภัยพิบัติได้อย่างไร?

สิ่งที่น่ากลัวกว่าก็คือดูเหมือนชูตู๋จะสามารถคาดเดาตัวตนที่แท้จริงของฟางหยวน

แน่นอนว่าฟางหยวนอาจคิดมากเกินไป

แต่ยังมีหลายสิ่งที่ทำให้ฟางหยวนต้องระวังตัวเป็นพิเศษ มิฉะนั้นเขาอาจพลาดรายละเอียดเล็กๆที่สำคัญ

การปรากฎตัวของชูตู๋ยังเป็นเรื่องน่าสงสัย ฟางหยวนคาดเดาว่าชูตู๋ถูกควบคุมโดยเจตจำนงสวรรค์และกลายเป็นภัยพิบัติมนุษย์ของเขา

การร่วมมือกับบุคคลเช่นนี้ไม่ต่างจากการขอความช่วยเหลือจากเสือ

ดังนั้นหลังจากสร้างความร่วมมือ ฟางหยวนไม่ได้พูดคุยกับชูตู๋มากนักและเร่งจากไปทันที

ชูตู๋ปล่อยฟางหยวนจากมาโดยไม่กล่าวสิ่งใด

ประการแรก วิญญาณอมตะเรียกภัยพิบัติอยู่ในมือเขา ประการที่สอง เขาและฟางหยวนได้สร้างข้อตกลงพันธมิตรเรียบร้อยแล้ว ประการที่สาม เขาไม่สามารถจับตัวฟางหยวนในแง่ของความเร็ว

ด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของชูตู๋ มันทำให้เขามีเครือข่ายและรู้จักผู้คนมากมาย

ฟางหยวนพิจารณาจุดนี้เช่นกัน เพื่อป้องกันเจตจำนงสวรรค์ ฟางหยวนมอบวิญญาณเจตจำนงของตนเองจำนวนมากให้กับชูตู๋ ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนไม่จำเป็นต้องกังวลว่าเจตจำนงสวรรค์จะส่งอิทธิพลต่อความคิดของชูตู๋มากนัก

‘ข้าต้องระวังตัวให้มากขึ้น หากผิดพลาด มันอาจนำไปสู่หายนะ!’ ฟางหยวนเตือนตนเอง

เป็นเพียงเวลานี้ที่เขาบังคับร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งบินเข้าไปหารังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์อย่างช้าๆ

เขาใช้วิธีการตรวจสอบและเงื่อนงำที่ได้รับจากไห่เจิ้ง

‘หากข้าคิดไม่ผิด เป็นเวลานี้…’

ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเปลี่ยนร่างเป็นไห่เจิ้งและบินเข้าไปหารังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์

ในเวลาเดียวกันวิญญาณหลายดวงก็บินออกมาหมุนวนอยู่รอบตัวไห่เจิ้งผู้นี้

ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมถูกกระตุ้นใช้งานโดยมีเป้าหมายที่รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์

ท่าไม้ตายเหล่านี้ล้วนมาจากการค้นวิญญาณของไห่เจิ้งตัวจริง มันเป็นสิ่งที่ได้รับการส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่นในเผ่าไห่ ก่อนไห่ฟานจะเสียชีวิต เขาทิ้งคำสั่งเสียไว้กับบุตรหลานว่าสมาชิกเผ่าไห่ที่กลายเป็นผู้อมตะทุกคนจะต้องเรียนรู้วิธีการเหล่านี้

หลังจากการศึกษวิจัยมานานหลายชั่วอายุคนโดยผู้อมตะเผ่าไห่ พวกเขาค่อยๆเข้าใจว่าท่าไม้ตายเหล่านี้คือกุญแจสำคัญในการเปิดรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์

มีผู้อมตะเผ่าไห่หลายคนพยายามใช้ท่าไม้ตายเหล่านี้เพื่อเปิดรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์โดยหวังว่าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

แต่แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดประสบความสำเร็จ

เพราะพวกเขาขาดองค์ประกอบสำคัญที่สุด นั่นคือวิญญาณทัศนคติ!

นี่ทำให้ผู้อมตะเผ่าไห่หลายชั่วอายุคนไม่มีผู้ใดสามารถรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

ผู้อมตะไม่ใช่คนโง่ หลังจากผู้อมตะเผ่าไห่ตระหนักถึงเรื่องนี้ พวกเขาพยายามค้นหาวิญญาณทัศนคติ

หลังจากทุ่มเทความพยายาม พวกเขาพบเบาะแสบางอย่างและมีความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อซูเซียนเอ๋อกลายเป็นภรรยาของไห่เจิ้ง นางเข้าสู่เผ่าไห่ในฐานะผู้อาวุโสนอก นางไม่ใช่ผู้อมตะเผ่าไห่ที่แท้จริง ดังนั้นนางจึงพลาดความลับสำคัญมากมายของเผ่าไห่

แต่นางมาพร้อมกับแรงจูงใจที่จะช่วยเหลือนางมารผลาญสวรรค์และสามารถขโมยข้อมูลเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานออกมา

จากการตรวจสอบข้อมูลเหล่านี้ นางพบข้อสงสัยบางอย่าง

แต่เมื่อนางเข้าใกล้ความสำเร็จ สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไป ไห่เจิ้งฆ่าซูเซียนเอ๋อ เทพธิดาหลี่ซานตัดขาดนางมารผลาญสวรรค์ ผลที่ตามมาคือซูเซียนเอ๋อทิ้งเบาะแสสำคัญและทุกสิ่งของนางไว้กับไห่ลั่วหลัน

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ ไห่ลั่วหลันใช้เบาะแสเหล่านี้เพื่อให้ได้รับวิญญาณทัศนคติ

อย่างไรก็ตามสุดท้ายมันกลับตกอยู่ในมือของฟางหยวน

หลายวันที่ผ่านมาฟางหยวนฝึกฝนท่าไม้ตายดังกล่าวและไม่พบปัญหาใดๆ

ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเปลี่ยนเป็นเปลวไฟและสายฟ้าพุ่งเข้าโจมตีรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ การโจมตีแต่ละครั้งทำให้รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย

แรงสั่นสะเทือนค่อยๆทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

“ครั้งสุดท้าย!”

ฟาหงยวนรู้สึกตื่นเต้น

ตามข้อมูลที่ได้รับ ฟางหยวนปลดปล่อยกลิ่นอายของวิญญาณทัศนคติออกมาและส่งมันเข้าหลอมรวมกับรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์

รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์เกิดการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ก่อนที่แสงเก้าสีจะส่องประกายขึ้น

ม่วง ฟ้า น้ำเงิน เขียว เหลือง ส้ม แดง ขาว และดำ

แสงเหล่านี้บังคับให้ไห่เจิ้งตัวปลอมต้องล่าถอยออกมา

รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ที่ปิดตายมานานหลายปีเปิดออกในที่สุด

‘ข้าเข้าใจแล้ว!’ หัวใจของฟางยหวนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก

‘เดิมทีคริสตัลสวรรค์ไม่มีสี แสงทั้งเก้ามาจากสวรรค์ทั้งเก้า ไห่ฟานผสานพวกมันเข้าด้วยกันโดยใช้วิธีบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมก่อนจะเก็บซ่อนมันไว้’

‘ก่อนตายไห่ฟานทิ้งท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเอาไว้ให้กับบุตรหลานเพื่อให้พวกเขาใช้มันเปิดผนึกรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์รังนี้’

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ช่วยไม่ได้ที่ฟางหยวนจะต้องประเมินมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานสูงขึ้นไปอีก

คริสตัลสวรรค์เป็นทรัพยากรอมตะชนิดพิเศษที่จะพบในสวรรค์ทั้งเก้าเท่านั้นเว้นเพียงถ้ำสวรรค์ที่มีรากฐานอันล้ำลึก

เดิมทีฟางหยวนคิดว่าคริสตัลสวรรค์ชิ้นนี้มาจากถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานแต่แท้จริงแล้วมันมาจากสวรรค์ทั้งเก้า

นี่ถือเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง

เนื่องจากในปัจจุบันสวรรค์ทั้งเก้าเหลืออยู่เพียงสอง การค้นหาคริสตัลสวรรค์จากเศษชิ้นส่วนของสวรรค์ที่กระจัดกระจายและซ่อนอยู่ในสถานที่ต่างๆทั้งห้าภูมิภาคเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างที่สุด

“มรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ข้ามาแล้ว!” ฟางหยวนไม่สามารถยับยั้งความตื่นเต้นที่อยู่ในใจขณะควบคุมไห่เจิ้งตัวปลอมบินเข้าไปในรังอินทรีย์อย่างระมัดระวัง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท