เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1117

ตอนที่ 1117

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1117 อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

แปลโดย iPAT

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด

ฟางหยวนเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดมานานแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่าไข่ของมันมีลักษณะอย่างไร

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดบนเส้นทางแห่งห้วงมิติ เมื่อมันโตเต็มวัย มันสามารถเดินทางได้อย่างอิสระในสวรรค์ทั้งเก้ารวมถึงการเข้าออกถ้ำสวรรค์สวรรค์ต่างๆ

นี่เป็นความสามารถที่น่าอัศจรรย์

ระหว่างสวรรค์ชั้นต่างๆมีกำแพงพลังงานกีดขวางอยู่ขณะที่ถ้ำสวรรค์แยกตัวออกจากโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์

แต่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดสามารถเดินทางไปยังสถานที่เหล่านั้นได้ด้วยสัญชาตญาณและความสามารถบนเส้นทางแห่งห้วงมิติของมัน

มันมีพลังการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้อมตะระดับแปดและยังบินได้รวดเร็วมาก ไห่ฟานสามารถเก็บไข่ของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเอาไว้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล

จุดอ่อนเดียวของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดก็คืออายุขัยของมัน

มันมีอายุขัยเพียงแปดสิบปีเท่านั้น

หากเปรียบเทียบ มนุษย์ธรรมดาที่มีอายุขัยหนึ่งร้อยปียังเหนือกว่ามันในแง่มุมนี้

สัตว์อสูรแรกกำเนิดที่มีอายุขัยน้อยกว่ามนุษย์ นี่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจเพราะโดยทั่วไปสัตว์อสูรแรกกำเนิดมักมีอายุขัยหลายแสนปี

อย่างไรก็ตามมันมีความสามารถในการยืดอายุ

ก่อนมันจะตายด้วยความชรา มันจะวางไข่

ภายในไข่ใบนี้จะมีความทรงจำทั้งหมดที่มันสะสมมาตลอดชีวิต

ลูกนกที่เกิดจากไข่ใบนี้จะกลายเป็นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่มาพร้อมกับความทรงจำในชีวิตก่อนหน้ารวมถึงร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่เคยมี หากไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดจะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

แน่นอนว่าในช่วงเวลาที่มันอยู่ในไข่หรือเป็นลูกนกแรกเกิด มันจะอ่อนแอมาก

หลังจากเข้าใจสิ่งนี้ ฟางหยวนสามารถคาดเดาบางสิ่ง ‘ไข่ที่ตายแล้วของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่ไห่ฟานทิ้งไว้มีเบื้องหลัง!’

เหตุใดไห่ฟานต้องทิ้งไข่ใบนี้เอาไว้?

เห็นได้ชัดว่าอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเคยไปที่ถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานมาก่อน นี่คือกุญแจที่จะนำไปสู่ถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

ผู้อมตะเผ่าไห่พยายามค้นหาถ้ำสวรรค์ของไห่ฟาน แต่จากความทรงจำของไห่เจิ้ง พวกเขายังไม่พบสิ่งใด

‘มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานต้องอยู่ในถ้ำสวรรค์ของเขาเอง นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก โดยปราศจากวิธีบนเส้นทางอาหาร มันจะดีที่สุดที่เขาจะเก็บวิญญาณอมตะไว้ที่นั่น’

‘ถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานไม่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติใดๆ ตามความทรงจำของไห่เจิ้ง ไห่ฟานเคยได้รับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์เก้าชั้น หากข้าเดาไม่ผิด ก่อนตาย เขาต้องผสานมันเข้ากับถ้ำสวรรค์ของตนเอง’

‘น่าเสียดายที่เขาไม่มีวิญญาณอายุยืน’

‘แต่เหตุใดไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่อยู่ในรังอินทรีย์ถึงเป็นไข่ที่ตายแล้ว?’ ฟางหยวนกำลังเผชิญหน้ากับคำถามที่ยากลำบาก

มีสองคำตอบที่เป็นไปได้

หนึ่งคือไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดใบนี้ตายไปตามธรรมชาติ ไห่ฟานทิ้งไข่ที่มีชีวิตเอาไว้ แต่เนื่องจากไม่มีผู้ใดสามารถรับสืบทอดมรดกของเขาเป็นเวลานานเกินไป ดังนั้นไข่อินทรีย์ใบนี้จึงตายไปในที่สุด

ความเป็นไปได้ที่สองคือไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดใบนี้ยังไม่ตายแต่ต้องใช้วิธีการพิเศษบางอย่างเพื่อปลุกมันให้ตื่นขึ้น

หากเป็นกรณีแรก ฟางหยวนจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ เขาสามารถเพียงขายรังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์และไข่ที่ตายแล้วออกไปเท่านั้น

จากมุมมองของฟางหยวน แน่นอนว่าเขาต้องการให้เป็นกรณีที่สองมากกว่า

แต่หากต้องใช้วิธีการพิเศษ แล้วมันคือสิ่งใด?

‘หากเป็นกรณีที่สอง ข้าจะปลุกไข่ใบนี้อย่างไร?’ ฟางหยวนคิด

แต่หลังจากคิดอย่างยาวนานเขาก็ยังไม่ได้รับคำตอบ

นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

ไข่ใบนี้ดูเหมือนตายไปแล้วจริงๆ มิฉะนั้นฟางหยวนจะไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้อย่างง่ายดายตั้งแต่แรก

‘หากข้าเป็นไห่ฟาน ข้าจะทิ้งเงื่อนงำบางอย่างเอาไว้เบื้องหลังเพื่อให้บุตรหลานของข้าแก้ปัญหาและรับสืบทอดมรดก’ ฟางหยวนคาดเดา

เขารู้สึกว่าตนเองมองข้ามบางสิ่งไปโดยไม่รู้ตัว

‘หากข้าใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมอีกครั้งกับไข่ที่ตายไปแล้ว มันจะตื่นขึ้นหรือไม่?’ ฟางหยวนสันนิษฐาน

แต่เขายังไม่ได้ทำทันที

เนื่องจากนี่เป็นเพียงสมมติฐานและยังไม่มีหลักฐานสนับสนุน

ฟางหยวนเป็นคนรอบคอบ ดังนั้นเขาจึงใช้ทักษะบนเส้นทางแห่งปัญาวิเคราะห์ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเหล่านั้น

เพียงไม่นานเขาก็ค้นพบบางสิ่ง

สิ่งใด?

ท่าไม้ตายเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกดัดแปลงมาก่อน รุ่นดั่งเดิมของมันยังดีกว่ารุ่นใหม่

ไห่ฟานพยายามทำสิ่งใด?

ฟางหยวนนึกถึงบันทึกทางประวัติศาสตร์ของเผ่าไห่ที่อยู่ในความทรงจำของไห่เจิ้ง

ไห่ฟานมักสั่งสอนชนรุ่นหลังว่า ‘พวกเจ้าต้องคิดวิเคราะห์ด้วยตนเองและอย่าเชื่อถือประสบการณ์ของรุ่นพี่โดยไม่คิดให้รอบคอบ มีเพียงการเรียนรู้จากพวกเขาและคิดวิเคราะห์ด้วยตนเองเท่านั้นที่จะทำให้พวกเจ้าสามารถก้าวไปข้างหน้า’

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนต้องพิจารณาท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเหล่านี้ใหม่อีกครั้ง

เขาพยายามลบการดัดแปลงที่ล้มเหลวของไห่ฟานออกไป นี่ทำให้เขาค้นพบสิ่งที่น่าตกใจบางอย่าง

‘ท่าไม้ตายเหล่านี้ไม่ใช่ความล้มเหลวแต่พวกมันสามารถผสานงานกันและทำให้เกิดเป็นท่าไม้ตายใหม่!’

‘ไห่ฟานเพิ่มขั้นตอนที่ไม่จำเป็นเข้าไปโดยเจตนา ท่าไม้ตายเหล่านี้ต่างมีข้อบกพร่องหนึ่งหรือสองจุด แต่เมื่อพวกมันหลอมรวมกัน พวกมันกลับทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ!’

สิ่งที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจมากที่สุดก็คือมันเป็นท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด

ผู้อมตะระดับแปดบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยิ่งใหญ่ไห่ฟานใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือด?

แต่นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก

ตั้งแต่บรรพชนบ่อเลือดปรากฏตัวขึ้น ทุกคนรู้จักพลังอำนาจของเส้นทางแห่งเลือดเป็นอย่างดี กองกำลังระดับสูงทั้งหมดลอบค้นคว้าเรื่องนี้อย่างลับๆ

นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแม้แต่ในสิบนิกายโบราณของภาคกลางโดยยังไม่ต้องกล่าวถึงผู้อมตะของภาคเหนือที่คลั่งไคล้ความแข็งแกร่ง

ฟางหยวนมีความมั่นใจเกี่ยวกับเส้นทางแห่งเลือดมากกว่าเส้นทางแห่งการหลอมรวม

หลังจากทั้งหมดเขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด

ด้วยความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือด ฟางหยวนเข้าใจทันทีว่าท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดนี้มีไว้เพื่ออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด!

แต่ท่าไม้ตายนี้ยังไม่สมบูรณ์

เมื่อตระหนักถึงเรื่องนี้ ฟางหยวนไม่รู้สึกผิดหวัง ตรงข้ามดวงตาของเขากลับส่องประกายขึ้น

‘ไห่ฟานต้องมีท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดที่สมบูรณ์ แต่เขาทิ้งท่าไม้ตายเพียงครึ่งไว้กับทายาท’

‘เขาไม่ส่งต่อท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดที่สมบูรณ์แบบให้ทายาทโดยตรงแต่ใช้วิธีการบางอย่างเพื่อปกปิดมันเอาไว้’

‘แรงจูงใจของเขาต้องเป็นการทดสอบผู้สืบทอด พวกเขาต้องแก้ปัญหานี้ด้วยตนเอง เหตุผลที่สองคือเส้นทางแห่งเลือดไม่สามารถเปิดเผย หากคนนอกรู้ว่าไห่ฟานใช้วิธีการบนเส้นทางแห่งเลือด มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไห่ฟานไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์นี้’

ฟางหยวนสามารถคาดเดาความคิดของไห่ฟาน

ตอนนี้เขามั่นใจมากว่าไข่อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดยังไม่ตายอย่างสมบูรณ์แต่ถูกผนึกเอาไว้

นี่จะทำให้เรื่องต่างๆง่ายขึ้น!

ฟางหยวนไม่ใช่ผีดิบอมตะอีกต่อไป เขาสามารถใช้เลือดจากร่างกายของตนเองได้อย่างง่ายดาย

อย่างไรก็ตามขณะที่เขากำลังจะใช้ทักษะบนเส้นทางแห่งเลือด เขากลับหยุดการเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน

‘เกือบไปแล้ว! ข้าเกือบพลาดบางสิ่ง!’ หน้าผากของฟางหยวนปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ

เหตุใดไห่ฟานจึงทิ้งท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดเอาไว้ให้กับบุตรหลาน?

มันไม่ใช่เรื่องแปลกจริงๆงั้นหรือ?

ทุกคนรู้ดีว่าไห่ฟานเป็นผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางแห่งกาลเวลา เขาสามารถทิ้งวิธีการบนเส้นทางแห่งกาลเวลาเอาไว้และนั่นยังเป็นวิธีที่ดีกว่า

แต่เขากลับเลือกใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือด เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?

มีเพียงเหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ นั่นคือเส้นทางแห่งเลือดสามารถทำบางสิ่งขณะที่เส้นทางแห่งกาลเวลาไม่สามารถทำ

ในฐานะปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือด ความคิดแรกของฟางหยวนก็คือการตรวจสอบสายเลือด!

มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมีไว้สำหรับบุตรหลานเผ่าไห่ มรดกของผู้อมตะในเผ่ามักถูกเก็บไว้ให้สมาชิกเผ่าและเงื่อนไขแรกของการรับสืบทอดก็คือความเกี่ยวข้องทางสายเลือด น้อยคนนักที่จะทิ้งมรดกของตนเองไว้ให้กับผู้อื่น

วิญญาณทัศนคติและท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมเป็นสองขั้นตอนแรกในการตรวจสอบ

สำหรับขั้นตอนที่สาม มันคือการตรวจสอบสายเลือดด้วยวิธีการบนเส้นทางแห่งเลือด

‘หากผู้สืบทอดไม่มีสายเลือดของเผ่าไห่ มันอาจเกิดข้อผิดพลาดขึ้นกับไข่ที่ตายแล้วใบนี้หรือบางทีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดที่ฟักออกมาอาจกลายเป็นศัตรูกับคนผู้นั้น’

นึกถึงเรื่องนี้ฟางหยวนรู้สึกราวกับเหงื่อไหลลงมาจากหน้าผากของเขามากขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากสัตว์อสูรแรกกำเนิดกลายเป็นศัตรู มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่

อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดรวดเร็วมาก ฟางหยวนไม่สามารถวิ่งหนีจากมัน ขณะเดียวกันพลังป้องกันของเขาก็อ่อนแอเกินไป เมื่อเกิดการปะทะ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

‘ดูเหมือนข้าต้องใช้สายเลือดที่เหมาะสมในการปลดผนึกไข่ใบนี้เท่านั้น’ ฟางหยวนหยุดเคลื่อนไหวอย่างชาญฉลาด

หลายวันต่อมา

มุมหนึ่งของมิติช่องว่างจักรพรรดิ

เส้นผมของไห่เจิ้งยุ่งเหยิง ใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า

ฟางหยวนบังคับผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งบินเข้าไปหาไห่เจิ้ง

ร่างของไห่เจิ้งสั่นสะท้านขึ้นราวกับถูกฟ้าผ่า เขาตะโกนด้วยความหวาดกลัวและตกใจ “เจ้า! เจ้าต้องการสิ่งใด?”

ฟางหยวนเคยค้นวิญญาณของไห่เจิ้ง แต่ลืมเรื่องนั้นไปก่อน ตอนนี้เขาใช้วิธีการทุกประเภทเพื่อทรมานไห่เจิ้ง สภาพของไห่เจิ้งในเวลานี้กล่าวได้ว่าความตายยังดีกว่า

ไห่เจิ้งเป็นเชลยศึกของฟางหยวน จนถึงตอนนี้เขายอมแพ้แล้ว ท่าทางที่สง่างามของเขาหายไปอย่างสมบูรณ์

แต่เขาไม่สามารถกระทั่งกัดลิ้นฆ่าตัวตาย

‘ไห่เจิ้งยังมีคุณค่า แม้เผ่าไห่จะล่มสลายไปแล้ว แต่ไห่ลั่วหลันยังมีชีวิตอยู่’ นี่คือความคิดของฟางหยวน

ดังนั้นไห่เจิ้งจึงอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตายหรืออยู่อย่างเป็นสุข

“อย่ากังวล นี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ข้ามั่นใจมาก” ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเผยรอยยิ้มขณะเคลื่อนที่เข้าใกล้ไห่เจิ้งมากขึ้น

ไห่เจิ้งกรีดร้อง “เจ้าบอกว่ามันเป็นครั้งสุดท้ายเสมอ! ไม่ ไม่ อา…”

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท