เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1118

ตอนที่ 1118

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1118 พลังการต่อสู้ของอินทรีย์สวรรค์

แปลโดย iPAT

ใบหน้าของไห่เจิ้งบิดเบี้ยวขณะกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ฟางหยวนไม่สนใจและยังใช้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดต่อไป

ด้วยการใช้วิญญาณสมบัติเลือดเป็นแกนกลาง เขาสามารถสร้างท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งเลือด

เลือดในร่างกายรวมถึงไขกระดูกของไห่เจิ้งถูกดึงออกมาภายนอก

ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งของฟางหยวนกลืนกินมันเข้าไปทั้งหมด

ไห่เจิ้งเสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ ตอนนี้ร่างกายของเขาซูดผอมใบหน้าซีดขาวราวกับคนที่ตายไปแล้ว

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย็นก่อนส่งวิญญาณระดับมนุษย์จำนวนมากเข้าไปในหูรูของไห่เจิ้งและเคลื่อนที่เข้าสู่กระแสเลือด

ในไม่ช้าร่างกายของไห่เจิ้งก็เริ่มกลับสู่สภาพปกติ อย่างไรก็ตามจิตใจของเขายังเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

เขาค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นและพึมพำ “เก็บข้าไว้ เก็บข้าไว้ ข้ายอมแพ้ ข้าจะภักดีต่อนายท่าน…”

ฟงหยวนไม่ตอบ

ไห่เจิ้งยังพูดซ้ำๆ

ฟางหยวนไม่สนใจที่จะมีผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นไห่เจิ้ง

ฟางหยวนต้องระวังผู้อมตะเผ่ามนุษย์วิหคจ้าวจงอยู่แล้วโดยไม่ต้องกล่าวถึงไห่เจิ้งที่ไม่สามารถไว้ใจ

ในความเป็นจริงหลังการต่อสู้บนภูเขาอี้เทียน เมื่อฟางหยวนรู้ว่าตนเองถูกควบคุมโดยเจตจำนงสวรรค์ มันทำให้เขายิ่งไม่ไว้ใจผู้ใดมากขึ้นไปอีก

หลังจากดูดเลือดของไห่เจิ้ง ร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งก็ส่องแสงสีแดงเลือดออกมา

ภายใต้การจ้องมองอย่างคาดหวังของฟางหยวน แสงสีแดงเลือดค่อยๆจางหายไปขณะที่ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งได้รับสืบทอดสายเลือดของเผ่าไห่มาอย่างสมบูรณ์

“สำเร็จ!” ฟางหยวนตื่นเต้นมาก

หลายวันที่ผ่านมาเขาพยายามเตรียมความพร้อมสำหรับการหลอมรวมไข่อินทรีย์

การปลอมแปลงสายเลือดเผ่าไห่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา

ฟางหยวนเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดที่มีรากฐานที่ลึกซึ้งตั้งแต่ชีวิตก่อนหน้า

แต่เขายังต้องคำนึงถึงท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดของไห่ฟาน กล่าวโดยสรุป ไห่เจิ้งถูกทรมานมาหลายครั้งก่อนที่ฟางหยวนจะประสบความสำเร็จ

“แต่ข้ายังไม่สามารถใช้มันกับไข่อินทรีย์ ข้าต้องผสานท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดเข้ากับท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย นั่นจะทำให้ข้ามีความมั่นใจมากขึ้น!”

ฟางหยวนใช้เวลาครึ่งเดือนในขั้นตอนนี้

หากไม่ใช่เพราะความสำเร็จระดับปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งเลือดและเส้นทางแห่งปัญญา เขาจะไม่ประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายเช่นนี้

ตอนนี้เหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งเดือนก่อนที่ภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่จะมาถึง

เมื่อเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ฟางหยวนเริ่มดำเนินการทันที

ดังคาด ภายใต้ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือด ไข่อินทรีย์เริ่มปรากฏร่องรอยแห่งชีวิต

แปดวันแปดคืนต่อมาเปลือกไข่แตกออก นกตัวน้อยคืบคลานออกมา

แม้มันจะพึ่งถือกำเนิดแต่ร่างกายของมันก็ไม่เล็ก เมื่อมันยืน มันมีความสูงเท่ากับเด็กชายวัยห้าขวบ

อินทรีย์น้อยมองผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและแสดงออกราวกับเห็นบิดามารดาของมัน

“มานี่” ฟางหยวนพูดผ่านร่างผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง

อินทรีย์น้อยกระโดดเข้าไปหาผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและจ้องมองอย่างไร้เดียงสา

ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งลูบศีรษะอินทรีย์น้อยอย่างแผ่วเบา

อินทรีย์น้อยก้มศีรษะลงโดยไม่ขัดขืน มันเปิดปากและส่งเสียงร้องราวกับพยายามเรียกร้องความสนใจจากฟางหยวน

ฟางหยวนกล่าวชื่นชมในใจ ‘ไห่ฟานผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมนัก เขาลบความทรงจำของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดในชีวิตก่อนหน้าออกไปแล้ว มิฉะนั้นมันอาจกลายเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดที่ดุร้ายและไม่สามารถควบคุม’

‘ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือดไม่ใช่ทักษะกดขี่ทาส แต่ผลลัพธ์ของมันทำให้เป้าหมายเกิดความรู้สึกใกล้ชิดกับผู้ใช้งานราวกับพบญาติสนิทที่มีสายเลือดเดียวกัน’

‘ด้วยวิธีนี้ มันไม่ใช่เรื่องยากที่มันจะนำข้าไปยังถ้ำสวรรค์ของไห่ฟาน’

ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดเรื่องเหล่านี้ อินทรีย์น้อยกลับส่งเสียงร้องอย่างกระวนกระวาน

“หิว?” ฟางหยวนควบคุมผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งให้ชี้นิ้วไปที่รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ “ไปกินมัน”

อาหารของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดคือคริสตัลสวรรค์!

หลังจากได้รับอนุญาต อินทรีย์น้อยส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขและกระโดดเข้าไปจิกคริสตัลสวรรค์

มันยังไม่ได้กลืนเข้าไปแต่หันไปหาผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่ง

ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งเผยรอยยิ้มและกล่าวอย่างอบอุ่น “กินเถอะ”

อินทรีย์น้อยยกหัวของมันขึ้นและกลืนคริสตัลสวรรค์ชิ้นเล็กเข้าไปทันที

มันจิกกัดคริสตัลสวรรค์ราวกับชิ้นเต้าหู้ นี่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกตกใจเล็กน้อย

มันคู่ควรกับการเป็นสัตว์อสูรแรกกำเนิดอย่างแท้จริง

‘นี่หมายความว่านับจากนี้เป็นต้นไปข้าจะได้ครอบครองพลังการต่อสู้ระดับสัตว์อสูรแรกกำเนิด แต่ตอนนี้มันยังเด็กเกินไป พลังการต่อสู้ของมันยังไม่สูงนัก’

‘ดูเหมือนมันจะเข้าใจคำกล่าวของข้า นี่ต้องเป็นสิ่งที่ไห่ฟานจัดเตรียมไว้ แม้มันจะถูกลบความทรงจำแต่มันยังสามารถเรียนรู้ภาษามนุษย์’

‘อย่างไรก็ตามมันยังมีข้อบกพร่อง!’

‘ข้าต้องอำพรางสายเลือดของข้าเพื่อทำให้อินทรีย์สวรรค์ตัวนี้รู้สึกใกล้ชิด มิฉะนั้นมันอาจโจมตีข้า’

ฟางหยวนคำนึงถึงทุกแง่มุมที่อาจเกิดขึ้น

ในช่วงหลายวันนี้ฟางหยวนใช้ผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งคอยเฝ้ามองอินทรีย์น้อยกินอาหาร

อินทรีย์น้อยไม่ได้กินอาหารตลอดเวลา หลังจากกิน มันจะมาคลอเคลียผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งก่อนจะงีบหลับไป

ไม่กี่วันต่อมารังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ก็ถูกกินไปครึ่งหนึ่ง

ความเร็วในการบริโภคระดับนี้ทำให้ฟางหยวนรู้สึกปวดหัว

เพื่อให้ได้รับพลังการต่อสู้ระดับแปด เขาต้องใช้ทรัพยากรอมตะที่ล้ำค่า ราคาของมันถือว่าสูงมาก

อินทรีย์น้อยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นอินทรีย์หนุ่ม

ตอนนี้มันมีความสูงเท่ากับฟางหยวนแล้ว

เมื่อถึงเวลาสุกงอม ฟางหยวนไม่เสียเวลารออีกต่อไป

เขานำวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์กลับมาจากร่างของผีดิบอมตะบนเส้นทางความแข็งแกร่งและใช้ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยกับร่างกายของตนเอง

ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคยรุ่นปัจจุบันเหนือกว่ารุ่นดั่งเดิมของมันไปแล้วโดยการเพิ่มวิญญาณอมตะสมบัติเลือดและวิญญาณระดับมนุษย์ดวงอื่นๆ

ด้วยวิธีนี้ฟางหยวนจึงสามารถปลอมแปลงสายเลือดของตนเอง

ฟางหยวนเดินทางออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาก่อนจะปล่อยอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดออกมา

อินทรีย์สวรรค์เห็นร่างจริงของฟางหยวนและไม่มีข้อสงสัยใดๆ มันจิกฝ่ามือของฟางหยวนเบาๆและใช้ศีรษะถูไหล่ของฟางหยวนอย่างเป็นมิตร

ฟางหยวนยิ้มและออกคำสั่งอินทรีย์หนุ่ม “พาข้าไปยังถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ข้าต้องการรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน”

อินทรีย์หนุ่มแสดงท่าทางงุนงงเล็กน้อย แต่หลังจากชั่วครู่มันก็สามารถจดจำบางสิ่ง มันกรีดร้องและกางปีกออก

เห็นดังนั้นฟางหยวนรีบกระโดดขึ้นไปบนแผ่นหลังของมันทันที

อินทรีย์สวรรค์กรีดร้องและแบกฟางหยวนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

กระแสอากาศพัดผ่านใบหูของฟางหยวนอย่างรุนแรง

ฟางหยวนต้องกระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงจึงจะสามารถนั่งอยู่บนแผ่นหลังของอินทรีย์สวรรค์ได้อย่างมั่นคง

เขาพอใจมากกับความเร็วของอินทรีย์ตัวนี้ มันไม่ด้อยกว่าวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

สิ่งสำคัญที่สุดก็คืออินทรีย์สวรรค์ตัวนี้ยังเป็นอินทรีย์วัยเยาว์ มันยังห่างไกลจากอินทรีย์ที่โตเต็มวัยอีกมาก เมื่ออินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเติบโตขึ้น มันจะมีขนาดใหญ่กว่าปลาวาฬหลายเท่า

ฟางหยวนประเมิน ‘พลังการต่อสู้ในปัจจุบันของมันยังไม่ถึงระดับแปด ตอนนี้มันอยู่ระดับหก’

แม้มันจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าบนเส้นทางแห่งห้วงมิติอยู่มากมายแต่มันไม่มีวิญญาณในการครอบครอง พลังการต่อสู้ของมันคือร่างกายของมันเท่านั้น สัตว์อสูรมีร่างกายที่แข็งแกร่งตามธรรมชาติโดยเฉพาะสัตว์อสูรแรกกำเนิด

นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางหยวนเคยเห็นอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด ความคิดที่ว่ามันจะมีพลังการต่อสู้ระดับแปดตั้งแต่เกิดเป็นเรื่องเข้าใจผิด

แต่ฟางหยวนไม่ผิดหวัง เขายังมั่นใจในพลังการต่อสู้ของมันที่จะพัฒนาสู่ระดับแปดในอนาคต

อินทรีย์สวรรค์เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ฟางหยวนมอบคริสตัลสวรรค์ให้มันเป็นครั้งคราว

ในช่วงเวลานี้เขาลอบประเมินไห่ฟานใหม่อีกครั้ง

จากความทรงจำของไห่เจิ้ง ไห่ฟานได้รับการยกย่องอย่างมาก

การนำเผ่าไห่สู่ความรุ่งโรจน์และทิ้งชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ไม่ใช่เรื่องง่าย

ฟางหยวนตรวจสอบวิธีการรับสืบทอดมรดกของไห่ฟานราวกับกำลังต่อสู้กับไห่ฟานในแง่ของความเฉลียวฉลาด

นี่เป็นการแข่งขันที่ไม่ธรรมดา

ไห่ฟานทิ้งท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งการหลอมรวม ท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งเลือด รังอินทรีย์คริสตัลสวรรค์ และไข่ที่ตายแล้วของอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเอาไว้เบื้องหลัง ฟางหยวนต้องคิดวิเคราะห์อย่างหนักเพื่อคลี่คลายปัญหาเหล่านี้

หลังจากทั้งหมดตัวตนที่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับแปดล้วนไม่ใช่คนทั่วไป

มรดกของผู้อมตะระดับแปดไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับ

ผู้อมตะเผ่าไห่ทุ่มเทความพยายามมานานหลายปีแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ แน่นอนว่านี่เป็นเพราะการสูญเสียวิญญาณทัศนคติ

แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเพียงคนฉลาดเช่นฟางหยวนเท่านั้นที่สามารถคว้าโอกาสและเดินทางไปยังถ้ำสวรรค์ของไห่ฟาน

‘เมื่อไปถึงถ้ำสวรรค์ของไห่ฟาน ข้าจะได้รับมรดกที่แท้จริงของเขาทันทีหรือไม่? ข้ารู้สึกว่าการทดสอบของไห่ฟานยังไม่จบเพียงเท่านี้’

‘แต่ยิ่งมีการทดสอบมากเท่าใด มรดกของเขาก็ยิ่งน่าสนใจมากเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท