เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1123

ตอนที่ 1123

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1123 วิญญาณลึกลับ

แปลโดย iPAT

ผู้อมตะเฒ่าเฉินไคส่ายศีรษะและกล่าวเสียงเรียบ “เราจะรออีกสองสามวัน ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”

เฉินหลี่จื่อกล่าวด้วยความกังวล “เขาเข้าใจสถานการณ์ หากพวกเรายื้อเวลาออกไป เขาอาจไม่พอใจ หากเขาถูกบังคับและหันไปอยู่ฝ่ายเฉิงเทา มันจะกลายเป็นปัญหา”

“เสี่ยวจื่อ อย่ากังวล” เฉินไคเผยรอยยิ้ม “ในการทดสอบสุดท้าย เขาต้องได้รับการสนับสนุนจากผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์แห่งนี้ครึ่งหนึ่ง ไม่นับรวมไห่เจิ้ง มีผู้อมตะอยู่ที่นี่เก้าคน เราสี่คนเป็นจำนวนเกือบครึ่ง ตราบเท่าที่เขาได้รับการสนับสนุนจากพวกเรา เขาจะเข้าใกล้ชัยชนะ ไม่มีทางที่เขาจะไม่พิจารณาถึงจุดนี้”

“แม้เขาจะยอมแพ้ฝ่ายเราและไปหาผู้อมตะคนอื่น เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกันนี้ เขาต้องเสียสละผลประโยชน์บางอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมาย หากเขาเลือกฝ่ายของเฉิงเทาที่มีความทะเยอทะยานสูงกว่าพวกเรา เขายิ่งจะสูญเสียมากขึ้น”

เฉินหลี่จื่อเงียบขณะที่เฉินหว่านหยุนเปิดปากกล่าว “ผู้อาวุโส ข้ามีคำถาม หากไห่เจิ้งไม่ได้รับคะแนนเสียงจากผู้อมตะครึ่งหนึ่ง เขาจะล้มเหลวงั้นหรือ? ตราบเท่าที่มรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟานยังอยู่บนภูเขา วันหนึ่งบุตรหลานของพวกเราจะสามารถขึ้นไปและรับสืบทอดมันใช่หรือไม่? เราได้รับการปกป้องจากบรรพชนไห่ฟานมาหลายชั่วอายุคน นอกจากนั้นพวกเรายังมีสิทธิ์รับสืบทอดมรดกนี้แทนคนนอกถูกต้องหรือไม่?”

“ไห่เจิ้งไม่ใช่คนนอก เขามาจากเผ่าหลัก!” เฉินเล่อตำหนิ

“เล่อเอ๋อ อย่าลืมว่าขณะที่เผ่าหลักเพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์ที่โลกภายนอก พวกเรากลับถูกขังอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนอย่างทุกข์ทรมาน!” เฉินหว่านหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงดุร้าย

ใบหน้าของเฉินเล่อกลายเป็นขมขื่น

เฉินไคส่ายศีรษะ “เสี่ยวจื่อ ข้าพิจารณาเรื่องนี้มานานแล้ว สิ่งที่เจ้ากล่าวมันไร้ประโยชน์”

“ประการแรก เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่มนุษย์จะขึ้นไปบนภูเขามรดกอมตะ แม้พวกเราจะเลี้ยงดูพวกเขาและมีบางคนโชคดี แต่มันจะเกิดขึ้นเมื่อใด อีกกี่สิบหรือกี่ร้อยปี”

“ประการที่สอง แม้ไห่เจิ้งจะมาคนเดียว แต่อย่าลืมเผ่าไห่ที่อยู่เบื้องหลังเขา เผ่าไห่มีผู้อมตะมากมาย หากไห่เจิ้งล้มเหลว ผู้อมตะคนอื่นก็จะเข้ามา แล้วพวกเราจะสามารถหยุดพวกเขาทั้งหมดได้อย่างไร? นอกจากนี้พวกเราจะไว้ใจกลุ่มของเฉิงเทาได้งั้นหรือ?”

ผู้อมตะเหล่านี้ไม่รู้จักสวรรค์สีเหลือง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับเผ่าไห่ ฟางหยวนปกปิดความจริงจากพวกเขาและทำให้พวกเขาติดอยู่ในอ่างน้ำวน

เฉินเล่อกล่าวเสริม “ถูกต้อง วันนี้นายน้อยไห่เจิ้งบอกกับข้าว่ามันเป็นกระบวนการที่ยากลำบากในการเอาชนะผู้อมตะคนอื่นๆของเผ่าไห่ แม้เขาจะได้รับชัยชนะ เขาก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส”

เฉินไคพยักหน้าและวิเคราะห์ต่อไป “ไห่เจิ้งได้รับชัยชนะเหนือคนอื่นๆ เขาไม่ใช่คนธรรมดา การบ่มเพาะของเขาอยู่ในระดับเจ็ดและยังมีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุด เมื่อเวลาสุกงอม พวกเราจะให้ความช่วยเหลือเขา ด้วยวิธีนี้เมื่อพวกเรากลับสู่เผ่าหลัก พวกเราจะมีรากฐานที่มั่นคง นั่นไม่ใช่เรื่องดีงั้นหรือ?”

“อย่างไรก็ตามพวกเราจะไม่ช่วยเขาโดยปราศจากสิ่งตอบแทน เขาต้องจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสม”

“ผู้อาวุโสกล่าวได้ถูกต้องแล้ว” เฉินหลี่จื่อกล่าว

“เราจะปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้อาวุโส” เฉินเล่อเผยรอยยิ้ม

เฉินไคถอนหายใจและมองผู้อมตะทั้งสาม “ข้าแก่แล้ว ชีวิตของข้าเหลือไม่มาก ข้าต้องการเพียงเห็นลูกหลานของข้ามีอนาคตที่ดี ด้วยวิธีนี้ข้าจะเดินเข้าสู่ประตูแห่งชีวิตและความตายได้อย่างสงบสุข”

“ท่านปู่อย่ากล่าวเช่นนี้ ท่านยังต้องอยู่อีกนาน” ดวงตาของเฉินเล่อเปลี่ยนเป็นสีแดง

เฉินหลี่จื่อกล่าวอย่างจริงจัง “ผู้อาวุโสอย่าลืมวิญญาณอายุยืน! เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากพวกเรา วิญญาณอายุยืนจะเป็นเงื่อนไขหนึ่ง”

เฉินไคกล่าวด้วยดวงตาส่องประกาย “วิญญาณอายุยืนไม่สำคัญ อย่างน้อยเราต้องทำให้แน่ใจว่าเล่อเอ๋อจะสามารถทำตามความปรารถนาของนาง”

ใบหน้าของเฉินเล่อกลายเป็นแดงก่ำด้วยความอับอาย นางผุดลุกขึ้นยืนและกระทืบเท้า “ท่านปู่ ท่านกลั่นแกล้งข้าอีกแล้ว!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า”

เสียงหัวเราะดังสะท้อนอยู่ในห้องลับ

ในเวลาเดียวกันฟางหยวนยืนอยู่กลางสวนและเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

ถ้ำสวรรค์ของไห่ฟานมีเวลากลางวันและกลางคืน กลางวันยาวนานขณะที่กลางคืนสั้น

นี่เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเฉพาะในถ้ำสวรรค์หรือแดนศักดิ์สิทธิ์บางแห่งเท่านั้น

ท้องฟ้ายามค่ำคืนของถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเต็มไปด้วยดวงดาว แต่พื้นหลังของมันไม่ใช่สีดำสนิท หากสังเกตอย่างถี่ถ้วนจะเห็นสีฟ้าเจือปนอยู่

ลมพัดมาจากด้านหลังของฟางหยวนขณะที่เขากำลังคิดวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆที่ได้รับเมื่อเร็วๆนี้

ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้รับข้อมูลมากมายจากเฉินเล่อ หญิงใจง่ายผู้นี้มีเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

ยิ่งไปกว่านั้นฟางหยวนยังได้รับแรงบันดาลใจใหม่ๆเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

‘อีกเพียงสองวันจะถึงเวลาสุกงอม’ ฟางหยวนคิด

สองวันผ่านไปในพริบตา

มันเป็นเที่ยงวันที่แสงแดดเจิดจ้าและทำให้วังแห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

จากนอกห้องของเฉินไค เสียงของฟางหยวนดังขึ้น “ข้ามาที่นี่โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า ข้าหวังว่าท่านจะอภัยให้ข้าด้วย”

“ในที่สุดเขาก็หมดความอดทน แต่เขาก็รอมาระยะหนึ่งแล้ว” เฉินไคไม่แปลกใจ

วังหลังนี้เป็นคฤหาสน์วิญญาณขนาดใหญ่ การกระทำของฟางหยวนอยู่ภายใต้การเฝ้ามองของเขา

ประตูเปิดออกด้วยตัวมันเอง

เฉินไคนั่งอยู่บนเตียงและกล่าวอย่างอ่อนแรง “แขกผู้มีเกียรติ ท่านมาที่นี่ แต่ข้าไม่สามารถลุกขึ้นและต้อนรับท่านได้อย่างเหมาะสม”

ฟางหยวนรีบเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียงและกล่าวด้วยความห่วงใย “ดูเหมือนท่านจะได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกฎ หลังจากครุ่นคิด ข้ามีวิธีการบางอย่างที่สามารถบรรเทาอาการบาดเจ็บของท่าน”

เฉินไคที่ไม่ได้บาดเจ็บใดๆเร่งกล่าว “นายท่าน ข้ารู้สึกขอบคุณสำหรับความห่วงใย แต่อาการบาดเจ็บของข้าไม่ใช่สิ่งที่จะรักษาได้โดยง่าย”

ฟางหยวนยิ้ม “ท่านอาจไม่รู้จักท่าไม้ตายอมตะของข้า มันเป็นทักษะเฉพาะของเผ่าไห่ แม้วิญญาณอมตะที่เป็นแกนกลางของท่าไม้ตายนี้จะอยู่ที่เผ่า แต่ข้ารู้จักท่าไม้ตายนี้เป็นอย่างดี ข้าสามารถเปลี่ยนแกนกลางของมันและอาจช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของท่าน”

“ข้าจะรับของขวัญล้ำค่าเช่นนี้ไว้ได้อย่างไร?” เฉินไคเร่งปฏิเสธ

ฟางหยวนกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ข้ารู้สึกเหมือนเราเป็นสหายสนิท ในช่วงเวลาที่ผ่านมาข้าได้รับการดูแลอย่างดีจากพวกท่าน ท่าไม้ตายนี้ถือเป็นของขวัญตอบแทนความเมตตาจากข้า”

“นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ของขวัญชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป” เฉินไคยังปฏิเสธ

การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป น้ำเสียงของเขาเริ่มแสดงให้เห็นถึงความกังวล “เพียงท่าไม้ตายอมตะจะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของข้าได้อย่างไร? ข้าขอกล่าวตามตรง การทดสอบสุดท้ายของบรรพชนไห่ฟานทำให้ข้าหนักใจนัก ข้าหวังว่าท่านจะสามารถให้คำแนะนำแก่ข้าบ้าง”

ได้ยินเรื่องนี้ดวงตาของเฉินไคส่องประกายขึ้นทันที เขาเข้าใจว่าฟางหยวนมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนผลประโยชน์

เฉินไคลุกขึ้นนั่งโดยไม่รู้ตัว “ในความเห็นอันต่ำต้อยของข้า เรื่องนี้เหมือนกับการหลอมรวมวิญญาณ ไฟเป็นสิ่งสำคัญ มันต้องมีขนาดใหญ่มากพอและมาในเวลาที่เหมาะสม อา…ข้ารู้สึกละอายใจนัก ข้าหมกหมุ่นอยู่กับการหลอมรวมวิญญาณมากเกินไปจึงกล่าวเรื่องไร้สาระออกมา นายท่านโปรดอย่าใส่ใจ”

นี่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระแต่เป็นเรื่องมีสาระ!

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งกฎ เหตุใดเขาถึงสนใจเรื่องการหลอมรวมวิญญาณ?

แต่ฟางหยวนรู้ว่าเฉินไคพยายามกล่าวสิ่งใด เขายิ้ม “เผ่าหลักมีตำราเกี่ยวกับการหลอมรวมวิญญาณมากมาย ตราบเท่าที่ข้าได้รับมรดกที่แท้จริง ข้าสามารถมอบมันให้กับท่านหลังจากพวกเรากลับไปถึงเผ่าหลัก ท่านสามารถเข้าถึงตำราเหล่านี้ได้ทั้งหมด นอกจากนั้นยังมีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอีกมากมาย เมื่อข้าประสบความสำเร็จ เหตุใดข้าจะไม่สามารถมอบทุกสิ่งให้กับพวกท่าน?”

เฉินไคพยักหน้าด้วยความยินดี

เขาเร่งกล่าว “การหลอมรวมวิญญาณเป็นงานอดิเรกของข้า แต่เฉินหลี่จื่อหลานชายของข้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งทาส เขาอิจฉาอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของท่านเป็นอย่างมาก”

การแสดงออกของฟางหยวนจมดิ่งลง “ข้ามีอินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดเพียงตัวเดียว ข้าไม่สามารถมอบมันให้เขา แต่ข้ามีอินทรีย์มงกุฎเหล็กจำนวนมากอยู่ที่เผ่าหลัก พวกมันมีชื่อเสียงอย่างมากในภาคเหนือ ข้ามั่นใจว่าทุกคนจะได้รับมันเมื่อเรากลับไป”

ร่องรอยแห่งความสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินไค เขาถอนหายใจ “ในอดีตบรรพชนไห่ฟานได้กำหราบเผ่าเฉียว นี่ทำให้เผ่าไห่ได้รับความลับเกี่ยวกับการเลี้ยงดูอินทรีย์ หลังจากหลายปีดูเหมือนเผ่าหลักจะพัฒนาไปได้ไกลมาก แต่บรรพชนของเราเป็นอาชญากร เมื่อเรากลับไปยังเผ่าหลัก เราจะพบกับสถานการณ์เช่นไร? ข้าเป็นห่วงเรื่องนี้จริงๆ!”

“อย่าได้กังวล ข้าสามารถให้คำมั่นว่าทุกท่านจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่น การกลับไปของพวกท่านหมายถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของเผ่า” ฟางหยวนหยุดก่อนกล่าวต่อ “สำหรับเรื่องอาชญากรรม มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว เมื่อข้าได้รับมรดกที่แท้จริง ข้าสามารถลบล้างความผิดของทุกคน นอกจากนั้นพวกท่านยังปกป้องถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมาอย่างยาวนาน พวกท่านมีคุณงามความดีมากกว่าความผิด สิ่งสำคัญพวกท่านยังช่วยให้ข้าได้รับมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน ฮ่าฮ่า เมื่อข้ากลับไปที่เผ่าหลัก ข้าจะมอบความยุติธรรมให้กับพวกท่าน!”

เฉินไคยิ้ม “นายท่านเป็นมังกรในหมู่มนุษย์อย่างแท้จริง คำกล่าวของท่านเชื่อถือได้อย่างไม่มีข้อสงสัย หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ข้ารู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง”

“ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจ ทุกคนคือเผ่าไห่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน อย่างไรก็ตามสำหรับผู้อมตะคนอื่นๆที่อยู่ภายนอก นั่นขึ้นอยู่กับความสามารถของพวกเขา” ฟางหยวนกล่าวอย่างคลุมเครือ

ความหมายของเขาคือ มาก่อนได้ก่อน ผู้ใดสนับสนุนเขาก่อนจะได้รับผลประโยชน์ที่มากกว่าเมื่อกลับไปถึงเผ่าหลัก

เฉินไคพยักหน้า เขาเป็นจิ้งจอกเฒ่า แน่นอนว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้โดยธรรมชาติ

เขายิ้ม “คำกล่าวของนายท่านทำให้ข้ารู้สึกกระจ่างโดยเฉพาะคำว่าครอบครัว มันยอดเยี่ยมมาก”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้เขามองฟางหยวนด้วยรอยยิ้มมั่นใจ “ไม่ทราบว่านายท่านคิดเช่นไรกับเสี่ยวเล่อของข้า?”

รอยยิ้มของฟาหงยวนจางหายไป เขาตอบ “ฉลาดเฉลียว ไร้เดียงสา และมีชีวิตชีวา”

“ข้าจะไม่โกหกท่าน เล่อเอ๋อแอบรักท่านอยู่ เห้อ…น่าเสียดายที่นางไม่เหมาะสมกับท่าน ในฐานะปู่ของนาง ข้าไม่สามารถเติมเต็มความปรารถนาของหลานสาว ข้าหวังเพียงว่าเล่อเอ๋อที่น่าสงสารจะสามารถลืมเลือนท่านและพบความสุขในอนาคต” เฉินไคถอนหายใจ

ฟางหยวนคิดก่อนกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าจะไม่โกหกท่านเช่นกัน ข้ารักเฉินเล่อ ข้ายินดีที่จะแต่งงานกับนาง!”

หากเขารักนางจริง เขาควรตะโกนด้วยความตื่นเต้นและมีความสุข แต่การแสดงออกของเขาในเวลานี้กลับเคร่งขรึมมาก

แต่เฉินไคเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ราวกับเขาไม่เข้าใจความหมายของมัน

ฟางหยวนเข้าใจเช่นกัน แท้จริงแล้วเฉินไคต้องการเสียสละเฉินเล่อเพื่อให้ตนเองได้รับผลประโยชน์!

เฉินไคหัวเราะเสียงดังกับคำตอบของฟางหยวน

เขาดำเนินการต่อโดยการถอนหายใจ “เห้อ…น่าเสียดายที่อายุขัยของข้ากำลังจะจบสิ้น ข้าคงไม่สามารถอยู่ร่วมงานแต่งงานของท่านกับเฉินเล่อ”

ฟางหยวนเข้าใจทันทีว่าสหายเฒ่าผู้นี้ต้องการวิญญาณอายุยืน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแห้งๆ “ในความคิดของข้า ท่านยังแข็งแรงมาก”

ผู้อมตะเฒ่าเฉินไคหัวเราะเบาๆและยังมุ่งมั่น “ข้ารู้สึกละอายใจนัก แท้จริงแล้วข้าเป็นคนโลภมาก ไม่เพียงข้าจะต้องการเข้าร่วมงานแต่งงานของนายท่านกับเล่อเอ๋อ ข้ายังอยากเห็นบุตรหลานของพวกท่านอีกด้วย”

ฟางหยวนเริ่มนิ่งเงียบ เขาขมวดคิ้วและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “วิญญาณอายุยืนเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยาก ข้าไม่สามารถนำมันออกมาได้”

“มันเป็นสมบัติล้ำค่าจริงๆ” เฉินไคพยักหน้าราวกับคาดหวังคำตอบของฟางหยวนเอาไว้แล้ว “แต่ไม่จำเป็นต้องกังวล ข้าขอแจ้งให้ท่านทราบ ถ้ำสวรรค์แห่งนี้สามารถผลิตวิญญาณอายุยืน พวกมันถูกเก็บรวบรวมไว้โดยจิตวิญญาณสวรรค์ หากข้าคาดเดาไม่ผิด พวกมันควรอยู่ในมรดกที่แท้จริง เห้อ…ข้าต้องการเพียงวิญญาณอายุยืนสามร้อยปีเท่านั้น”

“สามร้อยปี!?” ฟางหยวนมองเฉินไคด้วยความโกรธ

เฉินไคยังเผยรอยยิ้มสบายใจ

ฟางหยวนโกรธมาก “สามร้อยปีมากเกินไป ข้าไม่มีแม้แต่ดวงเดียว ข้าจะหาวิญญาณอายุยืนหนึ่งร้อยปีมาให้!”

“หนึ่งร้อยห้าสิบ” เฉินไคต่อรอง

ฟางหยวนกัดฟันกล่าว “เอาล่ะ ข้าจะให้หนึ่งร้อยห้าสิบปี”

“ตกลง” เฉินไคปรบมือและเผยรอยยิ้มกว้าง

เฉินไคมองฟางหยวนและกล่าวต่อ “นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ ข้าได้ยินมาจากเล่อเอ๋อว่าท่านมีวิญญาณอมตะมากมาย ข้าสงสัยนักว่าท่านสามารถให้ข้าได้เปิดหูเปิดตาบ้างหรือไม่?”

ฟางหยวนตะลึงก่อนจะรู้สึกโกรธมากขึ้น

สหายเฒ่าผู้นี้โลภมากเกินไป เขาบอกต้องการดู แต่ความจริงก็คือเขาต้องการวิญญาณอมตะของฟางหยวนเพื่อแลกกับการสนับสนุนจากพวกเขา!

เฉินไคเห็นฟางหยวนโกรธแต่เขาไม่สนใจเพราะนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก

ดังนั้นเขาจึงเร่งกล่าว “นายท่านผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นคำขอสุดท้ายของข้า ตราบเท่าที่ข้าได้รับมัน พวกเราทั้งสี่จะสนับสนุนท่านอย่างแน่นอน”

ฟางหยวนเริ่มแสดงละครอีกครั้ง

เขาเหยียบพื้นราวกับมันเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลก

เฉินไคสังเกตการแสดงออกของฟางหยวนและรู้สึกมีความสุขอยู่ภายใน ‘สำเร็จ!’

ดังคาด หลังจากชั่วครู่ฟางหยวนก็นำวิญญาณลึกลับบางดวงออกมา

“วิญญาณอมตะระดับเจ็ด!” เฉินไคอุทานด้วยความประหลาดใจและสนุกสนาน

“นี่คือวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ มันไม่เหมาะสมกับข้า หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้เจ้าจะไม่ได้เห็นมัน!” ฟางหยวนกล่าวด้วยความโกรธ

“วิญญาณดวงนี้มีชื่อว่าอย่างไร?” ดวงตาของเฉินไคส่องประกายขึ้น

“เดี๋ยว ข้าจะเปลี่ยนเป็นวิญญาณดวงนี้” ฟางหยวนเปลี่ยนความคิดอย่างกะทันหัน เขานำวิญญาณอีกดวงออกมาจากมิติช่องว่าง

สายตาของเฉินไคเคลื่อนที่ไปที่มืออีกข้างของฟางหยวน

โดยปราศจากการแจ้งเตือน

ท่าไม้ตายอมตะบนเส้นทางแห่งดาบ ลอบสังหารในความมืด!

ดวงตาของเฉินไคกลายเป็นว่างเปล่าขณะที่เลือดเริ่มไหลออกมาจากรูกลางหน้าผากของเขา

เฉินไคตายแล้ว!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท