เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1124 ลอบสังหารในความมืด
แปลโดย iPAT
เมื่อเฉินไคตาย วังหลังใหญ่เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น
วังหลังนี้เป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินไค
แต่ฟางหยวนเตรียมตัวมาแล้ว เขาสามารถเข้ายึดครองคฤหาสน์วิญญาณหลังนี้ได้อย่างรวดเร็วและทำให้การสั่นสะเทือนหยุดลง
คฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ไม่ถือเป็นสิ่งใดสำหรับผู้อมตะ เว้นเพียงมันจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะ แต่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะมีสิ่งนี้อยู่ได้อย่างไร?
ไห่ฟานเป็นคนโหดเหี้ยม ก่อนตายเขาสังหารผู้อมตะเผ่าไห่ที่เป็นอาชญากรทั้งหมด มรดกของพวกเขาถูกทิ้งไว้เบื้องหลังและแน่นอนว่าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะอยู่ที่นี่
แทบเป็นไปไม่ได้ที่ผู้อมตะเหล่านี้จะสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะขึ้นมาด้วยตนเอง
แม้วังหลังนี้จะดูยิ่งใหญ่แต่มันก็เป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์และล้าหลังมาก ฟางหยวนสามารถคลี่คลายมันได้อย่างง่ายดาย การปล่อยให้ฟางหยวนอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานานคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของเฉินไค
“ผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานอาศัยอยู่อย่างสงบสุขโดยปราศจากการต่อสู้ดิ้นรนหรือแข่งขันมานานเกินไป พวกเขาแทบไม่มีความก้าวหน้าและไม่ตื่นตัวกับภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่” ฟางหยวนมองศพของเฉินไคและหัวเราะด้วยความรังเกียจ
เฉินไคเสียชีวิตด้วยดวงตาเบิกกว้าง การโจมตีของฟางหยวนรวดเร็วเกินไป เฉินไคไม่มีเวลาแม้แต่จะแสดงความหวาดกลัวออกมา
หลังจากยืนยันการตายของเฉินไค ฟางหยวนนำศพของเขาเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ
จากนั้นเขาก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยปลอมตัวเป็นเฉินไคและเดินออกไปด้านนอกอย่างเปิดเผย
“คารวะท่านบรรพชน”
“คารวะท่านบรรพชน”
ระหว่างทาง ฟางหยวนได้พบกับผู้ใช้วิญญาณทุกเพศทุกวัย หลังจากเห็นฟางหยวน พวกเขาต่างคุกเข่าลงแสดงความเคารพอย่างสูงสุด
ทุกครั้งที่ฟางหยวนพบคนเหล่านี้ เขาจะกระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงเพื่อส่งพลังงานที่ไร้รูปลักษณ์ออกไปช่วยประคองพวกเขาให้ยืนขึ้นก่อนจะถามทุกข์สุขและให้กำลังใจแก่บุตรหลานของเฉินไค
พวกเขาไม่รู้ว่าเฉินไคตัวจริงถูกฟางหยวนสังหารไปแล้วและกำลังทักทายอาชญากรที่ชั่วร้าย
พวกเขาไม่มีข้อสงสัยเพราะนี่คือสิ่งที่เฉินไคปฏิบัติมาตลอด
ไม่กี่วันที่ผ่านมาฟางหยวนพูดคุยกับเฉินเล่อและได้รับข้อมูลมากมายรวมถึงนิสัยของเฉินไค
หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ เพียงท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคย มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาปลอมตัวเป็นเฉินไคได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ฟางหยวนเดินอย่างเปิดเผยและมั่นใจ หลังจากไม่นานเขาก็มาถึงวังอีกหลังหนึ่ง
“ผู้อาวุโส เหตุใดจึงมาที่นี่?” เฉินหลี่จื่อเดินออกมาต้อนรับ
เขามองฟางหยวนด้วยความสงสัย แน่นอนว่าเขาไม่ได้สงสัยในตัวตนของฟางหยวน แต่เขากำลังคิดว่าบรรพชนของเขากำลังหาข้ออ้างบางอย่างเพื่อชะลอการพบปะกับไห่เจิ้ง มิฉะนั้นเหตุใดเขาจึงปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผยซึ่งขัดแย้งต่อแผนเดิมของพวกเขา?
“เสี่ยวจื่อ ไห่เจิ้งมาหาข้าอย่างลับๆ ก่อนหน้านี้เราได้เจรจากันเรียบร้อยแล้ว เข้าไปข้างใน ข้ามีเรื่องต้องพูดคุยกับเจ้า” ฟางหยวนตบแผ่นหลังของเฉินหลี่จื่อและเดินไปข้างหน้า
ผู้อมตะทั้งสี่มีคฤหาสน์วิญญาณเป็นของตนเอง
คำกล่าวของฟางหยวนทำให้ความสงสัยของเฉินหลี่จื่อถูกปัดทิ้งไป
“ผู้อาวุโสเชิญนั่ง” เขาโค้งคำนับและส่งฟางหยวนไปยังที่นั่ง
“เชิญดื่มชาก่อน” เฉินหลี่จื่อประคองถ้วยชาให้ฟางหยวนด้วยความเคารพ
หลังจากนั้นเฉินหลี่จื่อก็นั่งลงบนที่นั่งของเขา
หลังจากดื่มชา ฟางหยวนเห็นเฉินหลี่จื่อนั่งอยู่ในระยะไกล ดังนั้นเขาจึงเปิดปากกล่าว “โอ้ เสี่ยวจื่อ ย้ายเก้าอี้ของเจ้ามานั่งใกล้ๆข้า”
เฉินหลี่จื่อทั้งตกใจและยินดีในเวลาเดียวกัน “ทราบแล้ว ข้าจะยืนข้างๆและฟังคำแนะนำของท่าน”
มีความแตกต่างระหว่างการนั่งและการยืน
เมื่อยืน กล้ามเนื้อจะหดตัว พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อนั่ง ร่างกายจะผ่อนคลาย พวกเขาจะลดการป้องกันลง
ฟางหยวนต้องการสังหารเฉินหลี่จื่อ เขาต้องเตรียมการอย่างเพียงพอ
ดังนั้นฟางหยวนจึงแสร้งทำเป็นไม่มีความสุข “ข้าขอให้เจ้าย้ายเก้าอี้เขามา เหตุใดเจ้าถึงไม่เต็มใจทำ? ข้าคุยกับไห่เจิ้งแล้ว ตอนนี้เราจำเป็นต้องจัดการกลุ่มของเฉิงเทา ข้าต้องการคนที่ไว้ใจได้ สำหรับหยุนเอ๋อและเล่อเอ๋อ พวกนางเป็นหญิง ในช่วงเวลาสำคัญ เสี่ยวจื่อ เจ้ามีหน้าที่สำคัญต้องรับผิดชอบ”
เฉินหลี่จื่อมีความสุขเมื่อได้รับการยอมรับจากเฉินไค
“ทราบแล้ว” เขาเลื่อนเก้าอี้มานั่งด้านข้างฟางยหวน
ฟางหยวนเห็นว่าประตูเปิดอยู่ เขาจึงกล่าว “ปิดประตู คำพูดต่อไปนี้ต้องเก็บเป็นความลับจากคนนอก”
เฉินหลี่จื่อไม่มีข้อสงสัยและทำตามคำสั่งทันที
“ไห่เจิ้งไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปและมาหาข้า หลังจากเจรจาเป็นเวลานาน เขาสัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์มากมายให้กับพวกเรา” ฟางหยวนกล่าวอย่างช้าๆ
เฉินหลี่จื่อฟังอย่างตั้งใจ
เขาอยากถามว่าไห่เจิ้งจ่ายด้วยสิ่งใดบ้าง แต่เนื่องจากเฉินไคไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาจึงไม่กล้าถาม
ตอนนี้ฟางหยวนเริ่มตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเฉินหลี่จื่อและกล่าวเกินจริงไปบ้างทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นมาก
“ไห่เจิ้งเสนอวิญญาณอมตะระดับเจ็ดงั้นหรือ?” ในตอนท้ายเฉินหลี่จื่ออ้าปากค้างอย่างมีความสุข
“ข้าจะโกหกเจ้าเพื่อสิ่งใด?” ฟางหยวนหัวเราะเบาๆและนำวิญญาณอมตะดาบบินออกมา
“วิญญาณที่ดี วิญญาณที่ดี” เฉินหลี่จื่อกล่าวชมเชย
“เสี่ยวจื่อ…” ฟางหยวนกล่าวช้าๆ
เฉินหลี่จื่อเงยหน้ามองฟางหยวน
แสงดาบส่องประกายขึ้น!
เฉินหลี่จื่อสะดุ้งเมื่อเห็นประกายแสง
เขาก้มหน้ามองไปที่ฝ่ามือของฟางหยวนอีกครั้งแต่ตอนนี้วิญญาณอมตะดาบบินหายไปแล้ว
เหตุใดมันจึงหายไป?
เฉินหลี่จื่อรู้สึกงุนงง แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆที่ไหลลงมาจากหน้าผากของตน
โลกเริ่มหมุนก่อนที่เขาจะล้มลงและคุกเข่าอยู่บนพื้น มือข้างหนึ่งของเขาพยุงตัวเองขณะที่อีกข้างพยายามคว้าชายเสื้อของฟางหยวนแต่ไม่สำเร็จ
“ฟุบ!”
เขาล้มลงบนพื้นและตายอย่างสมบูรณ์
รอยยิ้มที่อบอุ่นของฟางหยวนจางหายไป การแสดงออกของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา
เขาทำเช่นเดียวกับก่อนหน้าและสามารถยึดครองคฤหาสน์วิญญาณของเฉินหลี่จื่อได้อย่างไม่มีปัญหา
เขาเก็บศพของเฉินหลี่จื่อไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิก่อนจะเปิดประตูและจากไป
เหลือผู้อมตะหญิงอีกสองคน เฉินหว่านหยุนเป็นภัยคุกคามมากกว่า ดังนั้นเป้าหมายต่อไปของฟางหยวนก็คือนาง!
“พี่หญิง ในที่สุดข้าก็ประสบความสำเร็จในการสร้างท่าไม้ตายใหม่” เฉินเล่อยิ้มและกล่าวกับเฉินหว่านหยุน
“เช่นนั้นหรือ?” เฉินหว่านหยุนดีใจมาก นางมองเฉินเล่อด้วยความพึงพอใจ “ดูเหมือนในที่สุดเล่อเอ๋อของเราก็เริ่มทำงานหนัก แต่ผู้ใดกันที่สามารถกระตุ้นเจ้าได้ถึงเพียงนี้?”
เฉินหว่านหยุนแสร้งคิดก่อนกล่าวต่อ “อืม…ข้าคิดว่าคนผู้นี้แซ่ไห่และมีชื่อคำเดียวว่า…”
ก่อนที่นางจะกล่าวจบ เฉินเล่อรีบขัดจังหวะ “พี่หญิง หยุดแกล้งข้า! ข้าทำงานหนักมาตั้งแต่เริ่มต้น!”
“เช่นนั้นหรือ?” เฉินหว่านหยุนยิ้มเมื่อเห็นรอยยิ้มเขินอายของเฉินเล่อ นางคิด ‘เล่อเอ๋ออาจไร้เดียงสาและเติบโตภายใต้การคุ้มครองของพวกเรา แต่นางรู้ว่าไห่เจิ้งน่าประทับใจเพียงใด ด้วยเหตุนี้นางจึงพยายามพัฒนาตนเอง ข้าควรเตือนนาง แต่บางทีข้าอาจกังวลมากเกินไป’
เฉินเล่อไม่สามารถรับมือกับสายตาของเฉินหว่านหยุน นางเร่งถอยหลังกลับและหายตัวไป
“พี่หญิง ตอนนี้ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะเร้นกาย ท่านหาข้าพบหรือไม่? ฮิฮิ ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าอยู่ที่ใด?” เสียงของเฉินเล่อลอยมา
“ยัยตัวร้าย ข้าจะหาเจ้าให้พบและจัดการเจ้าซะ!” เฉินหว่านหยุนแสดงออกด้วยท่าทางชั่วร้ายและพยายามใช้ท่าไม้ตายสายตรวจสอบค้นหาเฉินเล่อ แต่ทันใดนั้นนางกลับรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากภายนอก “เหตุใดท่านปู่ถึงมาที่นี่? เล่อเอ๋อหยุดเล่นและไปทักทายท่านกับข้า”
เฉินเล่อกำลังจะยกเลิกท่าไม้ตายอมตะของนางแต่ในจังหวะนี้นางพลันนึกถึงถ้อยคำที่เฉินไคเคยกล่าวหยอกล้อกับนาง นี่ทำให้นางทำหน้ามุ่ย “ข้าจะแอบฟังอยู่ข้างๆ แล้วมาดูกันว่าท่านปู่จะพบข้าหรือไม่ หากท่านปู่ไม่พบข้า ข้าจะปรากฏตัวขึ้นและทำให้ท่านตกใจ ฮิฮิ”
“โอ้ ช่างซุกซนนัก ระวังจะไม่ได้แต่งงาน” เฉินหว่านหยุนส่ายศีรษะและเดินออกไปต้อนรับเฉินไค
ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคย เฉินหว่านหยุนและเฉินเล่อไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่ฟางหวนไม่มีท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่โดดเด่น เขาไม่พบการคงอยู่ของเฉินเล่อเช่นกัน ในความเป็นจริงแม้เขาจะมีท่าไม้ตายสายตรจสอบที่ดีแต่เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้อย่างเปิดเผย
หากเขาใช้มัน กลิ่นอายของวิญญาณอมตะจะรั่วไหลออกมาและทำให้เกิดข้อสงสัย
มีเพียงท่าไม้ตายอมตะลอบสังหารในความมืดเท่านั้นที่สามารถปกปิดกลิ่นอายของวิญญาณอมตะได้อย่างสมบูรณ์
เฉินหว่านหยุนนำฟางหยวนไปยังที่นั่งของเขา นางต้องการเรียกเฉินเล่อออกมา แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ‘ผู้อาวุโสให้ความสำคัญกับเล่อเอ๋อ ท่านได้รับผลประโยชน์มากมายจากการเจรจากับไห่เจิ้ง ตอนนี้ท่านกำลังอารมณ์ดี แม้ท่านจะค้นพบการคงอยู่ของเล่อเอ๋อ ท่านก็คงไม่ตำหนินาง’
เมื่อคิดได้เช่นนี้เฉินหว่านหยุนจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้และส่งถ้วยชาให้กับฟางหยวน
ฟางหยวนดื่มชาก่อนจะให้เฉินหว่านหยุนเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ๆ
เฉินเล่อเฝ้ามองอยู่และพยายามกลั้นหัวเราะด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
เมื่อนางได้ยินว่าเฉินไคได้รับผลประโยชน์มากมายจากไห่เจิ้ง นางมีความสุขมาก แต่นางยังรู้สึกกังวล ‘นายน้อยไห่เจิ้งจ่ายด้วยราคามหาศาล เรื่องนี้จะส่งผลกระทบในทางลบหรือไม่?’
หลังจากไม่นานฟางหยวนก็นำวิญญาณอมตะดาบบินออกมา “ไห่เจิ้งมอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบดวงนี้ให้ข้าโดยมีเงื่อนไขว่าให้เจ้านำมันไปพบผู้อมตะทั้งสามและใช้สิ่งนี้โน้มน้ามพวกเขาให้สนับสนุนไห่เจิ้ง เจ้าเต็มใจทำหรือไม่?”
เฉินหว่านหยุนรีบลุกขึ้น “ผู้อาวุโส ข้าจะทำตามคำสั่งของท่าน!”
“ดี ดี ดี” ฟางหยวนหัวเราะเบาๆ
สายตาของเฉินเล่ออยู่ที่วิญญาณอมตะดาบบิน
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเคยเห็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด นางไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นและต้องการกระโดดออกไปเพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับปู่ของนางทันที
แต่ในเวลาต่อมาการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
ท่าไม้ตายอมตะลอบสังหารในความมืดถูกใช้งานอีกครั้ง
เฉินไคเป็นคนใกล้ชิด แล้วเฉินหว่านหยุนจะสามารถคาดคิดถึงการโจมตีนี้ได้อย่างไร?
โดยปราศจากการป้องกัน ผู้อมตะหญิงผู้อ่อนโยนผู้นี้เดินตามรอยของเฉินไคและเฉินหลี่จื่อไปในที่สุด
เฉินหว่านหยุนถูกสังหาร!
ฟางหยวนดึงดาบบินกลับมาและเก็บศพของนางไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิก่อนจะเดินจากไป
เฉินเล่อยังซ่อนตัวอยู่ นางยกมือขึ้นปิดปากขณะที่ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ร่างอันบอบบางของนางสั่นสะท้านขึ้น น้ำตาไหลอาบแก้มที่งดงามของนางอย่างเงียบๆ
นี่เป็นไปได้อย่างไร!?
น่ากลัวมาก!
‘สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?’
‘ข้าเห็นสิ่งใดผิดไปหรือไม่?’
‘นี่เป็นภาพลวงตา มันเป็นภาพลวงตา!’
‘เป็นไปได้อย่างไร!? ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านปู่ฆ่าพี่หญิงหยุนเอ๋อ!? เป็นไปได้อย่างไร?’
แต่ความจริงอยู่ต่อหน้านาง
นางเห็นมันด้วยดวงตาของตนเอง
นางไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฟุบ!”
นางทรุดตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง
ใบหน้าที่เคยมีชีวิตชีวาของนางกลายเป็นสับสนและหวาดกลัว
มือของนางยังคงปิดปากราวกับมันสามารถปกป้องนางจากทุกสิ่ง