เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1124

ตอนที่ 1124

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1124 ลอบสังหารในความมืด

แปลโดย iPAT

เมื่อเฉินไคตาย วังหลังใหญ่เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น

วังหลังนี้เป็นคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเฉินไค

แต่ฟางหยวนเตรียมตัวมาแล้ว เขาสามารถเข้ายึดครองคฤหาสน์วิญญาณหลังนี้ได้อย่างรวดเร็วและทำให้การสั่นสะเทือนหยุดลง

คฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์ไม่ถือเป็นสิ่งใดสำหรับผู้อมตะ เว้นเพียงมันจะเป็นคฤหาสน์วิญญาณอมตะ แต่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานจะมีสิ่งนี้อยู่ได้อย่างไร?

ไห่ฟานเป็นคนโหดเหี้ยม ก่อนตายเขาสังหารผู้อมตะเผ่าไห่ที่เป็นอาชญากรทั้งหมด มรดกของพวกเขาถูกทิ้งไว้เบื้องหลังและแน่นอนว่าไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคฤหาสน์วิญญาณอมตะอยู่ที่นี่

แทบเป็นไปไม่ได้ที่ผู้อมตะเหล่านี้จะสร้างคฤหาสน์วิญญาณอมตะขึ้นมาด้วยตนเอง

แม้วังหลังนี้จะดูยิ่งใหญ่แต่มันก็เป็นเพียงคฤหาสน์วิญญาณระดับมนุษย์และล้าหลังมาก ฟางหยวนสามารถคลี่คลายมันได้อย่างง่ายดาย การปล่อยให้ฟางหยวนอาศัยอยู่ที่นี่เป็นเวลานานคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของเฉินไค

“ผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานอาศัยอยู่อย่างสงบสุขโดยปราศจากการต่อสู้ดิ้นรนหรือแข่งขันมานานเกินไป พวกเขาแทบไม่มีความก้าวหน้าและไม่ตื่นตัวกับภัยคุกคามที่ซ่อนอยู่” ฟางหยวนมองศพของเฉินไคและหัวเราะด้วยความรังเกียจ

เฉินไคเสียชีวิตด้วยดวงตาเบิกกว้าง การโจมตีของฟางหยวนรวดเร็วเกินไป เฉินไคไม่มีเวลาแม้แต่จะแสดงความหวาดกลัวออกมา

หลังจากยืนยันการตายของเฉินไค ฟางหยวนนำศพของเขาเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

จากนั้นเขาก็ใช้ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคยปลอมตัวเป็นเฉินไคและเดินออกไปด้านนอกอย่างเปิดเผย

“คารวะท่านบรรพชน”

“คารวะท่านบรรพชน”

ระหว่างทาง ฟางหยวนได้พบกับผู้ใช้วิญญาณทุกเพศทุกวัย หลังจากเห็นฟางหยวน พวกเขาต่างคุกเข่าลงแสดงความเคารพอย่างสูงสุด

ทุกครั้งที่ฟางหยวนพบคนเหล่านี้ เขาจะกระตุ้นใช้วิญญาณบางดวงเพื่อส่งพลังงานที่ไร้รูปลักษณ์ออกไปช่วยประคองพวกเขาให้ยืนขึ้นก่อนจะถามทุกข์สุขและให้กำลังใจแก่บุตรหลานของเฉินไค

พวกเขาไม่รู้ว่าเฉินไคตัวจริงถูกฟางหยวนสังหารไปแล้วและกำลังทักทายอาชญากรที่ชั่วร้าย

พวกเขาไม่มีข้อสงสัยเพราะนี่คือสิ่งที่เฉินไคปฏิบัติมาตลอด

ไม่กี่วันที่ผ่านมาฟางหยวนพูดคุยกับเฉินเล่อและได้รับข้อมูลมากมายรวมถึงนิสัยของเฉินไค

หากไม่ใช่เพราะสิ่งนี้ เพียงท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคย มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาปลอมตัวเป็นเฉินไคได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ฟางหยวนเดินอย่างเปิดเผยและมั่นใจ หลังจากไม่นานเขาก็มาถึงวังอีกหลังหนึ่ง

“ผู้อาวุโส เหตุใดจึงมาที่นี่?” เฉินหลี่จื่อเดินออกมาต้อนรับ

เขามองฟางหยวนด้วยความสงสัย แน่นอนว่าเขาไม่ได้สงสัยในตัวตนของฟางหยวน แต่เขากำลังคิดว่าบรรพชนของเขากำลังหาข้ออ้างบางอย่างเพื่อชะลอการพบปะกับไห่เจิ้ง มิฉะนั้นเหตุใดเขาจึงปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผยซึ่งขัดแย้งต่อแผนเดิมของพวกเขา?

“เสี่ยวจื่อ ไห่เจิ้งมาหาข้าอย่างลับๆ ก่อนหน้านี้เราได้เจรจากันเรียบร้อยแล้ว เข้าไปข้างใน ข้ามีเรื่องต้องพูดคุยกับเจ้า” ฟางหยวนตบแผ่นหลังของเฉินหลี่จื่อและเดินไปข้างหน้า

ผู้อมตะทั้งสี่มีคฤหาสน์วิญญาณเป็นของตนเอง

คำกล่าวของฟางหยวนทำให้ความสงสัยของเฉินหลี่จื่อถูกปัดทิ้งไป

“ผู้อาวุโสเชิญนั่ง” เขาโค้งคำนับและส่งฟางหยวนไปยังที่นั่ง

“เชิญดื่มชาก่อน” เฉินหลี่จื่อประคองถ้วยชาให้ฟางหยวนด้วยความเคารพ

หลังจากนั้นเฉินหลี่จื่อก็นั่งลงบนที่นั่งของเขา

หลังจากดื่มชา ฟางหยวนเห็นเฉินหลี่จื่อนั่งอยู่ในระยะไกล ดังนั้นเขาจึงเปิดปากกล่าว “โอ้ เสี่ยวจื่อ ย้ายเก้าอี้ของเจ้ามานั่งใกล้ๆข้า”

เฉินหลี่จื่อทั้งตกใจและยินดีในเวลาเดียวกัน “ทราบแล้ว ข้าจะยืนข้างๆและฟังคำแนะนำของท่าน”

มีความแตกต่างระหว่างการนั่งและการยืน

เมื่อยืน กล้ามเนื้อจะหดตัว พวกเขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อนั่ง ร่างกายจะผ่อนคลาย พวกเขาจะลดการป้องกันลง

ฟางหยวนต้องการสังหารเฉินหลี่จื่อ เขาต้องเตรียมการอย่างเพียงพอ

ดังนั้นฟางหยวนจึงแสร้งทำเป็นไม่มีความสุข “ข้าขอให้เจ้าย้ายเก้าอี้เขามา เหตุใดเจ้าถึงไม่เต็มใจทำ? ข้าคุยกับไห่เจิ้งแล้ว ตอนนี้เราจำเป็นต้องจัดการกลุ่มของเฉิงเทา ข้าต้องการคนที่ไว้ใจได้ สำหรับหยุนเอ๋อและเล่อเอ๋อ พวกนางเป็นหญิง ในช่วงเวลาสำคัญ เสี่ยวจื่อ เจ้ามีหน้าที่สำคัญต้องรับผิดชอบ”

เฉินหลี่จื่อมีความสุขเมื่อได้รับการยอมรับจากเฉินไค

“ทราบแล้ว” เขาเลื่อนเก้าอี้มานั่งด้านข้างฟางยหวน

ฟางหยวนเห็นว่าประตูเปิดอยู่ เขาจึงกล่าว “ปิดประตู คำพูดต่อไปนี้ต้องเก็บเป็นความลับจากคนนอก”

เฉินหลี่จื่อไม่มีข้อสงสัยและทำตามคำสั่งทันที

“ไห่เจิ้งไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไปและมาหาข้า หลังจากเจรจาเป็นเวลานาน เขาสัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์มากมายให้กับพวกเรา” ฟางหยวนกล่าวอย่างช้าๆ

เฉินหลี่จื่อฟังอย่างตั้งใจ

เขาอยากถามว่าไห่เจิ้งจ่ายด้วยสิ่งใดบ้าง แต่เนื่องจากเฉินไคไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ เขาจึงไม่กล้าถาม

ตอนนี้ฟางหยวนเริ่มตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเฉินหลี่จื่อและกล่าวเกินจริงไปบ้างทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกมีความสุขและตื่นเต้นมาก

“ไห่เจิ้งเสนอวิญญาณอมตะระดับเจ็ดงั้นหรือ?” ในตอนท้ายเฉินหลี่จื่ออ้าปากค้างอย่างมีความสุข

“ข้าจะโกหกเจ้าเพื่อสิ่งใด?” ฟางหยวนหัวเราะเบาๆและนำวิญญาณอมตะดาบบินออกมา

“วิญญาณที่ดี วิญญาณที่ดี” เฉินหลี่จื่อกล่าวชมเชย

“เสี่ยวจื่อ…” ฟางหยวนกล่าวช้าๆ

เฉินหลี่จื่อเงยหน้ามองฟางหยวน

แสงดาบส่องประกายขึ้น!

เฉินหลี่จื่อสะดุ้งเมื่อเห็นประกายแสง

เขาก้มหน้ามองไปที่ฝ่ามือของฟางหยวนอีกครั้งแต่ตอนนี้วิญญาณอมตะดาบบินหายไปแล้ว

เหตุใดมันจึงหายไป?

เฉินหลี่จื่อรู้สึกงุนงง แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นๆที่ไหลลงมาจากหน้าผากของตน

โลกเริ่มหมุนก่อนที่เขาจะล้มลงและคุกเข่าอยู่บนพื้น มือข้างหนึ่งของเขาพยุงตัวเองขณะที่อีกข้างพยายามคว้าชายเสื้อของฟางหยวนแต่ไม่สำเร็จ

“ฟุบ!”

เขาล้มลงบนพื้นและตายอย่างสมบูรณ์

รอยยิ้มที่อบอุ่นของฟางหยวนจางหายไป การแสดงออกของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชา

เขาทำเช่นเดียวกับก่อนหน้าและสามารถยึดครองคฤหาสน์วิญญาณของเฉินหลี่จื่อได้อย่างไม่มีปัญหา

เขาเก็บศพของเฉินหลี่จื่อไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิก่อนจะเปิดประตูและจากไป

เหลือผู้อมตะหญิงอีกสองคน เฉินหว่านหยุนเป็นภัยคุกคามมากกว่า ดังนั้นเป้าหมายต่อไปของฟางหยวนก็คือนาง!

“พี่หญิง ในที่สุดข้าก็ประสบความสำเร็จในการสร้างท่าไม้ตายใหม่” เฉินเล่อยิ้มและกล่าวกับเฉินหว่านหยุน

“เช่นนั้นหรือ?” เฉินหว่านหยุนดีใจมาก นางมองเฉินเล่อด้วยความพึงพอใจ “ดูเหมือนในที่สุดเล่อเอ๋อของเราก็เริ่มทำงานหนัก แต่ผู้ใดกันที่สามารถกระตุ้นเจ้าได้ถึงเพียงนี้?”

เฉินหว่านหยุนแสร้งคิดก่อนกล่าวต่อ “อืม…ข้าคิดว่าคนผู้นี้แซ่ไห่และมีชื่อคำเดียวว่า…”

ก่อนที่นางจะกล่าวจบ เฉินเล่อรีบขัดจังหวะ “พี่หญิง หยุดแกล้งข้า! ข้าทำงานหนักมาตั้งแต่เริ่มต้น!”

“เช่นนั้นหรือ?” เฉินหว่านหยุนยิ้มเมื่อเห็นรอยยิ้มเขินอายของเฉินเล่อ นางคิด ‘เล่อเอ๋ออาจไร้เดียงสาและเติบโตภายใต้การคุ้มครองของพวกเรา แต่นางรู้ว่าไห่เจิ้งน่าประทับใจเพียงใด ด้วยเหตุนี้นางจึงพยายามพัฒนาตนเอง ข้าควรเตือนนาง แต่บางทีข้าอาจกังวลมากเกินไป’

เฉินเล่อไม่สามารถรับมือกับสายตาของเฉินหว่านหยุน นางเร่งถอยหลังกลับและหายตัวไป

“พี่หญิง ตอนนี้ข้าใช้ท่าไม้ตายอมตะเร้นกาย ท่านหาข้าพบหรือไม่? ฮิฮิ ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าอยู่ที่ใด?” เสียงของเฉินเล่อลอยมา

“ยัยตัวร้าย ข้าจะหาเจ้าให้พบและจัดการเจ้าซะ!” เฉินหว่านหยุนแสดงออกด้วยท่าทางชั่วร้ายและพยายามใช้ท่าไม้ตายสายตรวจสอบค้นหาเฉินเล่อ แต่ทันใดนั้นนางกลับรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากภายนอก “เหตุใดท่านปู่ถึงมาที่นี่? เล่อเอ๋อหยุดเล่นและไปทักทายท่านกับข้า”

เฉินเล่อกำลังจะยกเลิกท่าไม้ตายอมตะของนางแต่ในจังหวะนี้นางพลันนึกถึงถ้อยคำที่เฉินไคเคยกล่าวหยอกล้อกับนาง นี่ทำให้นางทำหน้ามุ่ย “ข้าจะแอบฟังอยู่ข้างๆ แล้วมาดูกันว่าท่านปู่จะพบข้าหรือไม่ หากท่านปู่ไม่พบข้า ข้าจะปรากฏตัวขึ้นและทำให้ท่านตกใจ ฮิฮิ”

“โอ้ ช่างซุกซนนัก ระวังจะไม่ได้แต่งงาน” เฉินหว่านหยุนส่ายศีรษะและเดินออกไปต้อนรับเฉินไค

ฟางหยวนใช้ท่าไม้ตายใบหน้าที่คุ้นเคย เฉินหว่านหยุนและเฉินเล่อไม่มีข้อสงสัยใดๆ แต่ฟางหวนไม่มีท่าไม้ตายอมตะสายตรวจสอบที่โดดเด่น เขาไม่พบการคงอยู่ของเฉินเล่อเช่นกัน ในความเป็นจริงแม้เขาจะมีท่าไม้ตายสายตรจสอบที่ดีแต่เขาก็ไม่สามารถใช้มันได้อย่างเปิดเผย

หากเขาใช้มัน กลิ่นอายของวิญญาณอมตะจะรั่วไหลออกมาและทำให้เกิดข้อสงสัย

มีเพียงท่าไม้ตายอมตะลอบสังหารในความมืดเท่านั้นที่สามารถปกปิดกลิ่นอายของวิญญาณอมตะได้อย่างสมบูรณ์

เฉินหว่านหยุนนำฟางหยวนไปยังที่นั่งของเขา นางต้องการเรียกเฉินเล่อออกมา แต่เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ‘ผู้อาวุโสให้ความสำคัญกับเล่อเอ๋อ ท่านได้รับผลประโยชน์มากมายจากการเจรจากับไห่เจิ้ง ตอนนี้ท่านกำลังอารมณ์ดี แม้ท่านจะค้นพบการคงอยู่ของเล่อเอ๋อ ท่านก็คงไม่ตำหนินาง’

เมื่อคิดได้เช่นนี้เฉินหว่านหยุนจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้และส่งถ้วยชาให้กับฟางหยวน

ฟางหยวนดื่มชาก่อนจะให้เฉินหว่านหยุนเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ๆ

เฉินเล่อเฝ้ามองอยู่และพยายามกลั้นหัวเราะด้วยความรู้สึกตื่นเต้น

เมื่อนางได้ยินว่าเฉินไคได้รับผลประโยชน์มากมายจากไห่เจิ้ง นางมีความสุขมาก แต่นางยังรู้สึกกังวล ‘นายน้อยไห่เจิ้งจ่ายด้วยราคามหาศาล เรื่องนี้จะส่งผลกระทบในทางลบหรือไม่?’

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็นำวิญญาณอมตะดาบบินออกมา “ไห่เจิ้งมอบวิญญาณอมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งดาบดวงนี้ให้ข้าโดยมีเงื่อนไขว่าให้เจ้านำมันไปพบผู้อมตะทั้งสามและใช้สิ่งนี้โน้มน้ามพวกเขาให้สนับสนุนไห่เจิ้ง เจ้าเต็มใจทำหรือไม่?”

เฉินหว่านหยุนรีบลุกขึ้น “ผู้อาวุโส ข้าจะทำตามคำสั่งของท่าน!”

“ดี ดี ดี” ฟางหยวนหัวเราะเบาๆ

สายตาของเฉินเล่ออยู่ที่วิญญาณอมตะดาบบิน

นี่เป็นครั้งแรกที่นางเคยเห็นวิญญาณอมตะระดับเจ็ด นางไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นและต้องการกระโดดออกไปเพื่อสร้างความประหลาดใจให้กับปู่ของนางทันที

แต่ในเวลาต่อมาการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น

ท่าไม้ตายอมตะลอบสังหารในความมืดถูกใช้งานอีกครั้ง

เฉินไคเป็นคนใกล้ชิด แล้วเฉินหว่านหยุนจะสามารถคาดคิดถึงการโจมตีนี้ได้อย่างไร?

โดยปราศจากการป้องกัน ผู้อมตะหญิงผู้อ่อนโยนผู้นี้เดินตามรอยของเฉินไคและเฉินหลี่จื่อไปในที่สุด

เฉินหว่านหยุนถูกสังหาร!

ฟางหยวนดึงดาบบินกลับมาและเก็บศพของนางไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิก่อนจะเดินจากไป

เฉินเล่อยังซ่อนตัวอยู่ นางยกมือขึ้นปิดปากขณะที่ดวงตาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

ร่างอันบอบบางของนางสั่นสะท้านขึ้น น้ำตาไหลอาบแก้มที่งดงามของนางอย่างเงียบๆ

นี่เป็นไปได้อย่างไร!?

น่ากลัวมาก!

‘สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?’

‘ข้าเห็นสิ่งใดผิดไปหรือไม่?’

‘นี่เป็นภาพลวงตา มันเป็นภาพลวงตา!’

‘เป็นไปได้อย่างไร!? ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านปู่ฆ่าพี่หญิงหยุนเอ๋อ!? เป็นไปได้อย่างไร?’

แต่ความจริงอยู่ต่อหน้านาง

นางเห็นมันด้วยดวงตาของตนเอง

นางไม่สามารถปฏิเสธสิ่งที่เกิดขึ้น

“ฟุบ!”

นางทรุดตัวลงบนพื้นอย่างอ่อนแรง

ใบหน้าที่เคยมีชีวิตชีวาของนางกลายเป็นสับสนและหวาดกลัว

มือของนางยังคงปิดปากราวกับมันสามารถปกป้องนางจากทุกสิ่ง

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท