เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1127

ตอนที่ 1127

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1127 แก้ไขสถานการณ์ด้วยการฆ่า

แปลโดย iPAT

การต่อสู้พึ่งเริ่มขึ้นแต่เฟิงจุนกลับต้องการหลบหนี

ฟางหยวนลอบสังหารผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของเฟิงจุนไปแล้ว นี่ทำให้พวกเขาตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ

เฟิงจุนไม่ใช่คนโง่ แม้เขาจะขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ แต่เขาก็รู้ว่าตนเองตกอยู่ในอันตราย

ตอนนี้เขาต้องการล่าถอยอย่างชาญฉลาด

ในการต่อสู้ระหว่างผู้อมตะ นอกจากความแข็งแกร่ง พวกเขายังต้องใช้สติปัญญาอีกด้วย

‘โจวหมิงเสียสติเพราะความโกรธ ไห่เจิ้งเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แม้พวกเราจะร่วมมือกันก็ยังไม่สามารถเอาชนะเขา เราควรไปรวมกลุ่มกับผู้อมตะคนอื่นๆและให้เฉินไคเป็นผู้นำการต่อสู้!’

เฟิงจุนคิดและพยายามล่าถอย

เขาใช้ท่าไม้ตายอมตะสายเคลื่อนไหวสร้างเมฆขึ้นใต้เท้าและดึงโจวหมิงบินออกไปด้านซ้าย

“ท่านกำลังทำสิ่งใด? ข้าจะข้าเขา! ให้ข้าฆ่าเขา!” โจวหมิงกรีดร้องขณะที่นางพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมแขนของเฟิงจุน

เฟิงจุนเผยรอยยิ้มขมขื่นและพยายามปลอมใจโจวหมิง “อย่าขยับ ข้าสร้างระยะห่างเพื่อสนับสนุนท่าไม้ตายหอกแสงของเจ้า!”

ได้ยินเรื่องนี้ โจวหมิงเร่งกล่าวด้วยความตื่นเต้น “เป็นความคิดที่ดี!”

นางมองไปที่ฟางหยวน

ด้วยระยะทางที่เพิ่มขึ้น หอกแสงของนางจะแข็งแกร่งขึ้น

ฟางหยวนมองเมฆที่อยู่ใต้เท้าของพวกเขาและเผยรอยยิ้มอย่างไร้กังวล

เขาไม่ได้ไล่ตามแต่บินลงไปบนพื้นและนำศพของเฉิงเทาที่แยกออกเป็นสองส่วนเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

“โจรชั่ว ปล่อยศพที่ใหญ่ของข้า!” โจวหมิงตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ

การกระทำของฟางหยวนต่ำช้าเกินไป เขาไม่เพียงสังหารเฉิงเทาแต่เขายังไม่ยอมทิ้งแม้แต่ซากศพของเหยื่อ

ฟางหยวนจะทิ้งมันได้อย่างไร?

พลังงานแห่งเต๋าของผู้อมตะระดับเจ็ดจะกลายเป็นรากฐานของเขา

เป็นเรื่องยากที่จะผสานมิติช่องว่างของผู้อื่นเข้ากับมิติช่องว่างของตนเอง แต่การได้รับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากเป้าหมายเป็นเรื่องใหญ่

‘ผู้อมตะทั่วไปจะดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากศัตรูหากพวกเขามีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าที่ไม่ขัดแย้งกัน แต่ร่างกายของข้าแตกต่างออกไป มันสามารถดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าได้ทุกชนิดโดยปราศจากความขัดแย้ง นี่เป็นเรื่องที่วิเศษมาก! ข้าสามารถดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากศัตรูที่ข้าสังหารเพื่อเสริมสร้างรากฐานให้กับตนเอง นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวข้าเอง!’

ฟางหยวนเข้าใจเรื่องนี้อย่างชัดเจน

นี่เป็นร่างกายที่เทพปีศาจจิตวิญญาณต้องการใช้

หากเขาประสบความสำเร็จและฟื้นคืนสู่ชีวิต ผลที่ตามมาจะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจินตนาการถึง

ประการแรก เทพปีศาจจิตวิญญาณได้กลืนกินดวงวิญญาณของผู้อมตะมากมาย เขามีประสบการณ์ในการบ่มเพาะที่หลากหลาย

ประการที่สอง เขามีความสำเร็จอย่างน้อยระดับปรมาจารย์ในทุกเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ

สุดท้ายเขายังได้รับความช่วยเหลือจากนิกายเงา

ด้วยสิ่งเหล่านี้เขาจะสามารถสร้างยุคสมัยแห่งการเข่นฆ่าขึ้นอีกครั้ง

เขาจะผสานมิติช่องว่างของผู้อมตะทั้งหมดที่เขาฆ่าและดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าทั้งหมด การเติบโตของเขาจะรวดเร็วและเกินกว่าผู้ใดจะสามารถคาดคิดถึง

แตกต่างจากฟางหยวนที่เป็นปรมาจารย์บนเส้นทางเพียงสี่สาย มันยากสำหรับเขาที่จะผนวกมิติช่องว่างของผู้อมตะคนอื่นๆ สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงการดูดซับร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าจากศัตรูเท่านั้น

ฟางหยวนเก็บศพของเฉิงเทาไว้ในมิติช่องว่างของตนเอง นี่ทำให้โจวหมิงรู้สึกโกรธและเกลียดชังเขามากขึ้น

เฟิงจุนรู้สึกเสียใจเช่นกันแต่เขาไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกมาและยังถอนหายใจด้วยความโล่งอก

‘ดูเหมือนไห่เจิ้งจะไม่มีท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหว อินทรีย์สวรรค์ชั้นสูงสุดของเขายังไม่โตเต็มวัย พลังของมันอาจยังอยู่ในระดับหก ดังนั้นเขาจึงไม่นำมันออกมาเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายหอกแสง?’

ความกังวลของเฟิงจุนลดลงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้

แต่ในเวลาต่อมาปากของเขากลับอ้ากว้างด้วยความตกใจ

ปรากฏว่าฟางหยวนกระตุ้นใช้งานวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติและเคลื่อนที่เข้าใกล้พวกเขาด้วยความเร็วสูง

“รวดเร็วนัก!?” โจวหมิงอุทาน

“นี่คือความเร็วที่แท้จริงของเขา!” หัวใจของเฟิงจุนแทบกระโดดออกมาจากหน้าอก ท่าไม้ตายสายเคลื่อนไหวของเขาไม่ใช่คู่แข่งของวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ

ในเวลาไม่กี่ลมหายใจฟางหยวนก็เข้าประชิดตัวพวกเขาอีกครั้ง

เจตนาสังหารพุ่งเข้าโจมตีหัวใจของเฟิงจุนอย่างรุนแรง

ท่าไม้ตายอมตะ กงล้อสายลมแห่งโชค!

ในช่วงเวลาวิกฤตเขาต้องใช้ท่าไม้ตายนี้อีกครั้ง

เช่นเดียวกับก่อนหน้าฟางหยวนถูกส่งกลับหลัง

‘ครั้งที่สาม ฮ่าฮ่า’ ฟางหยวนคิดและไม่รู้สึกหดหู่ใจ

ในที่สุดโจวหมิงก็เริ่มมีสติ

นางตกใจมากกับความเร็วของฟางหยวน นี่ทำให้ความโกรธของนางลดลง

“ไปเร็ว! คนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป ไปรวมตัวกับคนอื่นๆ!” โจวหมิงตะโกน

เฟิงจุนรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้

ด้วยความร่วมมือจากโจวหมิง ทั้งสองจึงสามารถเร่งความเร็ว

ฟางหยวนไล่ล่าต่อไปแต่ทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ เฟิงจุนจะใช้ท่าไม้ตายอมตะขับไล่เขาออกมา

หลังจากชั่วครู่พวกเขาก็พบผู้บ่มเพาะสันโดษอีกสองคน หนึ่งชื่อเจียงจื่อ อีกหนึ่งชื่อเกาหมี่

“เรามาแล้ว!”

ผู้บ่มเพาะสันโดษทั้งสองบินเข้าไปหาโจวหมิงและเฟิงจุน

ฟางหยวนไม่รู้สึกตกใจ เขารู้ว่าเฟิงจุนและโจวหมิงใช้วิธีบนเส้นทางแห่งข้อมูลแจ้งข่าวสารตลอดเวลา

“ไห่เจิ้ง เจ้าช่างกล้าหาญนัก เจ้ากล้าทำร้ายพวกเราที่อยู่ที่นี่!”

“วันนี้จะเป็นวันตายของเจ้า!”

เฟิงจุนและโจวหมิงหยุดหลบหนีและหันกลับมาเผชิญหน้ากับฟางหยวน

“นายน้อยไห่เจิ้ง ท่านสังหารพี่หญิงหว่านหยุนและท่านปู่งั้นหรือ?” ทันใดนั้นเสียงที่โศกเศร้าสายหนึ่งพลันดังขึ้น

มันคือเฉินเล่อ

ก่อนหน้านี้เฉินเล่อไปหาฟางหยวน แต่ในเวลานั้นฟางหยวนออกมาแล้ว

เฉินเล่อไม่พบฟางหยวนทำให้นางรู้สึกหมดสิ้นหนทางและไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร

นางไม่กล้ายกเลิกท่าไม้ตายอมตะเร้นกายและซ่อนตัวอยู่ในวังสักพักก่อนที่จะได้รับข้อความจากเฟิงจุน

ข้อความระบุว่าไห่เจิ้งปลอมตัวเป็นเฉินเล่อและใช้ท่าไม้ตายอมตะสังหารเฉิงเทา ไม่ว่าเฉินเล่อจะโง่เง่าเพียงใด นางก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเช่นไร

นางรีบไปวังของเฉินไคแต่กลับไม่พบผู้ใด

สุดท้ายนางจึงปรากฎตัวขึ้นที่นี่ในเวลานี้

“โอ้ เป็นเจ้า” ฟางหยวนมองเฉินเล่อและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย “ในที่สุดเจ้าก็ฉลาดขึ้นแล้ว ไม่ว่าเฉินไค เฉินหว่านหยุน หรือเฉินหลี่จื่อ แม้แต่เฉิงเทา พวกเขาล้วนตายเพราะข้า ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด หากพวกเจ้าฉลาดก็ควรยอมจำนน มิฉะนั้นพวกเจ้าจะตายทั้งหมด”

ใบหน้าของเฉินเล่อกลายเป็นซีดเผือด ร่างกายของนางสั่นสะท้านขึ้นอย่างรุนแรง

ฟางหยวนยอมรับทันที นี่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของนางเป็นอย่างมาก

“ท่านทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใด?” เฉินเล่อกรีดร้อง น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มของนาง “พวกเราทำสิ่งใดผิดต่อท่าน เหตุใดต้องทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้!?”

“อย่าฟังเขา เฉินเล่อ มารวมกลุ่มกับพวกเรา!” โจวหมิงตะโกนเสียงดัง

ทันใดนั้นบอลแสงสีเขียวหยกขนาดใหญ่พลันปรากฎขึ้นโดยมีฟางหยวนอยู่ตรงกลาง

นี่คือค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้โบราณขนาดใหญ่

เฟิงจุน โจวหมิง เฉินเล่อ และผู้อมตะอีกสองคนร่วมมือกันสร้างมันขึ้นมา

“ไห่เจิ้ง แม้เจ้าจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด เจ้าก็ต้องตายที่นี่ในวันนี้!”

“ถูกต้อง พวกเราฝึกใช้ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้นี้มาหลายครั้งและสามารถสังหารสัตว์อสูรบรรพกาลไปถึงแปดตัว!”

“เจ้าไม่สามารถหลบหนีไปจากที่นี่ ข้าจะเลาะกระดูกฉีกเส้นเอ็นของเจ้าออกมาเป็นเครื่องเซ่นไหว้สหายของเรา!”

กลุ่มผู้อมตะในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานตะโกน ขวัญกำลังใจของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง การแสดงออกของเขายังสงบนิ่ง

เขากลายอย่างช้าๆ “โอ้ ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้เมืองสีเขียว? ฮ่าฮ่าฮ่า มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆของค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้เมืองสีเขียวที่แท้จริง พวกเจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักมันงั้นหรือ?”

กลุ่มผู้ใช้วิญญาณรู้สึกสังหรณ์ร้าย

การแสดงออกของเฉินเล่อยิ่งจมดิ่งมากขึ้น นางรู้สึกเสียใจและเกลียดชังตนเองอย่างที่สุด

เพราะนางเป็นคนบอกความลับเกี่ยวกับค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้เมืองสีเขียวให้แก่ฟางหยวน

“ข้าเป็นผู้อมตะระดับเจ็ดขณะที่พวกเจ้าเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก แน่นอนว่าข้าคาดเดาไว้แล้วว่าพวกเจ้าจะต้องใช้สิ่งนี้ หลังจากจัดตั้งมัน พวกเจ้าจะไม่สามารถหลบหนีถูกต้องหรือไม่? ฮ่าฮ่าฮ่า หากฝ่าฝืน พวกเจ้าทั้งหมดจะได้รับผลกระทบย้อนกลับและบาดเจ็บสาหัส…”

ฟางหยวนกล่าวเสียงเรียบ

เสียงของเขาไม่ดังแต่กลุ่มผู้อมตะกลับได้ยินอย่างชัดเจน

ขวัญกำลังใจที่เพิ่มขึ้นก่อนหน้าถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยคำกล่าวเพียงประโยคเดียวของฟางหยวน ตอนนี้พวกเขารู้สึกลังเลมาก

“ข้าจะแสดงพลังที่แท้จริงของข้าให้พวกเจ้าได้เห็น”

ฟางหยวนกระตุ้นใช้วิญญาณจำนวนมาก

ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตน!

ในพริบตาภูตมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งนับหมื่นตนก็ปรากฏขึ้น ร่างที่แท้จริงของฟางหยวนซ่อนอยู่ท่ามกลางพวกมัน

การต่อสู้เริ่มขึ้นในเวลานี้

เฟิงจุน โจวหมิง และผู้อมตะคนอื่นๆใช้ท่าไม้ตายทั้งหมดของพวกเขาและสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับกองทัพภูตมนุษย์

ภูตมนุษย์ของฟางหยวนมีพลังป้องกันไม่สูงนัก แต่ไม่ว่าพวกมันจะถูกทำลายไปมากเท่าใด ภูตมนุษย์ตัวใหม่ก็จะปรากฏตัวขึ้นและเข้าแทนที่ตลอดเวลา

ฟางหยวนเตรียมพร้อมมาแล้ว

แม้เขาจะไม่กระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะหมื่นตัวตนอีกต่อไป เขาก็มีภูตมนุษย์จำนวนมหาศาลเก็บไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิตั้งแต่เริ่มต้น

หลังจากทั้งหมดเขาไม่ขาดแคลนพลังงานอมตะ!

เฟิงจุนและคนอื่นๆตระหนักได้ทันทีว่าพวกเขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

หากไม่ใช่เพราะค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้ พวกเขาจะไม่สามารถต่อต้านกองทัพภูตมนุษย์เหล่านี้ แต่กระทั่งพวกเขาจะใช้ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้ พวกเขาก็ยังสูญเสียพลังงานอมตะไปโดยไร้ประโยชน์

ในการต่อสู้ระหว่างพลังงานอมตะ ฟางหยวนเหนือกว่าอย่างสมบูรณ์ อย่าลืมว่าท่าไม้ตายบนเส้นทางความแข็งแกร่งบริโภคพลังงานอมตะน้อยมาก

ฟางหยวนรอคอยอย่างอดทนและเฝ้าสังเกตอย่างตั้งใจ

เขารวบรวมข้อมูลทุกประเภทเก็บไว้ในความทรงจำ

หลังจากต่อสู้เป็นเวลาหลายชั่วโมง กลุ่มผู้อมตะรู้สึกเหนื่อยล้าขณะที่พลังงานอมตะของพวกเขาก็ลดลงไปมาก

เป็นเพียงเวลานี้ที่ตัวจริงของฟางหยวนปรากฎขึ้น

“ฮ่าฮ่าฮ่า เฉินเล่อ ข้าต้องขอบคุณที่เจ้าให้ข้อมูลข้า มิฉะนั้นข้าจะสังหารเฉินหว่านหยุนและคนอื่นๆได้อย่างไร” ฟางหยวนหัวเราะเสียงดัง

เฉินเล่อรู้สึกราวกับสายฟ้าฟาดลงมาที่หัวใจของนาง มันเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูด

ฟางหยวนใช้โอกาสนี้เพื่อสังหาร!

วิญญาณอมตะดาบบิน!

แสงดาบพุ่งทะลุแนวป้องกันและสังหารเฉินเล่อในเสี้ยวพริบตา

เขาเลือกกำจัดศัตรูที่อ่อนแอที่สุดเป็นคนแรก!

ฟางหยวนโจมตีในช่วงเวลาสำคัญและสามารถสังหารผู้อมตะผู้หนึ่งได้ทันที

เมื่อเฉินเล่อเสียชีวิต ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้เมืองสีเขียวเริ่มสูญเสียเสถียรภาพและสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง

ผู้อมตะคนอื่นๆพยายามควบคุมมันก่อนจะประสบความสำเร็จในที่สุด

“ต่อไปก็ถึงเวลาตายของพวกเจ้า” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มน่ากลัว เขาไม่ได้โจมตีแต่หลบเข้าไปอยู่ในกองทัพภูตมนุษย์เช่นเดิม

ใบหน้าของผู้อมตะทั้งสี่กลายเป็นซีดขาว

พวกเขาเป็นฝ่ายล้อมกรอบฟางหยวนแต่พวกเขากลับไม่รู้สึกมีความสุขหรือตื่นเต้น

ตั้งแต่เริ่มต้นฟางหยวนใช้กลยุทธ์ที่เหมาะสมที่สุดเพื่อสร้างความได้เปรียบในปัจจุบัน

ฟางหยวนรู้จักทักษะของผู้อมตะเหล่านี้เป็นอย่างดีขณะที่ฝ่ายตรงข้ามไม่รู้สิ่งใดเลยเกี่ยวกับตัวเขา

เดิมทีท่าไม้ตายอมตะเร้นกายของเฉินเล่อทำให้ฟางหยวนไม่สามารถทำสิ่งใด

แต่น่าเสียดายเมื่อนางเข้าสู่ค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้ นางต้องทิ้งข้อได้เปรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางไป

หลังจากทั้งหมดถ้ำสวรรค์ไห่ฟานสงบสุขมานานเกินไป พวกเขาไม่ขาดแคลนทรัพยากรแต่พวกเขาขาดประสบการณ์ในการต่อสู้ที่แท้จริง

แม้พวกเขาจะทะเลาะกันแต่พวกเขาไม่เคยเข้าสู่การต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย

เพียงไม่นานฟางหยวนก็สามารถสังหารผู้อมตะอีกสองคนและทำลายค่ายกลวิญญาณรูปแบบการต่อสู้เมืองสีเขียว

เฟิงจุนและโจวหมิงพยายามหลบหนีอย่างสุดกำลัง

พวกเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับฟางหยวนและพยายามหนีไปที่ภูเขามรดกอมตะ

ระหว่างทางฟางหยวนสามารถสังหารโจวหมิงขณะที่เฟิงจุนพุ่งเข้าไปบนภูเขามรดกอมตะด้วยร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส

“จิตวิญญาณสวรรค์ช่วยข้าด้วย!” เขากรีดร้อง

สถานการณ์นี้ค่อนข้างน่าขัน ก่อนหน้านี้เขายังวางแผนกำจัดจิตวิญญาณสวรรค์ แต่ตอนนี้เขากลับร้องขอความช่วยเหลือจากมัน

“มันจะไม่ช่วยเจ้า” ในศาลาหิน ร่างของฟางหยวนปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน

เขากล่าวเสียงเรียบ ร่างกายของเขาไม่มีบาดแผลใดๆ เขายังดูหล่อเหลาราวกับการต่อสู้ก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้น

ร่างกายของเฟิงจุนสั่นสะท้านขึ้นด้วยความหวาดกลัว เขามองไปที่ระฆังทองเหลืองแต่มันกลับไม่ตอบสนองใดๆ

เฟิงจุนรู้สึกสิ้นหวัง

“เพราะเหตุใด?” เขาพึมพำ

“เพราะเหตุใด!?” เขากรีดร้องอีกครั้งราวกับต้องการคำตอบจากจิตวิญญาณสวรรค์

“เพราะพวกเจ้าเป็นบุตรหลานของอาชญากร ก่อนบรรพชนไห่ฟานจะเสียชีวิต เขาคิดถึงจุดนี้ ดังนั้นการทดสอบสุดท้ายในการรับสืบทอดมรดกจึงระบุว่าผู้สืบทอดต้องได้รับคะแนนเสียงครึ่งหนึ่งของผู้อมตะที่อยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ฮ่าฮ่า แต่ในกรณีที่บุตรหลานของอาชญากรมีความเกลียดชังต่อเผ่าไห่และปฏิเสธที่จะช่วยเหลือผู้สืบทอดที่มาจากเผ่าหลัก มันจะเกิดสิ่งใดขึ้น? พวกเจ้าสร้างปัญหาให้กับพวกเราโดยเจตนา แล้วพวกเราควรทำเช่นไร?” ฟางหยวนยื่นมือข้างหนึ่งออกไปสัมผัสแผ่นหิน

“หากเป็นเช่นนั้นพวกเราก็ทำได้เพียงกำจัดพวกเจ้าทั้งหมด หลังจากกวาดล้างพวกเจ้าจะเหลือข้าเพียงผู้เดียว นั่นเพียงพอแล้วที่จะทำให้ข้าผ่านการทดสอบสุดท้ายและรับสืบทอดมรดกที่แท้จริงของบรรพชนไห่ฟาน”

ฟางหยวนกล่าวเบาๆและเผยรอยยิ้มบาง

เฟิงจุนล้มลงบนพื้นด้วยความสิ้นหวังและอ่อนแรง

เขาเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ท้องฟ้าสีฟ้าที่เขาพยายามหลบหนีมาตลอดชีวิตแต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกรักมันขึ้นมาอย่างกะทันหัน

แต่ในเวลาต่อมา เขากลับได้ยินฟางหยวนกล่าว “ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า หากเจ้ายอมจำนนต่อข้าด้วยความจริงใจ ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

“กระไรนะ!?” เฟิงจุนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

ฟางหยวนพูดซ้ำอีกครั้ง “เจ้าเป็นคนฉลาด เจ้าสามารถสงบจิตใจในสถานการณ์คับขัน เจ้าไม่เหมือนโจวหมิงและเฉินเล่อ ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้าในแง่มุมนี้ หากเจ้ามอบวิญญาณอมตะและมรดกบนเส้นทางแห่งโชคของเจ้าให้ข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

หัวใจของเฟิงจุนสั่นสะท้านขึ้น

“เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่หรือไม่?” เขาเงยหน้ามองไปที่ฟางหยวนด้วยสายตาคาดหวัง

“เหตุใดข้าต้องโกหกเจ้า สำหรับข้า การฆ่าเจ้าเป็นเรื่องง่ายราวกับการหายใจ แต่อย่าคิดที่จะต่อรอง” การแสดงออกของฟางหยวนเปลี่ยนไป “เจ้ามีเวลาพิจารณาเพียงสามลมหายใจ ตายหรือยอมแพ้”

“ข้ายอมแพ้!” เฟิงจุนตัดสินใจกล่าวออกมาโดยไม่ลังเลภายในลมหายใจแรก

“นี่คือวิญญาณทั้งหมดของข้า” ฟางหยวนได้รับการส่งมอบวิญญาณภายในลมหายใจที่สอง

เขาพยักหน้าและยื่นมือออกไปรับพวกมันเอาไว้ ภายใต้ความร่วมมือของเฟิงจุน เขาสามารถปรับแต่งวิญญาณทั้งหมดได้ในครั้งเดียว

“โปรดทำสัญญาพันธมิตร” เฟิงจุนสูดหายใจลึกและเตรียมพร้อมสำหรับการสร้างข้อตกลงพันธมิตร

“ปุ”

หลุมเลือดปรากฎขึ้นกลางหน้าผากของเขา

ใบหน้าของเฟิงจุนเต็มไปด้วยความตกใจ เขามองฟางหยวนขณะที่ค่อยๆล้มลงบนพื้น

ลมหายใจที่สามพึ่งผ่านพ้นไปในเวลานี้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท