เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1132

ตอนที่ 1132

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1132 ยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน

แปลโดย iPAT

หลังจากเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะยังมีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณระดับมนุษย์

ฟางหยวนรู้สึกตกใจเล็กน้อยที่พบเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณทั้งหมด

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขามากที่สุดคือเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปีระดับมนุษย์

‘ข้าสามารถซื้อวิญญาณระดับมนุษย์เหล่านี้ได้ในสวรรค์สีเหลืองและยังสามารถหลอมรวมพวกมันด้วยตนเอง แต่การหลอมรวมด้วยตนเองจะทำให้ข้าเสียเวลา ข้าควรขอให้มนุษย์ขนของนิกายหลางหยาหลอมรวมพวกมันให้ข้า’

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ฟางหยวนต้องขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับนิกายหลางหยาเริ่มห่างเหิน เขาต้องปรับปรุงความสัมพันธ์หากต้องการความช่วยเหลือ

ฟางหยวนยังอ่านข้อมูลต่อไป

หลังจากเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์ยังมีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณที่ไม่สมบูรณ์

พวกมันมีความสมบูรณ์ที่แตกต่างกัน

ต่อไปเป็นประสบการณ์ชีวิตของไห่ฟานรวมถึงเคล็ดลับเกี่ยวกับการอนุมานบนเส้นทางแห่งปัญญา

ฟางหยวนยิ้มเมื่อเห็นสิ่งนี้

เขาเป็นปรมาจารย์บนเส้นทางแห่งปัญญาและได้รับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งปัญญามาจากตงฟางชางฟาน ประสบการณ์ของไห่ฟานยังค่อนข้างตื้นเขินในมุมมองของฟางหยวน

ทุกคนมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน แม้ไห่ฟานจะเป็นตัวตนที่โดดเด่นแต่เขาก็มีจุดอ่อนเช่นกัน

เช่นเดียวกับเทพอมตะตะวันเดือดและเทพปีศาจปล้นสวรรค์ พวกขายังต้องร้องขอให้บรรพชนผมยาวช่วยหลอมรวมวิญาณอมตะ

ท่ามกลางข้อมูลมากมาย มีแผนที่ของทั้งห้าภูมิภาครวมถึงสวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดำรวมอยู่ด้วย พวกมันมีคุณค่ามหาศาลในแง่ของการอ้างอิง แน่นอนว่าแผนที่ของภาคเหนือมีรายละเอียดมากที่สุด

ฟางหยวนให้ความสนใจกับแผนที่ของสวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดำ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกได้เปิดหูเปิดตา

ผู้อมตะระดับเจ็ดและผู้อมตะระดับแปดมักขึ้นไปสำรวจสวรรค์สีขาวและสวรรค์สีดำเพื่อค้นหาทรัพยากรต่างๆอยู่เสมอ

ในฐานะผู้อมตะระดับแปด ไห่ฟานก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

มีข้อมูลเกี่ยวกับแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองหลวงของภาคเหนือและวังแปดสิบแปดเปลวเพลิงที่แท้จริงอยู่ด้วย แต่ตอนนี้มันไร้ประโยชน์ไปแล้ว

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฟางหยวนมากที่สุดคือเงื่อนงำเกี่ยวกับมรดกที่แท้จริงบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของเทพปีศาจบัวแดง

จากบันทึก ฟางหยวนสามารถสัมผัสได้ถึงความปรารถนาต่อมรดกที่แท้จริงของเทพปีศาจบัวแดงของไห่ฟาน

แต่นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

เทพปีศาจบัวแดงเป็นผู้อมตะระดับเก้าบนเส้นทางแห่งกาลเวลาที่ยิ่งใหญ่ ไม่แปลกที่ทุกคนบนโลกใบนี้จะต้องการมัน

ประเด็นสำคัญประการสุดท้ายคือแนวความคิดเกี่ยวกับการพัฒนามิติช่องว่างของไห่ฟาน

ย้อนกลับไปหลังจากไห่ฟานสามารถครอบครองวิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ เขาเริ่มขายวิญญาณปีระดับมนุษย์และกลายเป็นธุรกิจที่สร้างความมั่งคั่งให้กับเขา

ในเวลาเพียงไม่กี่ปีเขากลายเป็นผู้ขายวิญญาณปีรายใหญ่ที่สุดในโลกและได้รับกำไรมหาศาล

อย่างไรก็ตามไห่ฟานยังเตือนผู้สืบทอดเกี่ยวกับการโจมตีของอสูรปี เขายังบอกวิธีรับมือกับอสูรปี วิธีจับ วิธีขายอสูรปี และการเชื่อมต่อระหว่างอสูรปีกับมิติช่องว่างของผู้อมตะ

ฟาหงยวนขมวดคิ้ว

ด้วยการคงอยู่ของวิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ อสูรปีระดับสัตวอสูรแรกกำเนิดเคยบุกเข้าไปในมิติช่องว่างของไห่ฟานมาก่อน

พวกมันมีพลังการต่อสู้ระดับแปด!

ไห่ฟานต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสังหารพวกมัน เนื่องจากการต่อสู้เกิดขึ้นในมิติช่องว่างของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นคือความเสียหายครั้งใหญ่ หลายครั้งที่ไห่ฟานรู้สึกเจ็บปวดกับการสูญเสียของเขา

หลังจากได้รับบทเรียน ไห่ฟานเริ่มค้นคว้าเกี่ยวกับวิธีปิดผนึกวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ

เขาคิดค้นวิธีการมากมาย พวกมันล้วนถูกบันทึกไว้ในมรดกที่แท้จริงของเขา

อย่างไรก็ตามไห่ฟานยังเตือนผู้สืบทอดให้ระวังบางสิ่ง นั่นคือการใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระหว่างการต่อสู้

ในการต่อสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่ง หากอสูรปีบุกเข้าไปในมิติช่วงของพวกเขาในเวลานั้น มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่

‘ดูเหมือนข้าต้องระวังเกี่ยวกับการใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ หากประมาท เจตจำนงสวรรค์อาจฉวยโอกาสดึงดูดอสูรปีเข้ามาหาข้า!’

ฟางหยวนเป็นเพียงผู้อมตะระดับหก เขาไม่สามารถต่อสู้กับศัตรูที่มีพลังการต่อสู้ระดับแปด

ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากเกินไป มีเพียงโชคที่ไม่คาดคิดเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาได้

ฟางหยวนดึงสติกลับมาและถอนหายใจ

‘มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานเป็นผลงานของผู้เชี่ยวชาญที่ยิ่งใหญ่บนเส้นทางแห่งกาลเวลาอย่างแท้จริง’ ฟางหยวนยกย่อง ‘แต่ความยากลำบากในการรับสืบทอดมรดกสูงเกินไป’

ด้วยความยากลำบากระดับนี้ บุตรหลานของเผ่าไห่จึงไม่เคยประสบความสำเร็จในการรับสืบทอด สุดท้ายมันจึงตกเป็นของฟางหยวน

แต่อย่าคิดว่าฟางหยวนมีช่วงเวลาที่ง่ายดาย โดยปราศจากวิญญาณทัศนคติ ท่าไม้ตายอมตะใบหน้าที่คุ้นเคย ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งเลือด ความช่วยเหลือจากชูตู๋ และอีกมากมาย เขาจะไม่สามารถมาถึงจุดนี้

‘ตามมาตรฐานของโลกผู้อมตะ การรับสืบทอดมรดกของไห่ฟานถือเป็นเรื่องยากมาก’

เปรียบเทียบกับมรดกของผู้พิทักษ์ดาบผู้อมตะระดับแปดเผ่าเหนียงเอ๋อ ผู้สืบทอดของเขายังปรากฏตัวขึ้นทุกๆสองหรือสามร้อยปี คนปัจจุบันคือเหนียงเอ๋อปิงซื่อ

ไห่ฟานและผู้พิกษ์ดาบต่างเป็นตัวตนที่สามารถฝากชื่อไว้ในประวัติศาสตร์และเป็นความภูมิใจของเผ่า เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะตั้งเงื่อนไขที่ยากลำบากเพื่อคัดเลือกผู้สืบทอดที่คู่ควร อย่างไรก็ตามระดับความยากของทั้งสองยังแตกต่างกันมาก

‘ต่อไปข้าต้องยึดครองถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน’ ฟางหยวนมองระฆังทองเหลืองและส่งสัญญาณบางอย่าง

ในช่วงเวลาต่อมาจิตวิญญาณสวรรค์ระฆังทองเหลืองก็บินเข้ามาหาฟางหยวนอย่างช้าๆ

ฟางหยวนยิ้ม

เมื่อเขาได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน เขาได้กลายเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์เรียบร้อยแล้ว เขาสามารถออกคำสั่งจิตวิญญาณสวรรค์ระฆังทองเหลืองได้โดยธรรมชาติ

สิ่งที่น่าเสียใจคือถ้ำสวรรค์ไห่ฟานดูดซับเศษชิ้นส่วนของสวรรค์สีฟ้าเข้าไป นั่นทำให้ระฆังทองเหลืองกลายเป็นไร้สติ ฟางหยวนไม่สามารถสื่อสารกับมันได้โดยง่าย

ฟางหยวนกวาดตามองภูเขามรดกอมตะ

ภูเขาลูกนี้มีศาลาอยู่หลายหลัง แต่ละหลังมีมรดกบางอย่างซ่อนอยู่ บางมรดกเป็นมรดกระดับมนุษย์ ขณะที่บางมรดกเป็นมรดกอมตะ

ผู้ใช้วิญญาณที่อาศัยอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานรับสืบทอดบางมรดกไปแล้ว นั่นทำให้พวกเขาค่อยๆเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ

แต่น่าเสียดายที่พวกเขามีความก้าวหน้าไม่มากและถูกสังหารโดยฟางหยวนจนหมดสิ้นในวันนี้

ฟางหยวนตรวจสอบและตระหนักว่ามีมรดกเหลืออยู่เล็กน้อย

เขาเก็บรวบรวมมรดกที่เหลือทั้งหมด

ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ทุกอย่างที่อยู่ภายในถือเป็นสมบัติของเขา

อย่างไรก็ตามมรดกส่วนใหญ่เป็นมรดกระดับมนุษย์ มีมรดกอมตะเพียงสามมรดก สองในสามไม่มีวิญญาณอมตะแต่มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะอยู่เล็กน้อย มรดกสุดท้ายมีวิญญาณอมตะเหลืออยู่หนึ่งดวง มันคือวิญญาณอมตะหนามกระดูกบนเส้นทางแห่งกระดูก แต่มันไม่สามารถสร้างความพึงพอใจให้กับฟางหยวน

หลังจากรื้อค้นภูเขามรดกอมตะ ฟางหยวนกวาดตามองโลกใบใหญ่ใบนี้

ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมีทรัพยากรมากมาย แผนที่ในมรดกกล่าวถึงแหล่งทรัพยากรทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ แต่หลังจากผ่านไปหลายปี หลายสิ่งยังเปลี่ยนแปลงไป

ขณะเดียวกันระฆังทองเหลืองก็ไม่สามารถสื่อสาร

โชคดีที่ฟางหยวนมีเชลย

แม้เขาจะสังหารผู้อมตะทั้งหมด แต่เขายังเก็บดวงวิญญาณของผู้คนเหล่านั้นเอาไว้ ตอนนี้พวกมันถูกขังไว้ในมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ค้นวิญญาณ!

หลังจากไม่นานฟางหยวนก็เข้าใจถ้ำสวรรค์ไห่ฟานอย่างชัดเจน แต่ยังมีพื้นที่ต้องห้ามอีกอยู่หลายจุด

ในกระบวนการค้นวิญญาณ ฟางหยวนได้เรียนรู้ประสบการณ์การบ่มเพาะของพวกเขา

‘ท่าไม้ตายแสงสีเลือด? ฮ่าฮ่าฮ่า เจตจำนงสวรรค์…’ ฟางหยวนตระหนักถึงแผนการของเฉิงเทา โจวหมิง และเฟิงจุน

ท่าไม้ตายแสงสีเลือดที่เฟิงจุนคิดค้นขึ้นค่อนข้างน่าสงสัย ฟางหยวนสันนิษฐานว่าสิ่งนี้อาจเกิดจากอิทธิพลของเจตจำนงสวรรค์

โชคดีที่ฟางหยวนดำเนินการอย่างรวดเร็วและใช้เวลาน้อยมากเพื่อยึดครองมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

‘ข้าต้องย้ายทรัพยากรทั้งหมดเก็บไว้ในมิติช่องว่างของข้า ที่นี่ไม่ปลอดภัย!’

‘สำหรับถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ข้าจะมอบมันให้กับชูตู๋ ถ้ำสวรรค์ถือเป็นส่วนแบ่งสามสิบส่วนในมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน’

สำหรับเรื่องที่เจตจำนงสวรรค์จะทำสิ่งใดกับชูตู๋ ฟางหยวนไม่สนใจ

เขาได้มอบส่วนแบ่งให้กับชูตู๋ไปแล้ว เขาไม่ต้องกังวลว่าชูตู๋จะพบกับสิ่งใด

ในเวลาไม่กี่วันฟางหยวนก็สามารถบรรลุเป้าหมาย

เขาได้รับทรัพยากรมากมายและได้เรียนรู้วิธีการพัฒนามิติช่องว่างที่สามารถใช้กับมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ในช่วงห้าร้อยปีของชีวิตก่อนหน้า พรสวรรค์ของเขาอยู่ในระดับต่ำ เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งเลือดที่มุ่งเน้นทักษะการต่อสู้ ในแง่ของการพัฒนามิติช่องว่าง เขายังไม่เก่งนัก โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นมิติช่องว่างขนาดใหญ่มากเช่นมิติช่องว่างจักรพรรดิ

ตอนนี้ถ้ำสวรรค์ไห่ฟานเป็นเหมือนสารานุกรมที่วางอยู่ตรงหน้าเขา!

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท