เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1134

ตอนที่ 1134

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1134 จัดการสุนัขดาวตกเพลิง

แปลโดย iPAT

หลังจากส่งมอบถ้ำสวรรค์ไห่ฟาน ชูตู๋ขอให้ฟางหยวนอยู่ต่อแต่เขาปฏิเสธ

เขาอยู่ในถ้ำสวรรค์ไห่ฟานมานานเกินไปแล้ว ฟางหยวนต้องเตรียมตัวรับมือภัยพิบัติครั้งที่สี่

แน่นอนว่าก่อนออกเดินทางเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะความร่วมมือหนึ่งร้อยปีสร้างข้อตกลงพันธมิตรใหม่กับชูตู๋

ฟางหยวนจากไปอย่างรวดเร็ว ชูตู๋ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังรู้สึกปวดหัวมากเมื่อมองไปยังถ้ำสวรรค์ที่รกร้าง

เขาเดินทางกลับแดนศักดิ์สิทธิ์หลางหยาทันที

“โอ้ ฟางหยวนกลับมาแล้ว” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนเห็นฟางหยวนบินอยู่บนท้องฟ้า

“เขากลับมาแล้วอย่างไร?”

“ถูกต้อง มีเขาหรือไม่ก็ไม่แตกต่าง”

“เขาเป็นผู้อมตะเผ่ามนุษย์ เขาไม่ใช่พวกเรา”

“อย่าสนใจ เรามาวางแผนกันต่อว่าจะกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงตัวนี้อย่างไร!”

ในไม่ช้ากลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็ก้นหน้าลงอีกครั้ง

ฟางหยวนมองผ่านผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้ขณะใช้วิธีการบางอย่างเพื่อลอบฟังบทสนทนาของพวกเขา

ดวงตาของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นน่ากลัว

ตอนนี้เขาได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟานมาแล้ว ขณะเดียวกันภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่ก็กำลังจะมาถึง

ฟางหยวนวางแผนรับมือภัยพิบัติพิภพครั้งนี้ด้วยตนเอง

แม้การได้รับความช่วยเหลือจากชูตู๋จะปลอดภัยกว่า แต่ความหมายที่แท้จริงของเทพปีศาจคลั่งก็จะถูกแบ่งออกไป

ฟางหยวนต้องการรับผลประโยชน์ทั้งหมด เว้นเพียงสถานการณ์ที่เขาไม่มีทางเลือกเท่านั้น

หลังจากได้รับมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน ความแข็งแกร่งของฟางหยวนเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก นี่ทำให้เขามีความมั่นใจในการรับมือกับภัยพิบัติพิภพครั้งที่สี่ด้วยตัวเอง

‘แต่ในการเผชิญหน้ากับภัยพิบัติพิภพ ข้าต้องใช้ท่าไม้ตายอมตะมิติภัยพิบัติและต้องยืมวิญญาณมากมายจากจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา’

‘ด้วยความสัมพันธ์ในปัจจุบัน มีความเป็นไปได้ที่จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาจะไม่ให้ข้ายืมพวกมัน เว้นเพียงข้าจะทำประโยชน์ครั้งใหญ่ให้กับนิกาย’

‘ดูเหมือนข้าต้องรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงเป็นอันดับแรก เรื่องนี้สามารถปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา จากนั้นข้าจะได้รับแต้มผลงานและใช้มันเป็นค่าใช้จ่ายในการยืมวิญญาณ’

ฟางหยวนไม่ได้กลับไปที่เมืองเมฆาของเขาแต่บินตรงไปยังเมืองเมฆาที่หนึ่ง

ที่นั่นเขาได้พบกับจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา

“โอ้ เจ้ายังจำที่นี่ได้งั้นหรือ?” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยากล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

ฟางหยวนถอนหายใจและแสดงออกด้วยใบหน้าขมขื่น “ผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่ง โปรดเข้าใจข้าด้วย ข้ามีเหตุผล ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจปัญหาของนิกาย ข้าเพียงไม่มีเวลา แต่หลังจากออกไปและสามารถแก้ไขวิกฤตของตน ตอนนี้ข้าตั้งใจมาหาผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งเพื่อรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิง”

“โอ้” จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาขมวดคิ้ว “เจ้าจะรับภารกิจนี้จริงๆงั้นหรือ?”

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มขมขื่นอีกครั้ง “ข้าต้องการรับภารกิจ ข้าเป็นสมาชิกของนิกายหลางหยา ก่อนหน้านี้สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ข้าไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้ข้าสามารถวางเรื่องของตนเองและทุ่มเทความพยายามเพื่อนิกาย”

ด้วยทักษะการแสดงและวิญญาณทัศนคติทำให้จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยารู้สึกว่าฟางหยวนกล่าวความจริงและต้องการขอโทษอย่างจริงใจ

การแสดงออกของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาผ่อนคลายลง เขารีบเปลี่ยนคำกล่าว “มันค่อนข้างลำบากหากเจ้าต้องการรับภารกิจนี้ ก่อนหน้านี้ผมที่สิบสองและคนอื่นๆร่วมมือกัน ตอนนี้พวกเขากำลังวางแผนโจมตี คราวก่อนพวกเขาล้มเหลว แต่พวกเขาก็ได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ครั้งนี้มีแนวโน้มที่พวกเขาจะประสบความสำเร็จ หากเจ้ารับภารกิจนี้ ไม่ว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จหรือไม่ มันก็อาจเกิดความขัดแย้งภายใน”

ฟางหยวนเป็นคนนอกขณะที่คนอื่นๆเป็นมนุษย์ขนที่แท้จริง

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาต้องเข้าข้างพวกเขาโดยธรรมชาติ

ฟางหยวนพยักหน้า “ให้พวกเขาทำภารกิจนี้ก่อน หากพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ ข้าค่อยให้ความช่วยเหลือ เช่นนี้เป็นอย่างไร?”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาคิดก่อนพยักหน้า “ตกลง”

ฟางหยวนกล่าวอีกครั้ง “ข้าหวังว่าผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งจะสามารถประกาศเรื่องนี้ออกไป”

จิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยาทำตาที่ฟางหยวนขอ

เมื่อเรื่องนี้ถูกประกาศออไป ความปั่นป่วนเกิดขึ้นทันที

“ฟางหยวนจะต่อสู้ในที่สุด!?”

“ฮืม เขาเห็นว่าพวกเรากำลังจะประสบความสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงต้องการเข้าร่วม!”

“คนขี้โกง น่ารังเกียจ!”

“หากไม่คำนึงถึงความจริงที่ว่าเขาเป็นคนน่ารังเกียจ เขาก็ทำให้รางวัลของการกำจัดสุนัขดาวตกเพลิงเพิ่มขึ้นมากกว่าหนึ่งพัน! หากผู้ใดประสบความสำเร็จจะได้รับผลประโยชน์มหาศาล!”

“ผมที่สิบสอง เจ้าต้องประสบความสำเร็จ อย่าปล่อยให้ฟางหยวนฉกฉวยผลประโยชน์!”

กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเต็มไปด้วยความเกลียดชังต่อฟางหยวน

ผมที่สิบสองพยักหน้าและกำหมัดแน่นโดยไม่รู้ตัว “ข้าจะต้องประสบความสำเร็จ พวกเราเตรียมตัวให้พร้อม ข้าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง!”

การต่อสู้ครั้งก่อนทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจมาก

ผมที่สิบสองเตรียมพร้อมที่จะโจมตีภายในสองวัน แต่เพราะเรื่องนี้เขาจึงตัดสินใจใช้เวลาเตรียมความพร้อมให้มากขึ้น

เจ็ดวันต่อมาฟางหยวนได้รับการแจ้งเตือนจากผมที่สิบสองและคนอื่นๆว่าพวกเขากำลังจะออกไปปฏิบัติภารกิจ

ฟางหยวนตามไปโดยไม่ได้รับเชิญ

“ผู้อาวุโสฟางหยวน” ผมที่หกเดินออกมาข้างหน้าและกล่าวกับฟางหยวนด้วยน้ำเสียงที่แปลกประหลาด

ตัวตนที่แท้จริงของเขาคือสายลับของนิกายเงาา อย่างไรก็ตามกระทั่งฟางหยวนจะเปิดเผยเรื่องนี้ แต่ผู้ใดจะเชื่อเขา นอกจากนั้นฟางหยวนยังทำข้อตกลงกับนิกายเงาไว้แล้ว พวกเขาอยู่บนเรือลำเดียวกัน ดังนั้นผมที่หกจึงไม่รู้สึกหวาดกลัว

ครั้งสุดท้ายที่เขาได้รับคำสั่งจากอิงอู๋เซี่ยคือการทำธุรกรรมกับฟางหยวน

ครั้งนั้นฟางหยวนเป็นฝ่ายเหนือกว่าและขูดรีดนิกายเงาอย่างโหดร้าย

ต่อมาฟางหยวนปฏิเสธที่จะรับภารกิจกำจัดสุนัขดาวตกเพลิง ผมที่หกจึงฉวยโอกาสปลุกปั่นกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา

“ผู้อาวุโสฟางหยวน ข้ารู้ว่าเพราะเหตุใดท่านถึงมาที่นี่ แต่ครั้งนี้ท่านคงต้องผิดหวัง” ผมที่สิบสองเดินออกมาและกล่าวด้วยความมั่นใจ

เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตรงไปตรงมาไม่เหมือนผมที่หก

ฟางหยวนมองผมที่สิบสองและเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนผู้นี้ เขามีความมั่นใจและระวังตัวมากกว่าก่อนหน้า

ฟางหยวนประเมิน ‘ผมที่สิบสองบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งการหลอมรวมและเส้นทางแห่งทาส คราวก่อนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้กับสุนัขดาวตกเพลิง ตอนนี้เขาดีขึ้นมาก สภาพจิตใจของเขาก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน’

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฟางหยวนจึงเผยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะรอคอยชัยชนะของน้องสิบสอง”

“ฮืม คนเจ้าเล่ห์”

“ภายนอกดูเหมือนเขาจะยอมแพ้แต่เขาต้องกังวลอยู่ภายในอย่างแน่นอน ฮ่าฮ่า’

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนซุบซิบ

ฟางหยวนได้ยินทั้งหมดแต่เขาไม่สนใจ

ทุกคนยืนอยู่กลางค่ายกลวิญญาณขนส่ง

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนยืนรวมกลุ่มกันขณะที่ฟางหยวนถูกแยกออกไป

“ข้ากำลังจะกระตุ้นใช้ค่ายกลวิญญาณ” ผมที่สิบสองกล่าวก่อนจะมองไปที่ฟางหยวนราวกับต้องการบอกว่า คนเพิ่มขึ้นก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนใช้ค่ายกลวิญญาณขนส่งมาหลายครั้งแล้วและคุ้นเคยกับมันดี

ค่ายกลวิญญาณค่อยๆส่องประกายขึ้น

ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ

ค่ายกลวิญญาณขนส่งในไท่ชิวถูกจัดตั้งโดยฟางหยวน เขาสามารถใช้มันได้อย่างง่ายดาย แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้กลับมีปัญหาในการกระตุ้นใช้งานมัน

ผมที่สิบสองจ่ายพลังงานอมตะอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายค่ายกลวิญญาณก็ถูกกระตุ้นการทำงานในที่สุด

วิสัยทัศน์ของทุกคนถูกปกคลุมด้วยพลังงานลึกลับ

ในพริบตากลุ่มผู้อมตะก็ตระหนักว่าพวกเขามาถึงไท่ชิวเรียบร้อยแล้ว

ฟางหยวนหันหลังกลับและพบกับซากศพของช้างตัวใหญ่

‘ค่าใช้จ่ายไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ดูเหมือนฟางหยวนจะมีร่องรอยของพลังงานแห่งเต๋าไม่มากนัก เขามีเพียงประสบการณ์ในการต่อสู้ที่เหนือกว่าพวกเราเท่านั้น’ ผมที่สิบสองมองฟางหยวนด้วยสายตารังเกียจ

“ครั้งนี้เราต้องชนะ เราจะแพ้ไม่ได้ ไปกันเถอะ!” ผมที่สิบสองโบกมือตะโกน

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเร่งตอบสนอง พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ

พวกเขาเริ่มออกเดินทางโดยมีฟางหยวนติดตามอยู่ด้านหลัง เขาจงใจอยู่ด้านหลังโดยไม่เข้าใกล้กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเกลียดชัง

ก่อนที่พวกเขาจะก้าวเท้าออกมา ฟางหยวนก็พบเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว

‘สุนัขดาวตกเพลิงยังไม่โตเต็มวัยงั้นหรือ?’ ฟางหยวนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนพุ่งเข้าไปหามันทันที

“เจ้าหมาน้อย ครั้งนี้พวกเราจะเอาชนะเจ้า!” ผมที่สิบสองตะโกนเสียงดัง

สุนัขดาวตกเพลิงเห่าหอนก่อนจะทะยานร่างออกมาด้วยความเร็วสูง

กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนกระจายตัวกันออกไป

ผมที่สิบสองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขาตะโกนด้วยความโกรธ “สัตว์ร้าย เจ้ากล้าลอบโจมตีพวกเรา เข้ามา เราจะสู้กันสามร้อยรอบ!”

หลังกล่าวจบคำผมที่สิบสองปรบมือและส่งแสงสีฟ้าออกไปข้างหน้า

แสงสีฟ้ากลายเป็นทะเลสาบก่อนที่สัตว์อสูรเดียวดายสามตัวจะปรากฏตัวขึ้น

หนึ่งกระทิง หนึ่งพยัคฆ์ และหนึ่งหมี

มันคือกระทิงเกาลัด พยัคฆ์ขาวลายทอง และหมีเพชร

สัตว์อสูรเดียวดายทั้งสามเข้าสู่การต่อสู้กับสุนัขดาวตกเพลิง

ผมที่สิบสองควบคุมสัตว์อสูรเดียวดายทั้งสามต่อสู้กับสุนัขดาวตกเพลิงขณะที่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกหลายคนซ่อนตัวอยู่และพยายามโจมตีจากระยะไกล

ฟางหยวนเฝ้ามองจากนอกสนามรบ

สุนัขดาวตกเพลิงยังไม่โตเต็มวัยแต่สามารถต่อสู้กับกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเหล่านี้ได้อย่างเท่าเทียม

ฟางหยวนยิ้มและมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

เขาคิดกับตนเอง ‘ข้าอยู่ที่นี่แล้ว เจตจำนงสวรรค์ ครั้งนี้เจ้าจะจัดการข้าอย่างไร?’

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท