เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1135

ตอนที่ 1135

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1135 อย่ารบกวน

แปลโดย iPAT

“บึม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นเมื่อสุนัขดาวตกเพลิงพุ่งชนหมีเพชร

หมีเพชรเป็นสัตว์อสูรเดียวดาย มันมีร่างกายที่แข็งแกร่งราวกับกำแพงหิน

อย่างไรก็ตามด้วยการโจมตีจากสุนัขดาวตกเพลิง หมีเพชรก้าวถอยหลังกลับไปหกก้าวแต่ยังสามารถยืนอยู่อย่างมั่นคง สุนัขดาวตกเพลิงกระโดดกลับหลังและรู้สึกเวียนศีรษะ

มันส่ายหัวปัดเป่าอาการมึนงงออกไป

ในจังหวะนี้ท่าไม้ตายหกท่าพุ่งออกมาจากหลังต้นไม้และโจมตีสุนัขดาวตกเพลิงอย่างพร้อมเพรียง

สุนัขดาวตกเพลิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดหลังจากถูกลอบโจมตี

ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่ด้านข้างด้วยการแสดงออกที่สงบนิ่ง

‘ไม่เพียงผมที่สิบสองแต่คนอื่นๆก็เรียนรู้ท่าไม้ตายอมตะใหม่เช่นกัน’

‘แต่ท่าไม้ตายอมตะเหล่านี้ใช้วิญญาณอมตะเพียงดวงเดียวเป็นแกนกลาง พวกมันล้วนเป็นท่าไม้ตายระดับหก’ ฟางหยวนประเมิน

สุนัขดาวตกเพลิงถูกโจมตีอย่างหนักแต่มันกลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

มันเป็นสัตว์อสูรบรรพกาล แม้มันจะยังเด็ก แต่มันก็มีความสามารถในการป้องกันและฟื้นฟูที่น่าทึ่ง

‘ครั้งนี้ข้าจะล้มเหลวไม่ได้ ฟางหยวนจะหัวเราะข้า!’ ผมที่สิบสองเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้

สัตว์อสูรเดียวดายทั้งสามราวกับสัมผัสได้ถึงเจตจำนงของเจ้านาย ดังนั้นพวกมันจึงตั้งใจต่อสู้มากขึ้น

ภายใต้การควบคุมของผลที่สิบสอง หมีเพชรใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งของมันในการต่อสู้ขณะที่พยัคฆ์ขาวลายทองคอยสนับสนุน ด้านกระทิงเกาลัด มันอ่อนแอมาก มันทำได้เพียงมองอยู่ด้านข้างและฉวยโอกาสโจมตีเป็นครั้งคราวเท่านั้น

‘ผมที่สิบสองดูเหมือนจะมีช่วงเวลาที่ง่ายดายแต่สถานการณ์ยังน่าเป็นห่วง สุนัขดาวตกเพลิงโจมตีอย่างรุนแรง เขายังไม่ส่งสัตว์อสูรเดียวดายตัวที่สี่ออกมา ดูเหมือนเขาจะมีสัตว์อสูรเดียวดายเพียงสามตัว’

ฟางหยวนวิเคราะห์อย่างใจเย็น

ผมที่สิบสองใช้สัตว์อสูรเดียวดายที่อ่อนแอเช่นกระทิงเกาลัด ดังนั้นการคาดเดาของฟางหยวนมีความเป็นไปได้สูงมาก

‘หลังจากสวรรค์สีเหลืองเปิด ผมที่สิบสองซื้อหมีเพชรและพยัคฆ์ขาวลายทอง แต่ตัวเลือกของเขายังมีคำถาม หมีเพชรตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่เขายังซื้อพยัคฆ์ขาวลายทองที่เป็นสัตว์อสูรเดียวดายบนเส้นทางแห่งโลหะที่มีพลังป้องกันสูง หากเขาซื้อสัตว์อสูรเดียวดายที่สามารถบินได้ มันจะมีประโยชน์มากกว่า ด้วยวิธีนี้สุนัขดาวตกเพลิงจะถูกเบียงเบนความสนใจและเผยจุดอ่อนออกมา’

ขณะที่ฟางหยวนกำลังคิดถึงเรื่องนี้ ผมที่สิบสองก็ทำเรื่องผิดพลาด หมีเพชรเปิดช่องว่างขณะเคลื่อนที่!

“บัดซบ!” ผมที่สิบสองเต็มไปด้วยโกรธและเร่งส่งกระทิงเกาลัดเข้าเติมเต็มช่องว่างทันที

‘อดทนไว้!’ ผมที่สิบสองกรีดร้องอยู่ในใจ

สุนัขดาวตกเพลิงส่งกระทิงเกาลัดกระเด็นกลับหลัง

จากนั้นสุนัขดาวตกเพลิงยังพุ่งออกไปด้านนอก

นี่ทำให้กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ซ่อนตัวอยู่กรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

“เร็วใช้ท่านั้น!” เมื่อเห็นสุนัขดาวตกเพลิงกำลังจะโจมตี ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่โชคร้ายเร่งตะโกนด้วยความหวาดกลัว

ในเวลาต่อมาเขาหายตัวไปก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้งด้านข้างผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนอีกคนที่อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันก้าว

“ขอบคุณ ขอบคุณที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นข้าคงตายไปแล้ว” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่รอดชีวิตเร่งกล่าว

คนที่ช่วยเขาคือผมที่หก

เขาตบไหล่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่รอดชีวิต “สบายใจได้ อย่าลืมว่ามีคนนอกอยู่ที่นี่ เราจะทำให้นิกายหลางหยาเสียหน้าไม่ได้”

กระทั่งเวลานี้ผมที่หกก็ยังพยายามหว่านความไม่ลงรอย

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนที่ถูกช่วยไว้เร่งปกปิดการแสดงออกแต่ร่างกายของเขายังสั่นเล็กน้อย

ฟางหยวนก่นเสียงเย็นขณะมองผมที่หก

‘ข้าจะฆ่าสหายผู้นี้ในวันหนึ่ง แต่ตอนนี้พวกเราเป็นสมาชิกนิกายหลางหยาและยังมีข้อตกลงพันธมิตร เราไม่สามารถฆ่ากันเองได้โดยตรง หากผมที่หกต้องการฆ่าข้า เขาต้องกำจัดข้อตกลงพันธมิตรของนิกายหลางหยาอย่างลับๆเป็นอันดับแรก’

ฟางหยวนต้องการใช้ประโยชน์จากนิกายหลางหยาแต่ผมที่หกยังเป็นอุปสรรค

ผมที่หกมีบทบาทสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างฟางหยวนกับนิกายหลางหยาเปลี่ยนแปลงไป

ในนิกายหลางหยา ฟางหยวนและผมที่หกต่างมีแรงจูงใจซ่อนเร้น ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน

ฟางหยวนทำข้อตกลงพันธมิตรกับนิกายหลางหยา เขาไม่สามารถทำร้ายสมาชิกของนิกาย แน่นอนว่าเขาสามารถคิดและพูดถึงพวกเขา ผมที่หกเป็นสมาชิกนิกายหลางหยาเช่นกัน หากเขาตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย ฟางหยวนต้องช่วยเขา แต่มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากผมที่หกพยายามทำให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายและล่อลวงสัตว์อสูรเข้ามาเพื่อวางกับดักโจมตีฟางหยวน เขาไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือผมที่หก

เนื่องจากฟางหยวนเข้าร่วมนิกายหลางหยาและอยู่ภายใต้ข้อตกลง เขาจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้โดยง่าย

ผมที่หกต้องการร่างกายของฟางหยวน แต่เขามีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ นอกจากนั้นฟางหยวนยังยังรู้ว่าเขาเป็นสายลับของนิกายเงา

ทั้งสองฝ่ายต่างมีข้อจำกัดของตนเองและต้องระวังซึ่งกันและกัน

ราวกับผมที่หกสัมผัสได้ถึงการจ้องมองของฟางหยวน เขาหันหน้ามาและเผยรอยยิ้มชั่วร้าย

ผมที่หกเป็นร่างแยกของเทพปีศาจจิตวิญญาณ เขามีประสบการณ์ในการต่อสู้ นี่คือเหตุผลที่เขาสามารถช่วยผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนได้ในทันที

ผมที่หกพยายามผลักฟางหยวนออกจากกลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพื่อชะลอการเติบโตของเขา

การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป

สุนัขดาวตกเพลิงไม่สามารถสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเพราะหมีเพชรและพยัคฆ์ขาวลายทองช่วยเบี่ยงเบนความสนใจ

ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆยังโจมตีจากระยะไกล

อย่างไรก็ตามแม้ผมที่สิบสองจะพัฒนาขึ้นแต่เขายังทำเรื่องผิดพลาดตลอดการต่อสู้

หลังจากหลุดจากวงล้อม สุนัขดาวตกเพลิงพยายามสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนคนอื่นๆอีกครั้ง

แต่พวกเขายังสามารถหลบหนีด้วยท่าไม้ตายอมตะ

‘ท่าไม้ตายอมตะนี้น่าสนใจทีเดียว’ ฟางหยวนเฝ้ามองอยู่อย่างเงียบๆ เขาคิดโดยไม่รู้ตัวว่าหากตนเองเป็นสุนัขดาวตกเพลิง เขาจะทำอย่างไรเพื่อทำลายท่าไม้ตายนี้

ในไม่ช้าฟางหยวนก็ได้รับคำตอบ

มันยากที่จะรับมือท่าไม้ตายนี้เพราะเขามีข้อมูลเพียงเล็กน้อย

เขาไม่รู้กระทั่งชื่อของท่าไม้ตาย

ในช่วงเวลาสั้นๆท่าไม้ตายนี้ไม่ได้เผยข้อบกพร่องใดๆออกมา

‘แม้ข้าจะไม่สามารถทำลายท่าไม้ตายนี้ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสังหารผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขน ความเร็วของข้าสูงกว่าพวกเขามาก ข้าสามารถใช้ท่าไม้ตายดาบประหารชีวิตหรือท่าไม้ตายลอบสังหารในความมืด แต่ในความเป็นจริงเพียงวิญญาณอมตะดาบบินก็เพียงพอแล้ว แน่นอนว่าผมที่หกซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ นั่นเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป’

“ข้าต้องประสบความสำเร็จ ข้าต้องเอาชนะสุนัขดาวตกเพลิงในครั้งนี้!” ผมที่สิบสองตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ

ครั้งนี้เขาทำได้ดีกว่าครั้งก่อนหน้า ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะสม พวกเขาจะได้รับชัยชนะ

‘ฟางหยวน เจ้าเห็นหรือไม่? แม้จะไม่มีเจ้า พวกเราก็สามารถกำจัดสุนัขดาวตกเพลิง!’ ผมที่สิบสองกรีดร้องอยู่ภายใน

เขามีความภักดีต่อนิกายหลางหยาอย่างมาก ก่อนหน้านี้เมื่อนิกายหลางหยาพบปัญหาที่ไท่ชิวแต่ฟางหยวนไม่เคลื่อนไหว ผมที่สิบสองรู้สึกโกรธมาก

เมื่อผมที่สิบสองได้รับบาดเจ็บ ฟางหยวนไปเยี่ยมแต่เขาไม่ต้อนรับ

ชัยชนะครั้งนี้มีความหมายอย่างมากสำหรับผมที่สิบสอง

หากได้รับชัยชนะต่อหน้าฟางหยวน ผมที่สิบสองจะมีความสุขและภูมิใจมาก

เมื่อเวลาผ่านไปสถานการณ์เริ่มชัดเจนมากขึ้น

สุนัขดาวตกเพลิงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบขณะที่แรงกดดันของผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนลดน้อยลง

พวกเขารู้สึกตื่นเต้นมาก

มันไม่ง่ายเลย

สุนัขดาวตกเพลิงทำให้พวกเขาพบกับความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำอีก

เพื่อจัดการกับสุนัขดาวตกเพลิงตัวนี้ พวกเขาต้องหลั่งเลือดและหยาดเหงื่ออย่างมาก พวกเขาฝึกฝนกลยุทธ์โดยไม่ได้พักผ่อน สุดท้ายวันนี้พวกเขาก็กำลังจะประสบความสำเร็จ

แม้พวกเขาจะเหนื่อยล้าและสูญเสียพลังงานอมตะไปแทบหมดสิ้น แต่ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนก็รู้สึกมีชีวิตชีวามาก

“ฆ่าเจ้าหมาตัวนี้!”

“ถูกต้อง ฉีกผิวหนังของมันออกมาและแขวนไว้เหนือเมืองเมฆาเพื่อให้ทุกคนเห็นชัยชนะของพวกเรา!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดมันก็ต้องสยบต่อพวกเรา”

“ฟางหยวน เจ้าเห็นสิ่งนี้หรือไม่? ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจ แต่แล้วอย่างไร?”

“วันนี้เราจะมอบบทเรียนให้เจ้า ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนของนิกายหลางหยาไม่ได้ไร้พลัง พวกเราไม่ด้อยกว่ามนุษย์เช่นเจ้า!”

กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตะโกนด้วยความตื่นเต้น

ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบางราวกับเขาไม่ได้ยินสิ่งใด

ทัศนคติของเขาทำให้ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนรู้สึกผิดหวัง รังเกียจ และโกรธ

“เขาแค่ปกปิดความรู้สึกเอาไว้เท่านั้น!” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนบางคนหัวเราะเย้ยหยัน

อย่างไรก็ตามสถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปในเวลานี้

สุนัขอินทรีย์ปรากฏตัวขึ้นกลางสนามรบอย่างกะทันหัน ด้วยการกวาดกรงเล็บเพียงครั้งเดียว หมีเพชรล้มลงทันที! จงอยปากของมันจิกตากระทิงเกาลัดจนบอด! ปีกที่แข็งแกร่งส่งลมพัดพยัคฆ์ขาวลายทองให้บินกลับหลังหลายสิบก้าว! สุนัขดาวตกเพลิงขดตัวและส่งเสียงครวญครางด้วยความหวาดกลัว

“อันใด!? สัตว์อสูรบรรพกาลตัวนี้มาจากที่ใด?” ผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกตะลึง

“ไม่ใช่เพียงตัวเดียว!” ในไม่ช้าสุนัขอินทรีย์ห้าตัวก็ปรากฏขึ้นจากพุ่มไม้และยังมีอีกสามตัวบินอยู่กลางอากาศ

ฝูงสุนัขอินทรีย์ล้อมกรอบผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนเอาไว้อย่างสมบูรณ์

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?” รูม่านตาของผมที่สิบสองหดเล็กลง เขาตกใจมาก

เขารู้สึกราวกับตกจากสวรรค์สู่นรกในครั้งเดียว

ไม่นานมานี้เขายังมีความสุขกับชัยชนะแต่ตอนนี้เขากลับตกลงสู่สถานการณ์ที่สิ้นหวังอย่างกะทันหัน

‘เจตจำนงสวรรค์ นี่คือการซุ่มโจมตีของเจ้างั้นหรือ? น่าประทับใจ’ ฟางหยวนหัวเราะอยู่ภายใน

สุนัขอินทรีย์ไม่ส่งเสียงใดๆขณะที่กลุ่มผู้อมตะเผ่ามนุษย์ขนตกใจเกินคำบรรยาย ดังนั้นสนามรบจึงกลายเป็นเงียบสงัด

“โอ้ ผมที่สิบสอง ดูเหมือนพวกเจ้าจะไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ ตามข้อตกลง มันถึงเวลาของข้าแล้ว” ท่ามกลางความเงียบ เสียงของฟางหยวนดังขึ้น

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมที่สิบสองรู้สึกหัวใจเต้นแรงด้วยความโกรธ เขากรีดร้อง “เจ้า! เจ้ากล่าวสิ่งใด? เปิดตาของเจ้าและดูพวกเราจัดการกับสถานการณ์นี้!”

ริมฝีปากของฟางหยวนม้วนตัวขึ้นเล็กน้อย

“บึม!”

กำปั่นยักษ์หมื่นตัวตนปรากฏขึ้นและทุบสุนัขอินทรีย์ที่อยู่ใกล้ฟางหยวนมากที่สุดลงบนพื้น

ฝุ่นควันลอยคละคลุ้งขึ้น

สุนัขอินทรีย์ทั้งหมดหันหน้ามาทางฟางหยวน พวกมันต้องระวังศัตรูที่แข็งแกร่งผู้นี้

ภายใต้กลุ่มฝุ่นควัน เสียงของฟางหยวนดังขึ้น “เอาล่ะ ข้าจะรับของขวัญชิ้นนี้เอาไว้ ทุกคนโปรดอยู่ห่างๆ อย่ารบกวนข้า”

—————–

พรุ่งนี้หยุด

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท