เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity – ตอนที่ 1131

ตอนที่ 1131

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1131 ปรับแต่งวิญญาณของไห่ฟาน

แปลโดย iPAT

‘เปรียบเทียบกับไห่ฟาน แม้ข้าจะมีวิญญาณอมตะมากมาย แต่ข้าก็ไม่สมารถใช้ประโยชน์จากพวกมันได้ในระดับนี้’ ฟางหยวนคิด

มรดกที่แท้จริงของไห่ฟานทำให้เขาตระหนักถึงปัญหามากมายของตนเอง แต่เขาก็ไม่ลังเล ‘มันยอดเยี่ยมมากแล้วที่ข้าสามารถเลี้ยงดูวิญญาณอมตะมากมาย’

ผู้อมตะต้องให้ความสำคัญกับภัยพิบัติ ยิ่งการบ่มเพาะสูงเท่าใด ภัยพิบัติที่พวกเขาต้องเผชิญก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น

ไห่ฟานมีวิญญาณอมตะเพียงไม่กี่ดวง ภาระในการให้อาหารพวกมันค่อนข้างน้อย ขณะที่เขามีวิธีการมากมายและสามารถจัดการกับปัญหาทุกประเภท

ไห่ฟานเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลฮวงจินที่โดดเด่น เขาให้ความสำคัญกับครอบครัวและทิ้งมรดกที่แท้จริงของตนเอาไว้เบื้องหลัง

ไห่ฟานไม่มีหนึ่งในสิบสุดยอดกายา มิติช่องว่างของเขามีศักยภาพและทรัพยากรที่จำกัด

โดยรวมแล้วการเลี้ยงดูวิญญาณอมตะเพียงไม่กี่ดวงแต่มีท่าไม้ตายจำนวนมากถือเป็นทางเลือกที่ฉลาด

แต่ฟางหยวนแตกต่างออกไป

ความแตกต่างประการแรกคือมิติช่องว่างของเขา

มิติช่องว่างจักรพรรดิมีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ การให้อาหารวิญญาณอมตะจำนวนมากเป็นภาระใหญ่หลวงแต่ฟางหยวนสามารถเลี้ยงดูพวกมัน

ความแตกต่างที่สองคือฟางหยวนถือเป็นผู้บ่มเพาะสันโดษ

เขาดูแลเพียงตัวเองเท่านั้น เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเผ่าหรือให้ความสนใจกับบุตรหลาน

นี่เป็นข้อดีของการเป็นคนนอกรีต

ข้อได้เปรียบของชนเผ่าคือการแบ่งปันทรัพยากรและช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ในกรณีของไห่ฟาน เขาเป็นผู้มอบผลประโยชน์ให้แก่เผ่า

แต่ไห่ฟานไม่เคยคิดที่จะออกจากเผ่า

เขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมของชนเผ่า ระหว่างการเติบโต เขาได้รับความช่วยเหลือมากมายจากชนเผ่า เขาคุ้นเคยกับสายสัมพันธ์ มิตรภาพ และเครือญาติ

สภาพแวดล้อมนี้ส่งอิทธิพลต่อความคิดของเขาเป็นอย่างมาก

ในทางตรงข้ามฟางหยวนไม่เคยถูกจำกัดด้วยสายสัมพันธ์ เขาแทบไม่มีภาระในด้านนี้ แม้เขาจะเข้าร่วมนิกายหลางหยา แต่เขาก็ต้องการใช้ประโยชน์จากนิกายเท่านั้น

ความแตกต่างที่สามคือฟางหยวนมีแรงกดดันมหาศาลในการเอาชีวิตรอด

เขาต้องการวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่นเขาสามารถใช้วิญญาณอมตะดาบบินในการโจมตีและใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเพื่อล่าถอย

แม้ฟางหยวนจะไม่มีท่าไม้ตายมากมาย เขาก็ยังสามารถใช้วิญญาณอมตะเพื่อจัดการกับสถานการณ์ต่างๆ

ในความเป็นจริงการมีวิญญาณอมตะหลายดวงมีประโยชน์อย่างมากต่อการสร้างท่าไม้ตายอมตะ

ท่าไม้ตายอมตะคือการผสานงานระหว่างวิญญาณอมตะและวิญญาณระดับมนุษย์ ตัวอย่างเช่นท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตที่ใช้วิญญาณอมตะดาบบินเป็นแกนกลางและใช้วิญญาณระดับมนุษย์บนเส้นทางแห่งดาบอีกเล็กน้อย

หากฟางหยวนไม่มีวิญญาณอมตะดาบบินแต่มีเพียงวิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติ เขาจะสามารถใช้วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเพื่อทดแทนวิญญาณอมตะดาบบินหรือไม่?

เนื่องจากทั้งสองเป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งดาบเหมือนกัน โดยพื้นฐานพวกมันสามารถใช้แทนกันได้แต่ผลลัพธ์อาจแตกต่างเล็กน้อย

วิญญาณอมตะดาบบินเป็นวิญญาณที่ใช้ในการโจมตี มันเป็นเรื่องง่ายที่จะสร้างท่าไม้ตายอมตะสายโจมตี

แต่วิญญาณอมตะดาบทะลวงมิติเป็นวิญญาณสายเคลื่อนไหว หากใช้มันแทนวิญญาณอมตะดาบบิน เขาต้องเปลี่ยนวิญญาณระดับมนุษย์มากมายเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน ด้วยวิธีนี้ขั้นตอนการใช้ท่าไม้ตายอมตะดาบประหารชีวิตจะกลายเป็นยุ่งยากมากขึ้นและมีโอกาสล้มเหลวสูงขึ้น

เมื่อพิจารณาในภาพรวม วิธีการของไห่ฟานเหมาะสมกับคนส่วนใหญ่ แต่ไม่เหมาะสมกับฟางหยวน

การเลี้ยงวิญญาณอมตะจำนวนมากเหมาะสมกับฟางหยวนมากที่สุด หากผู้อมตะคนอื่นใช้วิธีนี้ มันจะถือเป็นการรนหาที่ตาย

ฟางหยวนยังอ่านต่อไป

หลังจากท่าไม้ตายอมตะ ไห่ฟานยังมีท่าไม้ตายระดับมนุษย์

ส่วนใหญ่พวกมันเป็นท่าไม้ตายบนเส้นทางแห่งกาลเวลา แต่โดยพื้นฐาน ฟางหยวนไม่ต้องการพวกมันอีกต่อไป

ระดับอมตะและระดับมนุษย์แตกต่างกันมาก ท่าไม้ตายระดับมนุษย์มีประโยชน์เพียงเล็กน้อย หลังจากทั้งหมดฟางหยวนมีท่าไม้ตายที่ดีอยู่แล้ว

เขามีท่าไม้ตายระดับมนุษย์บนเส้นทางความแข็งแกร่งและเส้นทางแห่งเลือดอยู่มากมาย

นอกจากท่าไม้ตายระดับมนุษย์ยังมีท่าไม้ตายที่ไม่สมบูรณ์ทั้งระดับอมตะและระดับมนุษย์

ความสมบูรณ์ของพวกมันแตกต่างกันไป บางส่วนมีเพียงแนวความคิดหรือเป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น

พวกมันเป็นสิ่งที่ไห่ฟานยังไม่ประสบความสำเร็จ

ฟางหยวนกวาดตามองและไม่มีสิ่งใดสามารถดึงดูดความสนใจของเขา

ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งกาลเวลาของฟางหยวนต่ำเกินไปขณะที่เขาไม่สามารถใช้งานแสงแห่งปัญญา

‘หลังจากกลับไป ข้าต้องฝึกฝนท่าไม้ตายเหล่านี้ให้ชำนาญ’ ฟางหยวนวางแผน

การใช้ท่าไม้ตายอาจจบลงด้วยความล้มเหลว

หากมันล้มเหลวระหว่างการต่อสู้ ผู้อมตะจะได้รับผลกระทบย้อนกลับ ในช่วงเวลาสำคัญ มันจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง มันอาจส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์ของการต่อสู้หรืออาจเป็นสิ่งกำหนดชีวิตและความตาย

ดังนั้นผู้อมตะจึงต้องมีความชำนาญในการใช้ท่าไม้ตายของพวกเขา

เรื่องนี้ต้องใช้เงินทุนบางส่วนเช่นกัน

วิญญาณระดับมนุษย์ที่เป็นส่วนสนับสนุนท่าไม้ตายจำเป็นต้องซื้อ การฝึกฝนท่าไม้ตายต้องใช้พลังงานอมตะ และการฝึกซ้อมย่อมต้องเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง

เงินเป็นสิ่งจำเป็น!

ด้วยเหตุนี้การพัฒนามิติช่องว่างจึงมีความสำคัญต่อการบ่มเพาะของผู้อมตะ

เงินเป็นรากฐานของกองทัพ

การต่อสู้เป็นเรื่องอันตราย พวกเขาจะไม่รับความเสี่ยงเว้นเพียงจะมีผลประโยชน์หรือความขัดแย้งที่ใหญ่พอ มิฉะนั้นผู้อมตะส่วนใหญ่มักจะบ่มเพาะอยู่อย่างสันติ

‘ในการฝึกท่าไม้ตายจำนวนมาก ข้าต้องการเงินทุนขนาดใหญ่’ ฟางหยวนขมวดคิ้ว เขารู้สึกทั้งดีใจและกังวล

หลังจากนั้นฟางหยวนก็อ่านไปถึงส่วนของเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณ

เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะ!

มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณปีอมตะห้าเคล็ดลับ

ไห่ฟานทิ้งประสบการณ์ของเขาเอาไว้อย่างละเอียด มันเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ทำให้ฟางหยวนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ

จากเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะทั้งห้า ไห่ฟานใช้เคล็ดลับสุดท้ายมากที่สุด

มันเป็นเคล็ดลับที่ไห่ฟานสร้างขึ้นในภายหลัง มันใช้วัตถุดิบน้อยที่สุดและมีอัตราความสำเร็จสูงที่สุด มันใช้เวลาและพลังจิตน้อยที่สุดเช่นกัน โดยรวมมันเป็นเคล็ดลับการหลอมรวมที่ยอดเยี่ยม

หลังจากพัฒนาเคล็ดลับนี้ ไห่ฟานละทิ้งสี่เคล็ดลับก่อนหน้าทันที

แต่เพราะธรรมชาติที่รอบคอบของไห่ฟาน เขาจึงทิ้งเคล็ดลับทั้งหมดเอาไว้

‘วิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายน้ำสามารถผลิตวิญญาณปีระดับมนุษย์อย่างไม่สิ้นสุด วิญญาณปีเหล่านี้สามารถใช้ยกระดับวิญญาณปีอมตะ มันค่อนข้างสะดวก’

ฟางหยวนถอนหายใจด้วยความชื่นชม

ต่อไปคือเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะราชินีมด

ฟางหยวนมีวิญญาณอมตะดวงนี้อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงกวาดตามองเท่านั้น

อย่างไรก็ตามเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้ก็น่าตกใจมาก

มีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้นับร้อยเคล็ดลับ!

และทั้งหมดล้วนเป็นเคล็ดลับที่สมบูรณ์

บางส่วนเป็นเคล็ดลับระดับหก บางส่วนเป็นเคล็ดลับระดับเจ็ด และยังมีสองหรือสามเคล็ดลับที่เป็นเคล็ดลับระดับแปด

นอกจากนั้นยังมีเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณบนเส้นทางสายอื่นเช่นเส้นทางแห่งไฟหรือเส้นทางแห่งโชค

เปรียบเทียบกับท่าไม้ตายอมตะ เคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะเหล่านี้ไม่ค่อยเป็นระเบียบ มีทั้งเคล็ดลับที่ถูกคิดค้นขึ้นใหม่และเคล็ดลับจากยุคบรรพกาล

ท่ามกลางเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะทั้งหมด ไห่ฟานให้ความสำคัญกับเคล็ดลับการหลอมรวมวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำมากที่สุด

วิญญาณอมตะระดับแปดปีไหลผ่านราวกับสายฟ้าเป็นผลงานชิ้นสำคัญของไห่ฟาน

เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากการหลอมรวมวิญญาณปี

ไห่ฟานอธิบายขั้นตอนทั้งหมดของการหลอมรวมวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำไว้อย่างละเอียด เพื่อหลอมรวมวิญญาณอมตะดวงนี้ เขาต้องติดหนี้ผู้คนมากมาย

ไห่ฟานทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อหลอมรวมมัน หลังจากล้มเหลวหลายครั้ง สุดท้ายเขาก็ประสบความสำเร็จ

แต่กระทั่งเขาจะประสบความสำเร็จในการหลอมรวมวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ แต่ไห่ฟานก็ยังต้องชดใช้หนี้สินต่อไปอีกหลายปี

เขาเตือนผู้สืบทอดให้เรียนรู้จากการทำงานหนักของบรรพชน หากพวกเขาบรรลุระดับแปดในอนาคต พวกเขาควรระวังหากต้องการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด

อ่านถึงจุดนี้ ฟางหยวนต้องนึกถึงปีศาจอมตะเซี่ยหูอย่างช่วยไม่ได้

ตอนนี้สหายเฒ่าผู้นี้กำลังหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด

วิญญาณอมตะดวงนี้มีค่ามากเพราะมันก็คือวิญญาณอมตะโชคชะตาท้าทายสวรรค์! ตามคำกล่าวของจิตวิญญาณแผ่นดินหลางหยา วิญญาณอมตะดวงนี้ถูกสร้างขึ้นโดยอาศัยโชคของเทพอมตะตะวันเดือด

การหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปดถือเป็นการพนันที่ยิ่งใหญ่

ปีศาจอมตะเซี่ยหูมีหม่าหงหยุนเป็นส่วนประกอบหลัก นี่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของเขา แต่ถึงกระนั้นในการรวบรวมทรัพยากรอมตะ เขายังต้องละทิ้งชื่อเสียงเช่นการลอบเข้าไปขโมยศพผีดิบอมตะในสุสานผีดิบ เขายังปล้นสะดมทรัพยากรของเผ่าไห่ การกระทำของเขาทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์ภูเขาหิมะตกสู่ความสับสนวุ่นวาย ทุกคนต่างรู้สึกกังวล

เหยากวงพยายามหลอมรวมวิญญาณอมตะฟื้นคืนจากความตาย นี่เป็นวิญญาณอมตะระดับแปดเช่นกัน

ทุกคนรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงของการหลอมรวมวิญญาณอมตะระดับแปด

แต่เหตุใดพวกเขายังพยายามหลอมรวมพวกมัน?

เหตุผลก็คือผู้อมตะระดับแปดที่มีวิญญาณอมตะระดับแปดกับผู้อมตะระดับแปดที่ไม่มีวิญญาณอมตะระดับแปดถือเป็นสองสถานะที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ผู้อมตะระดับแปดต้องเผชิญหน้ากับหมื่นภัยพิบัติขณะที่อายุขัยของบางคนใกล้สิ้นสุด หลายครั้งที่พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแบกรับความเสี่ยง

ในกรณีของปีศาจอมตะเซี่ยหู เขาทำสิ่งนี้เพื่อก้าวข้ามภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึง สำหรับเหยากวง อายุขัยของเขากำลังจะสิ้นสุด เขาต้องการยืดอายุของตนเอง

ภัยพิบัติไม่ใช่ปัญหาของไห่ฟานแต่เขามีอายุขัยที่จำกัดและเสียชีวิตในที่สุด

‘ภัยพิบัติและอายุขัย’ ฟางหยวนรู้ว่าในการแสวงหาชีวิตนิรันดร์ เขาต้องก้าวข้ามปัญหาสองข้อนี้ไปให้ได้

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

Status: Ongoing

อ่านนิยาย เรื่อง เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity ฟรี ได้ที่ novel-fast 


บทนำ โดยนำเนื้อเรื่องมาจากบางส่วนของ เทพปีศาจหวนคืน Reverend Insanity

มนุษย์มีความรอบรู้นับสิบหมื่นรูปแบบ ของวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานต้นกำเนิดแห่งสวรรค์พิภพ เมื่อเจดีย์แห่งทวยเทพไร้ซึ่งความยุติธรรม ปีศาจจึงถือกำเนิด วันเวลาผ่านไป แต่ความฝันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ชื่อของเขาถูกกล่าวขานหลังจากนักท่องเที่ยวแห่งกาลเวลาหวนฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง บนโลกที่แตกต่าง เขาเติบโตขึ้น บ่มเพาะพลังปีศาจ และกลายเป็นยมทูตผู้ใช้วิญญาณ วิญญาณกาลเวลา วิญญาณแสงจันทร์ วิญญาณอสนีสีทอง วิญญาณสุรา วิญญาณไหมดำ วิญญาณแห่งความหวัง….. ด้วยพลังอำนาจแห่งวิญญาณบาป เทพปีศาจจะครองภพและทำทุกสิ่งที่หัวใจของเขาปรารถนา!

เรื่องย่อ

พื้นที่ราบเรียบและไร้ขอบเขตอยู่ในสายตาของนาง

สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของจ้าวเหลียนหยุนแผ่ขยายออกไปก่อนที่จะปกคลุมมิติช่องว่างทั้งหมด

นางประสบความสำเร็จในการก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะเมื่อไม่นานมานี้และกลายเป็นผู้อมตะระดับหกบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

แดนศักดิ์สิทธิ์เหลียนหยุนมีพื้นที่ขนาดใหญ่ เวลาของที่นี่เดินเร็วกว่าโลกภายนอกสามสิบสามเท่า นี่หมายความว่ามันสามารถสร้างองุ่นเขียวอมตะให้นางได้มากกว่าสามสิบผลทุกปี

‘ทุ่งหญ้าครึ่งหนึ่งและที่ราบครึ่งหนึ่ง?’ จ้าวเหลียนหยุนพึมพำ

ภูมิประเทศในมิติช่องว่างของผู้อมตะแต่ละคนมีรูปแบบเฉพาะตัวและเชื่อมโยงกับชีวิตของพวกเขา

ทุ่งหญ้าอาจเป็นสิ่งที่เชื่อมต่อจ้าวเหลียนหยุนกับภาคเหนือ แต่หลังจากย้ายถิ่น นางจึงได้รับอิทธิพลจากภาคกลาง

แม้จะไม่มีแหล่งทรัพยากรใดๆ ทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหญ้าสีเขียว ขณะเดียวกันพื้นที่ราบอีกครึ่งหนึ่งก็มีความอุดมสมบูรณ์

นอกจากมิติช่องว่างยังมีวิญญาณอมตะ

วิญญาณแห่งความรักจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่การก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะด้วยมิติช่องว่างระดับสูงทำให้จ้าวเหลียนหยุนได้รับวิญญาณอมตะอีกดวงหนึ่ง มันคือวิญญาณความทรงจำ

นี่เป็นวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา

‘หงหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ข้ากลายเป็นผู้อมตะไปแล้ว!’

จ้าวเหลียนหยุนถอนสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมาและค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น

นางมองไปข้างนอกและถอนหายใจ

หลังจากกลายเป็นผู้อมตะ นางรู้สึกยินดี แต่ยิ่งไปกว่านั้นนางรู้สึกว่างเปล่าและโดดเดี่ยว

ในการต่อสู้ที่แม่น้ำหวนคืน หม่าหงหยุนอาจถูกฆ่าโดยฟางหยวน แต่ดวงวิญญาณของเขายังอยู่

นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบสุ่มโดยจ้าวเหลียนหยุน แต่มันได้รับการยืนยันแล้วจากผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาของนิกายคฤหาสน์วิญญาณซูเฮา

จ้าวเหลียนหยุนเลือกที่จะเชื่อเขาและด้วยเหตุผลนี้มันจึงกลายเป็นแรงผลักดันและความหวังของนาง

เมื่อนึกถึงร่องรอยของความหวังที่จะฟื้นคืนชีพให้กับหม่าหงหยุน จ้าวเหลียนหยุนหยุดความรู้สึกของนางและเดินออกจากห้องลับแห่งนี้

วันนี้เป็นวันสำคัญ

จ้าวเหลียนหยุนเดินไปพบหลี่จุนอิงที่รออยู่ที่ปลายทาง

“คารวะท่านพี่จุนอิง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “น้องเหลียนหยุน ไม่จำเป็นต้องสุภาพเช่นนั้น ไปกันเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปยังยอดเขามรดกลับ”

ยอดเขามรดกลับเป็นสถานที่ที่ผู้อมตะของนิกายคฤหาสน์วิญญาณมักจะไปเยี่ยมเยียนเสมอ

จ้าวเหลียนหยุนกำลังจะไปที่นั่นเป็นครั้งแรก แน่นอนว่ามันเป็นยอดเขาที่ไม่ธรรมดา มันลอยอยู่กลางอากาศ มันดูเหมือนอยู่ใกล้แต่แท้จริงแล้วมันอยู่ห่างไกล มีค่ายกลวิญญาณอมตะระดับสูงถูกจัดตั้งไว้ที่นั่น

ผู้รับผิดชอบยอดเขาลูกนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดฝ่ายที่เป็นกลาง ชื่อของนางคือเทพธิดาหลิวฟาง

ในการเดินทางครั้งนี้จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้พบตัวจริงของเทพธิดาหลิวฟางแต่นางได้รับการต้อนรับจากเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางที่ทิ้งไว้เบื้องหลัง

จ้าวเหลียนหยุนไม่ได้คิดสิ่งใดแต่หลี่จุนอิงกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย

ตามมติในที่ประชุม จ้าวเหลียนหยุนซึ่งเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบันจะได้รับการดูแลอย่างดีจากนิกายและในการมาเยือนยอดเขามรดกลับครั้งแรกของนางควรจะได้รับการต้อนรับเป็นการส่วนตัวจากผู้ดูแลยอดเขา

แต่เทพธิดาหลิวฟางกลับไม่อยู่

“ผู้น้อยเหลียนหยุนคารวะผู้อาวุโสหลิวฟาง” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับเจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟาง

“เจ้าเป็นผู้นำนิกายคฤหาสน์วิญญาณรุ่นปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนัก โปรดตรวจสอบวิญญาณดวงนี้” เจตจำนงของเทพธิดาหลิวฟางยิ้มและส่งวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลให้กับจ้าวเหลียนหยุน

จ้าวเหลียนหยุนอ่านเนื้อหาที่อยู่ภายในและรู้สึกมึนงงไปชั่วขณะ

“ข้าไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับพวกมัน ท่านพี่จุนอิงช่วยตรวจสอบให้ข้าได้หรือไม่?” จ้าวเหลียนหยุนเป็นคนฉลาด นางรีบส่งวิญญาณดวงนี้ให้หลี่จุนอิง

หลี่จุนอิงมองผ่านและพยักหน้าเล็กน้อย

ไม่มีสิ่งใดผิดพลาด

นางถ่ายทอดเสียงไปยังจ้าวเหลียนหยุน “เหลียนหยุน ตอนนี้เจ้ากลายเป็นผู้อมตะ เจ้ามีวิญญาณแห่งความรัก วิญญาณความทรงจำ รวมถึงมิติช่องว่างระดับสูง จุดเริ่มต้นของเจ้าสูงมาก”

“หลังจากนี้เจ้าต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าและเพิ่มรากฐานให้กับตนเอง ภารกิจแรกคือการให้อาหารวิญญาณอมตะ โชคดีที่วิญญาณแห่งความรักไม่มีปัญหาเรื่องอาหาร”

“สิ่งที่เจ้าต้องพิจารณาในตอนนี้คือวิญญาณความทรงจำ อาหารของมันคือดอกเนตรกระจ่าง ในรายการสมบัติเหล่านี้มีวิธีการเพาะเลี้ยงดอกเนตรกระจ่างอยู่ด้วย เจ้าควรเลือกมัน”

จ้าวเหลียนหยุนพยักหน้า “ข้าจะเชื่อฟังท่านพี่ แล้วอีกสองรายการ ข้าควรเลือกสิ่งใด?”

ตามกฎของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เมื่อผู้นำนิกายก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะ นางสามารถเลือกทรัพยากรสามรายการจากยอดเขามรดกลับ

หลี่จุนอิงยิ้ม “นอกจากนี้ข้าแนะนำให้เจ้าเลือกหญ้าบังเอิญ เนื่องจากเจ้าเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เจ้าก็ต้องจัดการมิติช่องว่างของเจ้าให้สอดคล้องกับเส้นทางแห่งปัญญา หญ้าบังเอิญเป็นทรัพยากรบนเส้นทางแห่งปัญญาและเลี้ยงดูค่อนข้างง่าย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังขายได้ราคาสูงในสวรรค์สีเหลือง เจ้าจะไม่เสียใจหากเจ้าเลือกสิ่งนี้”

“เช่นนั้นข้าจะเลือกมัน” จ้าวเหลียนหยุนตอบ

หลี่จุนอิงพอใจกับทัศนคติของจ้าวเหลียนหยุนมาก

“แล้วข้าควรเลือกสิ่งใดเป็นสิ่งสุดท้าย” จ้าวเหลียนหยุนถามต่อ

“แน่นอนว่าเป็นรายการแรก”

“หินวิญญาณอมตะงั้นหรือ?”

“ถูกต้อง” หลี่จุนอิงหัวเราะเมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของจ้าวเหลียนหยุน “ไม่ว่าจะเป็นดอกเนตรกระจ่างหรือหญ้าบังเอิญ ปริมาณที่นิกายมอบให้ยังไม่เพียงพอให้เจ้าสร้างแหล่งทรัพยากรขนาดใหญ่ หากไม่สามารถเพาะปลูกในปริมาณมาก ทรัพยากรเหล่านี้จะกลายเป็นไร้ประโยชน์ ดังนั้นเจ้าต้องมีหินวิญญาณอมตะจำนวนมากเพื่อซื้อเมล็ดพันธุ์มาปลูกเพิ่ม”

“หินวิญญาณอมตะเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ผู้อมตะต้องมีมันสำรองเอาไว้เสมอ ไม่เพียงมันจะเป็นสกุลเงินที่ใช้ทำธุรกรรม มันยังสามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานอมตะ”

“ข้าเข้าใจแล้ว เช่นนั้นข้าจะเลือกหินวิญญาณอมตะ” จ้าวเหลียนหยุนแลกเปลี่ยนทั้งสามสิ่งอย่างไม่ลังเล

หลังจากนั้นทั้งสองก็ออกมาจากยอดเขามรดกลับ

ก่อนที่พวกนางจะแยกย้าย หลี่จุนอิงมอบหินวิญญาณอมตะให้จ้าวเหลียนหยุน “น้องเหลียนหยุน ท่านพี่ซูเฮาและข้าจะให้เจ้ายืมหินวิญญาณอมตะสามพันก้อน อย่าลังเล ใช้มันมากเท่าที่เจ้าต้องการ ไม่มีกำหนดเวลาคืนเงินก้อนนี้”

“อา…” จ้าวเหลียนหยุนอุทานเบาๆ “นิกายให้หินวิญญาณอมตะแก่ข้าหนึ่งพันก้อนแต่พี่สาวยังให้ข้าอีกสามพันก้อน ข้าจะใช้มันอย่างไร?”

หลี่จุนอิงตบไหล่จ้าวเหลียนหยุน “เด็กโง่ เจ้าควรรู้ถึงความสำคัญของหินวิญญาณอมตะ มันเป็นสิ่งที่ผู้บ่มเพาะสันโดษและปีศาจอมตะต่างต่อสู้เพื่อให้ได้มา”

“โดยทั่วไปผู้ใช้วิญญาณที่พึ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตอมตะมักอยู่ในสภาวะขัดสน ผู้ที่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อนถือเป็นชนชั้นกลาง การมีหินวิญญาณอมตะหนึ่งพันก้อนหาได้ยากในกลุ่มผู้อมตะระดับหก”

“แต่สถานการณ์ของเจ้าแตกต่างออกไป เพราะเจ้าไม่ได้เป็นเพียงสมาชิกของหนึ่งในสิบนิกายโบราณแต่เจ้ายังเป็นผู้นำนิกายรุ่นปัจจุบันของนิกายคฤหาสน์วิญญาณ เจ้าเป็นคนสำคัญของนิกาย ดังนั้นเจ้าจึงเป็นข้อยกเว้น”

“ผู้อมตะระดับหกส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักร้อยก้อน มีเพียงชนชั้นสูงที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน ผู้อมตะระดับเจ็ดส่วนใหญ่มีหินวิญญาณอมตะหลักพันก้อน มีไม่กี่คนที่สามารถครอบครองหินวิญญาณอมตะหลักหมื่นก้อน”

“นี่เป็นความรู้ทั่วไป เจ้าจงจำมันเอาไว้”

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ” จ้าวเหลียนหยุนโค้งคำนับ

คำกล่าวของหลี่จุนอิงกำลังบอกจ้าวเหลียนหยุนว่านิกายไม่ได้โหดร้ายต่อนาง นอกจากนั้นหลี่จุนอิงกับสามียังสนับสนุนนางอย่างแข็งขัน

“ข้าจะตั้งใจทำงานอย่างแน่นอน” จ้าวเหลียนหยุนกล่าวอย่างจริงจัง

หลี่จุนอิงพยักหน้า “ไปเถอะ หากเจ้ามีข้อสงสัย อย่าลังเลที่จะถามข้าหรือท่านพี่ซูเฮา”

“ทราบแล้ว” จ้าวเหลียนหยุนรู้สึกมีความสุขเมื่อมีบางคนคอยให้คำชี้แนะ

หลังจากจ้าวเหลียนหยุนจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของหลี่จุนอิงก็ค่อยๆเลือนหาย

ตั้งแต่ฟงจินฮวงได้รับความสนใจจากราชันมังกร ชีวิตของหลี่จุนอิงก็ยากขึ้นเรื่อยๆ

นางและสามีของนางเป็นกลุ่มต่อต้านฟงจิวเก้อแต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายคฤหาสน์วิญญาณรู้สึกว่าฟงจินฮวงเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นยอดที่มีอนาคตที่ไม่สามารถหยั่งถึง

ทัศนคติของเทพธิดาหลิวฟางในครั้งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงทิศทางทางการเมืองภายในนิกายคฤหาสน์วิญญาณ

หลี่จุนอิงตระหนักถึงเรื่องนี้ ดังนั้นนางจึงติดตามจ้าวเหลียนหยุนมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของนาง

แน่นอนว่าสามีภรรยาคู่นี้ต้องเผชิญหน้ากับสงครามเย็นทางการเมืองต่อไปอีกนาน ดังนั้นพวกนางจึงต้องโอบกอดจ้าวเหลียนหยุนเอาไว้เพื่อสร้างความอบอุ่น

…..

ภาคเหนือ เผ่าชู

ชูตู๋มองวิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลที่อยู่ในมือ

“ฟางหยวน มันไม่ง่ายเลยที่จะเป็นสหายกับเจ้า” ชูตู๋เผยรอยยิ้มขมขื่น

วิญญาณบนเส้นทางแห่งข้อมูลดวงนี้ถูกส่งมาจากฟางหยวน เขากำลังขอยืมหินวิญญาณอมตะจากชูตู๋

ฟางหยวนเคยร่วมมือกับชูตู๋ในนามของหลิวกวนซื่อและความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ไม่ได้ตื้นเขิน ไม่นานมานี้เหตุการณ์ลอบสังหารผู้บ่มเพาะสันโดษหยุนเหลียงได้ทำลายแผนการของถ้ำสวรรค์นิรันดรและยังเปิดเผยความลับที่ฟางหยวนกับหลิวกวนซื่อเป็นบุคคลเดียวกันออกไปขณะที่ฟางหยวนกลายเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

แน่นอนว่าชูตู๋ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน

ชูตู๋ไม่แปลกใจมากนัก ในความเป็นจริงเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

แต่ไม่ว่าจะเป็นหลิวกวนซื่อหรือฟางหยวน ชูตู๋ก็ต้องการร่วมงานกับทั้งคู่

อย่างไรก็ตามสถานะในปัจจุบันของชูตู๋แตกต่างจากก่อนหน้า

ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสสูงสุดลำดับที่หนึ่งของเผ่าชู เขามีผู้อมตะมากมายอยู่ภายใต้การปกครองและเผ่าชูก็เป็นสมาชิกของฝ่ายธรรมะ

หากเขายังร่วมมือกับฟางหยวนต่อไป ทันทีที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้ของเขาจะกลายเป็นความว่างเปล่า

การร่วมมือกับฟางหยวนมีความเสี่ยงสูงมาก

ชูตู๋วางแผนที่จะเปิดเผยและรักษาทัศนคติที่คลุมเครือเอาไว้ แต่ฟางหยวนไม่ให้โอกาสเขาและส่งจดหมายมาขอยืมหินวิญญาณอมตะจากเขาโดยตรง

แต่ในจดหมายไม่ได้ระบุจำนวนและกรอบเวลาที่แน่ชัด ความหมายก็คือเขาให้ชูตู๋เป็นผู้ตัดสินใจ

สิ่งนี้ทำให้ชูตู๋รู้สึกลำบากใจมากขึ้น

“สมเป็นฟางหยวนจริงๆ” ชูตู๋ถอนหายใจ


และยังมี  นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์ อีกหลายเรื่องที่รอให้คุณอ่านที่ novel-fast.com

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท